The simple life of the emperor - ตอนที่ 69
หลังจากเหตุการณ์แสนวุ่นวายสองวันเทียนหลางกับเฟิงหยวนก็ลาคุณยายและน้าเฟิงหวู่เพื่อกลับบ้านที่เมืองจิงไห่ ทั้งคู่ขี้เกียจเกินกว่าจะจองตั๋วเครื่องบินพวกเขาเลยกลับบ้านด้วยการกระโดดข้ามมิติ
เมื่อกลับมาถึงเทียนหลางก็หยิบกระเป๋าเดินทางออกมาซึ่งด้านในนั้นเต็มไปด้วยของฝากจากเมืองหวังที่เขาให้กัวชิงไปซื้อมาเมื่อวันก่อน เมื่อเขากลับมาก็กล่าวทักทายพ่อแม่เล็กน้อยพร้อมกับเอาของฝากมาให้ทั้งคู่ พ่อแม่ของเทียนหลางต่างตื่นตาตื่นใจกับของฝากไม่น้อยรวมถึงคุณป้าอันฉีและหลินหลินน้อยด้วยเช่นกัน
ในขณะที่แม่ของเขากำลังเลือกของฝากที่ถูกใจอยู่นั้นเธอก็พูดขึ้น
”อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสมัครเรียนมหาลัยแล้วนะ ลูกได้เลือกมหาลัยที่อยากเรียนแล้วรึยัง ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ลูบคางตัวเองเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น
”ผมกะว่าจะเรียนที่มหาลัยจิงไห่นี่แหละครับ”
”แล้วลูกจะไม่ไปเรียนมหาลัยที่เมืองหลวงงั้นเหรอ ?”
พ่อของเขาได้ถามขึ้น เทียนหลางที่ได้ยินก็ส่ายหน้าพร้อมกับอธิบาย
”ผมไม่ค่อยคุ้นกับเมืองหลวงสักเท่าไหร่หน่ะ แล้วอีกอย่างธุรกิจของผมก็อยู่ที่นี้ด้วย ผมอยากอยู่ดูแลมันมากกว่า”
แน่นอนว่าเหตุผลที่แท้จริงของเทียนหลางก็คือ เขาขี้เกียจเกินกว่าจะย้ายไปอยู่เมืองหลวง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขามีแผนที่จะทำอะไรหลายอย่างกับเมืองจิงไห่นี้การที่เขาจะย้ายไปที่อื่นตอนนี้มันคงเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับเขามากเกินไป
หลังจากที่คุยกับพ่อแม่อยู่พักหนึ่งโทรศัพของเขาก็ดังขึ้นเมื่อตรวจดูก็พบว่าเป็นหลินเสวี่ย
”ฮัลโหล ?”
เทียนหลางกล่าวเปิดเล็กน้อยก่อนจะได้ยินเสียงที่ฟังดูหงุดหงิดเล็กน้อยออกมาจากปลายสาย
”นี่นายหายไปไหนมาตั้งหลายวัน ? ทิ้งงานที่ร้านให้ฉันกับรุ่นซูหลินแบบนี้ได้ยังไงกัน !”
เทียนหลางที่ได้ยินก็รู้สึกผิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ขอโทษทีนะ พอดีฉันมีธุระที่เมืองหลวงหน่ะแล้วก็พึ่งจะกลับมาวันนี้เอง”
เมื่อหลินเสวี่ยได้ยินว่าเทียนหลางไปเมืองหลวงก็ตกใจเล็กน้อยเธอรีบถามเขาทันที
”นายไปสมัครเรียนมหาลัยที่เมืองหลวงงั้นเหรอ ?”
”เปล่าหรอก พอดีฉันไปเยี่ยมคุณยายหน่ะ”
”อ๋อ ~ แล้วนายตัดสินใจได้รึยังว่าจะเข้าเรียนที่มหาลัยไหน ?”
”ฉันจะเข้ามหาลัยจิงไห่หน่ะ เพราะมันใกล้บ้านและก็เดินทางสะดวกดีด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเสวี่ยก็พูดขึ้นทันที
”งั้นฉันก็จะเข้าเรียนที่จิงไห่ด้วยเหมือนกัน !”
”เอางั้นเหรอ ?”
”ใช่สิ พรุ่งนี้เราสองคนค่อยไปสมัครเรียนด้วยกันก็แล้วกันโอเคนะ”
”ได้สิ”
หลังจากพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อยเทียนหลางก็วางสายไป และหันมาดูข้อมูลในเว็บไซต์ของมหาลัยเพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าต้องจัดเตรียมอะไรบ้าง เทียนหลางนั้นไม่ได้กังวลเรื่องที่ไม่ได้เข้าเรียนที่ ม.จิงไห่เลยสักนิดเพราะจากเกรดของเขาแล้วสามารถเข้าเรียนได้โดยไม่มีปัญหาไม่ว่าจะคณะใดก็ตาม และประวัติของเขาก็ยังขาวสะอาดอีกด้วยเทียนหลางจึงคิดว่าเรื่องสมัครเรียนนั้นคงไม่มีปัญหาอะไรมากนักนอกเสียจากอาจจะต้องเสียเงินมากเกินกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้น
หลังจากที่พูดคุยกับพ่อแม่เรื่องของคุณยายแล้ว เขาก็กลับไปที่เรือนมังกรที่อยู่ในสวนก่อนจะพักผ่อนอย่างสบายใจ เฟิงหยวนเดินเข้ามาพร้อมกับส่งชาให้กับเขาก่อนจะพูดขึ้น
”คุณจะทำอะไรต่อหลังจากนี้งั้นเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินคำถามก็ลูบคางตัวเองเบาๆ ก่อนจะตอบ
”ในตอนนี้คงต้องเน้นการบ่มเพาะของพวกเราหล่ะนะ ตั้งแต่เหตุการณ์ของอสูรโบราณผมก็รู้สึกติดใจกับคำพูดของตาแก่นั่นมาตลอดเลย”
”ของพ่อฉันหน่ะเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้า
”ใช่ จากที่ตาแก่นั่นพูดทั้งมารและอสูรต่างมุ่งหน้ามาที่โลกระดับต่ำดวงเล็กๆ ใบนี้มันจะต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่นอน”
”แล้วมันคืออะไรหล่ะ ?”
”ผมก็ไม่แน่ใจ แต่เราคงได้รู้กันในไม่ช้านี้หรอกเพราะยังไงพวกมันก็คงจะต้องแสดงตัวออกมาไม่ช้าก็เร็วอย่างแน่นอน”
เทียนหลางถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเซ็งเล็กน้อย
”แต่ก่อนอื่นก็ต้องจัดการเรื่องมหาลัยก่อนหล่ะนะ”
…………………………………………………………………………………………..
สองวันต่อมาเทียนหลางก็มาที่มหาลัยจิงไห่เพื่อสมัครเรียน เมื่อมาถึงเขาก็ตกใจไม่น้อยเพราะมหาลัยจิงไห่นั้นคนเยอะมากเรียกได้ว่ามากกว่า 200 คนเสียอีก เทียนหลางมองไปรอบๆ ก็พบกับนักเรียน ม.ปลายมากมายที่มาพร้อมกับผู้ปกครองเพื่อมาขอสมัครเข้าเรียน
”บรรยากาศนี่ช่างเหมือนกับตอนที่ข้าไปสมัครเรียนที่สำนักศึกษาสมัยยังเป็นเด็ก”
ในโลกของเทียนหลางนั้นนอกจากสำนักฝึกยุทธและสำนักเซียนต่างๆ แล้วก็ยังมีสำนักศึกษาที่จัดตั้งโดยรัฐบาลเพื่อค้นหาเหล่าอัจฉริยะให้มาทำงานในวังเพื่อรับใช้เหล่ากษัตริย์ ซึ่งแน่นอนว่าเทียนหลางไม่ประสบความสำเร็จในสำนักศึกษาแม้แต่น้อย
เทียนหลางฝ่าฝูงชนนักเรียนม.ปลายกับผู้ปกครองไปเรื่อยๆ เพื่อหาห้องที่เตรียมไว้สำหรับสมัครนักศึกษา ซึ่งก่อนหน้านี้เทียนหลางได้คิดเอาไว้แล้วว่าเขานั้นจะเรียนคณะอะไร เทียนหลางเลือกที่จะเรียนโบราณคดีเพราะดูแล้วมันไม่ค่อยจะมีอะไรมากที่สุดและแถมยังมีกิจกรรมเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ
( ในจีนเขาสมัครเรียนกันที่ห้องทะเบียนเหมือนของไทยป่าวไม่รู้เลยไม่ได้เขียนว่าทะเบียนนะครับ – -a )
เทียนหลางคิดว่าการที่เขาได้เดินทางไปต่างประเทศนั้นอาจจะทำให้เขาพบเจอสมบัติหรืออะไรมีค่าก็ได้เขาจึงเลือกเรียนสาขาวิชานี้ เพราะมันดูเป็นอิสระที่สุดในบรรดาสาขาวิชาที่เขาสนใจแต่ด้วยจำนวนคนที่มากมายก็ทำให้เขาหลงทางในมหาลัยจิงไห่เสียแล้ว
เทียนหลางมองไปรอบๆ เพื่อหาคนถามทางก่อนที่จะเจอนักศึกษาหญิงคนหนึ่งกำลังก้มหน้าเดินเล่นโทรศัพมาทางเขา เทียนหลางจึงเดินเข้าไปเพื่อที่จะถามทาง
”ขอโทษนะครับ”
ในจังหวะที่เทียนหลางกำลังจะถามนั้นเธอก็พูดสวนขึ้นมาทันที
”ฉันไม่สนใจคนอย่างนายหรอกนะ ไปหาผู้หญิงคนอื่นจีบเถอะ”
เมื่อเทียนหลางได้ยินก็ถึงกับตกใจกับความหลงตัวเองของผู้หญิงคนนี้ นี่มันอะไรกันวะฉันแค่จะถามทางเธอก็มาหาว่าฉันจะจีบเธอเนี่ยนะ ? กระบวนการความคิดของคนคนนี้เพี้ยนไปแล้วงั้นเหรอ ? เทียนหลางสับสนก่อนจะเลิกสนใจและคิดว่าจะไปหาถามทางกับคนอื่นจะดีกว่าเขาไม่อยากเสียเวลาต่อล้อต่อเถียงกับเธอคนนี้
แต่ในขณะที่เทียนหลางกำลังจะเดินจากไปผู้หญิงคนนั้นก็หันกลับมาและเข้ามาคล้องแขนเทียนหลางทำเอาเขาสับสนเล็กน้อย ไม่นานนักก็มีผู้ชายหล่อเหล่าที่สวมสูทสีขาวคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบ เขาเดินเข้ามาหาเทียนหลางพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เป็นศัตรูเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ถิงถิง ชายคนนี้คือใครงั้นเหรอ ?”
เมื่อได้ยินคำถามผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าถิงถิงก็พูดขึ้น
”คนนี้คือแฟนของฉันเอง”
ทันทีที่ชายคนนั้นได้ยินก็แสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ก็เปลี่ยนกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขาเดินเข้ามาใกล้เทียนหลางก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือออกมา
”ฉันคือ กู่ชิง ยินดีที่ได้รู้จัก”
เทียนหลางมองเขาเล็กน้อยก่อนจะคิดได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผู้หญิงที่ชื่อถิงถิงคนนี้กำลังใช้เขาเป็นโล่เพื่อกันชายคนนี้ออกไป เมื่อได้รู้แบบนี้เทียนหลางก็มองไปที่ถิงถิงด้วยสายตาเหยียดหยามทันทีก่อนจะหันไปจับมือกันกู่ชิง
”ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อเทียนหลาง ว่าแต่กู่ชิงคุณเป็นนักศึกษาของที่นี้หรือเปล่า ?”
เมื่อกู่ชิงได้ยินคำถามก็งุนงงเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ
”ใช่ ทำไมงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ยิ้มก่อนจะแกะแขนของถิงถิงที่คล้องแขนของเขาอยู่ก่อนจะพูดขึ้น
”คุณช่วยชี้ทางไปที่ห้องรับสมัครนักศึกษาให้หน่อยได้รึเปล่า ?”
”อะ… ได้สิเห็นตึกใหญ่ๆ ตรงกลางนั่นไหมไปที่ตึกนั่นเดียวนายก็จะเห็นเอง”
”ขอบใจมากแล้วก็ผมจะบอกอะไรให้เพื่อขอบคุณความใจดีของคุณก็แล้วกัน”
กู่ชิงงุนงงกับคำพูดของเทียนหลางเล็กน้อยแต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรเทียนหลางก็พูดขึ้นเสียก่อน
”เลิกสนใจผู้หญิงแบบนี้เสียดีกว่า เธอนั้นไม่ได้ดีอะไรมากมายนักผมเชื่อว่าคนหน้าตาดีอย่างคุณสามารถหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้ได้ ถือสะว่าเป็นคำแนะนำก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เดินจากไปตามทิศทางที่กู่ชิงบอกเอาไว้ ปล่อยให้กู่ชิงและถิงถิงยืนงงงวยอยู่ตรงนั้น