The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 66
บทที่ 66 การเผชิญหน้าที่ไม่คาดคิด
“เออ..เจ้าบ้า เผิงเฉิงโฮเทล นี่เรียกได้ว่าเป็นโรมแรมที่ดีโรงแรมนึงในหมางซือเลยนะ!”
จางเล่ยที่นั่งอยู่ฝั่งหนึ่งของโต๊ะอาหารในห้องหมายเลข 88 เขาพูดพร้อมกับยิ้มให้จี้เฟิง ส่วนซิกเนเจอร์ของร้านนี้คืออาหารจานพิเศษ 4 อย่าง “นายลองดูที่หน้าแรกของเมนู ทั้ง 4 อย่างนั้นเป็นอาหารที่อร่อยและเด็ดที่สุดของที่นี่ ไหนๆฉันก็เป็นเจ้ามือ ฉันจะให้นายถล่มฉันได้เต็มที่! เชิญนายสั่งได้ตามสบายเลยใช่ว่าเราจะได้มากินอาหารดีๆ ระดับโรงแรมแบบนี้บ่อยๆ!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า “เล่ยซือคุณจะอวดความเป็นเจ้าชายแห่งหมางซืออย่างนั้นเหรอ?!”
ห้องอาหารหมายเลข 88 ที่พวกเขานั่งกันอยู่ในตอนนี้ มันไม่ใช่แค่เพียงพอที่จะใช้รองรับสำหรับลูกค้าจำนวนสองคนเท่านั้น แต่มันกว้างขวางมากจนสามารถรองรับจำนวนคนได้มากถึงแปดสิบคนได้อย่างสบายๆ แต่ในตอนนี้กลับมีเพียงแค่นักเรียนสองคนที่ใช้ห้องพิเศษหมายเลข 88 นี้ และกำลังคุยกันอย่างเอิกเกริก
จางเล่ยตกใจ เขาส่ายหัวและยิ้มอย่างบิดเบี้ยว “เจ้าบ้านายอย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิด ฉันแค่จะบอกนายว่าไหนๆเราก็มาถึงที่หรูๆดีๆแบบนี้ทั้งที ฉันเลยจะให้นายกินให้เต็มที่ไปเลย แล้วถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ที่นี่แต่เป็นร้านอาหารข้างทางก็ตามฉันก็จะยังพูดเหมือนเดิม เพียงแต่วันนี้ฉันอยากให้มันพิเศษหน่อยเพราะฉันได้มากินอาหารกับน้องชายที่รักของฉันเป็นครั้งแรก อย่างน้อยๆฉันก็อยากจะให้เป็นร้านที่ดีและอาหารที่อร่อยจริงๆ เพราะมันอาจจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีในอนาคตก็ได้ใครจะรู้!”
จี้เฟิงหัวเราะลั่นเขาโบกมือแล้วพูดว่า “ฉันตามใจนายอยู่แล้ว เพราะยังไงนายก็เป็นเจ้ามือ ต่อให้ฉันจะกินหอยเป่าฮื้อเงินในกระเป๋านายก็คงไม่สะเทือนหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า!”
จางเล่ยกลอกตา “ไอ้บ้านี่เป้าฮื้อเป็นยังไงฉันยังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ!”
จี้เฟิงหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นนายก็แย่กว่าฉันแล้วล่ะเพราะอย่างน้อยฉันก็เคยเห็นหอยเป่าฮื้อในทีวี!”
สำหรับนักเรียนมัธยมปลายทั้งสองคนนี้ แม้ว่าสภาพครอบครัวและสถานะการเงินของพวกเขาจะแตกต่างกัน แต่จางเล่ยเป็นผู้ที่ถูกคำว่า “เด็กผู้ชายยากจน” ตีกรอบไว้ตั้งแต่เกิด เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เรียกได้ว่าไม่ได้มีความสุขมากนัก เรียกได้ว่าแทบไม่ต่างจากจี้เฟิงเลยทีเดียว
พวกเขาทั้งสองคนสั่งอาหารทั้งสี่อย่างแบบติดตลก แต่จี้เฟิงไม่ได้สั่งอาหารสี่อย่างใดๆที่อยู่ในหน้าแรกของเมนูเลย เพราะแค่เห็นราคาเขาก็ไม่อยากจะรู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นอาหารประเภทไหน
จานเด็ดราคา 888… เลขสวยและเป็นมงคลมาก แต่สำหรับจี้เฟิงแล้วเลขนี้รู้สึกเป็นภัยพิบัติมากกว่า
เมื่อก่อนจี้เฟิงและแม่ของเขามักจะใช้จ่ายน้อยกว่า 800 หยวนต่อเดือน แล้วถ้าแม่ของเขารู้ว่าเขากินอาหารหนึ่งจานที่ราคามากกกว่า 800 ล่ะก็…
“เจ้าบ้าอาหารพวกนี้เป็นการตัดสินใจของนาย อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน!” จางเล่ยมองดูอาหารที่จี้เฟิงสั่งไปสองสามอย่างแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แต่ฉันก็ยังไม่เคยกินอาหารพวกนี้เหมือนกัน มันดูน่าอร่อยดีแฮะ…”
“ลืมไปเลย! เรารีบกินกันให้เสร็จๆกันเถอะ ฉันอยากรีบกลับบ้านอย่าคิดว่าเด็กนักเรียนทุกคนจะสบายเหมือนนาย..” จี้เฟิงบ่นด้วยรอยยิ้มและกำลังจะพูดต่อ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังเอะอะอยู่ด้านนอก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นผมจองห้องหมายเลข 88 นี้ไว้ตั้งแต่เมื่อตอนเช้าแล้ว ตอนนี้ทำไมถึงแจ้งว่าห้องเต็มแล้วเลือกที่จะคืนเงินมาแบบนี้ นี่เหรอโรงแรมชั้นนำของเมืองนี้!?”
เสียงที่ค่อนข้างเย่อหยิ่งดังเข้ามาภายในห้องที่จี้เฟิงและจางเล่ยอยู่ ถึงแม้พวกเขาจะอยู่กันคนละฝั่งและมีประตูกั้นจนทำให้ได้ยินไม่ค่อยชัด แต่ด้วยประสาทสัมผัสที่ดีของจี้เฟิง เขาจึงสามารถได้ยินประโยคเหล่านั้นได้ทั้งหมดอย่างชัดเจน
“เกิดอะไรขึ้นด้านนอกมีปัญหาอะไรกัน เสียงถึงดังเข้ามารบกวนลูกค้าแบบนี้?!” จางเล่ยบ่นอย่างไม่พอใจพร้อมกับหันหน้าไปถามพนักงานที่คอยบริการเขาอยู่ด้านข้าง
พนักงานยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร จี้เฟิงหันไปหาจางเล่ยและถามว่า “เล่ยซือนายจองห้องนี้ไปตอนไหน?”
“จองไว้ก่อนที่จะเข้าเรียนช่วงบ่าย” จางเล่ยตอบ “ฉันใช้เวลาช่วงว่างตอนพักกลางวัน โทรหาผู้จัดการโรงแรมบอกให้เขาจัดการจองห้องอาหารไว้ให้ฉันห้องหนึ่ง!”
“มันง่ายอย่างนั้นเลย?” จี้เฟิงถาม
“แน่นอนมันก็ง่ายอย่างนั้นแหละ ทำไมมันถึงเป็นเรื่องยากล่ะ?” จางเล่ยถามจี้เฟิงด้วยความงุนงง “มันมีอะไรหรือเปล่าห้องนี้มันไม่ดีเหรอ?”
จี้เฟิงยิ้มและส่ายหัวเขาชี้ไปทางประตูห้องแล้วพูดว่า “คนที่ส่งเสียงดังอยู่ข้างนอกเหมือนจะมีปัญหาเกี่ยวกับห้องอาหารห้องนี้!”
“เป็นไปไม่ได้?” จางเล่ยขมวดคิ้ว
“ฉันว่ามันเป็นไปได้เพราะคนข้างนอกบอกว่าเขาจองห้องนี้ตั้งแต่เมื่อเช้า แล้วพอเขามาถึง ปรากฎว่าห้องนี้ได้ถูกใช้งานแล้วจากลูกค้าคนอื่นเพราะอย่างนั้นพวกเขาเลยโมโหมาก ฉันว่าคนที่เป็นผู้ร้ายในเรื่องนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายแล้วล่ะเล่ยซือ ฮ่าฮ่า…” จี้เฟิงหัวเราะแห้งๆ
“แม่งเอ๊ย!”
จางเล่ยถึงกับสบถเขานิ่งไปสักพักแล้วตะคอกขึ้นมาว่า “ไอ้ผู้จัดการนั่นมันทำเรื่องให้ฉันแล้วมั้ยล่ะ!”
“นายหมายถึงอะไร?” จี้เฟิงตะลึงและไม่เข้าใจที่จางเล่ยพูด
จางเล่ยยิ้มอย่างขมขื่น “ก็ที่ฉันโทรหาผู้จัดการ ฉันเอาบัตรวีไอพีมาจากที่บ้าน แล้วฉันก็โทรมาตามหมายเลขที่อยู่บนการ์ด แต่ประเด็นสำคัญของปัญหานี้ก็คือการ์ดใบนี้มันเป็นของพ่อฉัน แล้วถ้าเขารู้ว่าฉันพกการ์ดของเขาไปไหนมาไหน ในทุกๆที่ที่ฉันไปหรือแม้กระทั่งมามีปัญหาแย่งห้องอาหารบ้านี่กับคนอื่น ฉันคิดว่าฉันคงจะกลายเป็นศพเร็วๆ นี้แล้วล่ะ!”
หลังจากจี้เฟิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หัวเราะลั่นขึ้นมาทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า~ เจ้าชายแห่งหมางซือใครกันจะทำใจไม่ให้รักคุณได้ ในเมื่อคุณชวนผมมาดินเนอร์และจองห้องอาหารหรูหมายเลข 88 ไว้ขนาดนี้ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าที่คุณทำได้ขนาดนี้เป็นเพราะคุณขโมยของมาจากพ่อของคุณ คุณนี่มัน…หน้าหนาไร้ยางอายจริงๆ ฮ่าๆๆ!!”
“เชี่ย!!” จางเล่ยด่าจี้เฟิงและทำได้แค่เพียงยิ้มเจื่อนๆ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ไอ้บ้าจี้เฟิง ถ้าไม่ใช่เพราะฉันหน้าด้านไร้ยางอายไปขโมยบัตรวีไอพีพ่อมา ฉันจะพานายมากินอาหารโรงแรมหรูๆแบบนี้ได้เหรอ แล้วถ้าไม่ใช่เพราะฉันโทรหาผู้จัดการคนนั้นก่อนฉันกับนายคงไม่ได้เข้ามานั่งกันอยู่ตรงนี้หรอก!”
จี้เฟิงไม่ได้พูดตอบอะไรไปเขาแค่ยิ้มเยาะและชี้ไปที่ประตู
จางเล่ยกัดฟันทันทีและพูดว่า “คุณบริกร คุณช่วยโทรหาผู้จัดการของคุณทันทีและให้เขามาจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นผมจะมาคิดบัญชีกับเขาแน่นอน และถึงแม้ว่าผมจะถูกพ่อทุบตีจนตายผมก็จะลากเขาไปด้วย! รีบๆจัดการ ถ้าไม่อยากให้โรงแรมนี้ต้องปิดตัวลง!”
เมื่อได้ฟังพนักงานเสิร์ฟก็ตกใจมาก เธอรู้ดีว่าคนที่สามารถใช้บริการห้องหมายเลข 88 นี้ได้อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่ร่ำรวยมาก เพราะห้องนี้เลือกรับเฉพาะแขกวีไอพีที่พิเศษจริงๆเท่านั้น เธอพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “กรุณารอสักครู่” แล้วรีบเดินออกไปทันทีเพื่อที่จะไปแจ้งเรื่องให้กับผู้จัดการโรงแรมทราบ
แต่ไม่ทันที่พนักงานเสิร์ฟจะเดินออกไปจากห้อง ประตูได้ถูกเปิดออกจากด้านนอกแล้วมีร่างของคนคนหนึ่งก้าวเข้ามา
จี้เฟิงและจางเล่ยมองไปที่ประตูอย่างพร้อมเพียงกัน คนที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้าเป็นชายหนุ่มที่ดูดีใบหน้ามีความอ่อนโยนเพียงแต่ในตอนนี้แววตาของเขาดุร้ายมาก ชายหนุ่มคนนี้มีผิวที่ขาวและสูงไม่มากนัก เขามีส่วนสูงประมาณ 172 เซนติเมตร
“ปึง!!”
ก่อนที่จางเล่ยและจี้เฟิงจะได้พูดอะไร ชายคนนั้นก็ตบโต๊ะและพูดด้วยความหยิ่งผยองว่า “พวกคุณสองคนเป็นใคร คุณไม่รู้หรือว่าผมจองห้องนี้ไว้ก่อนแล้ว ทำไมถึงกล้ามาแย่งของที่คนอื่นจองไว้ก่อนแล้วแบบนี้!”
จบบทที่ 66~