The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 29
บทที่ 29 คำปรึกษาของดอกไม้ประจำโรงเรียน
“ทำไมมองฉันแบบนั้น มีดอกไม้ติดอยู่บนหน้าฉันหรือไง?” ถงเล่ยถามด้วยรอยยิ้มขณะมองไปที่จี้เฟิงที่จ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา
รอยยิ้มของเธอสวยงามและไม่มีใครเทียบได้ เธอทำให้จี้เฟิงรู้สึกใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“เด็กสาวคนนี้ … แม้ว่าเธอจะอายุเพียงสิบแปดสิบเก้าปี แต่รูปร่างของเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้หญิงสวยๆ ที่เป็นสาวเต็มวัยแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับเซียวหยูซวนที่สวยมาก แม้ว่าเธอจะไม่มีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่เหมือนเซียวหยูซวน แต่ด้วยความอ่อนเยาว์มันทำให้ผู้คนง่ายที่จะตกหลุมรัก จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะแอบกลืนน้ำลายของเขาพร้อมกับแอบยิ้มในใจ “ไม่ใช่ว่ามีดอกไม้ติดบนหน้าเธอหรอก แต่เธองดงามยิ่งกว่าดอกไม้เสียอีก”
“เฮ้~!”
เมื่อเห็นจี้เฟิงยังคงจ้องมองเธอไม่เลิก ถงเล่ยก็อดไม่ได้ที่จะเกิดอาการหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย มือเล็กๆที่ขาวนุ่มจับไปที่ใบหน้าของจี้เฟิงและพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำแต่ไพเราะ “จี้เฟิง นายเป็นอะไร?”
ทันใดนั้นจี้เฟิงกลับมามีสติอีกครั้ง เขาเกาหัวแล้วยิ้มแหยๆ “หัวหน้าชั้น!”
“อุ๊บส์!~”
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูซื่อบื้อป้ำๆเป๋อๆของจี้เฟิง ถงเล่ยก็อดไม่ได้อีกต่อไป “ฮ่าฮ่า..”
ทั้งห้องเรียนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะราวกับเสียงกระดิ่งสีเงินของถงเล่ย นั่นทำให้จี้เฟิงเกือบจะตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง
“คนโง่ หยิบหนังสือออกมาทำไม!” ถงเล่ยหัวเราะสักพักและอดไม่ได้ที่จะพูด
จี้เฟิงงุนงงและถามว่า “หนังสือ? หนังสืออะไรเหรอ”
“ตายๆ” ถงเล่ยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เธอตบหน้าผากของตัวเองเบาๆและพูดว่า “เจ้าชายแห่งการพูดของคลาสหก คิดไม่ออกได้ไงเนี่ย จบแล้ว!”
“เจ้าชายแห่งการพูด?!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “เธอหมายถึงฉันเหรอ?”
“แน่นอน! ฉันหมายถึงนายนั่นแหละ!” ถงเล่ยพูดอย่างโกรธๆ “เมื่อเช้าในคาบเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ที่นายแสดงการแนะนำตัวอย่างยอดเยี่ยม มันทำให้สาวๆ ที่นั่งแถวหน้าต่างตั้งฉายาให้นาย พวกเธอเรียกนายว่า เจ้าชายแห่งการพูดภาษาอังกฤษ!”
“เจ้าชายแห่งการพูดอังกฤษ!?” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “มันไม่เป็นการพูดที่เกินจริงไปหน่อยเหรอ?”
“พูดเกินจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่สาวๆต่างก็ชอบนาย นั่นไม่ดีเหรอ?!” ถงเล่ยตะคอกและนั่งลงข้างจี้เฟิง
ถงเล่ยไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามีความรู้สึกไม่พอใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเธอ ในชั้นเรียนทุกคนรู้ว่าถงเล่ยเป็นลูกสาวของเลขาธิการพรรค ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังมีผลการเรียนที่ดี แต่เธอค่อนข้างเย็นชาเพราะเหตุนี้เธอจึงมีเพื่อนน้อย
ดังนั้นเมื่อมีเด็กผู้หญิงคนอื่นกระซิบคุยกัน ถงเล่ยมักจะเรียนอยู่เงียบๆ เธอไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ
ในตอนเช้ามีเด็กผู้หญิงหลายคนพูดถึงจี้เฟิง ถงเล่ยไม่ค่อยพอใจ เธอรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ
จี้เฟิงไม่ทันได้สังเกตว่าน้ำเสียงของถงเล่ยผิดปกติ จมูกของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ จากร่างกายของถงเล่ย ทำให้เขารู้สึกเคลิบเคลิ้มและสดชื่นมาก
“ฟู่~”
จี้เฟิงแอบผ่อนลมหายใจเบาๆ เขากลัวที่จะอยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง เพราะเหตุการณ์น่าอายที่เกิดขึ้นในอะพาร์ตเมนต์ของเซียวหยูซวนทำให้เขากลัวเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นในใจของเขา เซียวหยูซวนและถงเล่ย ต่างก็มีน้ำใจกับเขา และทั้งคู่ต่างก็สวยดั่งเทพธิดา เขากลัวว่าตัวเองจะเผลอทำหรือคิดอะไรไม่ดีกับพวกเธออีก!
เมื่อจี้เฟิงสงบลง เขายิ้มและถาม “หัวหน้าชั้น ผลการเรียนของเธอดีกว่าของฉันมากในทุกวิชา ฉันไม่รู้ว่าฉันจะมีประโยชน์อะไรในการปรึกษาร่วมกันในครั้งนี้!”
“ทำไมล่ะ? พอกลายเป็นเจ้าชายแห่งการพูดแล้ว นายก็ดูถูกเพื่อนนักเรียนของนายเลยเหรอ พอได้เข้าวังก็ละทิ้งประชาชนเลยงั้นสิ?” ถงเล่ยแกล้งพูดแหย่จี้เฟิง
“บังอาจ!!” จี้เฟิงกำหมัดแน่นไว้ในมือเลียนแบบท่าทางของคนยุคโบราณและแสร้งพูดว่า “หากเจ้าต้องการพูดคุยกับข้า เสียใจด้วยที่เจ้าต้องต่อคิวอีกเยอะ!”
“อุ๊บส์! ฮ่าฮ่าๆ” ถงเล่ยหัวเราะลั่น มือเล็กๆ ตีไหล่ของจี้เฟิงและพูดว่า “ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านายเป็นคนตลกขนาดนี้!”
จี้เฟิงแอบกลอกตาของเขา และพึมพำอยู่ในใจว่า เธอเคยให้ความสนใจฉันที่ไหนล่ะ อย่างมากก็คงจำได้แค่หน้าตาและชื่อเท่านั้นแหละ นอกเหนือจากนั้นเธอคงไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับฉันเลย
แต่เขาจะไม่พูดแบบนั้นออกมาอย่างแน่นอน เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น!
“เย็นมากแล้ว เข้าเรื่องกันดีกว่า” ถงเล่ยยิ้มและพูดว่า “ภาษาของนายดีมากจริงๆ นะจี้เฟิง ถ้าฉันไม่ได้เห็นมันด้วยตาของฉันเอง ฉันคงคิดว่าที่ฉันได้ยินเป็นเทปบันทึกเสียง นายฝึกยังไงถึงพูดได้คล่องขนาดนี้?”
“มันก็ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้นหรอกนะ!” จี้เฟิงไม่คุ้นเคยกับการได้รับคำชมเชยจากคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับจากหญิงสาวที่เขาชื่นชอบ เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง “จริงๆแล้วฉันแค่ดูรายการต่างประเทศหลังเลิกเรียน หรือไม่ก็ดูหนังที่พูดภาษาอังกฤษ จากนั้นฉันก็ลองฝึกพูดตามบ่อยๆ มันเลยทำให้ฉันพัฒนาและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น!”
“โอ้! นั่นเป็นวิธีที่ดีมากเลย!” ถงเล่ยพยักหน้าเข้าใจและพูดว่า “เมื่อกลับบ้านฉันจะดูทีวีทุกวัน และลองทำตามวิธีที่นายบอกดูนะ แล้วถ้ามันได้ผลฉันจะพานายไปเลี้ยงอาหารค่ำ!
เมื่อเห็นถงเล่ยยิ้มอย่างมีเสน่ห์ จี้เฟิงได้แต่เกาหัวของเขาและยิ้ม “ฉันมากกว่าที่ควรจะชวนเธอไปทานอาหารค่ำด้วยกัน”
“นายจะชวนฉัน?” ถงเล่ยรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ใช่!” จี้เฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ฉันอ่อนวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์และเคมีมาก ถ้าหัวหน้าชั้นพอจะมีเวลาช่วยให้คำปรึกษาฉันได้ไหม เพื่อเป็นการขอบคุณฉันจะพาเธอไปทานอาหารค่ำเอง ฮะฮะ!”
“อื้อ ไม่มีปัญหา!” ถงเล่ยลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้า “ถึงวันนี้จะเป็นวันสุดสัปดาห์แต่ปกติฉันจะไม่อยู่โรงเรียนจนถึงเย็นมากนะ เพราะถ้ากลับบ้านเย็นเกินไปมันจะไม่ค่อยปลอดภัย!”
“ฉันจะไปส่งเธอเอง!” จี้เฟิงโพล่งออกไปโดยไม่ทันคิด ทันทีที่เขาพูดจบเขาก็รู้สึกเขินเล็กน้อย พอคิดให้ดีๆ ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปจะมีความหมายอื่นให้เข้าใจผิดได้
ด้วยความกังวลว่าถงเล่ยจะเข้าใจผิด จี้เฟิงจึงรีบพูดว่า “เอ่อ..ฉันไม่ได้มีความหมายอื่นนะคือ…”
ด้วยข้ออ้างการขอไปส่งเธอหลังจากที่เธอช่วยติวให้คำปรึกษาเรื่องเรียน มันเป็นเรื่องที่สมควรทำ จี้เฟิงจึงไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนออกมา
ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ถงเล่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พยักหน้าอย่างมีความสุขและพูดว่า “นายรับปากแล้วนะ! งั้นวันนี้เราเริ่มติวจากวิชาคณิตศาสตร์ก่อนเลยแล้วกัน!”
“ห๊ะ อ๋อ..โอเค!” จี้เฟิงสะดุ้งเล็กน้อย และตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาพยักหน้าและรีบหยิบหนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์ออกมา เปิดบทแรกและถามถึงสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ…
“อ๋อ! อันนี้มันต้องทำแบบนี้…” ถงเล่ยมีความสามารถมากในฐานะครู เธอสามารถอธิบายการใช้สูตรได้อย่างคลอบคลุมและเข้าใจง่าย
แต่จี้เฟิงกลับรู้สึกเหม่อลอย
เพราะทั้งสองนั่งใกล้กัน แถมมีกลิ่นหอมจางๆ ที่มาจากร่างกายของถงเล่ย มันทำให้จมูกของเขาอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าไปลึกๆ พร้อมกับมีเสียงอันไพเราะอ่อนหวานของถงเล่ยดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มันทำให้จี้เฟิงรู้สึกเคลิบเคลิ้ม….
……จบบทที่ 29~