The simple life of the emperor - ตอนที่ 123
เทียนหลางขับรถไปตามถนนพร้อมกับพูดถามกับแอนเดียร์ว่า
”เอาละในเมื่อคุณมาขอความช่วยเหลือกับผม และผมก็ไม่ใช่คนเลวร้ายฉะนั้นผมจะช่วยคุณแต่แน่นอนว่าผมไม่ช่วยคุณฟรีๆหรอกนะ”
แอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าและเข้าใจในคำพูดของเทียนหลางเพราะมีเพียงแค่คนไม่กี่ประเภทเท่านั้นที่จะช่วยเราอย่างไร้สิ่งตอบแทนแม้เธอจะพบกับเทียนหลางเพียงสองครั้งและพูดคุยกันเพียงไม่นานแต่เธอก็พอจะเดาออกได้ว่าเทียนหลางไม่ใช่หนึ่งในคนเหล่านั้น
เธอคิดเล็กน้อยก่อนจะถามกับเทียนหลางว่า
”ฉันได้ยินมาว่าคนจีนนั้นชื่นชอบสมุนไพรหายากนั่นพอจะเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับคำขอของฉันได้ไหม ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็แปลกใจเล็กน้อยก่อนจะถามกลับไปว่า
”คนต่างชาติอย่างพวกคุณสนใจสมุนพรด้วยงั้นเหรอ ไม่ใช่ว่าสนใจแต่เทคโนโลยีสมัยใหม่หรือไง ?”
แอนเดียร์ที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาก่อนจะคลายความสงสัยให้กับเทียนหลาง
”แน่นอนว่าพวกเราสนใจเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเช่น พวกหุ่นยนต์หรือยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ แต่ถึงอย่างงั้นสมุนไพรก็ยังเป็นส่วนจำเป็นในการผลิตยาหรืออาหารเสริมต่างๆที่พวกเราใช้กัน ดังนั้นทางวาติกันจึงได้ก่อตั้งหน่วยเล็กๆนี้ขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมและศึกษาสมุนไพรพวกนี้อย่างจริงจัง”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเข้าใจ เพราะเขานั้นรู้ดีว่าสมุนไพรบางชนิดนั้นมีความสามารถลึกลับบางอย่างแฝงอยู่ยิ่งมีอายุมากเท่าไหร่ผลของมันก็ยิ่งยอดเยี่ยมมากขึ้นตามไปด้วย
ในขณะที่เทียนหลางกำลังขับรถอยู่นั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงได้เอ่ยกับแอนเดียร์
”คุณบอกว่าก่อนหน้านี้นักวิจัยของคุณเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพสินะ คุณพอจะมีรูปหรืออะไรให้ผมดูไหมเผื่ออาจจะช่วยอะไรได้”
เมื่อแอนเดียร์ด้ยินคำถามของเทียนหลางเธอก็ตกใจเล็กน้อยเพราะเธอไม่คิดว่าเทียนหลางนั้นจะมีวิธีช่วยนักวิจัยคนนั้นของเธอ เพราะก่อนหน้านี้ทางวาติกันได้ขังนักวิจัยคนนั้นเอาไว้เพื่อที่หากว่าไม่ได้รับรังสีของอำพันปีศาจเมื่อเวลาผ่านไปร่างกายของเขาก็จะกลับมาเป็นมนุษย์เช่นเดิม
แต่พวกเขาไม่คิดว่าร่างกายของนักวิจัยคนนั้นไม่ได้กลับมา แต่กลับยิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นกว่าเดิมนั่นจึงทำให้ทางวาติกันนั้นกักตัวนักวิจัยคนนั้นเอาไว้เพื่อที่ศึกษาและหาทางป้องกันเผื่อว่าในอนาคตเจอเรื่องเช่นนี้อีกพวกเขาจะได้รับมือกับมันได้ถูกวิธี
แอนเดียร์หยิบโทรศัพมือถือขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าก่อนจะกดอะไรบางอย่างลงไปจากนั้นก็มีหน้าจอโฮโลแกรมปรากฏขึ้นมา ทำเอาเทียนหลางอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
”เทคโนโลยีของพวกคุณนี่น่าสนใจดีนะ”
แอนเดียร์ที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะยื่นโฮโลแกรมให้กับเทียนหลางได้ดู เทียนหลางมองภาพโฮโลแกรมเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้วออกมาซึ่งในภาพนั้นเป็นร่างของสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายสีดำและรูปร่างค่อนข้างจะบิดเบี้ยว ใบหน้าของมันนั้นดูสะเปะสะปะวุ่นวายไม่ใช่เพราะอวัยวะต่างๆอยู่ผิดที่แต่มันมีอะไรบางอย่างงอกออกมา ซึ่งดูแตกต่างจากปีศาจที่เขาเคยเห็นและเคยรู้จัก
เทียนหลางนั้นต่อสู้กับปีศาจมาหลายพันปีรู้จักปีศาจต่างๆมากมาย แถมเขายังเป็นพวกที่ชอบเดินทางไปยังดวงดาวต่างๆดังนั้นทำให้เขานั้นพบเห็นอะไรมาไม่น้อย แต่กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในภาพนี้มันค่อยข้างจะแตกต่างมันดูไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตที่จะปรากฏขึ้นมาโดยธรรมชาติ มันดูเหมือนจะถูกจงใจทำขึ้นมาเสียมากกว่าหากจะให้พูดเข้าใจอย่างง่ายปีศาจในภาพนั้นเหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาโดยใครสักคนหนึ่ง
เทียนหลางลูบคางพร้อมกับครุ่นคิด แอนเดียร์ที่เห็นท่าทีของเทียนหลางเธอก็ดูค่อนข้างจะกังวลเล็กน้อยแต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
”พอจะมีทางที่จะรักษาเขากลับมาได้ไหม ?”
เทียนหลางที่ได้ฟังคำถามก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
”ผมคิดว่าปลดปล่อยเขาจากความทรมานนี้ซะเถอะ”
เมื่อแอนเดียร์ได้ยินก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมาก่อนจะถามกับเทียนหลาง
”คุณหมายความว่ายังไง ?”
”ดูจากสภาพของเขาในตอนนี้และประกอบกับการที่ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงมานานแล้ว คาดว่าพลังงานด้านลบคงฝังอยู่ในร่างกายของเขาจนยากที่จะดึงออกมาได้แล้วฉะนั้นผมคิดว่าควรจะฆ่าเขาเสียดีกว่า”
เมื่อได้ยินแบบนั้นแอนเดียร์ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาก่อนจะแย้งกับเทียนหลางไปว่า
”คุณพูดอย่างงี้ได้ยังไง คุณจะให้ฉันสั่งฆ่าคนในองค์กรของเราเองอย่างงั้นนะเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดกับแอนเดียร์ว่า
”ดูเหมือนคุณจะไม่เข้าใจพลังงานด้านลบมากพอสินะถึงได้พูดแบบนี้ออกมา”
เมื่อเทียนหลางพูดจบเขาก็เงียบไปครู่หนึ่งเพื่อดูปฏิกิริยาของแอนเดียร์ เมื่อเขาเห็นว่าเธอนิ่งเงียบไปเทียนหลางก็ได้พูดขึ้นอีกครั้ง
”พลังงานด้านลบนั้นไม่ใช่สิ่งมนุษย์นั้นจะสามารถควบคุมได้ มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของพวกคุณ มันไม่ใช่เพียงแค่จะเปลี่ยนจิตใจและร่างกายของคุณไปเท่านั้นแต่มันจะกักกินและดูดซับทุกสิ่งทุกอย่างของคุณรวมไปถึงจิตวิญญาณและดวงวิญญาณของคุณอีกด้วย”
”พร้อมกันกับที่มันจะค่อยๆเปลี่ยนร่างกายของคุณให้กลายเป็นปีศาจ แต่จากที่ผมได้ดูนั้นร่างกายของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะพลังงานด้านลบเพียงอย่างเดียวแต่เกิดขึ้นจากการทดลองอีกด้วย”
เมื่อแอนเดียร์ได้ฟังคำพูดของเทียนหลางเธอก็ตกใจเป็นอย่างมากและอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
”เกิดการทดลอง ? หมายความว่ายังไง ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็เกาหัวเบาๆก่อนจะอธิบายให้กับแอนเดียร์ได้ฟัง
”ปีศาจตัวนั้นมีร่างกายที่บิดเบี้ยวจากปกติแม้จะไม่แน่ใจเท่าไหร่แต่ดูเหมือนว่าพลังงานด้านลบในร่างกายของเขาจะค่อนข้างบิดเบี้ยวและผมจึงคิดว่าการกลายร่างของเขาส่วนหนึ่งมาจากการทดลองที่ผิดพลาด เพราะปกติผู้ที่จะสามารถเปลี่ยนร่างกลายเป็นปีศาจได้นั้นจำเป็นจะต้องได้รับพลังงานด้านลบเป็นจำนวนมากติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี”
”แต่จากที่คุณเล่ามากทั้งหมดนั้นดูเหมือนว่านักวิจัยของคุณคนนี้พึ่งจะได้เข้าร่วมการวิจัยเพียงไม่นาน แต่เขากลับเป็นเพียงคนเดียวในทีมที่กลายร่างเป็นปีศาจถ้าจะให้ผมเดา… เขาคงทำการวิจัยกับตัวเองโดยการทำอะไรสักอย่างกับพลังงานด้านลบนั้น”
แอนเดียร์ที่ได้ฟังก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาก่อนจะถามเทียนหลางกลับไปว่า
”คุณแน่ใจงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ฟังเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
”ผมรู้จักปีศาจดีมากกว่าที่คุณจะจินตนาการได้เสียอีก แม้ผมจะไม่ชัวเรื่องการทำทดลองกับตัวเองแต่ผมยืนยันได้เลยว่าปีศาจตัวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติอย่างแน่นอน”
แอนเดียร์ที่ได้ยินคำยืนยันอย่างมั่นใจของเทียนหลางเธอก็ขบคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยกับเทียนหลางว่า
”คุณเทียนหลาง ฉันอยากจะเชิญคุณไปที่ศูนย์บัญชาการของวาติกันหน่อยจะได้ไหม ?”