The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 140 ประสบการณ์ที่ไร้ค่า
จี้เฟิงพบกับหินหยาบที่น่าสนใจก้อนหนึ่งมันเป็นหินหยาบขนาดใหญ่ มีความสูงเท่ากับครึ่งหนึ่งของคนและมีความกว้างที่มากกว่าคนคนหนึ่งจะโอบมันได้รอบ
ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือหินหยาบที่ถ้ามองจากรูปลักษณ์ภายนอกจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีหยกอยู่ข้างในหรือไม่ภายนอกของหินก้อนนี้มีพื้นผิวที่ขรุขระไม่ต่างจากหินธรรมดาทั่วไปและยังมีร่องรอยของการผุกร่อน หากหินก้อนนี้ถูกวางไว้อยู่ข้างถนนก็คงจะไม่มีใครสนใจ
อย่างไรก็ตามมันกลับมีหยกขนาดใหญ่อยู่ข้างในนั้น!
ปริมาณของหยกที่อยู่ในหินหยาบก้อนนี้เทียบเท่ากับลูกบาสเกตบอลสองลูกและที่สำคัญหยกที่อยู่ในนั้นยังเป็นหยกเนื้อน้ำอีกด้วย!
เมื่อจี้เฟิงเห็นหยกสีเขียวมรกตที่อยู่ในหินหยาบก้อนนั้นเขาก็ถึงกับผงะหินหยาบเหล่านี้มาจากที่ไหน บางทีอาจจะเป็นหลุมหินหยกที่เก่าแก่ หยกที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ปรากฏขึ้นได้อย่างไร?
หลังจากที่ความประหลาดใจผ่านไปความตื่นเต้นก็เข้ามาแทนที่
นี่มันหยกเนื้อน้ำขนาดเท่ากับลูกบาสสองลูก!
หากคำนวณคร่าวๆจากราคาหยกชิ้นเล็กๆที่จี้เฟิงเพิ่งขายไปหยกชิ้นใหญ่เช่นนี้น่าจะมีราคาหลายสิบล้านหยวน ที่สำคัญไปกว่านั้น หยกเจไดต์ที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้มีค่ามากกว่าหยกเจไดต์ที่เป็นเพียงเศษเล็กเศษน้อย แม้ว่าน้ำหนักจะเท่ากันแต่มันก็ไม่สามารถเทียบกันได้เลย
รู้หรือไม่ว่าแม้หยกชิ้นเล็กๆจะถูกนำไปทำเป็นเครื่องประดับอย่างเช่นกำไลและจี้หยกได้ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่หยกชิ้นเล็กๆไม่สามารถนำไปทำได้คือการสร้างเครื่องประดับอย่างกำไลได้ด้วยหยกชิ้นเดียวอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าหากเป็นหยกที่มีขนาดใหญ่ นอกจากจะแกะสลักเป็นเครื่องประดับได้แล้วยังสามารถสร้างเป็นวัตถุต่างๆได้อีกด้วย นี่แหละคือคุณค่าที่แท้จริง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักศิลปะและผู้ที่ชื่นชอบที่มีทุนทรัพย์มากพอพวกเขาบางคนใฝ่ฝันและมีรสนิยมที่จะครอบครองวัตถุมงคลต่างๆที่ถูกแกะสลักจากหยกที่สมบูรณ์ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดการประมูลที่บ้าคลั่ง!
แล้วถ้าหยกในหินหยาบที่อยู่ตรงหน้าของจี้เฟิงตอนนี้ได้ถูกนำไปแกะสลักกลายเป็นวัตถุขนาดใหญ่อย่าคิดว่าราคาจะแตะถึงหลักสิบล้านหรือไม่แต่เกรงว่าราคาหลายสิบล้านนั้นจะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา
“ฟู่~~!”
จี้เฟิงสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆอยู่สองสามครั้งเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะมองไปยังทิศทางอื่นแต่ในเวลาไม่นานเขาก็ต้องกลับมามองมันอีกครั้ง มันทำให้เขารู้สึกสงบไม่ลงจริงๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไรจี้เฟิงก็ต้องพยายามที่จะไม่มองไปที่หินหยาบก้อนนั้นอีกเขาจึงมองไปที่หินหยาบก่อนอื่นๆแทน
“หือม์!”
ทันทีที่จี้เฟิงมองไปที่หินหยาบอีกก้อนหนึ่งเขาก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้แล้วก็อุทานออกมา
สาเหตุที่เขาทำเช่นนั้นนั่นเป็นเพราะว่าปริมาณหยกในหินหยาบก้อนนี้ออกจะน่ารักจุ๋มจิ๋มไปสักหน่อยปริมาตรของหินหยาบก้อนนี้ใกล้เคียงกับก้อนก่อนหน้านี้ที่มีความสูงเท่ากับครึ่งคน แต่อย่างไรก็ตามหยกที่อยู่ข้างในหินหยาบนั้นกลับมีขนาดเล็กกว่ากำปั้นมือของเด็กทารกเสียอีก
แต่รูปลักษณ์ภายนอกของหินหยาบก้อนนี้กลับมีหมอกสีเขียวอยู่บนพื้นผิวมันดูไม่เลวเลยทีเดียว!
จี้เฟิงชี้ไปที่หินหยาบก้อนที่มี‘หยกน่ารักๆ’ อยู่ข้างในและถามว่า “พี่ชาย หินหยาบก้อนนี้ราคาเท่าไหร่”
เจ้าของร้านเป็นผู้ชายอายุสามสิบปีและดูเหมือนเขาจะเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาเขามองไปที่จี้เฟิงและพูดด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย หินหยาบก้อนที่น้องชายถาม แพงที่สุดในแผงของฉันเลยนะ ฉันขายอยู่ที่สี่ล้านหยวน”
จี้เฟิงตกตะลึงสี่ล้าน… ใครที่ซื้อหินหยกที่มีขนาดเล็กกว่ากำปั้นเด็กทารกด้วยราคาสี่ล้านหยวน ถ้าไม่รวยมากก็คงบ้าไปแล้วจริงๆ!
“โหพี่ชาย มันแพงเกินไปหรือเปล่า” จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้มที่เหยเก “พี่ชายคิดว่าฉันดูเหมือนคนที่มีเงินถึงสี่ล้านงั้นเหรอ?”
“ฮึ!ถ้าไม่มีเงินก็อยู่เงียบๆไปดีกว่า มาสถานที่แบบนี้แต่กลับไม่มีเงิน!” ทันใดนั้นเสียงที่น่าหมั่นไส้ที่ฟังแล้วรู้สึกบาดหูก็ดังขึ้น ฮูซู่ฉินเดินบิดก้นไปมาพร้อมกับมีความเย้ยหยันอยู่บนใบหน้าและท่าทางของเธอ “เถ้าแก่ ฉันจะบอกอะไรให้นะ เด็กคนนี้เป็นแค่เด็กขายผักที่น่าสงสาร เขาจะทำให้ร้านของคุณดูแย่ โชคร้ายหน่อยนะที่เด็กผีคนนี้มาที่ร้านของคุณ!”
อู๋ฉางฉุนและฮูซู่ฮุ่ยก็เดินตามมาติดๆและเมื่ออู๋ฉางฉุนมาถึงเขาก็พูดด้วยท่าทีโอ่อ่า “เถ้าแก่ หินหยาบก้อนนี้สี่ล้านมันแพงเกินไป ถ้าเถ้าแก่ขายให้ฉันในราคาสามล้านฉันจะซื้อมันทันที!”
เจ้าของร้านขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่จี้เฟิงและมองกลับไปที่ฮูซู่ฉินอีกครั้งเจ้าของร้านคนนี้เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจในเรื่องของใครมาก่อนได้ก่อนแต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นราคาสามล้านหยวนนั้นต่ำเกินไป
ฮูซู่ฉินรีบเดินไปที่ด้านข้างของอู๋ฉางฉุนและกระซิบ“ที่รัก สามล้านกับหินที่ดูแตกๆหักๆก้อนนี้มันจะคุ้มกันเหรอ”
“เธอจะไปรู้อะไร!”
หลังจากที่อู๋ฉางฉุนดุภรรยาของเขาเขาก็หันไปมองที่หินหยาบอีกครั้ง มันมีหมอกสีเขียวหนาแน่นมากและยังเกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้างเห็นได้ชัดว่ามีหยกอยู่ข้างในนั้นอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นราคาสามล้านหยวนสำหรับหินหยาบก้อนนี้นั้นไม่แพงเลย
แม้ว่าทั้งสองคนนั้นจะพูดอย่างแผ่วเบาแต่จี้เฟิงก็ได้ยินอย่างชัดเจน เขาอดไม่ได้ที่แอบส่ายหัวอยู่ในใจ ในความเป็นจริงแล้วความคิดและหลักการของอู๋ฉางฉุนถูกต้องทุกอย่าง สิ่งที่เห็นได้จากภายนอกของหินหยาบก้อนนี้นั้นเรียกได้ว่าดีมาก การจ่ายเงินสามล้านเพื่อได้มันมาจะต้องทำกำไรได้อย่างแน่นอน
จี้เฟิงได้เรียนรู้หลักการและประสบการณ์เหล่านี้ผ่านทางอินเทอร์เน็ตแต่สิ่งที่อู๋ฉางฉุนพูดและรู้นั้นเห็นได้ชัดว่ามันมาจากประสบการณ์ของเขาที่ผ่านการฝึกฝนมาหลายครั้ง
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงนั้นรู้ดีว่าเวลานี้การฝึกฝนและประสบการณ์นั้นแทบจะเรียกได้ว่าไร้ประโยชน์จริงๆเพราะในหินหยาบที่ภายนอกดูดีแต่ข้างในกลับมีหยกอยู่เพียงครึ่งหนึ่งของกำปั้นมือเด็กทารกเท่านั้น!
ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ประสบการณ์และการสังเกตจากภายนอกไม่เกี่ยวข้องกับผลลัพธ์มากเกินไปโชคจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่งั้นคงจะไม่มีคำกล่าวที่ว่า ‘แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งกันไม่ได้’
“เถ้าแก่ไอ้เด็กนี่มันไม่มีปัญญาจ่ายหรอก แต่ฉันจ่ายได้ ขายให้ฉันในราคาสามล้านก็แล้วกัน!” อู๋ฉางฉุนพูดอย่างเคร่งขรึม
“เหอะๆ!”จี้เฟิงหัวเราะเยาะ “พี่ชาย ฉันให้สามล้านห้า ขายให้ฉัน!”
“ไอ้เด็กตัวเหม็น!ให้ฉันดูเงินสามล้านห้าของนายหน่อยซิ นายจะไปเอามาจากที่ไหน!” อู๋ฉางฉุนโกรธทันทีเมื่อเขาเห็นว่าจี้เฟิงกล้าที่จะเสนอราคาแข่งกับเขา เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
จี้เฟิงเพิกเฉยต่อคำพูดของอู๋ฉางฉุนเขายิ้มมุมปากและคุยกับเจ้าของร้านต่อ“พี่ชายว่าไง จะขายให้ผมหรือเปล่า”
เจ้าของร้านก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อพบว่าลูกค้าทั้งสองต่างแข่งขันสู้ราคากัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าที่ไหนต่างก็ชอบให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับร้านของตัวเอง เพราะมันเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้วว่าเขาจะสามารถขายของได้ แถมราคาก็ยังดีมากอีกด้วย
“เอ่อ…”เจ้าของร้านทำหน้าตาลำบากใจมองไปที่จี้เฟิงและอู๋ฉางฉุน จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “เรื่องราคาหินหยาบก้อนนี้ ฉันก็เป็นเพียงแค่พ่อค้าคนหนึ่ง มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันจะขายให้กับคนที่ให้ราคาสูงที่สุด!”
“ฮึ่ม!”
อู๋ฉางฉุนส่งเสียงอย่างเย็นชาและเสนอราคาด้วยท่าทีที่เหนือกว่า“ฉันให้ราคาเต็ม ตามที่เถ้าแก่เสนอมาในครั้งแรก สี่ล้าน!”
จี้เฟิงพูดเบาๆ“สี่ล้านห้า!”
“ห้าล้าน!”
“หกล้าน!”.ไอลีนโนเวล.
“หกล้านห้า!”อู๋ฉางฉุนพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำเขารู้สึกโกรธมากจนอยากจะเข้าไปต่อยหน้าจี้เฟิงซะตอนนี้
“มันเป็นของคุณ!”จี้เฟิงยิ้มบางๆและยอมแพ้ในที่สุด
ในความเป็นจริงถ้าเป็นกับคนอื่นจี้เฟิงจะไม่กล้าแข่งขันราคามาถึงขนาดนี้ เพราะจี้เฟิงรู้ดีว่าเขาไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นและคนอื่นอาจจะไม่บ้าพอที่จะประมูลแข่งกับเขา
แต่นั่นไม่ใช่กับอู๋ฉางฉุนในเวลานี้หลังจากการแข่งขันสู้ราคากับเขาในสองครั้งแรกจี้เฟิงก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนบ้าบิ่นหยิ่งยโสชอบเอาชนะมากขนาดไหน แถมเขานั้นดื่มแอลกอฮอล์มามากเกินไปและยังคงอยู่ในอาการมึนเมา แล้วคนแบบนี้จะมีสติมาควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อย่างไร
“เงินหกล้านห้านี้ฉันจะถือว่ามันเป็นดอกเบี้ยไว้ฉันจะไปตามเก็บเงินต้นกับแกในภายหลัง!” จี้เฟิงคะตอกอย่างเย็นชาอยู่ภายในใจ
“ฉันจะจ่ายผ่านบัตร!”อู๋ฉางฉุนตะคอกและพูดกับเจ้าของร้านด้วยความหยิ่งยโส แต่สีหน้าของเขาดูไม่ดีเอาเสียเลย แต่ที่เขาไม่อยากแสดงอาการอะไรออกไปมากนักเป็นเพราะจี้เฟิงยังอยู่ที่นี่
แม้เงินหกล้านห้าแสนหยวนจะเป็นจำนวนที่เขาไม่ได้คิดที่จะจ่ายมันสำหรับหินหยาบก้อนนี้แต่เพื่อรักษาหน้าเอาไว้ เขาจึงยอมจ่ายโดยไม่อิดออดเพราะเงินหกล้านห้าคงไม่ถึงขนาดทำให้เขาล้มละลายได้
“คุณอู๋นี่สุดยอดจริงๆต้องการจะซื้อหินหยาบต่อหรือไม่” จี้เฟิงชี้ไปที่หินหยาบก้อนใหญ่ก้อนแรกที่เขาเพ่งเล็งไว้และถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “พี่ชาย แล้วหินหยาบก้อนนี้ราคาเท่าไหร่?”
“ก้อนนี้..สามล้าน!” เจ้าของร้านรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นทั้งสองคนต่างเสนอราคาที่สูงมากให้กับหินหยาบของร้านเขา เดิมทีหินหยาบก้อนนี้เขาตั้งใจที่จะขายในราคาสองล้านหยวนเท่านั้น แต่เมื่อเหตุการณ์กำลังไปได้สวยเขาจึงเพิ่มราคาขึ้นมาอีกหนึ่งล้านโดยทันที
จี้เฟิงจ้องมองไปยังเจ้าของร้านและคิดอยู่ในใจ“เจ้าของร้านคนนี้กำลังฉวยโอกาสในสถานการณ์ที่ลูกค้าสองคนกำลังแข่งขันสู้ราคากัน มีความเป็นไปได้ว่าราคานี้จะต้องเป็นราคาที่เขาบวกเพิ่มจากความตั้งใจแรกของเขา!”
“สามล้าน…”จี้เฟิงส่ายหัว “คุณอู๋ หินหยาบก้อนนี้ผมปล่อยให้คุณก็แล้วกัน!”
“เหอะ!”
อู๋ฉางฉุนส่งเสียงอย่างเย็นชาแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปรูปลักษณ์ภายนอกของหินหยาบก้อนนี้มีเพียงผิวที่ขรุขระ มีลักษณะไม่ต่างจากหินตามข้างทาง มันเป็นหินที่เหมาะสำหรับนักพนันอย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้นอู๋ฉางฉุนเพิ่งจะใช้จ่ายเงินไปมากกว่าหกล้านหยวนทรัพย์สินในบริษัทของเขาไม่ได้มีมากนัก แม้ว่าเงินหกล้านห้าแสนหยวนจะไม่ถึงกับทำให้เขาต้องล้มละลายแต่ถ้าหากเขายังเสียเงินเพิ่มอีกสามล้านหยวนมันก็อาจจะทำให้บริษัทของเขาต้องพบกับความยากลำบากในการดำเนินการได้
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย“อ่า..! สรุปว่าคุณอู๋เจ้าของบริษัทผู้ยิ่งใหญ่ของเรามีเงินไม่มากพอที่จะซื้อหินหยาบได้อีกแล้วงั้นเหรอ!”
“เก็บปากไว้แดกข้าวเหอะไอ้เด็กปากดี!” อู๋ฉางฉุนโกรธจัด ใบหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยความอับอายและความโกรธ
จี้เฟิงมองไปรอบๆและพบว่าไม่ไกลออกไปฉินซูเจี๋ยและชายวัยกลางคนกำลังมองไปที่หินขรุขระที่ร้านค้าร้านหนึ่ง และในขณะนั้นเองคนขับรถหวังดูเหมือนจะรู้สึกถึงการจ้องมองของจี้เฟิง เขาหันหน้ามาและเห็นว่าจี้เฟิงกำลังมองมาทางนี้ เมื่อพวกเขาเห็นว่าต่างฝ่ายต่างมองกันอยู่พวกเขาทั้งสองจึงพยักหน้าให้กันเล็กน้อยเป็นการทักทาย
“คุณฉินผมเห็นคุณจี้ยืนอยู่ตรงนั้น!” คนขับรถหวังกระซิบบอกกับฉินซูเจี๋ยที่กำลังนั่งยองๆมองดูหินหยาบก้อนหนึ่ง “เขาอาจจะกำลังมีปัญหา”
ฉินซูเจี๋ยผงะเล็กน้อยเธอลุกขึ้นยืนทันทีและพูดว่า“ไว้เราค่อยกลับมาดูใหม่!”
“ครับคุณฉิน”ชายวัยกลางคนตอบฉินซูเจี๋ย
พวกเขาทั้งสามคนกำลังเดินเข้ามาทางที่จี้เฟิงยืนอยู่
จี้เฟิงมองไปที่ฉินซูเจี๋ยและพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย“คุณฉิน”
อู๋ฉางฉุนมองตามสายตาจี้เฟิงไปทันทีจากนั้นเขาก็ถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออกสายตาของเขาบ่งบอกถึงความว่างเปล่าราวกับว่าได้เห็นสิ่งที่เหลือเชื่อ
เด็กขายผักจนๆไปรู้จักกับฉินซูเจี๋ยได้อย่างไร!
“คุณจี้มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยเหลือคุณได้บ้างหรือเปล่า” ฉินซูเจี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า“นั่นสินะ พอดีว่าผมต้องการจะซื้อหินหยาบ แต่ในแง่ของเงินทุน…”
“คุณต้องการเท่าไหร่”ฉินซูเจี๋ยถามทันที
“หนึ่งล้านสามแสน”จี้เฟิงตอบด้วยความสุภาพ
ฉินซูเจี๋ยพยักหน้าเล็กน้อยและหันไปทางคนขับรถหวังและกล่าวว่า“เฒ่าหวังจัดการเรื่องนี้ให้คุณจี้ตามที่เขาบอกให้ทีค่ะ”
“ขอบคุณครับ!”จี้เฟิงพยักหน้าและบอกเลขที่บัญชีของเขากับคนขับรถหวัง
แต่เวลานี้อู๋ฉางฉุนที่ตกใจและอยู่ในอาการอึ้งได้กลับมามีอาการตอบสนองอีกครั้งและรีบพูดว่า”คุณฉินใช่มั้ยครับ สวัสดีครับคุณฉิน”
ฉินซูเจี๋ยหันมาและขมวดคิ้วเล็กน้อย“คุณคือ…”
“โอ้ผมชื่ออู๋ฉางฉุนจาก บริษัทอู๋จิวเวลรี่” อู๋ฉางฉุนตอบอย่างรวดเร็ว
ฉินซูเจี๋ยพยักหน้าและกล่าวสวัสดีอันที่จริงเธอไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทจิวเวลรี่ของอู๋ฉางฉุนเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นโดยปกติแล้วคนแบบนี้จึงไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอ
แต่ในทางกลับกันอู๋ฉางฉุนนั้นรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะในสายตาของอู๋ฉางฉุน ฉินซูเจี๋ยเป็นคนที่อยู่ในระดับสูง เพียงแค่ได้พูดจาทักทายกับเธอเพียงแค่คำเดียวก็ทำให้ใบหน้าของเขาถึงกับบานแฉ่งเลยทีเดียว
จี้เฟิงไม่ได้สนใจพฤติกรรมของอู๋ฉางฉุนในเวลานี้เขาเพียงแค่ทำการซื้อขายกับเจ้าของร้านขายหินหยาบเท่านั้น
เมื่อขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้นในที่สุดใบหน้าของจี้เฟิงก็ปรากฏรอยยิ้ม นี่เป็นหยกคุณภาพเยี่ยมชิ้นหนึ่ง และในที่สุดเขาก็ได้มันมา!