The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 126
บทที่ 126 ผิดคําพูด
“ไอ้จี้เฟิง! ไอ้เด็กเวร ฉันจะไม่ปล่อยแกไปง่ายๆแบบนี้แน่!”
รองผู้บัญชาการหวังสาปแช่งจี้เฟิงด้วยความคับแค้นใจ ในขณะที่เขามองหมีดําที่กําลังถูกผ่าตัดผ่านกระจกในโรงพยาบาลของค่ายทหาร ใบหน้าของเขาก็ขาวซีด เขากัดฟันพูดอย่างยากลําบาก “ไอ้เด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแกกล้าทําร้ายร่างกายคนของฉันขนาดนี้ได้ยังไง!?
รองผู้บัญชาการหวังรู้สึกโกรธมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่หมอบอกกับเขาในตอนที่ได้เห็นบาดแผลอันสาหัสของหมีดําว่า แม้ว่าหมีดําจะฟื้นตัวได้ ก็ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตและต่อสู้ได้เหมือนแต่ก่อน
บาดแผลของหมีดําทําให้หมอที่ทําการรักษารู้สึกตกใจมาก คนที่ลงมือทํานั้นโหดร้ายเกินไป
แม้ว่าส่วนที่หมีดําได้รับบาดเจ็บจะไม่ใช่จุดสําคัญที่ทําให้ถึงแก่ชีวิต แต่ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นคือกระดูกส่วนของแขนกับขาทั้งสองข้างที่แตกเกือบทั้งหมด และถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาจนกระดูกเชื่อมต่อกันใหม่ แต่มันก็จะทําให้หมีดําไม่สามารถกลับไปเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงได้อีก
โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่ต้นขาทั้งสองข้าง เป็นจุดที่สาหัสที่สุด กระดูกถูกทําให้หักอย่างรุนแรงจนกระทั่งทะลุกล้ามเนื้อออกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
จากอาการบาดเจ็บทั้งหมดมันก็พอจะทําให้จินตนาการได้ว่าคนที่ลงมือทํานั้นโหดเหี้ยมแค่ไหน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้รองผู้บัญชาการหวังก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ คุณรู้ไหมเขาใช้สิทธิพิเศษในมือเพื่อรับหมีดําที่เป็นนักมวยเถื่อนใต้ดินเข้ามาในกองทัพ ไม่ใช่แค่ชื่นชมในทักษะการต่อสู้ของหมีดําเท่านั้น แต่เป็นเพราะเมื่อเร็วๆนี้เขตทหารตะวันออกเฉียงใต้กําลังจะมีการแข่งขันครั้งใหญ่ ซึ่งนอกเหนือจากการแข่งขันทักษะทางทหารแล้วยังมีการแข่งขันที่เป็นการต่อสู้เดียวอีกด้วย
หากหมีดําสามารถได้รับการจัดอันดับที่ดี หวังเว่ยจินจะมีเครดิตที่ดีในเรื่องของการฝึกฝนความสามารถด้านการต่อสู้ และแน่นอนเมื่อเขามีผลงานที่ดีมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะได้รับการเลื่อนตําแหน่ง
แต่ตอนนี้ความหวังของเขาถูกทําลายโดยจี้เฟิง หมีดําที่ถูกทําร้ายจนมีสภาพที่น่าสังเวชจนไม่สามารถต่อสู้ได้อีก มันจะไม่ทําให้หวังเว่ยจินเกลียดจี้เฟิงได้อย่างไร!
“หูเถี่ยจวิน หลังจากที่คุณกลับไป คุณไปบอกให้จี้เฟิงและตู้เส้าเฟิง ไอ้เด็กสองคนนั้นเก็บข้าวเก็บของและออกไปจากค่ายทหารทันที!” หวังเว่ยจินกัดฟันพูดอย่างโกรธแค้น
“หัวหน้าหวังคุณจะไล่พวกเขาออกไปงั้นหรือ?” หูเถี่ยจวินตกใจมาก เขาจําได้ว่าตราบใดที่ตู้เส้าเฟิงและจี้เฟิงสามารถเอาชนะการต่อสู้ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จะถูกลบล้างออกไปทั้งหมด แล้วทําไมตอนนี้หัวหน้าหวังถึงได้มากลับคําพูด?
“ไล่ออก?”
รองผู้บัญชาการหวังเว่ยจินหัวเราะเยาะและพูดอย่างเคร่งขรึม “คิดว่าฉันจะทําแค่ไล่พวกมันออกไปงั้นเหรอ ไอ้เด็กเวรสองคนนั้นมันกล้าทําร้ายคนขับรถของฉันจนบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ไม่เพียงแต่ฉันจะไล่พวกมันออกเท่านั้น แต่ฉันจะแจ้งไปที่มหาวิทยาลัยและเรียกร้องให้มีการขับไล่พวกมันออก และหลังจากที่พวกมันถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ฉันก็จะส่งพวกมันไปยังศาลทหาร!”
“ห้ะ!”
หูเถี่ยจวินถึงกับผงะ การไปศาลทหารหมายความว่าอย่างไร ทําไมหูเถี่ยจวินถึงจะไม่รู้ เพราะถ้าจี้เฟิงและตู้เส้าเฟิงถูกส่งตัวไปยังศาลทหาร อย่าว่าแต่พวกเขาจะมีโอกาสได้กลับมาเรียนต่อเลย แต่เกรงว่าพวกเขาอาจจะต้องถึงขั้นติดคุก!
“หัวหน้าหวัง ได้โปรดใจเย็นๆก่อน จี้เฟิงและตู้เส้าเฟิง ทั้งคู่ต่างก็เป็นเพียงนักศึกษาถ้าคุณปล่อยให้พวกเขาไปศาลทหารผมเกรงว่าทางมหาวิทยาลัยอาจจะไม่เห็นด้วย” หูเถี่ยจวินกล่าวอย่างระมัดระวัง “ผมคิดว่า เราแค่ให้พวกเขาออกจากค่ายทหารไป แล้วภายในสามวันหลังจากที่พวกเขาออกจากค่ายทหารแล้วเราค่อยแจ้งให้ทางมหาวิทยาลัยทราบอีกครั้ง คุณคิดว่าแบบนี้ดีไหม?”
“ถ้าอย่างนั้นยังมัวยืนทําอะไรอยู่?!” รองผู้บัญชาการหวังตะโกน
“ครับ!”
หูเถี่ยจวินตอบเสียงดังและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว และคิดในใจอย่างขมขื่น “สามวันมันเป็นเวลาที่ยาวนานที่สุดเท่าที่ฉันจะทําเพื่อพวกนายได้แล้ว ฉันหวังว่าพวกนายจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นได้ภายในสามวัน ถ้าไม่อย่างนั้น.. เฮ้อ…”
หูเถี่ยจวินรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ ที่ต้องเห็นนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมสองคนต้องถูกลงโทษโดยหวังเว่ยจินแบบนี้ แต่ตําแหน่งของเขาต่ำต้อยเกินไป คําพูดของเขาจึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะช่วยจี้เฟิงและตู้เส้าเฟิงได้มากกว่านี้ เขาจึงได้แต่แอบถอนหายใจ
ที่สนามฝึกของค่ายทหารในเวลานี้ กลับเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เนื่องจากหูเถี่ยจวินออกไปโดยไม่ได้สั่งการอะไรไว้ นักศึกษาเหล่านี้จึงแสร้งทําเป็นไม่รู้ไม่ชี้และพากันนั่งเล่นอย่างเพลิดเพลินไปกับเวลาพักผ่อนอันหาได้ยากยิ่ง
แต่ในความเป็นจริงสายตาของคนส่วนใหญ่ต่างจับจ้องไปที่จี้เฟิงซึ่งเวลานี้ไปนั่งอยู่ที่แถวหลังกับเพื่อนร่วมห้องของเขา จี้เฟิงที่จัดการกับหมีดําได้อย่างเยือกเย็นและแสดงทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมทําให้นักศึกษาเหล่านี้รู้สึกถึงและชื่นชม
เนื่องจากนักศึกษาเหล่านี้อยู่ในวัยคึกคะนอง พวกเขาเต็มไปด้วยจินตนาการและชื่นชอบคนที่แข็งแกร่งราวกับฮีโร่ แล้วในเมื่อคนอย่างจี้เฟิงที่เพิ่งแสดงทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมาอยู่ตรงหน้าแล้วจะไม่ให้พวกเขาชื่นชอบได้อย่างไร?
จะมีก็แต่เพียงจ้าวไคและฮั่นจงเท่านั้นที่รู้สึกเป็นกังวล
“จี้เฟิงคุณทําให้หมีดําคนของหัวหน้าหวังบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น เขาต้องไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆแน่ คุณต้องระวังตัวให้ดี!” จ้าวไคกระซิบเสียงเบา “ถ้าเป็นไปได้ ก็ยกตําแหน่งหัวหน้าทีมให้หวังเสี่ยวหูไป และถึงแม้มันจะทําให้คุณลําบากใจแต่คุณอาจจําเป็นที่จะต้องก้มหัวให้กับหวังเสี่ยวหู่ไปก่อน!”
ฮั่นจงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยและพูดเสริมว่า “จ้าวไคพูดถูก การยอมก้มหัวบ้างบางครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย เพราะทุกคนก็เห็นแล้วว่านายสามารถเอาชนะหมีดําได้อย่างง่ายดาย แต่จริงๆ แล้วฉันว่ามันไม่ใช่เรื่องสําคัญว่านายจะเอาชนะหมีดําได้จริงหรือเปล่า เพราะอย่างที่พวกเราเห็นหัวหน้าหวังไม่ใช่คนดี หากเขายังติดใจในเรื่องนี้ฉันเกรงว่านายอาจจะต้องพบกับความลําบากในภายหลัง มีคํากล่าวที่ว่า อย่ามัวแต่กลัวของที่ถูกขโมยจนลืมที่จะกลัวโจร”
จี้เฟิงได้แต่นิ่งเงียบเขารู้ดีว่าสิ่งที่จ้าวไคและฮั่นจงพูดเพียงเพราะหวังดีและเป็นห่วงเขา แต่เขาก็มีความคิดของเขาเอง
แม้ว่าการใช้ชีวิต 4 ปีในมหาวิทยาลัยจะเป็นเป้าหมายหนึ่งของจี้เฟิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องยอมรับมันทุกอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความโกรธที่ทําให้เขาอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออกแบบนี้ มันไม่มีความจําเป็นที่เขาจะต้องมายอมทนทุกข์ทรมานกับเรื่องแบบนี้!
“เลิกพูดเรื่องนี้ไปได้เลย ไม่ว่าจะหวังไหนถ้าพวกเขาต้องการมาหาเรื่องจี้เฟิง ก็ให้พวกเขามาเคลียร์กับฉันนี่!” ตู้เส้าเฟิงกัดฟันของเขาและอดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง “ให้ตายเหอะ ฉันไม่เคยพบเคยเจอคนแบบนี้ ฉันเกลียดมัน!”
“เหล่าตู้! นายนี่มัน…” ฮั่นจงยิ้มอย่างขมขื่น นิสัยของตู้เส้าเฟิงตรงไปตรงมาเกินไป ด้วยนิสัยแบบนี้อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะอยู่ในสังคมที่ต้องรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางบ้าง แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่กําลังโกรธของตู้เส้าเฟิง เขาก็เลือกที่จะยังไม่พูดอะไรออกไปในตอนนี้!
“ถึงแม้เหล่าผู้จะพูดแบบนี้ก็ตาม แต่คุณคิดว่าคนอย่างหัวหน้าหวังจะใช้เหตุผลในการตัดสินอย่างยุติธรรมนั้นหรือ?” จ้าวไคส่ายหัวและกล่าวว่า “จี้เฟิง ผมว่าเรามาหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้กันก่อนดีกว่า ผมคิดว่าเราควรที่จะแจ้งเรื่องนี้ไปทางมหาวิทยาลัยก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หัวหน้าหวังส่งเรื่องที่อาจจะไม่เป็นความจริงไป คุณคิดว่าไง?”
จี้เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่จําเป็น รอให้ครูฝึกหูกลับมา แล้วรอดูว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป หวังเว่ยจินกล้าที่จะผิดคําพูดไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ฉันจะทําให้เขาต้องรู้สึกเสียใจอย่างแน่นอน!”
จี้เฟิงพูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดและมีพลัง
ทันใดนั้นจ้าวไคและฮั่นจงก็นึกถึงจางเล่ยขึ้นมาได้ และพวกเขาต่างก็พากันโล่งใจ ด้วยเพื่อนที่ทรงพลังและมีอํานาจที่ยิ่งใหญ่ในเจียงโจวจี้เฟิงก็ไม่จําเป็นต้องกังวลอีกต่อไป
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้จ้าวไคและฮั่นจงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขามีมิตรภาพที่ดีกับจี้เฟิงและตู้เส้าเฟิง มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาไม่อยากเห็นจี้เฟิงและตู้เส้าเฟิงต้องตกอยู่ในความโชคร้าย
หลังจากเวลาผ่านไปสิบกว่านาที่ หูเถี่ยจวินที่เดินอย่างรวดเร็วก็มาถึงค่ายทหารตรงจุดที่พวกจี้เฟิงอยู่
“เฮ้! คุณ! นักศึกษาจี้เฟิง!” เมื่อหูเถี่ยจวินมองไปที่จี้เฟิงที่กําลังพูดคุยกับเพื่อนๆของเขาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “จี้เฟิง คุณกําลังจะมีปัญหาแล้วล่ะ!”
จี้เฟิงเลิกคิ้วและถามขึ้น “ครูฝึกหูพูดว่าอะไรนะครับ?”
“หมีดํา คนขับรถของหัวหน้าหวังเว่ยจินน่ะ เขาเป็นคนที่หัวหน้าหวังโปรดปรานมากที่สุด แล้วคุณคิดว่าเขาจะปล่อยคุณไปง่ายๆทั้งๆที่คุณจัดการกับคนโปรดของเขาขนาดนั้นงั้นหรือ?” หูเถี่ยจวินสายหัวและถอนหายใจเบาๆ
“ครูฝึกหู ไอ้หัวหน้าหวังนั่นมันได้บอกหรือเปล่าว่ามันจะจัดการกับพวกเรายังไง?” ตู้เส้าเฟิงถาม
หูเถี่ยจวินพูดซ้ำสิ่งที่หวังเว่ยจินพูดพร้อมกับส่ายหัวและถอนหายใจ “สามวัน! ผมช่วยขอเวลาให้มากที่สุดได้เพียงแค่สามวันเท่านั้น ถ้านานกว่านี้ผมเกรงว่าหัวหน้าหวังจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน จี้เฟิง ตู้เส้าเฟิง ในขณะที่พวกคุณสองคนอยู่ที่นี่ ภายในสามวันนี้ต้องพยายามหาวิธีจัดการเรื่องนี้ให้ได้ และผมจะช่วยพวกคุณหาวิธีที่จะทําให้ความสัมพันธ์ของคุณกับหัวหน้าหวังดีขึ้นเพื่อดูว่ามันพอจะทําให้หัวหน้าหวังเปลี่ยนใจในเรื่องนี้ได้หรือไม่!”
เมื่อรู้ว่าหูเถี่ยจวินได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือ จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “ครูฝึกหู ขอบคุณมากครับ!”
“เฮ้อ.. ไม่ต้องขอบคุณหรอก ยังไงเรื่องนี้มันก็อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของผม ถ้าผมไม่ให้นักศึกษาตู้เส้าเฟิงมาเป็นหัวหน้าทีม และปล่อยให้หวังเสี่ยวหูได้รับหน้าที่นี้ไปตั้งแต่แรก เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น!”
หูเถี่ยจวินอดไม่ได้ที่จะสายหัวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หมีดําคนนี้เป็นถึงนักสู้ที่เก่งกาจและเคยต่อสู้ที่เวทีมวยใต้ดินจนได้รับแชมป์มาแล้ว เขาเป็นนักสู้ที่มีมูลค่าสูงในตลาดมืด ไม่ว่ายังไงหัวหน้าหวังก็ไม่ควรปล่อยให้นักศึกษาต้องมาสู้กับคนแบบนี้!”
จี้เฟิงรู้สึกเอะใจ เรื่องนี้มันแปลกๆ เขาจึงรีบถามทันที “ครูฝึกหู ที่คุณบอกผมเมื่อครู่เรื่องหมีดเป็นนักมวยเถื่อนใต้ดิน เขาเคยต่อสู้มาก่อนที่จะเข้าร่วมกองทัพหรือหลังจากที่เข้าร่วมกองทัพ?”
หูเถี่ยจวินชะงักไปเล็กน้อย เขาเกิดความสงสัยว่าทําไมจู่ๆจี้เฟิงถึงถามเรื่องนี้ “เขาเป็นนักสู้เป็นนักมวยเถื่อนอยู่ที่สนามมวยใต้ดินอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะได้มาเข้าร่วมในกองทัพ ว่ากันว่าเขาเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงโด่งดังในสนามมวยใต้ดินในเจียงโจว แต่หลังจากนั้นเขาก็สมัครเข้ากองทัพและกลายเป็นคนขับรถของหัวหน้าหวังได้ยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ทันใดนั้นก็ปรากฏร้อยยิ้มเยาะอยู่บนใบหน้าของจี้เฟิง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข เดิมที่เขายังคิดอยู่ว่าจะจัดการหวังเว่ยจินคนนี้อย่างไรดี แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหมีดําเคยเป็นนักมวยเถื่อนใต้ดินมาก่อน มันเหมือนกับอยากจะนอนแล้วมีคนเอาหมอนมาให้ยังไงยังงั้น (สํานวนจีนอีกแล้วจ้า )
“ครูฝึก ผมต้องขอขอบคุณอีกครั้งสําหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้!” จี้เฟิงยิ้ม จากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางซ้ายและหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมาและกดโทรออก
หลังจากที่คุยโทรศัพท์เขาก็หันกลับมาอีกครั้งและพูดว่า “ครูฝึกหู ตอนนี้หวังเว่ยจินอยู่ที่ไหน?”
“โรงพยาบาล… คุณคงไม่ได้จะไปหาเขาเพื่อถามหาเหตุผลในตอนนี้หรอกใช่มั้ย?” หูเถี่ยจวินผงะ “คุณไปตอนนี้ผมเกรงว่านอกจากมันจะไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้วแต่มันจะยิ่งทําให้เรื่องราวมันแย่ลงไปกว่าเดิม ผมว่าตอนนี้คุณต้องใจเย็นๆก่อน!”
จี้เฟิงยิ้มเขาส่ายหัวและพูดว่า “ทําไมผมต้องไปถามหาเหตุผลกับเขา? มันเป็นเรื่องที่เหนื่อยเปล่าที่จะพูดถึงเหตุผลกับคนที่ไม่มีเหตุผล!”
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะถามทําไมว่าเขาอยู่ที่ไหน..?” หูเถี่ยจวินรู้สึกสับสน
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณไปเดี๋ยวคุณก็รู้”
ตู้เส้าเฟิงและอีกสองคนที่อยู่ข้างๆเขาต่างก็พากันเดาเรื่องนี้จากสีหน้าของจี้เฟิง พวกเขาคิดว่าจี้เฟิงคงพบอะไรสักอย่างที่จะทําให้รองผู้บัญชาการหวังเลิกติดตามเรื่องนี้อีกต่อไป
แต่ไม่มีใครคิดว่าสิ่งที่จี้เฟิงต้องการไม่ใช่แค่จะไม่ให้หวังเว่ยจินเลิกยุ่งกับเรื่องนี้เท่านั้น
“จี้เฟิง! ผมจะไปกับคุณด้วย!” จ้าวไคกล่าว
“นายไปถามครูฝึกหูก่อนดีกว่า ว่าเขาจะให้ไปหรือเปล่า!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
หูเถี่ยจวินลังเลเล็กน้อยแต่ไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวที่จะติดร่างแหในเรื่องนี้ไปด้วย แต่เป็นเพราะเขากังวลว่าถ้าเด็กหนุ่มเหล่านี้หุนหันพลันแล่นทําอะไรลงไปโดยไม่ยั้งคิด หัวหน้าหวังอาจจะลงโทษจ้าวไคและฮั่นจงไปด้วย
“ครูฝึกหู ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะตามจี้เฟิงไปอย่างเงียบๆโดยที่ไม่พูดอะไร” จ้าวไคดูเหมือนจะรู้ว่าหูเถี่ยจวินจะเป็นกังวลเกี่ยวกับพวกเขา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
“อืม.. ถ้าคุณว่าอย่างนั้นคุณจะไปด้วยกันก็ได้ แต่ขอให้รับปากผมอย่างหนึ่งว่า อย่าทําอะไรหุนหันพลันแล่น!” หูเถียจวินพูดอย่างจริงจัง
Rrrrr…
ในขณะนี้เสียงโทรศัพท์มือถือของจี้เฟิงก็ดังขึ้น เขาเดินห่างออกไปเล็กน้อยและกดรับโทรศัพท์ทันที
หลังจากนั้นไม่นานจี้เฟิงก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม “โอเค ตอนนี้พวกเราไปหาหวังเว่ยจินกันเถอะ!”
หูเถี่ยจวินมีสีหน้างุนงง แต่เขาก็ไม่สามารถถามอะไรได้มากเขาจึงทําได้แค่รีบไปโรงพยาบาลของค่ายทหารกับพวกจี้เฟิง
จบบทที่ 126