The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 168 ช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
- Home
- The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
- บทที่ 168 ช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
หลี่เว่ยตงเหลือบมองไปที่จี้เฟิงที่ทำใบหน้าเฉยเมยแต่มีแสงเย็นฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขา
เขาจะต้องรีบแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดแม้ว่าเขาและจี้ช่าวเหลยจะเป็นเพื่อนกัน แต่เขาก็ไม่อาจทำให้จี้ช่าวเหลยต้องขุ่นเคืองใจได้ เพราะฐานะของเขาและจี้ช่าวเหลยนั้นแตกต่างกันมากเกินไป และพวกเขาต่างก็รู้จักนิสัยของกันและกันเป็นอย่างดีและรู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะไม่ข้ามเส้นของกันและกัน
รู้หรือไม่ว่าถึงแม้พ่อของหลี่เว่ยตงและพ่อของจี้ช่าวเหลยจะต่อสู้กันเองบ้างบางครั้งแต่ก็อยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาบ้านเมือง แต่ถ้ามันไม่สามารถทำให้บ้านเมืองดีขึ้นได้ การต่อสู้ที่น่าเบื่อนี้ก็ไร้ประโยชน์
ด้วยเหตุที่เป็นทางการเช่นนี้เองในอดีตหากมีความขัดแย้งกันระหว่างหลี่เว่ยตงและจี้ช่าวเหลย ตราบใดที่ไม่ล้ำเส้นระหว่างกันและกัน พวกเขาก็สามารถนั่งลงและหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างสงบ
ในกลุ่มผู้บริหารระดับสูงจะไม่มีการแทรกแซงกันจนทำให้เกิดความขุ่นเคืองใจท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็เป็นเพียงแค่เรื่องระหว่างเด็กๆ
แต่เมื่อหลี่เว่ยตงต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่คาดคิดอย่างกะทันหันมันก็ทำให้เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย
เขาไม่รู้ว่าจี้เฟิงเป็นคนอารมณ์แบบไหนและไม่รู้ว่าสิ่งที่สำคัญกับจี้เฟิงนั้นคือเรื่องอะไรแต่ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จี้เฟิงนั้นดูเป็นห่วงเซียวหยูซวนมาก และตอนนี้เขาก็เห็นเซียวหยูซวนยืนเกาะแขนจี้เฟิงอย่างสนิทสนม มันเหมือนกับมีแสงสว่างเล็กๆอยู่ในใจเขา
ที่จี้เฟิงมาที่นี่ในวันนี้น่าจะไม่พ้นเรื่องของเซียวหยูซวน! แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นเรื่องนี้อาจจะยากกว่าที่คิด
หลี่เว่ยตงไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่นอีกเพราะเขาไม่รู้ว่าจี้เฟิงนั้นมีความสำคัญต่อตระกูลจี้มากแค่ไหน หากเขาล้ำเส้นไปโดยไม่รู้ตัวจนทำให้เกิดปัญหาระหว่างตระกูล จี้เฟิงอาจจะระดมพลังทั้งตระกูลเพื่อจัดการกับเขาก็เป็นได้ และเมื่อถึงเวลานั้นอย่าหวังว่าพ่อของเขาจะช่วยเขาได้ แต่เกรงว่าแม้กระทั่งคุณปู่ของเขาก็อาจจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ท่าทีของหลี่เว่ยตงเปลี่ยนไปแทบจะทันทีเขานิ่งคิดวิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้เหอตงและผู้กำกับอ้วนดำทำหน้าราวกับว่าท้องฟ้าได้ถล่มลงมา
“จบแล้ว!ชีวิตฉันมันจบแล้ว! ฉันทำเรื่องโง่ๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ทำไมถึงได้ไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งแบบนี้!” ผู้กำกับอ้วนมองไปที่ชายหนุ่มที่มีรูปคิ้วคล้ายกับจี้ช่าวเหลยที่เวลานี้มีใบหน้าที่เย็นชา “โอ๊ย! เมื่อกี้ผีอะไรมันเข้าสิงฉันให้ไปจับกุมเด็กหนุ่มที่เปรียบเสมือนเจ้าชายในอนาคตแบบนี้!”
แม้ว่าเครื่องปรับอากาศในคลับเฮ้าส์จะเปิดอยู่ในอุณหภูมิที่ทำให้รู้สึกเย็นสบายแต่เพราะความตกใจและความกลัวในใจของผู้กำกับอ้วนจึงทำให้เขามีเหงื่อออกท่วมตัวและเสื้อผ้าของเขาก็เปียกชุ่มไปแล้วตอนนี้
เหอตงที่อยู่ข้างๆนั้นรู้สึกกลัวยิ่งกว่าเขาไม่รู้ตัวตนลุงของจี้ช่าวเหลย แต่เขารู้ว่าพ่อของจี้ช่าวเหลยเป็นเลขาธิการของคณะกรรมการพรรคเทศบาลนครเจียงโจว แค่เรื่องนี้เพียงอย่างเดียวมันก็พอจะทำให้เหอตงเดาได้ว่าภูมิหลังของจี้เฟิงจะต้องไม่ธรรมดา!
แต่เขาก็ดันไปมีเรื่องกับคนระดับนั้นอีก!
เหอตงรู้สึกปวดท้องราวกับว่าลำไส้ของเขากำลังบิดตัวเพราะความเครียดเขารู้สึกเสียใจกับการกระทำที่โง่เขลาของตัวเองอย่างที่สุด เขายอมทำเรื่องที่รู้ว่าเซียวหยูซวนจะต้องเกลียดเขาเพื่อทำให้หลี่เว่ยตงพึงพอใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลี่เว่ยตงจะหวาดกลัวจี้เฟิง นั่นก็หมายความว่าเขากำลังจะซวย!
เด็กยากจนที่ครอบครัวดำรงชีพด้วยการขายผักกลับกลายเป็นนายน้อยแห่งตระกูลจี้ที่แม้แต่หลี่เว่ยตงยังต้องเกรงใจเหอตงยังไม่สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ว่าทำไมหลี่เว่ยตงถึงต้องเกรงกลัวจี้เฟิง
หลี่เว่ยตงที่มีเส้นสายมากมายและมีอิทธิพลมากเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่ที่สุดในเจียงโจวหรอกหรือทำไมถึงมีคนที่เขาจะต้องกลัว ยิ่งไปกว่านั้นคนคนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาด้วยซ้ำ แต่เขากลับยอมให้เด็กคนนั้นทำตัวหยิ่งผยองใส่?
เหอตงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแรงๆความย้อนแย้งทั้งหมดนี้มันทำให้เขาไม่เข้าใจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจว่าตราบใดที่หลี่เว่ยตงไม่สามารถทนต่อแรงกดดันของอีกฝ่ายได้ตัวเขาเองนั้นก็จะต้องพบกับความโชคร้ายไปด้วยอย่างแน่นอน
ในขณะนั้นเองจี้เฟิงก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“คุณชายหลี่ใช่มั้ย ที่วันนี้ผมมาที่นี่เพื่อจะบอกคุณว่า หยูซวนเป็นผู้หญิงของผม คุณไม่ควรบังคับให้เธอต้องทำในสิ่งที่เธอไม่เต็มใจ ไม่เช่นนั้นคุณจะได้รู้ว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง!”
หลี่เว่ยตงหน้าซีดทันทีตั้งแต่เขาเติบโตมาไม่เคยมีใครกล้าพูดจาข่มขู่คุกคามเขาโดยตรงขนาดนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงตัวตนของอีกฝ่ายหลี่เว่ยตงทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพยายามระงับความโกรธไว้ในใจ แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงท่าทีของเขาออกมาได้ง่ายๆ เพราะเขารู้ดีว่าในตอนนี้เขาอยู่ในหลินจิงคลับเฮ้าส์ หากเขาก้มหัวให้กับจี้เฟิงต่อหน้าผู้คนมากมายแล้วต่อจากนี้เขาจะกล้าสู้หน้าผู้คนได้อย่างไร
หากเป็นที่ส่วนตัวเขาก็คงไม่สนใจว่าจะต้องก้มหัวขอโทษอย่างไรแต่ที่รู้ๆต้องไม่ใช่ตอนนี้
สิ่งที่เขาจะต้องรักษาไว้อย่างน้อยๆก็คือศักดิ์ศรี ไอรีนโนเวล
ตอนนี้ในหัวสมองของหลี่เว่ยตงพยายามคิดหาวิธีอย่างรวดเร็วเพื่อหวังว่าเขาจะหาเหตุผลที่เหมาะสมที่จะหาข้อตกลงโดยที่จะไม่ทำให้จี้เฟิงต้องขุ่นเคืองใจและในขณะเดียวกันเขาก็ต้องไม่ทำให้ตัวเองต้องรู้สึกเหมือนกับยอมก้มหัวให้จี้เฟิงจนมากเกินไป มิฉะนั้นศักดิ์ศรีและชื่อเสียงในเจียงโจวที่เขาสะสมมาจะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าถึงเวลานั้นทุกคนต่างก็ต้องรู้ว่าผู้ชายที่มีอำนาจมากกว่าเขาได้มาถึงเจียงโจวแล้ว
เมื่อนึกถึงปัญหาเหล่านี้หลี่เว่ยตงก็เกิดคำถามขึ้นว่าเขาจะใช้วิธีไหนถึงจะดีที่สุดนอกจากนั้นต้องเป็นอะไรที่จี้เฟิงและเซียวหยูซวนยอมรับได้ด้วย
หลี่เว่ยตงตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่พักหนึ่งเขาพยายามตั้งสติให้มากขึ้น หลี่เว่ยตงผู้ซึ่งผ่านประสบการณ์ใช้ชีวิตในสังคมมาไม่น้อยจะต้องนึกถึงวิธีได้ในไม่ช้า
เซียวหยูซวนไม่ได้โกรธเขาแล้วนับประสาอะไรกับความไม่พอใจซึ่งนั่นหมายความว่าเธอยอมรับการกระทำนี้
แต่จู่ๆจี้เฟิงก็รู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่อย่างกะทันหันมันทำให้เขามีสติขึ้นมาทันทีเมื่อคิดได้ว่า สิ่งที่เซียวหยูซวนแสดงออกอาจจะเป็นเพียงแค่ความเกรงใจและเป็นการขอบคุณที่เขานั้นได้ช่วยเหลือเธอ เขาอาจจะแค่คิดไปเองคนเดียวว่าเซียวหยูซวนนั้นยอมรับในตัวเขาแล้ว
ในขณะนั้นเองเซียวหยูซวนก็ถามเบาๆว่า“จี้เฟิง ทำไมนายถึงได้ดูแลพี่สาวของนายดีขนาดนี้ หรือว่านายอยากจะจีบฉัน”
จี้เฟิงถอนหายใจอยู่ในใจเขาไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซียวหยูซวนพัฒนาสถานะขึ้นจากเดิมด้วยเรื่องของการตอบแทนน้ำใจเขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า “พี่สาวหยูซวนผมไม่กล้าพูดอะไรแบบนั้น ผมแค่คิดว่าสิ่งที่ผมทำลงไปนั้นมันดีกับคุณเราเป็นเพื่อนกัน แน่นอนว่าการช่วยเหลือเพื่อนมันเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นพี่สาวหยูซวนไม่ต้องคิดมาก ถ้ามัวแต่ทำหน้าตาบึ้งตึงเดี๋ยวหน้าแก่กันพอดี!”
เซียวหยูซวนเม้มปากของเธอจากนั้นก็หัวเราะเบาๆและพูดว่า“จี้เฟิง.. ขอบคุณนะ!”
จี้เฟิงยิ้มและถามกลับ“ขอบคุณเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องที่ผมช่วยคุณจัดการเรื่องหลี่เว่ยตงนั่นก็ไม่จำเป็น ด้วยเหตุผลที่ผมเพิ่งจะพูดไป”
เซียวหยูซวนยิ้ม“นายก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ“ลืมไปซะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย!”
จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า“พี่สาวหยูซวน คุณรอผมที่นี่แหละ เดี๋ยวผมจะไปเอารถมารับคุณ!”
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเขาเซียวหยูซวนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มหวานด้วยความฉลาดเฉลียวของเธอ เธอเข้าใจดีว่าสิ่งที่จี้เฟิงพูดและแสดงออกนั้นหมายถึงอะไร เขาไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องทดแทนบุญคุณ พูดอีกอย่างก็คือจี้เฟิงต้องการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเป็นเรื่องที่บริสุทธิ์
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง“น้องชาย เธอคิดว่าพี่สาวคนนี้ไม่อยากพัฒนาความสัมพันธ์กับเธองั้นเหรอ ฉันแค่ไม่กล้าพอ แล้วที่สำคัญเธอนั้นมีถงเล่ยอยู่แล้ว ฉันจะไปสู้กับถงเล่ยได้อย่างไร”
………
ระหว่างทางกลับจี้เฟิงและเซียวหยูซวนต่างเงียบดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างกำลังคิดถึงถงเล่ยอยู่เหมือนกัน และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจ หากไม่มีถงเล่ยคั่นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองที่ตอนนี้ต่างก็รู้ใจของกันและกัน มันก็ชัดเจนแล้วว่าผลลัพธ์มันจะออกมาแบบไหน
อย่างไรก็ตามการดำรงอยู่ของถงเล่ยทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะล้ำเส้นไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการทำผิดต่อถงเล่ยอย่างร้ายแรง
ทันทีที่จี้เฟิงนึกถึงเรื่องนี้เขาก็บังคับตัวเองให้ปัดเป่าความคิดทั้งหมดที่เขาไม่ควรมีอยู่ในใจทิ้งไป แม้ว่าในตอนนี้เขาจะรู้สึกกับเซียวหยูซวนไม่ต่างจากถงเล่ยเลยก็ตาม แต่เขาก็ต้องให้เกียรติคนที่มาก่อนและยิ่งไปกว่านั้นจี้เฟิงไม่ใช่คนใจร้ายที่ได้คนใหม่แล้วจะลืมคนเก่า