The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 37
บทที่ 37 กิจกรรมนอกสถานที่
อาจเนื่องมาจากการป่าวประกาศของตำรวจ ซึ่งทำให้ผู้อำนวยการของโรงเรียนมัธยมปลายหมางซือวิทยาเขตที่สองมีความรวดเร็วในการดำเนินการอย่างมาก ในวันที่สองหลังจากที่ผู้กองหยานและนายตำรวจมาที่โรงเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ทำการจัดประชุมเล็กๆ ภายในชั้นเรียนมัธยมปลายปี 3 โดยเป็นการกล่าวชื่นชมจี้เฟิงอีกครั้งสำหรับความกล้าหาญและความเฉลียวฉลาดของเขา
เนื่องจากเหตุการณ์นี้ทำให้จี้เฟิงกลายเป็นเหมือนฮีโร่ประจำม.ปลายปี 3 และเป็นจุดสนใจของทั้งชั้น
อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องนี้ จี้เฟิงสงบนิ่งมาก นอกจากการแสดงความคิดเห็นสั้นๆ ไม่กี่คำในการประชุมทั้งสองครั้ง
หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยพูดอะไร หรือตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นใดๆ ของคนอื่นอีก เขาแค่ทำตัวนิ่งเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทำให้จางเล่ยที่นั่งโต๊ะติดกับเขารู้สึกแปลกใจ
“คุณสุภาพบุรุษ คุณแน่ใจเหรอว่าคุณไม่ได้แกล้งทำเป็นสงบนิ่งเพื่อกลบเกลื่อนความตื่นเต้นดีใจอย่างสุดๆ อยู่” จางเล่ยเอนตัวไปกระซิบกับจี้เฟิงและหัวเราะอย่างกวนๆ
จี้เฟิง จ้องเขม็งไปที่จางเล่ยและอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างโกรธๆ “นายหมายความว่าไง?”
จางเล่ยยิ้มแหยๆและพูดว่า “ก็ไอ้บ้าแบบนายต้องเป็นคนดีขนาดไหน ที่เจอผู้ร้ายสองคนตรงหน้าแล้วจะทำแบบนั้น เพราะถ้าเป็นฉันที่เจอไอ้ชั่วสองคนนั้น ฉันคงเลือกที่จะวิ่งหนีมากกว่า คงไม่มีใครกล้าพอเลือกที่จะต่อสู้อย่างกล้าหาญเหมือนไอ้บ้าแบบนาย!!”
“ฉันไม่ได้กล้าหาญอะไรหรอก มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์มากกว่า”
ในขณะที่พูด ร่างที่สวยและงดงามของถงเล่ยก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา โดยไม่ต้องพูดถึงว่ามีคนร้ายสองคนอยู่ด้านหน้า เพราะต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวกว่านี้ เขาก็จะไม่มีวันถอยหลัง!
จางเล่ยมองไปที่จี้เฟิงด้วยความแปลกใจ เขารู้สึกว่าเพื่อนเขาคนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย
ในความจริง จางเล่ยไม่รู้ว่าในตอนนี้มีหญิงสาวปรากฏขึ้นอยู่ในความคิดของจี้เฟิง นั่นจึงทำให้หัวใจของจี้เฟิงมีความเด็ดเดี่ยวมั่นคงขึ้น เขาได้แตกต่างไปจากเมื่อก่อน มากกว่าที่จางเล่ยคิด
หลังจากการฝึกสมองที่เข้มงวด จี้เฟิงก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น เมื่อเทียบกับเด็กยากจนที่ขี้ขลาดและอ่อนแอก่อนหน้านี้ มันคงเหมือนกับนรกและสวรรค์!
“เออ เจ้าบ้า พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แล้วนี่ พวกเราได้หยุดตั้งสองวัน ถ้านายไม่มีอะไรทำเราไปเที่ยวเล่นกันหน่อยไหม?” จางเล่ยยิ้มกว้างและเสนอว่า “เราไปภูเขาหมางซือกัน!”
“นายคงไม่คิดที่จะไปปีนเขาอีกหรอกนะ ใช่ไหม?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้มหยัน “นายไม่มีความคิดที่ใหม่หรือดีกว่านี้แล้วหรือไง!”
ภูเขาหมางซือเป็นเนินเขาที่อยู่นอกเขตหมางซือไปเล็กน้อย มีความสูงประมาณสองถึงสามร้อยเมตร นอกเหนือจากต้นไม้และก้อนหินแล้ว ก็ไม่ได้มีทิวทัศน์อื่นๆอีก
จางเล่ยมองไปที่จี้เฟิงอย่างดูถูก “เหอะ! เจ้าบ้าไม่รู้อะไรซะแล้ว ถึงภูเขาหมางซือจะไม่ค่อยมีอะไร ที่นอกเหนือไปจากต้นไม้กับก้อนหิน แต่ก็เพราะอย่างนี้ไง มันถึงเป็นสถานที่ที่ดีมากสำหรับการออกเดตของคู่รัก เพราะมันเงียบสงบสุดๆแถมยังมั่นใจได้เลยว่าจะไม่ถูกรบกวนอย่างแน่นอน และที่สำคัญตอนนี้มันมีทะเลสาบเทียมขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ที่เชิงเขาแล้วด้วย และเขาว่ากันว่าที่นี่กำลังจะเตรียมสร้างให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างจริงจัง มันเลยทำให้มีอะไรน่าสนใจมากขึ้นเยอะ ฉันว่ามันก็ไม่เลวเลยนา..!”
“เหมาะสำหรับคู่รัก… เพื่อไปเดต… นี่นายคิดอะไรกับฉัน?” จี้เฟิงถามด้วยความตกตะลึง “นายหมายถึง.. นายจะชวนฉันไปเดต?!!”
“เชี่ยย!!”
จางเล่ยอดไม่ได้ที่จะสบถและมองไปที่จี้เฟิงอย่างดุร้าย ด้วยอารมณ์ขันที่ดูนิ่งเฉยของจี้เฟิง มันทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก..
“ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นคนตลกหน้าตายแบบนี้ได้ ฉันหมายถึงนายก็โทรชวนหัวหน้าชั้นของเราแล้วก็ชวนเพื่อนไปเพิ่มอีกสักคนสองคนแล้วเราก็ไปปิกนิกด้วยกันที่ภูเขาหมางซือ!”
“ไปปิกนิก?” จี้เฟิงรู้สึกงุนงง จากนั้นเขาก็หัวเราะลั่นและพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า~! จางเล่ยสมองนายยังโอเคอยู่ใช่ไหม? นี่มันปลายเดือนกันยากำลังจะเข้าเดือนตุลาแล้วนะ นายคิดว่าตอนนี้อุณหภูมิสูงสุดในตอนเที่ยงเท่าไหร่กัน มันมากกว่า 40 องศาเสียอีกนะ! แล้วนายยังอยากจะไปปิกนิกอยู่อีกงั้นเหรอ?!”
จางเล่ยตะลึงและพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “เออ…ฉันลืมนึกถึงเรื่องสภาพอากาศไป งั้นลองถามความคิดเห็นคนอื่นๆ ดูเผื่อมีความคิดอะไรดีๆ!”
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยในขณะที่เขากำลังจะพูด ก็มีเสียงดังมาจากหน้าห้องเรียน
“เพื่อนนักเรียนที่รักโปรดเงียบ!”
ซูหม่ารองหัวหน้าชั้นยืนขึ้น เขามองไปที่เพื่อนร่วมชั้นทุกคนแล้วพูดว่า “เพื่อนนักเรียนที่รักเนื่องจากวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และยังเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แรกนับตั้งแต่เปิดเทอมมาเกือบหนึ่งเดือนรวมไปถึงเป็นวันหยุดแรกของระดับชั้นม.ปลายปีสามอีกด้วย”
“ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวันพิเศษที่หาได้ยากเลยก็ว่าได้ ดังนั้น ฉันขอแนะนำให้เรามีกิจกรรมกลุ่มของชั้นเรียนในวันหยุดที่จะถึงนี้ และฉันขอเสนอทะเลสาบที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นได้ไม่นานมันอยู่ที่ภูเขาหมางซือ เพื่อเป็นการทำกิจกรรมกลางแจ้งและพักผ่อนอย่างเต็มที่เป็นครั้งสุดท้ายของนักเรียนชั้นม.ปลายปีสามอย่างพวกเรา เพื่อนรักเรียนที่น่ารัก พวกคุณคิดเห็นว่าอย่างไร?”
“ดีมาก!”
“ฉันเห็นด้วย!”
ทันทีที่เสียงของซูหม่าจบลง นักเรียนหลายคนที่มีซูหม่าเป็นศูนย์กลาง ก็ปรบมือและเห็นด้วย
“ใช่แล้ว หลักสูตรของม.ปลายปีสามอย่างเรา มันแน่นมากเกินไปแล้ว ถ้าไม่ไปตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสได้ไปแล้ว!”
“ทะเลสาบที่เพิ่งสร้างใหม่เขาว่าสวยมากเลยนะ สภาพแวดล้อมก็ดีมากด้วย โดยเฉพาะถ้าอากาศร้อน เรายังสามารถว่ายน้ำเล่นได้อีก ไม่มีข้อเสนออันไหนที่ดีไปกว่านี้แล้ว!”
การได้ฟังเสียงปรบมือและความเห็นของเพื่อนนักเรียนในชั้น ทำให้ซูหม่าอดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มอย่างพึงพอใจและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันหวังว่าทุกคนจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ เพราะค่ากิจกรรมเป็นของทุกคนในชั้น!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จางเล่ยและจี้เฟิงต่างมองหน้ากัน และทั้งคู่ก็เห็นแววตาประหลาดใจของกันและกัน
“ให้ตายเหอะ! ฉันเพิ่งจะพูดถึงภูเขาหมางซือไม่ทันไร ไอ้ซูหม่ามันก็พูดขึ้นมาทันที มันเป็นพยาธิตัวกลมอยู่ในท้องฉันรึไงวะ!” จางเล่ยอดไม่ได้ที่จะก่นด่า
“นายมาพูดเรื่องพยาธิอะไรตอนนี้เนี่ย!” จี้เฟิงบ่นเพื่อนด้วยรอยยิ้ม “แล้วนายว่าไง จะไปหรือเปล่า?”
จางเล่ยส่ายหัวเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ก็ว่าจะลองไปดู ก็เหมือนที่มันบอก ยังไงก็ตามเงินค่ากิจกรรมจากค่าเล่าเรียนก็มีส่วนของพวกเราด้วย ถ้าจะให้เงินมันไปใช้ฟรีๆ ฉันเอาไปซื้อข้าวให้หมากินยังดีซะกว่า!”
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้มให้กับความคิดของเพื่อน
“คุณจี้เฟิง… วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของเรา คุณจะมาร่วมกิจกรรมในชั้นเรียนของเราด้วยใช่หรือไม่?” ซูหม่าเดินมาที่ด้านหลังของห้องเรียนและมองไปที่ จี้เฟิงกับจางเล่ย ด้วยรอยยิ้ม “คุณจางเล่ยล่ะ?”
“แน่นอนฉันจะไป!” จางเล่ยตอบทันที
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฉันด้วย!”
ใบหน้าของซูหม่าปรากฏรอยยิ้มขึ้นทันที เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “เยี่ยมมาก การมีส่วนร่วมของพวกคุณ จะทำให้กิจกรรมในชั้นเรียนของเรามีชีวิตชีวามากขึ้นอย่างแน่นอน! และฉันหวังว่า…”
จู่ๆ จางเล่ยก็พูดขัดขึ้น “ซูหม่า! ดูเหมือนก่อนหน้านี้นายไม่ได้มีความสนใจในกิจกรรมอะไรพวกนี้นัก แล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้ดูกระตือรือร้นขึ้นมาได้ขนาดนี้ หรือมีเหตุผลอะไรอย่างอื่น?”
เมื่อมองไปที่จางเล่ยที่กำลังทำท่าเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง หัวใจของซูหม่าก็กระตุกวูบ แต่ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ และพูดขึ้นว่า “พี่เล่ย… ก็เมื่อก่อนฉันรู้เรื่องกิจกรรมของชั้นเรียนแค่เล็กๆน้อยๆ เลยไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่ตอนนี้ฉันโตขึ้น ฉันเลยเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว!”
“โอ้…” จางเล่ยยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้าแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก เขายังคงมีความสงสัยในตัวซูหม่าอยู่ในใจ
จี้เฟิงที่อยู่ข้างๆ ก็คิดสงสัยเช่นกันว่าต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่ชวนไปทำกิจกรรมนอกสถานที่ เขาเห็นได้จากแววตาเจ้าเล่ห์ของซูหม่าที่มองมายังพวกเขาอย่างชัดเจน!
“หรือซูหม่าจะวางแผนชั่วอะไรไว้อีก?” จี้เฟิงคิดในใจอย่างเงียบๆ
…จบบทที่ 37~