The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 68
บทที่ 68 ร่วมโต๊ะ!
“อาจารย์เซียว คุณจะไม่แนะนำให้พวกเรารู้จักกันหน่อยเหรอครับ” จางเล่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอพูดด้วยเสียงอันเบาว่า “นี่แฟนฉันเหอตง ส่วนเด็กสองคนนี้เป็นนักเรียนของฉันเอง จี้เฟิงและจางเล่ย”
จี้เฟิงกับจางเล่ยพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย แต่เหอตงทำเพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “สองหนุ่มนี่ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ ยังเป็นนักเรียนอยู่แท้ๆ แต่มากินอาหารที่โรงแรมหรูแบบนี้มันไม่ฟุ่มเฟือยไปหน่อยหรอ?”
จี้เฟิงและจางเล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน จากคำพูดของเหอตงที่ดูเหมือนจะถามด้วยความเป็นห่วง แต่ในความเป็นจริงในประโยคนั้นเต็มไปด้วยคำพูดประชดประชันและเหน็บแนม
เซียวหยูซวนก็คิดไม่ต่างจากเหอตงสักเท่าไหร่ เธอรู้ว่าโรงแรมนี้หรูหรามากและอาหารก็ราคาแพงพอสมควร เธอจึงพยักหน้าและพูดเสริมอย่างเห็นด้วย “นั่นน่ะสิพวกเธอยังเป็นนักเรียนอยู่เลย ทำไมถึงใช้เงินสิ้นเปลืองมากินอาหารที่โรงแรมหรูแบบนี้!”
“เป็นแค่ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเราน่ะครับ ก็เลยมาลองดูกันเฉยๆ” จี้เฟิงตอบพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“อ้อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง เด็กหนุ่มสองคนนี้นี่น่าสนใจจริงๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเธอพากันมาถึงที่นี่เพียงเพื่อจะสั่งบะหมี่สองชามงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า!” เหอตงหัวเราะด้วยเสียงดังลั่นอย่างสะใจและแฝงไปด้วยความดูถูก และความหมายของคำพูดของเขานั้นมันไม่อาจจะชัดเจนไปได้มากกว่านี้แล้ว!
เซียวหยูซวนตีไปที่แขนของเหอตง เป็นการห้ามให้เขาเลิกพูดเรื่องนี้ เหมือนเธออยากจะบอกว่า คำพูดของเหอตงนั้นอาจจะทำร้ายความรู้สึกของจางเล่ยและจี้เฟิงได้
จางเล่ยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า” จี้เฟิงหัวเราะและพูดว่า “คุณเหอตงนี่เป็นคนตลกดีนะครับ พวกเราไม่เคยมาร้านอาหารชั้นสูงแบบนี้ เลยอยากจะลองสัมผัสดูสักครั้ง ส่วนเรื่องที่บอกว่าฟุ่มเฟือยนั้น… พอดีว่าจางเล่ยเพื่อนของผมบังเอิญมีบัตรส่วนลดอยู่ ดังนั้นเราเลยไม่ต้องใช้เงินอะไรมาก!”
“โอ้วว!!” เหอตงเหลือบมองไปที่จางเล่ยด้วยความประหลาดใจ “เด็กหนุ่มคนนี้ได้บัตรส่วนลดมาจากไหนล่ะ ที่บ้าน? แล้วพ่อแม่ของเธอทำงานอะไร? พนักงานบัญชีหรือเปล่า?”
ความโกรธครุกรุ่นอยู่ในใจจางเล่ย แต่เขาไม่อยากทำให้เสียเรื่องต่อหน้าเซียวหยูซวน เขาไม่ได้แสดงความโกรธออกมา สิ่งที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าเขามีเพียงรอยยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พ่อแม่ของฉันทำแค่ธุรกิจเล็กๆน้อยๆ เราอย่ามาเสียเวลาคุยเรื่องนี้กันเลย”
ความโล่งใจปรากฎขึ้นบนรอยยิ้มของเหอตง เมื่อรู้ที่มาที่ไปของจางเล่ย มันทำให้เขารู้สึกมั่นใจและเหนือกว่า
จางเล่ยแอบขยิบตาให้กับจี้เฟิง ดูเหมือนเขาอยากจะบอกว่า “เป็นไง? สายตาที่ฉันมองคนไม่ผิดจากที่พูดเลยสินะ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้ชายที่ดี!”
จี้เฟิงเข้าในสิ่งที่จางเล่ยเพื่อนสนิทของเขาพยายามสื่อให้เขารู้โดยธรรมชาติ เขายิ้มกลับไปเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร
“อืม.. ในเมื่อพวกเธออยากจะลองสัมผัสอะไรที่หรูหราสักครั้งในชีวิต แล้วในฐานะที่พวกเธอก็เป็นลูกศิษย์ของหยูซวน ฉันจะช่วยจัดการให้แล้วกัน!” เหอตงพูดด้วยรอยยิ้ม “พนักงานเสิร์ฟเอาสิ่งที่ดีที่สุดของที่นี่มาให้พวกเรา!”
พนักงานเสิร์ฟยิ้มรับอย่างมืออาชีพ เธอเดินเข้ามาแล้วพูดอย่างสุภาพว่า “สวัสดีค่ะท่าน ทางโรงแรมของเรามีแพ็คเกจอาหารที่ดีที่สุดถึงสี่แบบ ซึ่งแต่ละแบบมีความแตกต่างกันตามรสนิยมของคุณลูกค้า ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการแบบไหนดีคะ?”
“โอ้?” เหอตงยิ้มและกล่าวว่า “ฉันนึกไม่ออกเลยว่า เมนูพิเศษของเขตเล็กๆอย่างหมางซือจะมีรสชาติแบบไหน!”
“ค่ะ ทางเรามีอาหารทั้งหมด 8 ประเภทรวมอยู่ในแพ็คเกจนี้ รวมถึงอาหารทานเล่นอาหารรสชาติเบาๆไปจนถึงเผ็ดร้อน และราคาทั้งหมดของแพ็คเกจนี้จะอยู่ที่ 18,888 หยวนค่ะ” พนักงานเสิร์ฟตอบกลับด้วยความสุภาพอ้อนน้อม
“เท่าไหร่นะ?” เหอตงตกใจกับราคาที่มากกว่าหนึ่งหมื่นแปดพันหยวน
แม้ว่าเขาจะมีเงินไม่น้อย แต่อาหารราคาเกือบ 20,000 หยวน มันก็ยังทำให้เขารู้สึกหนักใจพอสมควร
เมื่อนึกถึงว่าหากเขาต้องมาเสียหน้าต่อหน้าแฟนสาวและนักเรียนของเธอแล้ว สีหน้าของเหอตงที่ดูบิดเบี้ยวอยู่แล้วในตอนนี้ก็แทบจะดูไม่ได้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ร้านอาหารประเภทไหนกัน ทำไมถึงคิดราคาแพงขนาดนี้?”
“ค่ะ นี่คือราคามาตรฐานของทางโรงแรม ถ้าคุณลูกค้าคิดว่าเมนูอาหารชุดนี้แพงไป คุณลูกค้าสามารถเลือกเมนูอาหารราคาถูกชนิดอื่นจากในเมนูได้เลยค่ะ ทางโรงแรมเรามีอาหารราคาถูกบริการด้วยเช่นกัน!” พนักงานเสิร์ฟกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ราคาถูกอะไร!” เหอตงรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “คิดว่าฉันไม่มีปัญญาจ่ายค่าอาหารกับเงินแค่ 20,000 หยวนเหรอ? ฉันแค่สงสัยว่าร้านของคุณใช้เกณฑ์อะไรในการกำหนดราคาอาหารที่มันดูออกจะแพงเกินไปสำหรับเขตเมืองเล็กๆแบบนี้!”
พนักงานเสิร์ฟตกใจและทำอะไรไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอย่างไร
จางเล่ยที่กำลังทำหน้าตึงเครียดเขาโบกมือไปทางเด็กเสิร์ฟแล้วพูดว่า “ไม่ต้องพูดถึงแพ็คเกจอาหารพวกนั้น ลืมมันไปฉันเอาแค่อาหารชุดเล็กๆ ราคาไม่เกิน 1,000 หยวนก็พอ อีกอย่างถ้าสั่งมามากเกินไปเราก็กินมันไม่หมดอยู่ดี!”
“ได้เลยค่ะคุณลูกค้า!” พนักงานเสิร์ฟตอบรับด้วยความสุภาพ และรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“เธอ..จางเล่ยใช่ไหม? ที่เธอพูดแบบนั้น เธอคิดว่าฉันไม่สามารถจ่ายค่าอาหารราคา 20,000 หยวนได้งั้นเหรอ?” ในเวลานี้ร่องรอยการยิ้มที่ดูเป็นผู้ชนะและเหนือกว่าของเหอตงไม่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าแล้ว
“คุณกำลังพูดถึงอะไร!” เซียวหยูซวนตีแขนเขาด้วยความโกรธ “จางเล่ยก็พูดถูกแล้ว พวกเราไม่ได้กินอะไรกันเยอะขนาดนั้น แล้วอีกอย่างฉันก็คิดว่ามันแพงเกินไปสำหรับอาหารเพียงแค่มื้อเดียว!”
“หยูซวน ผมแค่อยากให้คุณได้ทานอาหารดีๆ เพราะตั้งแต่คุณมาอยู่เขตเมืองเล็กๆนี่ คุณคงไม่ค่อยได้ทานอะไรดีๆเท่าไหร่ เพราะร้านอาหารดีๆคงไม่ค่อยจะมี ผมรู้สึกทุกข์ใจทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้!” เหอตงยิ้มอ่อนโยนให้เซียวหยูซวน “มันจะดีกว่าไหมถ้าคุณทำตามที่ผมแนะนำ ที่ให้คุณไปทำงานที่บริษัทเดียวกันกับผม ผมสามารถคุยให้คุณได้อย่างสบายๆ คุณแค่มีหน้าที่เข้าไปทำงานแล้วได้ตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไปในทันที!”
“ไม่ดีกว่า ฉันเคยบอกไปแล้วว่าตอนนี้ฉันอยากจะทำงานเป็นครูแล้วอีกอย่างนักเรียนของฉันที่นี่ก็น่ารักมาก!” เซียวหยูซวนปฎิเสธอย่างสุภาพ เธอพูดอย่างชาญฉลาด “รอฉันเบื่อกับการเป็นครูเมื่อไหร่ ฉันจะไปทำงานกับคุณแน่นอน!”
เหอตงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณจะรออะไร ในเมื่อถ้าเราแต่งงานกัน คุณก็ต้องไปอยู่ที่เจียงโจวกับผมอยู่ดี!”
“ฉันว่าเราอย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กันตอนนี้เลยดีกว่า!” คิ้วของเซียวหยูซวนขมวดเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก
จี้เฟิงและจางเล่ยมองหน้ากัน พวกเขาทั้งคู่ต่างงุนงงและไม่เข้าใจว่าผู้ชายที่ชื่อเหอตงคนนี้ ดูยังไงก็ไม่ใช่คนที่ดี ทำไมเซียวหยูซวนถึงได้เลือกผู้ชายแบบนี้มาเป็นแฟน เธอคิดอะไรอยู่?
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก พนักงานก็มาเสิร์ฟอาหาร
เหอตงมองไปที่อาหารเหล่านั้น เขาตาลุกวาวและรู้สึกมีความสุข “ไม่น่าเชื่อว่าเขตเล็กๆ อย่างหมางซือ ด้วยราคาอาหารเพียงหนึ่งพันหยวน ทำไมถึงได้อาหารมากมายขนาดนี้ ต่างจากเมืองใหญ่อย่างเจียงโจว อย่างน้อยๆราคาอาหารเหล่านี้ก็ต้องไม่ต่ำกว่าเจ็ดหรือแปดพัน!”
อาหารบนโต๊ะมีเกือบทุกชนิด มีกระทั่งอาหารเหลาอย่างหูฉลามที่พนักงานนำมาเสิร์ฟถึง 4 ชามเรียกได้ว่าคุ้มค่ามาก
เมื่อได้ยินคำพูดของเหอตง จี้เฟิงและจางเล่ยก็แอบอมยิ้มโดยที่ไม่พูดอะไร
พนักงานเสิร์ฟอธิบายว่า “คุณจางอาหารทั้งแปดชนิดรวมถึงหูฉลามสองชามนี้ ผู้จัดการของเราเป็นคนให้นำมาเสิร์ฟแก่คุณจาง และขอให้คุณจางได้เพลิดเพลินไปกับอาหารของคุณ สำหรับหูฉลามอีกสองชาม ทางเราต้องขอให้ลูกค้าชำระค่าอาหารสำหรับหูฉลามทั้งสองชามนี้ด้วยค่ะ” หลังจากพูดจบพนักงานเสิร์ฟก็ผายมือชี้ไปที่ชามหูฉลามที่อยู่ตรงหน้าของเหอตงและเซียวหยูซวน
สีหน้าของเหอตงกลายเป็นสีแดงเข้มทันที อาหารที่นำมาเสิร์ฟพวกนี้ไม่ได้ราคาถูก แต่เป็นเพราะผู้จัดการตั้งใจนำมาให้ไอ้เด็กนักเรียนสองคนนี้!
“หยูซวน ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับโรงแรมแห่งนี้เท่าไหร่นะ!” เหอตงกล่าวด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
จี้เฟิงโบกมือเขายิ้มและพูดว่า “อย่าพูดเล่นอย่างนั้นเลยครับ ถ้าผู้จัดการรู้ว่าคุณและอาจารย์เซียวจะมาที่นี่ เขาคงจัดเตรียมอาหารเหล่านี้มาให้เหมือนกัน”
จากนั้นจี้เฟิงก็หันไปหาพนักงานเสิร์ฟ เขาชี้ไปที่จางเล่ยแล้วพูดว่า “ค่าอาหารทั้งหมดก็ลงบัญชีของหมอนี่เลยแล้วกัน!”
“อืม! ทำตามที่เขาบอกนั่นแหละ” จางเล่ยโบกมือแล้วพูดกับพนักงานเสิร์ฟ
ตอนนี้สีหน้าของเหอตงเหมือนจะดูดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ขณะนั้นเซียวหยูซวนได้จ้องมองไปที่จางเล่ยและจี้เฟิงด้วยความประหลาดใจ …
……จบบทที่ 68~