The simple life of the emperor - ตอนที่ 4
เมื่อพ่อของเทียนหลางได้ยินก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ถ้าหากนับจากรสชาติของข้าวผัดไข่จานนี้แล้วเทียนหลางก็สามารถเป็นพ่อครัวหลักของร้านนี้ได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อยและบอกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับซูหลินแม่ของเทียนหลาง
ไม่นานนักประตูร้านก็ได้ถูกเปิดออกมาผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาเธอมีใบหน้าที่ดูดีแม้จะมีริ้วรอยอยู่บ้างก็ตาม และใบหน้าของเธอก็คล้ายคลึงกับเทียนหลางเป็นอย่างมากด้วยเช่นกันซึ่งนั่นก็คือแม่ของเทียนหลาง ซูหลิน
เมื่อแม่ของเขาเข้ามาพ่อของเทียนหลางก็รีบวิ่งเข้าไปหาและรับสิ่งของต่าง ๆ มาทันทีและขนไปหลังร้านอย่างรวดเร็ว เทียนหลางเดินไปหยิบน้ำเย็นมาวางไว้ให้ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
”แม่พักดื่มน้ำก่อนนะ”
”ขอบใจมากลูก”
หลังจากนั้นเทียนหลางก็ตัดข้าวผัดไข่ใส่จานมาให้กับแม่ของเขาพร้อมกับพูดขึ้น
”แม่ต่อไปนี้แม่ไม่ต้องทำอาหารแล้วนะ เดียวผมจะทำแทนเองส่วนแม่ก็นั่งเฉย ๆ ดูแลบัญชีสบาย ๆ ก็พอแล้ว”
เมื่อแม่ของเขาได้ยินก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะตั้งแต่ที่เทียนหลางเกิดมาเขาไม่เคยทำอาหารเลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้วเหตุใดทำไมเขาถึงต้องการจะมาทำอาหารแทนตัวเธอเองในตอนนี้ด้วย ? หรือเทียนหลางจะซุ่มฝึกซ้อมฝีมือเอาไว้นานแล้ว ในขณะที่เธอกำลังสงสัยอยู่นั้นเธอก็สังเกตุเห็นข้าวผัดไข่สีทองตั้งอยู่ตรงหน้าของเธอ
เธอมองมันสลับกับเทียนหลางอยู่สองสามครั้งก่อนจะลองทานมันเข้าไป ทันทีที่เธอได้ลิ้มรสชาติของข้าวผัดไข่ฝีมือเทียนหลางแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องตกใจกับความอร่อยของมัน เธอสามารถยืนยันได้เลยว่าไม่มีเซฟคนไหนจะทำข้าวผัดไข่ได้อร่อยเท่ากับเทียนหลางลูกชายของเธอแน่นอน
หลังจากที่คุยกันอยู่สักพักแม่ของเทียนหางก็ตกลงให้เขานั้นทำอาหารในคืนนี้ หลังจากได้รับอนุญาตจากแม่ของเขาแล้ว เทียนหลางก็เดินกลับไปดูส่วนผสมด้านในห้องครัวและเมนูต่าง ๆ ภายในร้าน
หลังจากพูดคุยอะไรกันเล็กน้อยเทียนหลางก็กลับขึ้นไปบนห้องพร้อมกับค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ของโลกใบนี้
”เจ้าสิ่งที่เรียกว่า คอมพิวเตอร์ กับอินเทอร์เน็ตนี่มันช่างสะดวกสบายยิ่งนัก อยากค้นหาอะไรก็เพียงแค่จิ้ม ๆ ตัวอักษรแค่นั้นเอง”
เทียนหลางค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นอาหารของแต่เมือง แต่ละประเทศ วัฒนธรรม หรือแม้แต่เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่ออัพเดทความรู้ของตัวเองเพื่อไม่ให้ตัวของเทียนหลางกลายเป็นคนหลงยุค
”อืม… มีสิ่งใหม่ ๆ ที่ต้องเรียนรู้เยอะแยะเลยแหะ”
ระหว่างค้นหาสิ่งต่าง ๆ ดูไปเรื่อยเปื่อยเทียนหลางก็ได้ยินเสียงเรียกของแม่เขาว่าร้านกำลังจะเปิดแล้วให้เขาลงมาเตรียมตัว หลังจากเทียนหลางอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาก็ลงมาด้านล่างและเห็นว่าแม่ของเขานั้นเริ่มเปิดร้านแล้ว
เทียนหลางนั่งอยู่ด้านหลังเคาร์เตอร์เพื่อรอลูกค้ารายแรกอย่างใจเย็น ซึ่งรออยู่นานเทียนหลางก็ยังคงไม่เห็นจะมีลูกค้าสักคนเขาจึงเดินออกไปดูด้านนอกร้านเพื่อสำรวจรอบนอก
เมื่อออกมาเทียนหลางก็พบกับผู้คนเดินไปเดินมาอยู่กันเต็มไปหมด เทียนหลางก็อดสงสัยไม่ได้ทำถึงไม่มีใครเข้ามาที่ร้านเค้าเลยแม้แต่คนเดียวทำเลที่ร้านนั้นก็ไม่ได้แย่ การตกแต่งก็ยังพอใช้ได้แต่ทำไมถึงไม่มีใครเข้ามาเลยสักคน
เทียนหลางลูบคางตัวเองเบา ๆ ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกล่อลวงได้ง่ายที่สุดในโลก เทียนหลางจึงคิดจะทำอะไรบางอย่างเพื่อล่อเหล่าลูกค้าให้มาเข้าร้าน
‘อืม… ร้านอาหารจะใช้อะไรล่อลูกค้ามาดี ? เจ้าสิ่งที่เรียกว่าโปรโมชั่นก็คงไม่ดีเพราะร้านรายได้น้อย อืม…’
เทียนหลางคิดไปคิดมาพร้อมกับเคี้ยวสตูเนื้อไปด้วย ในระหว่างนั้นเทียนหลางก็ใส่ส่วนผสมต่าง ๆ เข้าไปทำให้กลิ่นหอมของสมุนไพรต่างโชยมาออกมาเต็มห้องครัวไปหมด เมื่อเทียนหลางสูดดมกลิ่นเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะใช้พลังศักสิทธิ์บังคับให้กลิ่นของสลูเนื้อลอยออกไปนอกร้าน
ทันใดนั้นกลิ่นหอมต่างก็ฟุ้งตลบอบอวลอยู่เต็มบริเวณหน้าร้านทันทีทำให้ผู้คนที่ต่างเดินไปเดินมาเริ่มที่จะสนใจ และไม่ปล่อยให้เทียนหลางรอนานลูกค้ารายแรกของร้านก็เดินเข้ามา
น่าแปลกใจที่ลูกค้าคนแรกของเทียนหลางเป็นสาวสวยเธอเดินเข้ามาภายในร้านพร้อมกับพูดออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้น
”นี่มันกลิ่นอะไรกันถึงได้หอมขนาดนี้ ?”