The simple life of the emperor - ตอนที่ 178
ในขณะที่เทียนหลางกำลังรอคอยนายตำรวจหนุ่มโทรเรียกกำลังเสริมอยู่นั้น โทรศัพของเขาก็ดังขึ้น เมื่อเขาหยิบขึ้นมาก็พบว่าเป็นเลขาไป๋ได้โทรหาเขา
เมื่อเทียนหลางรับ เสียงของเลขาไป๋ก็ดังขึ้นทันที
[ เทียนหลางตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ? ]
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็มองซ้ายมองขวาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ
“ผมอยู่ที่หน้าห้างยอริงตั้นครับ เลขาไป๋มีธุระอะไรหรือเปล่า ?”
[ ที่จริงก็มีนิดหน่อยอะนะ ฉันรู้แหละว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาแต่ดูเหมือนว่าจะมีภารกิจด่วนเข้ามาน่ะและเธอก็อยู่แถวนั้นพอดี พอจะช่วยหน่อยได้ไหม ? ]
ภารกิจด่วน ? เทียนหลางคิดเล็กน้อยก่อนจะถามกลับไปว่า
“ใช่เหตุการณ์ลักพาตัวลูกสาวของเจ้าหน้าที่รัฐบาลหรือเปล่าครับ ?”
[ ใช่เธอรู้ได้ยังไง ? ]
“พอดีว่าผมเจอกับนายตำรวจที่ติดตามผู้ร้ายระหว่างทางน่ะครับ และตอนนี้เขาก็อยู่ข้างๆผมนี้แหละ”
เลขาไป๋ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
[ งั้นก็ดี ฉันจะได้ข้ามเรื่องเนื้อหาไป พอดีว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกสาวของ ผู้อำนวยการรัฐบาลกลางน่ะและก็เป็นลูกสาวของท่าน ผบ.หลินด้วย ]
“งั้นเหรอครับ แล้วไงต่อ”
[ ก็นะหลังจากที่พ่อของเธอได้รับข่าวว่าเธอถูกลักพาตัวก็รีบโทรขอความช่วยเหลือจากท่าน ผบ. ทันทีแล้วบังเอิญว่าหน่วยพิเศษอื่นๆกำลังวุ่นอยู่กับภารกิจ ฉะนั้นหวยก็เลยมาตกอยู่ที่เธอ ที่กำลังกลับบ้านเพื่อไปเตรียมตัวน่ะ ]
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเอ่ยถามกับเลขาไป๋
“เรื่องนี้สำคัญมากหรือเปล่าครับ ?”
[ แม้จะไม่ใช่ภารกิจของประเทศแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอยู่เหมือนกันนะ เธอถามทำไมงั้นเหรอ ? ]
เทียนหลางมองไปที่นายตำรวจหนุ่มที่กำลังคุยกับหน่วยพิเศษของทางกรมตำรวจอยู่ ก่อนจะที่หันจะกลับมาคุยกับเลขาไป๋
“พอดีว่าตำรวจข้างๆผมเนี้ย พึ่งจะแจ้งเรื่องนี้ไปทางกรมตำรวจน่ะครับ แล้วทางนั้นกำลังส่งหน่วยพิเศษมา ผมเลยคิดว่าถ้ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญมากขนาดนั้นก็กะจะให้เป็นเรื่องของตำรวจไปน่ะครับ”
เลขาไป๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เนื่องจากหน่วยพิเศษลับของทางรัฐบาลนั้นเป็นหน่วยที่แบ่งแยกออกมาจากหน่วยงานต่างๆโดยสิ้นเชิง และขึ้นตรงต่อเหล่าผู้นำระดับสูงของประเทศและผู้นำสูงสุดเท่านั้น
หากไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หรือมีภารกิจอะไรคนของหน่วยก็จะมีสถานะเป็นเพียงแค่พลเมืองธรรมดาๆเท่านั้น เนื่องจากต้องรักษาความลับของทางรัฐบาลทำให้ไม่อาจเปิดเผยตัวหรือหน้าที่การงานได้
แต่ถึงอย่างงั้นหากเกิดฉุกเฉินขึ้นจริงๆพวกเขาก็มีจะสมุดสีดำเล่มเล็กๆเพื่อยืนยันตัวตนอยู่ ว่าเขานั้นเป็นคนของรัฐบาลและสามารถเข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้อย่างที่เทียนหลางได้ทำไปก่อนหน้านี้
เลขาไป๋คิดอยู่สักพักก่อนจะพูดผ่านสายไปว่า
[ ถือว่านี่เป็นกรณีพิเศษก็แล้วกันนะ ระดับเธอถ้ารีบหน่อยก็คงกลับไปทันมื้อเย็นนั่นแหละ ]
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะตอบกลับ
“เข้าใจแล้วครับ ผมขอค่าโอทีด้วยนะ”
[ ก็ได้ ]
เลขาไป๋หัวเราะก่อนจะวางสายไป หลังจากวางสายเลขาไป๋เทียนหลางก็มองเข้าไปด้านในห้างก่อนจะพบเห็นว่ามีผู้ก่อการร้ายจำนวนมากกว่าสองโหลพร้อมอาวุธครบมือกำลังเตรียมพร้อมโจมตีทุกอย่างที่เข้ามาผ่านทางประตูหน้า
พวกมันกระจายกำลังออกไปรอบๆอย่างเป็นระเบียบดูเหมือนพวกนี้จะถูกฝึกฝนมาอย่างดีเลยสินะ เขาคิดในใจก่อนจะถอนหายใจออกมาและเดินเข้าไปทางประตูหน้า
ในจังหวะนั้นเองเขาก็ได้ถูกนายตำรวจหนุ่มดึงแขนเอาไว้
“คุณจะทำอะไรน่ะ ?”
เทียนหลางหันกลับไปพร้อมกับตอบกลับ
“ก็เข้าไปช่วยตัวประกันน่ะสิ พอดีว่าหัวหน้าของผมสั่งมาน่ะ”
“แต่ว่าข้างในนั้นมีผู้ร้ายติดอาวุธหนักครบมือเลยนะ คุณจะไหวงั้นเหรอ ?”
ตำรวจหนุ่มแย้ง เทียนหลางจึงยิ้มพร้อมกับพูดว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกผมจะรีบจัดการก็แล้วกัน พอดีว่ามีนัดทานมื้อเย็นที่บ้านด้วย”
นายตำรวจงงๆกับคำพูดของเทียนหลาง แต่เขาก็ปล่อยแขนของเทียนหลางอย่างว่าง่าย เทียนหลางบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงเข้าไปด้านหน้าประตูทางเข้าช้าๆ
เมื่อเข้ามาด้านในเทียนหลางก็ถูกปืนนับสิบกระบอกจ่อทันที พวกมันได้ตะโกนถามเทียนหลางอย่างรวดเร็ว
“พวกแกพร้อมจะต่อรองแล้วงั้นเหรอ !?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าฉงนก่อนจะตอบกลับไปว่า
“เปล่า ฉันแค่เข้ามาช่วยตัวประกันน่ะ”
เมื่อผู้ก่อการร้ายได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมา
“แกเนี้ยนะจะเข้ามาช่วยตัวประกัน ? ปืนสักกระบอกก็ไม่มีคิดว่าจะทำได้งั้นเหรอ ?”
เทียนหลางยักไหล่ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปจากจุดเดินและมาโผล่ที่ด้านหลังของผู้ก่อการร้ายคนนั้น จากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนๆว่า
“นั่นสินะ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
เมื่อผู้ก่อการร้ายได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตกตะลึงแต่ก่อนที่มันจะได้ทำอะไร เทียนหลางก็เอื้อมมือไปจับที่หัวของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แคร๊ก !!
เสียงบิดแตกของกระดูกดังลั่นก่อนที่ร่างของผู้ก่อการร้ายนั้นจะล้มลงกับพื้นพร้อมกับหัวของมันที่ถูกหมุนกลับด้าน
เทียนหลางถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
“น่าสงสาร”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็หันไปมองผู้ก่อการร้ายคนอื่นด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไปหาพวกมัน จากนั้นเสียงของการยิงปืนก็ดังลั่นไปทั้งห้างสรรพสินค้า