The simple life of the emperor - ตอนที่ 63
เมื่อเทียนหลางกลับไปที่ห้องก็พบว่าเฟิงหยวนพึ่งแต่งตัวเสร็จพอดี เขามองเธอก่อนจะพูดขึ้น
”คุณจะข้างนอกกับผมไหม ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินก็หันมาถามด้วยความสงสัย
”ข้างนอก ? ไปไหน ?”
เทียนหลางจึงบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเฟิงหยวน เมื่อเฟิงหยวนได้ยินก็คิดเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไปที่ห้องรับแขก ระหว่างทางเฟิงหยวนก็บอกว่า
”ฉันไม่ไปกับคุณหรอก”
”ทำไมหล่ะ ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”ไม่ทำไมหรอก นี่คือครั้งแรกที่ฉันมาเมืองหลวงนะจะให้ฉันไปไล่ทุบตีคนกับคุณอย่างเดียวเลยงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ชะงักไปทันทีก่อนจะครุ่นคิดเล็กน้อย ในขณะนั้นคุณยายของเทียนหลางก็เดินเข้ามาพร้อมกับพูดว่า
”ก็จริงของหนูเฟิงหยวนนะ เทียนหลางพวกเธอพึ่งจะมาเมืองหลวงเป็นครั้งแรกจะให้ไปไล่เที่ยวทุบตีคนอย่างเดียวไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอกดูบ้านเมืองสักหน่อยเถอะ”
เทียนหลางคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
”เอางี้ไหมครับ คุณยายกับเฟิงหยวนไปเที่ยวในเมืองกันก่อนเดียวผมไปจัดการเรื่องของตระกูลลู่เสร็จเดียวผมตามไป”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเฟิงหยวนก็ยิ้มออกมาก่อนจะไปเกาะแขนคุณยายพร้อมกับพูดขึ้น
”ก็ดีเหมือนกันนะคะคุณยาย คุณยายจะได้ออกไปข้างนอกบ้างอยู่แต่ในบ้านน่าเบื่อแย่เลย”
”แต่ว่านายแก่แล้วนะ จะให้ออกไปไหนมาไหนเหมือนสาวๆ ก็คงจะไม่ได้หรอก”
เมื่อได้ยินแบบนั้นคนที่รอบๆ ถึงกับแปลกใจเล็กน้อยไม่ว่าจะเป็นตัวเทียนหลางกับเฟิงหยวนเอง หรือจะเป็นพวกคนรับใช้ก็ตามเพราะสิ่งที่คุณยายพูดนั้นดูเหมือนจะจริง แต่ดูจากภายนอกแล้วคุณยายของเทียนหลางเหมือนผู้หญิงอายุราวๆ 30-40 ปีเสียมากกว่า
เฟิงหยวนหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดขึ้น
”คุณยายลืมไปแล้วงั้นเหรอคะ ตอนนี้คุณยายเหมือนหญิงสาวอายุ 30-40 เองนะคะเรื่องจะไปเดินเที่ยวซื้อของนี่ชิลๆ น่า”
เทียนหลางพยักหน้าเห็นด้วยเพราะตอนนี้ทั้งคู่นั้นไม่ดูเหมือนสาวแก่เลยสักนิดอีกคนหนึ่งก็อายุ 70 แต่มีหน้าตาและรูปร่างเหมือนกับหญิงสาวอายุ 30 ปลายๆ เท่านั้นส่วนอีกคนนั้นหนักกว่ามากเธอมีอายุมากกว่าหมื่นสามพันปีแต่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเด็กสาวอายุ 20 ต้นๆ เท่านั้น
ทั้งคู่อ้อนคุณยายอยู่พักใหญ่จนท่านยอม หลังจากที่ตกลงกันได้แล้วเทียนหลางก็เดินออกจากบ้านพร้อมกับบอกคนขับรถ
”เอาเจ้าขยะนั่นใส่กระโปรงหลังไปด้วยนะ”
”เข้าใจแล้วครับคุณชาย”
หลังจากขึ้นรถเรียบร้อยคนขับก็มุ่งหน้าสู่ที่พักของตระกูลลู่ เทียนหลางมองวิวสองข้างทางอย่างใจเย็นไม่นานนักก็มาถึงประตูหน้าของบ้านตระกูลลู่เมื่อมาถึงเทียนหลางก็เจอยามเฝ้าประตูของตระกูลลู่สองคน พวกเขาเดินเข้ามาถามเทียนหลางด้วยท่าทางนอบน้อม
”ไม่ทราบว่ามาพบใครงั้นเหรอครับ ?”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น
”ฉันมาจากตระกูลฉวีมาพบกับผู้นำตระกูลลู่ พอดีมีของขวัญจะนำมามอบให้”
ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนที่คนหนึ่งจะหยิบโทรศัพขึ้นมาและกดโทรไปยังเบอร์หนึ่ง ไม่นานนักเขาก็วางสายก่อนจะหันมาพูดกับเทียนหลาง
”เชิญเข้าไปด้านในเลยครับ นายท่านกับรออยู่ที่สวน”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะบอกให้คนขับ ขับเข้าไปด้านในเทียนหลางไม่รู้ว่าเพราะความประมาทหรืออะไรสักอย่างทำให้พวกเขานั้นปล่อยเทียนหลางเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบอะไรแบบนี้ หากเป็นที่โลกฝั่งนู้นเป็นแบบนี้คงมีเรื่องการลอบสังหารเกิดขึ้นทุกที่เป็นแน่
ไม่นานนักเทียนหลางก็มาถึงลานด้านหน้าเขาลงจากรถก่อนจะให้คนขับขนขยะออกจากกระโปรงหลังและลากมันมาพร้อมกับเขา เทียนหลางเดินเข้าไปในสวนก่อนจะเห็นว่ามีชายวัยกลางคนๆ หนึ่งกำลังนั่งคุยกับผู้หญิงสองสามคนซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นคนที่เทียนหลางเคยพบที่งานประมูล นั่นก็คือสาวงามอันดับสามของเมืองหลวง วาวา ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นคือใครเทียนหลางก็ไม่ทราบเช่นกันเขาเดาว่าน่าจะเป็นคนในตระกูลลู่นั่นแหละ
เมื่อเทียนหลางเดินมาถึงคนรับใช้ก็เดินเข้าไปหาชายคนนั้นก่อนที่เขาจะหันมาหาเทียนหลางก่อนจะพยักหน้าให้กับเขา เทียนหลางเดินเข้าไปก่อนจะกล่าวทักทาย
”ผู้นำตระกูลลู่ ยินดีที่ได้พบ”
เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
”เธอมาจากตระกูลฉวีสินะ ฉันจะเรียกเธอว่าอะไรดีหล่ะ ?”
”เรียกผมว่าเทียนหลางก็แล้วกัน”
”อืม… แล้วเธอมาหาฉันถึงที่บ้านเพราะอะไรงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะหันไปหาคนขับรถของเขาก่อนจะพูดขึ้น
”เอาของเข้ามา”
เมื่อได้ยินแบบนั้นคนขับรถก็ลากถุงใบใหญ่มาตรงหน้าของเทียนหลางก่อนจะโยนมันให้กับผู้นำตระกูลลู่ เขามองเทียนหลางด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะให้คนรับใช้เปิดถุงนั้นออกเมื่อถุงถูกเปิดออกก็พบกับชายคนหนึ่งที่มีสภาพเหมือนใบไหม้แห้งกำลังนอนอยู่ ดูเหมือนผู้นำตระกูลลู่จะจำชายคนนั้นได้เขาหันไปมองเทียนหลางด้วยสายตาเกรี้ยวกราดก่อนจะพูดขึ้นเสียงดัง
”นี่มันหมายความว่ายังไงเจ้าหนู !?”
เทียนหลางถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใจเย็น
”ผมมากกว่าที่ต้องถาม คุณให้คนของคุณไปที่ตระกูลของผมเพราะต้องการหาข้อมูลของยาทิพย์ที่ถูกนำไปประมูลเมื่อวันก่อน แต่พอพวกเขาไม่ได้บอกอะไรคนของคุณก็ขึ้นเสียงและข่มขู่คนในตระกูลของผม ดังนั้นผมจึงตอบโต้กลับและนำของๆ คุณมาคืน”
เมื่อเทียนหลางพูดจบผู้นำตระกูลลู่ก็มองเทียนหลางก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
”นายกล้าโจมตีคนของตระกูลฉันโดยไร้เหตุผลงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางได้ยินก็ถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้น
”ใช้อำนาจของตระกูลมาข่มขู่ตระกูลผม นี่เรียกว่าไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ ? คุณคิดว่าตัวเองเป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่จะทำอะไรก็ได้สินะ”
สาวงามวาวา ที่ได้ฟังการสนทนาอยู่ก็พูดขึ้นมาทันที
”แต่เธอก็ไม่ควรจะทำร้ายเขาแบบนี้ ไม่ใช่งั้นเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็หันไปมองวาวาด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะพูดขึ้น
”ถ้าหากจะมีคนมาทำร้ายคนในครอบครัวของคุณ คุณจะยอมงั้นสินะ ? คุณคงอยู่สุขสบายมามากเกินไปจริงๆ”
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเทียนหลางเธอก็ถึงกับชะงักไปทันที เธออยากจะหาคำพูดมาตอบโต้แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเขานั้นพูดถูก เทียนหลางมองเธอก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้น
”ผมมาส่งขยะของคุณกลับแล้วถือสะว่าเรื่องนี้จบกัน หากคุณต้องการข้อมูลของยาทิพย์จริงๆ ก็จงแสดงความจริงใจมาสะ”
ทันทีที่พูดจบเทียนหลางก็หันหลังพร้อมจะกลับเพราะการที่เขามาที่นี้ก็เพราะอยากจะมาพูดให้เคลียร์เท่านั้นไม่อยากให้มีปัญหาตามมาทีหลัง แต่ในขณะที่เทียนหลางกำลังจะเดินกลับผู้นำตระกูลลู่ก็พูดขึ้นมาทันที
”เธอทำร้ายคนของฉันจนบาดเจ็บและคิดว่าจะกลับไปได้ง่ายๆ งั้นเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปหาผู้นำตระกูลลู่พร้อมกับพูดขึ้น
”นี่คุณผู้นำตระกูลลู่ ผมเชื่อว่าถ้าคนของคุณปะทะกับผมจริงๆ มันคงจะเป็นเรื่องน่าเศร้าแน่ๆ ฉะนั้นอย่าให้มันเกิดขึ้นจะดีกว่า”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็หันหน้ากลับและเดินจากไป ก่อนจากเทียนหลางก็พูดออกมา
”ผมรอความจริงใจของพวกคุณอยู่นะ !!”
หลังจากที่เดินกลับมาที่รถเทียนหลางก็ได้ถูกเสียงหนึ่งหยุดเอาไว้
”รอก่อนครับคุณชายเทียน !!”
เทียนหลางได้ยินก็หันไปมองชายชราแต่งชุดพ่อบ้านเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม
”มีอะไรงั้นเหรอครับ ?”
ชายชรามาหยุดอยู่ตรงหน้าเทียนหลางก่อนจะยืนจดหมายฉบับหนึ่งให้กับเขา เทียนหลางมองเขาเล็กน้อยก่อนจะถามด้วยความสงสัย
”นี่เป็นจดหมายเชิญไปงานเลี้ยงคืนนี้จากคุณหนูตงเสวียครับ”
”จดหมายเชิญ ?”
เทียนหลางสงสัยขึ้นมาทันทีเพราะตัวเขานั้นไม่ได้สนิทอะไรกับคุณหนูแห่งตระกูลตงเสวีย เขาเพียงแค่เห็นเธอผ่านการเดินสวนกันที่ด้านหน้างานประมูลเท่านั้นเขาสงสัยอย่างมากว่าทำไมเธอถึงจะชวนเขาไปงานเลี้ยงกัน
”ทำไมคุณหนูของคุณถึงมาเชิญผมไปงานเลี้ยงละครับ ?”
ชายชราก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”ดูเหมือนคุณหนูสนใจจะทำธุรกิจกับคุณชายดังนั้นเธอจึงอยากจะชวนคุณชายไปงานเลี้ยงเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อันดีกับคุณชายนะครับ”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
”บอกกับคุณหนูของคุณว่าผมจะไปแน่นอน”
”เข้าใจแล้วครับ”
เมื่อพูดจบชายชราก็เดินกลับไป เทียนหลางมองตามหลังของชายชราก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยและกลับขึ้นรถ