The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 40
บทที่ 40 เพื่อนสนิทที่เพิ่งรู้จัก
คนกลุ่มหนึ่งที่นั่งรถประจำทางมาจากโรงเรียนมัธยมปลายหมางซือวิทยาเขตที่สอง มาถึงภูเขาหมางซือภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ทันทีที่พวกเขามาถึงภูเขาหมางซือ นักเรียนหญิงต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกัน ถึงความร้อนแรงจากดวงอาทิตย์ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเป็นเวลาเก้าโมงเช้า และพื้นที่รอบๆ ภูเขาหมางซือนั้นโล่งและว่างเปล่ามาก โดยมีแสงแดดแผดเผารุนแรงจากด้านบนลงมาที่ศีรษะโดยตรง ทำให้พวกเขาร้อนอบอ้าวจนรู้สึกไม่สบายตัว
ซูหม่าพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ไม่ต้องเป็นกังวล เพื่อนนักเรียนที่รัก เมื่อเราเข้าไปในเขตภูเขาที่มีต้นไม้มากมายมันจะทำให้อากาศเย็นขึ้น และเราจะไม่ร้อนจนรู้สึกอึดอัดกันอีกต่อไป!!”
เมื่อได้ยินดังนั้นกลุ่มคนก็รีบเดินตรงไปที่ภูเขาหมางซืออย่างรวดเร็ว และในเวลานี้มีเด็กผู้หญิงหลายคนได้หยิบร่มที่พกติดตัวมาด้วยขึ้นมากางกันหมดทุกคน ถ้าหากมองจากระยะไกล ร่มกันแดดหลากสีสันหลายสิบคันเชื่อมต่อกัน ทำให้เกิดเป็นภูมิทัศน์ที่สวยงาม!
“ว้าวว มันเจ๋งมาก!”
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในเขตป่าของภูเขาหมางซือ ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นสบายก็เกิดขึ้นทันที และเหล่านักเรียนทั้งหลายที่ถูกแสงแดดแผดเผาก็อดไม่ได้ที่จะโห่ร้องพร้อมกับแสดงออกถึงความพอใจบนสีหน้าของพวกเขา
“เป็นไง ที่นี่ยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ?” ซูหม่ากล่าวพร้อมรอยยิ้มด้วยท่าทางภาคภูมิใจมาก “เรียนเพื่อนนักเรียนที่รัก วันนี้เราจะมาปิกนิกกันที่ภูเขาหมางซือแห่งนี้”
“ปิกนิก? พวกเราไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ฉันมีแค่ขนมที่พกมากินเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แล้วเราจะปิกนิกกันได้ยังไง?” นักเรียนบางคนถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“หึหึ~ ตั้งแต่ที่ฉันเลือกที่นี่ ฉันก็ได้หาข้อมูลเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว พวกเราไม่ต้องลำบากเตรียมของปิกนิกมาด้วยตัวเองหรอก!” ซูหม่าในตอนนี้ดูราวกับสุภาพบุรุษผู้พึ่งพาได้ เขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
เขายิ้มกว้างและพูดต่อว่า “ถ้าเราเดินไปเรื่อยๆจากทางใต้ จะมีทะเลสาบเทียมที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามมาก แถมยังอยู่ในช่วงทดลองการใช้งาน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีร้านค้าที่ให้เช่าอุปกรณ์ปิกนิกอย่างครบครันอยู่ไม่ไกล สิ่งที่เราจะต้องทำมีเพียงแค่ไปเช่าและขนย้ายมาเท่านั้น!”
“จริงเหรอ?!”
เด็กนักเรียนหญิงบางคนเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็กล่าวอย่างชื่นชมทันที “ผู้นำทีมซูหม่านี่สุดยอดจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรล่ะ เราไปกันเถอะ!” ซูหม่าพูดด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันเขาก็หันหน้าไปมองทางเซียวหยูซวนและถงเล่ย เขาพยายามแสดงรอยยิ้มที่เขาคิดว่ามีเสน่ห์ที่สุดของเขาและพูดว่า “อาจารย์เซียว ถงเล่ย ไปกันเถอะ!”
ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงของการเดินทางบนรถบัสมายังภูเขาหมางซือ ทำให้ถงเล่ยและเซียวหยูซวนผู้ซึ่งไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนกลายมาเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่คุยกันถูกคอเป็นอย่างมาก หากมองจากภายนอกผู้คนจะต้องคิดว่าพวกเธอนั้นเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน!
แม้แต่จี้เฟิงและจางเล่ยที่พอจะรู้จักทั้งสองสาว ยังตกตะลึงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยสักนิด
โดยเฉพาะจางเล่ย เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก ในตอนนี้จางเล่ยรู้สึกว่าเขาไม่สามารถเข้าใจในตัวถงเล่ยน้องสาวของเขาได้อีกแล้ว ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขารู้จักถงเล่ยน้องสาวเขาเป็นอย่างดี เนื่องจากต้นกำเนิดที่สูงส่งและการเลี้ยงดูที่ดีราวกับไข่ในหิน จึงทำให้ไม่มีคนรอบตัวคนไหนกล้าเข้าหาเธอและมีความจริงใจที่อยากจะเป็นเพื่อนกับเธอจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นโดยปกติแล้ว ถงเล่ยไม่ใช่คนที่ชอบผูกมิตรและสนิทกับใครจนมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอรู้ว่าคนที่เข้าหาเธอนั้นมีจุดประสงค์บางอย่าง นั่นยิ่งทำให้เธอกลายเป็นคนเย็นชา
จางเล่ยเคยปวดหัวกับนิสัยแบบนี้ของน้องสาวตัวเองพอสมควร เพราะเขารู้ดีว่าการไม่มีเพื่อนนั้นมันเหงาแค่ไหน จางเล่ยคาดหวังมาเสมอว่า น้องสาวที่น่ารักของเขาจะเปิดใจหรือเจอเพื่อนที่จริงใจกับเธอสักคน เหมือนกับความสัมพันธ์ของเขาและจี้เฟิง เพื่อนที่จริงใจและสามารถไว้ใจได้!
อย่างไรก็ตามการจะหาบุคคลอย่างที่กล่าวมานั้น มันก็เป็นเรื่องยากพอสมควร เพราะที่ผ่านๆมา ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้รู้จักตัวตนและต้นกำเนิดของถงเล่ย ก็มักจะรักษาระยะห่างจากเธอทันที หรือบางคนที่เข้าหาก็มีแรงจูงใจในเรื่องผลประโยชน์แอบแฝงในการคบหากับเธอเสมอ
เพียงแต่ตอนนี้.. ถงเล่ยและครูสาวสวยคนใหม่นี้ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเพื่อทำความรู้จักและพูดคุยกันอย่างถูกคอ อย่างน้อย..ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี!
เพียงแค่เท่านี้จางเล่ยก็รู้สึกประหลาดใจมากพอแล้ว แต่สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้านั้นเหนือกว่าสิ่งที่เขาคาดหวังไว้มาก ทั้งสองสาวพูดคุยกันอย่างสนิทสนมราวกับว่าพวกเธอนั้นรู้จักกันมาเป็นเวลานาน อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขมาก ที่เห็นน้องสาวที่น่ารักผู้แสนเย็นชาของเขาได้มีเพื่อนที่ดีสักที! “เฮ้อ~” เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในตอนนี้จี้เฟิงที่อยู่ข้างๆ เขาก็ถอนหายใจเช่นเดียวกัน หญิงสาวสองคนนี้เปรียบได้เหมือนกับน้ำแข็งและหิมะ ถึงแม้จี้เฟิงจะไม่รู้ว่าพวกเธอทั้งสองพูดคุยเรื่องอะไรกัน แต่เมื่อมองไปยังท่าทางที่มีความสุขของพวกเธอ เขาก็เข้าใจอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเธอต่างก็มีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน อาจจะเพราะด้วยทั้งสองสาวเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดเหมือนกัน คนที่คุยภาษาเดียวกันมักจะเข้าขากันได้ดีเสมอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเธอสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว!
เหล่านักเรียนกลุ่มหนึ่งเดินเล่นไปรอบๆ จากทางด้านทิศใต้ของภูเขาหมางซือ ในป่าที่มีอากาศเย็นกว่าด้านนอกนั้นมีสายลมพัดมาเรื่อยๆ ทำให้ทุกคนรู้สึกเย็นสดชื่นและสบายตัวมากขึ้น
ซูหม่าที่เดินนำหน้ากลุ่มนักเรียนอยู่บนถนน หันไปคุยกับถงเล่ยและเซียวหยูซวนที่อยู่ด้านข้างเป็นระยะ พวกเธอก็พูดตอบโต้บ้างเป็นครั้งคราว ดูราวกับว่าพวกเขาทั้งสามคนเป็นเพื่อนที่เก่าแก่และสนิทสนมกันมานาน!
จางเล่ยที่กำลังเดินตามอยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นฉากนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่พูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ไอ้ซูหม่า ดูมีความสุขมากเหลือเกินนะ!”
“ถ้าทนดูไม่ไหว นายก็ลองทำแบบมันดูบ้างสิ ฮ่าฮ่า..” จี้เฟิงบอกกับจางเล่ยและหัวเราะแห้งๆ
เมื่อจี้เฟิงเห็นซูหม่า ถงเล่ย และเซียวหยูซวนพูดคุยล้อเล่นหยอกล้อหัวเราะกันเป็นครั้งคราว หัวใจของจี้เฟิงกลับรู้สึกหม่นหมองลงเล็กน้อย ตัวเขาเองก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่ปากพูด!
“ไอ้บ้า!” เมื่อได้ยินสิ่งที่จี้เฟิงพูด จางเล่ยก็อดไม่ได้ที่จะระบายความอัดอั้นในใจ “ไอ้เจ้าบ้า ฉันขอพูดตรงๆเลยนะ ถ้าที่บ้านฉันไม่เข้มงวดมากขนาดนี้ ฉันก็อยากจะลองมีความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนเหมือนกันน่ะแหละ แต่น่าเสียดายพวกคนแก่ที่บ้านฉันเขาเข้มงวดกับเรื่องพวกนี้มากจริงๆ โดยเฉพาะพ่อของฉัน ถ้าเขารู้เข้านะ อย่างน้อยๆ ฉันคงโดนขัดขวางด้วยการหักขาฉันไปซักข้าง… เพราะงั้นเอาโอกาสแบบนี้ให้คนอื่นเถอะ!”
“น่าเห็นใจๆ…” หลังจากจี้เฟิงทำท่าเห็นอกเห็นใจเพื่อน เขาขมวดคิ้วและกระซิบกับจางเล่ยว่า “ฉันไม่รู้ว่าทำไมซูหม่าถึงอยากจะจัดกิจกรรมนอกสถานที่ในครั้งนี้นัก แต่ฉันคิดว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน เพราะคนอย่างซูหม่ามันไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น!”
“ก็ให้มันลองดู!” จางเล่ยพูดอย่างเย้ยหยัน “ไม่ว่ามันคิดจะทำบ้าอะไร ตราบใดที่มันไม่มายุ่งกับพวกเรา ฉันก็จะปล่อยมันไป แต่ถ้ามันกล้าที่มาแตะต้องหรือทำอะไรพวกเราแม้แต่น้อย ฉันจะทำให้มันต้องรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต!”
“ฮะฮะ!” จี้เฟิงหัวเราะแบบละเหี่ยใจเขาส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดแซวจางเล่ย “ตกลงนายเป็นนักเรียนหรือนักเลงกันแน่!”
“ถ้าเลือกได้ ฉันก็อยากจะเป็นนักเลงนะ ฮ่าฮ่าฮ่า~!!” จางเล่ยตอบพร้อมกับหัวเราะลั่น
ในขณะที่ทั้งสองคนคุยกันพวกเขาก็เดินมาถึงทางด้านทิศใต้ของภูเขาหมางซือ และเมื่อมองไปรอบๆ ทะเลสาบเทียมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา พื้นผิวของทะเลสาบที่ถูกสะท้อนไปด้วยแสงแดดจนเกิดประกายระยิบระยับ เป็นภาพที่สวยงามมาก
พื้นที่โดยรอบของทะเลสาบมีครึ่งหนึ่งที่เชื่อมติดอยู่กับภูเขาหมางซือ ส่วนที่เหลือเชื่อมต่อกับพื้นที่ทุรกันดารแทบมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
บนชายฝั่งระหว่างภูเขาหมางซือและทะเลสาบเทียม มีบ้านพักตากอากาศและอาคารที่ถูกสร้างขึ้นใหม่อยู่แถวหนึ่งมีควันพวยพุ่งขึ้นมาทำให้ดูเหมือนว่าบ้านพักมีชีวิต และอาคารบ้านพักเหล่านั้นทำให้รู้สึกได้ถึงถนนการค้าที่คึกคัก
“เพื่อนนักเรียนที่รัก ช่วยรอตรงนี้สักครู่ ฉันขอเพื่อนผู้ชายสักสองสามคนไปกับฉันที่ร้านค้า เราจะไปเช่าอุปกรณ์ปิกนิกกัน!” ซูหม่าพูดด้วยเสียงอันดังในขณะที่เขาตั้งใจมองไปที่ที่จี้เฟิงยืนอยู่ นั่นทำให้นักเรียนคนอื่นๆ หันไปมองตามสายตาของซูหม่า….
…จบบทที่ 40~