The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 146 ออกไป!
“เจิ้งฮ่าวหยู!คุณกล้าพูดจาไร้ยางอายแบบนี้ออกมาได้ยังไง!” ฉินซูเจี๋ยโกรธขึ้นมาทันที
“หากกล้าที่จะพูดโดยไม่คิดก็ต้องกล้าที่จะยอมรับผลที่จะตามมาด้วย” จี้เฟิงหันไปมองเจิ้งฮ่าวหยูและพูดอย่างเย็นชา ถึงแม้เขาจะได้ยินบทสนทนาระหว่างฉินซูเจี๋ยและจี้ช่าวเหลยทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่ แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่จี้เฟิงยังไม่ค่อยเข้าใจนัก และดูเหมือนว่าเจิ้งฮ่าวหยูจะใช้ฉินซูเจี๋ยเป็นหมากในการต่อรองในธุรกิจกับบุคคลอื่นด้วย การกระทำที่ไร้ยางอายของผู้ชายคนนี้มันทำให้จี้เฟิงยากที่จะเชื่อจริงๆ
แต่อย่างไรก็ตามเรื่องทั้งหมดนั้นไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเขาจึงนั่งเฉยๆและไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้เจิ้งฮ่าวหยูกลับมาพูดจาดูหมิ่นเขา แล้วทำไมเขาถึงต้องยอมปล่อยให้คนอื่นมาพูดจาใส่ร้ายตัวเองด้วย
จี้เฟิงทำให้จี้ช่าวเหลยรู้สึกประหลาดใจในเจียงโจวไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเขา แม้ว่าคำพูดนี้จะไม่ได้พูดกับเขาโดยตรง แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าเจิ้งฮ่าวหยูนั้นเป็นเพื่อนของเขา แต่จี้เฟิงยังคงกล้าที่จะพูดจาแบบนี้ต่อหน้าเขา มันเป็นเพราะอะไร
แต่ฮ่าวหยูไม่แม้แต่จะหยุดคิดหรือสงสัยเขารู้สึกโมโหทันทีที่เห็นว่าจี้เฟิงกล้าพูดกับเขาเช่นนี้ “ไอ้เด็กปากดี แกรนหาที่ตายเองนะ!”
“ปึง!”
ฉินซูเจี๋ยลุกขึ้นยืนและตบโต๊ะด้วยความโกรธ“เจิ้งฮ่าวหยู! คุณมาทำอะไรที่นี่กันแน่!”
“เหอๆ”
เจิ้งฮ่าวหยูหัวเราะเยาะและพูดอย่างเหยียดหยาม“ฉินซูเจี๋ยทำไมไม่ดูแลไอ้ไก่อ่อนนั่นให้ดีๆหน่อย ปล่อยให้มันมาพูดจาแบบนี้กับฉันได้ยังไง!”
ฉินซูเจี๋ยมองไปที่เจิ้งฮ่าวหยูอย่างเย็นชาเธอส่ายหัวอย่างช้าๆและพูดว่า “เจิ้งฮ่าวหยู คุณได้ดูตัวเองบ้างหรือเปล่าว่าตอนนี้คุณกลายเป็นคนแบบไหนไปแล้ว!”
“คุณไม่ต้องมากังวลกับสิ่งที่ฉันเป็นอย่าลืมนะว่าเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่ แต่คุณกลับกล้าออกตัวปกป้องชู้ของคุณต่อหน้าสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณอย่างนั้นหรือ” เจิ้งฮ่าวหยูหัวเราะเยาะและชี้ไปที่จี้เฟิง “เด็กน้อย ศพแกไม่สวยแน่!”
“เจิ้งฮ่าวหยูถ้าคุณกล้าทำร้ายเพื่อนของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยคุณไป!” ฉินซูเจี๋ยรู้สึกโกรธมาก
“เพื่อนฮ่าฮ่า~!” เจิ้งฮ่าวหยูหัวเราะเยาะ “คุณอยากให้เรื่องนี้มันง่ายขึ้นมั้ยล่ะ? คุณแค่ยกเลิกข้อตกลงเรื่องการหย่าของเราและคุณต้องทำสัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่พูดถึงหรือมีเรื่องของการหย่าร้างเกิดขึ้นระหว่างเราอีก แล้วฉันก็จะปล่อยไอ้เด็กนั่นไป!”
“ฝันไปเถอะ!”ฉินซูเจี๋ยปฏิเสธอย่างเย็นชา “ฉันอับอายและสุดจะทนกับการที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับคุณ แค่ที่ผ่านมาฉันก็รู้สึกว่าตัวเองทำพลาดมากเกินไปแล้ว แล้วจะให้ฉันทนอยู่กับคนอย่างคุณต่อไปอีกได้ยังไง!”
“ในเมื่อมันเป็นแบบนั้นคุณก็โทษว่าเป็นความผิดของฉันก็แล้วกัน เพราะในอนาคตไอ้เด็กนี่มันอาจถูกรถชนตอนข้ามถนนหรืออาจจะเกิดอุบัติเหตุอื่นๆก็ได้ใครจะรู้ แล้วเมื่อถึงตอนนั้นคุณก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน! หึหึ!” เจิ้งฮ่าวหยูพูดข่มขู่และหัวเราะเยาะ “แต่ถ้าคุณยังยืนยันที่จะหย่าอยู่อีก อย่างน้อยทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของคุณต้องเป็นของผม ถ้าคุณตกลงตามนั้นผมอาจจะพิจารณาปล่อยไอ้เด็กนี่ไปก็ได้!”
“คุณนี่มันหน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ!”ฉินซูเจี๋ยมองเขาด้วยสาตาที่ผิดหวัง “เจิ้งฮ่าวหยู ฉันจะพูดดีๆกับคุณเป็นครั้งสุดท้าย ฉันขอร้องให้คุณออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
“คุณสองคนช่วยใจเย็นๆนั่งลงดีๆ แล้วค่อยๆคุยกันจะได้ไหม” แม้จี้ช่าวเหลยจะพูดเสียงเบาแต่ใบหน้าจริงจัง ก็ทำให้คนที่ฟังรู้สึกยากที่จะปฏิเสธ
ใบหน้าของเจิ้งฮ่าวหยูอ่อนลงทันทีเขาแสดงรอยยิ้มประจบประแจงและนั่งลง “จี้ช่าวเหลย คุณพูดถูก พวกเราควรใจเย็นๆ แล้วนั่งลงพูดคุยกันดีๆ”
“ใครอนุญาตให้คุณนั่ง”จี้เฟิงพูดช้าๆ “เจิ้งฮ่าวหยู ตามที่ผมเข้าใจ สิ่งที่คุณพูดเมื่อครู่คุณหมายความว่าถ้าคุณฉินไม่ทำตามเงื่อนไขของคุณ คุณจะให้ผมประสบอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิต ผมเข้าใจความกล้าดีของคุณถูกต้องหรือเปล่า”
“เด็กน้อย..เลิกพูดจาไร้สาระแล้วนั่งหุบปากไปเงียบๆจะดีกว่า เชื่อหรือไม่ว่าฉันสามารถจับนายโยนออกไปข้างนอกได้ทุกเมื่อที่ต้องการ หรือว่าจะลองมันซะเดี๋ยวนี้เลยดีล่ะ!” เจิ้งฮ่าวหยูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบหลังจากที่ได้ยินคำพูดไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของจี้เฟิง ถึงแม้เขาจะเกรงกลัวจี้ช่าวเหลยแต่ไม่มีความจำเป็นใดๆที่เขาจะต้องเกรงกลัวเด็กน้อยอย่างจี้เฟิง.ไอลีนโนเวล.
“ไม่เชื่ออ่ะ”จี้เฟิงพูดเบาๆ “แต่ผมเชื่อว่าคนที่จะถูกโยนออกไปข้างนอกคงไม่ใช่ผม แต่น่าจะเป็นคุณ!”
“แกนี่มันวอนตีนดีจริงๆ!”เจิ้งฮ่าวหยูโกรธจนแทบคลั่ง เขาไม่เคยเจอเด็กคนไหนที่ปากดีกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเขามาก่อน
จี้เฟิงมองไปที่จี้ช่าวเหลยเขาหยิบบัตรประจำตัวประชาชนของเขาออกมาจากกระเป๋าสตางค์และยื่นให้จี้ช่าวเหลย
จี้ช่าวเหลยขมวดคิ้วทันทีเขาลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมรับบัตรประจำตัวของจี้เฟิงมา เมื่อเขาเห็นข้อมูลบนบัตร ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขามองไปที่จี้เฟิงอย่างลึกซึ้งพร้อมกับมีรอยยิ้มอย่างขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เจ้าเด็กนี่ นายจำฉันได้นานแล้วใช่มั้ย แล้วยังมีหน้ามานั่งมองพี่ชายตัวเองเฉยๆโดยที่ไม่พูดอะไร สนุกมากล่ะสิ”
ทุกคนตกใจทันทีเมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของจี้ช่าวเหลยพวกเขามองไปที่จี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยทันทีด้วยแววตาประหลาดใจ
คนที่จี้ช่าวเหลยจะพูดจาอย่างสนิทสนมและเรียกแทนตัวเองว่าพี่ชายเกรงว่าจะมีเพียงสองสามคนเท่านั้นในเจียงโจว
จี้เฟิงชี้ไปที่เจิ้งฮ่าวหยูเขายิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เขากำลังจะฆ่าผม!”
จี้ช่าวเหลยถอนหายใจและส่ายหัวพร้อมกับมีรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา“นายมัน..! เฮ้อ.. นี่มันไม่ต่างจากการที่ให้พี่ชายตบปากตัวเองเลยจริงๆ ฉันจะคิดซะว่าฉันมันโชคร้ายเองที่มาเจอนายในวันนี้.. ฮ่าวหยู! ขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!” ในประโยคสุดท้ายน้ำเสียงของจี้ช่าวเหลยนั้นรุนแรงขึ้น
“จี้ช่าวเหลย!”เจิ้งฮ่าวหยูตกใจมาก ทำไมจู่ๆจี้ช่าวเหลยถึงบอกให้เขาไปขอโทษไอ้เด็กเวรนั่น เขากินยาผิดมาหรือเปล่า
“คุณไม่ได้ยินที่ฉันบอกหรือไงฉันต้องการให้คุณขอโทษเขา!” ใบหน้าของจี้ช่าวเหลยดุดันขึ้น
จู่ๆเจิ้งฮ่าวหยูก็รู้สึกสั่นสะท้านริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็เปิดปากและกล่าวออกมาอย่างไม่เต็มใจ “น้องชาย คนเรามันก็เผลอทำเรื่องผิดพลาดกันได้ อย่าถือโทษโกรธกันเลยนะ!”
จี้เฟิงยิ้มมุมปาก“ผมก็กลัวว่าคุณอาจจะทำให้ผมเผลอบ้างเช่นกัน!”
ใบหน้าของจี้ช่าวเหลยสงบนิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เจิ้งฮ่าวหยู เด็กคนนี้คือน้องชายของฉัน ถ้าคุณกล้าแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บ ก็อย่าหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมชั้นจะช่วยอะไรคุณได้ เพราะคุณจะกลายเป็นอาหารปลาในแม่น้ำหวงผู่ด้วยฝีมือของฉัน!”
ใบหน้าของเจิ้งฮ่าวหยูดูบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดเมื่อถูกจี้ช่าวเหลยพูดจาข่มขู่และตำหนิต่อหน้าผู้คนมากมายแต่เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดปากโต้เถียงอะไรออกไป ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้แค่เพียงผงกศีรษะเบาๆ
“ออกไป!”จี้เฟิงพูดอย่างไม่ไยดี
ทันใดนั้นร่างกายของเจิ้งฮ่าวหยูก็แข็งทื่อเขามองจี้เฟิงอย่างโกรธแค้นและกัดฟันเดินออกจากห้องไป
จากนั้นจี้เฟิงหันศีรษะไปทางจี้ช่าวเหลยและพูดอย่างจริงจังว่า“คุณฉินเป็นเพื่อนของผม ถ้าเธอมีปัญหาอะไรผมคิดว่าเราควรที่จะปล่อยให้เธอได้แก้ปัญหาด้วยตัวเธอเองก่อนจะดีกว่า”
“ในเมื่อนายว่าอย่างนั้น ฉันจะพูดอะไรได้อีก” จี้ช่าวเหลยยิ้มอย่างบิดเบี้ยว เขาหันหน้าไปทางฉินซูเจี๋ยแล้วพูดว่า “ซูเจี๋ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณยืนยันหนักแน่นได้ขนาดนี้ เป็นเพราะคุณรู้จักกับน้องชายของฉันนี่เอง แต่ไม่ว่ายังไงเรื่องในวันนี้ฉันก็ทำผิดพลาดไปเช่นกัน ฉันไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณ ไว้มีโอกาสฉันจะชดใช้ให้ในภายหลังอย่างแน่นอน!”
ฉินซูเจี๋ยรู้สึกประหลาดใจมากเขาสามารถทำให้จี้ช่าวเหลยยอมทำตามได้โดยง่าย สรุปว่าชายหนุ่มจี้เฟิงคนนี้เป็นน้องชายของจี้ช่าวเหลยจริงๆหรือ
“น้องชาย!เราไปหาอะไรดีๆดื่มกันดีกว่า” จี้ช่าวเหลยตบไหล่จี้เฟิงและเดินนำออกไปก่อน
เมื่อได้เห็นสายตาที่ประหลาดใจของฉินซูเจี๋ยอาไห่และคนขับรถหวัง จี้เฟิงจึงทำได้แค่เพียงส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “ผมเป็นญาติกับจี้ช่าวเหลยก็จริง แต่ก่อนหน้านี้เราไม่เคยเจอกันมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน..โดยบังเอิญ แต่ตอนนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน พี่สาว..ไว้ผมจะติดต่อพี่ในภายหลัง”
ฉินซูเจี๋ยเข้าใจในทันทีเธอพยักหน้าด้วยความรู้สึกโล่งใจและพูดว่า “เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง.. พี่สาวคนนี้เป็นหนี้บุญคุณเธอแล้ว และฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆที่มื้ออาหารดีๆต้องถูกทำลายลงเพราะเจิ้งฮ่าวหยู..”
ถึงแม้เธอจะเข้าใจอะไรมากขึ้นแต่ก็ยังมีความสับสนอยู่เล็กน้อยในคำพูดของเธอแม้แต่ผู้หญิงที่แข็งแกร่งอย่างฉินซูเจี๋ยเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของจี้ช่าวเหลยก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจมาก
จี้เฟิงเข้าใจดีว่าฉินซูเจี๋ยหมายถึงอะไรเขาจึงยิ้มให้ฉินซูเจี๋ยแทนคำตอบ หลังจากที่กล่าวลา คนอื่นๆเรียบร้อย เขาก็เดินออกจากห้องอาหารไป
ทันทีที่จี้เฟิงเดินออกมาจากคลับเขาก็เห็นจี้ช่าวเหลยและเจิ้งฮ่าวหยูยืนอยู่หน้ารถ BMW x6 สีดำ เจิ้งฮ่าวหยูกำลังพยักหน้าและโค้งคำนับให้จี้ช่าวเหลยด้วยสีหน้าท่าทางขมขื่น ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน แต่จี้ช่าวเหลยก็มีสีหน้าลำบากใจ เขาพูดพร้อมกับกางมือออกเป็นครั้งคราวแสดงให้เห็นถึงการหมดหนทาง