The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 180 ต่อต้าน
เมื่อกลับมาที่หอพักใบหน้าของจี้เฟิงยังคงเคร่งเครียดเขาพยายามหายใจเข้าลึกๆ แต่มันก็แทบจะไม่ช่วยให้เขาสงบลงได้เลย
“ฉันต้องเลิกคิดเรื่องพวกนี้ไม่ต้องไปสนใจมันอีก” จี้เฟิงส่ายหัวและบอกกับตัวเองเพื่อให้ตัวเองสบายใจ “ตราบใดที่พวกนั้นเลิกสร้างความเดือดร้อนและไม่ลากฉันเขาไปเกี่ยว ฉันก็จะไม่ไปยุ่งอีก!”
จี้เฟิงรู้สึกเสียอารมณ์กับเรื่องนี้มากเขาส่ายหัวเล็กน้อยและคิดว่า หวู่หลิงเอ๋อเป็นเหมือนเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่ทำตัวอวดดีหยิ่งผยองไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น อะไรที่เป็นข้อบกพร่องที่ลูกคุณหนูมักจะมี เธอแทบจะมีมันครบทุกอย่าง แม้ว่าในลักษณะของผู้หญิงจะเป็นเรื่องที่แตกต่างกันกับผู้ชายอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้ปวดหัวได้แทบไม่ต่างกัน
“ไม่รู้ว่าหยูซวนเห็นคนแบบนี้เป็นเพื่อนที่ดีได้ยังไง!”จี้เฟิงส่ายหัวและเมื่อเขานึกถึงเซียวหยูซวนหัวใจของเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสน่ห์และเรือนร่างที่เย้ายวนของเซียวหยูซวนเกรงว่าไม่ว่าผู้ชายคนไหนเมื่อได้ใกล้ชิดกับเธอก็คงจะห้ามใจไว้ไม่ได้
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ“เป็นโชคดีของฉันจริงๆ ที่ผู้หญิงที่มีเสน่ห์สวยพร้อมขนาดนี้มาเป็นหนึ่งในแฟนของฉัน!” จี้เฟิงแอบยิ้มกับตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ
Rrrrrrrr~~!
เสียงโทรศัพท์ของจี้เฟิงดังขึ้นเขาหยิบขึ้นมาดูและพบว่าเป็นเซียวหยูซวนที่โทรมา
จี้เฟิงสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมเซียวหยูซวนถึงได้โทรมาหลังจากที่เพิ่งพบกันที่ร้านกาแฟเมื่อครู่หรือจะเป็นเรื่องแข่งรถของเสี่ยวหลิงอีก
“หยูซวนคุณคิดถึงผมขนาดนี้เลยเหรอ” จี้เฟิงพูดทันทีหลังจากรับสาย
“ไอ้เด็กบ้านี่!”แม้ว่าเซียวหยูซวนและจี้เฟิงจะทะลายกำแพงกั้นระหว่างกันไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะล้อเล่น “ตัวเล็ก นายรู้มั้ยว่าสิ่งที่นายพูดมามันหนักเกินไปสำหรับเสี่ยวหลิง ตอนนี้เธอยังร้องไห้ไม่หยุดเลย!”
จี้เฟิงขมวดคิ้ว“คุณยังอยู่ในร้านกาแฟอยู่หรือเปล่า”
“ไม่ได้อยู่แล้วฉันจะปล่อยให้เสี่ยวหลิงนั่งร้องไห้ในร้านกาแฟได้ยังไง ตอนนี้ฉันพาเสี่ยวหลิงกลับมาที่อะพาร์ตเมนต์แล้ว” เซียวหยูซวนถอนหายใจเบาๆและพูดต่อว่า “เจ้าตัวเล็ก แม้ว่าสิ่งที่นายพูดมามันจะถูกต้องและสมเหตุสมผลก็ตาม แต่นายก็ไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมดของเธอ ตอนนี้เสี่ยวหลิงก็รู้แล้วสิ่งที่เธอทำมันผิด แต่บางทีเธออาจจะมีเหตุผลของเธอที่ทำไปแบบนั้น!”
จี้เฟิงหัวเราะเสียงดัง“ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเหตุผลอะไรที่คุณเห็นดีเห็นงามและปล่อยให้เธอทำเรื่องที่ส่งผลร้ายกับชีวิตของคนอื่นโดยที่ไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อยเพียงเพื่อสนองความตื่นเต้น!”
“เจ้าตัวเล็กทำไมนายถึงพูดแบบนั้น!”เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะโวยวาย “ฉันไม่ได้เพิ่งบอกนายไปหรือไงว่า เสี่ยวหลิงสำนึกผิดแล้ว!”
“เพิ่งรู้หรือไงว่าตัวเองทำผิด”จี้เฟิงเริ่มหงุดหงิด และเหมือนเขาจะไม่พอใจการเรียกของเซียวหยูซวนซักเท่าไหร่เขาจึงถามด้วยความไม่พอใจว่า “เมื่อกี้คุณเรียกผมว่าอะไรนะ! เจ้าตัวเล็ก?”
เซียวหยูซวนลดเสียงลงและอดไม่ได้ที่จะยิ้ม“ทำไม ปกติฉันก็เรียกนายเจ้าตัวเล็กออกจะบ่อย ก็ไม่เห็นจะว่าอะไร ทำไมตอนนี้ถึงได้ไม่พอใจ?”
จี้เฟิงกัดฟันของเขาด้วยความโมโหและพูดอย่างร้ายกาจ“ไว้ผมจะทำให้คุณได้รู้ว่าผมเป็น ‘เจ้าตัวเล็ก’ อย่างที่คุณคิดจริงๆหรือเปล่า เมื่อถึงเวลานั้นอย่าร้องก็แล้วกัน!”
“ไอ้บ้า!”เซียวหยูซวนเขินมาก เธอด่าจี้เฟิงด้วยเสียงที่ค่อยๆเบาลง “นายมันชั่วร้ายที่สุดเลย!”
แม้ว่าจะได้ยินแค่เสียงพูดผ่านทางโทรศัพท์แต่จี้เฟิงก็สามารถจินตนาการได้ว่าเซียวหยูซวนในเวลานี้จะเสียอาการมากแค่ไหน ดวงตาคู่สวยเหมือนกับน้ำในฤดูใบไม้ผลิของเธอคงแสดงความรู้สึกทั้งรักและเขินอายชวนให้หลงใหลเหมือนที่เขาเคยเห็นมาก่อน
“เจ้าตัวเล็ก…จี้เฟิง” เซียวหยูซวนเผลอเรียกเจ้าตัวเล็ก แต่จากนั้นเมื่อนึกสิ่งที่จี้เฟิงเพิ่งพูดเมื่อกี้เธอจึงรีบเปลี่ยนชื่อเรียกทันที “ฉันอยากให้นายรู้ไว้ว่าจริงๆแล้วนิสัยของเสี่ยวหลิงไม่ใช่คนเลวร้ายเลย ดังนั้นถ้าฉันสามารถพูดเกลี้ยกล่อมให้เธอเลิกแข่งรถใต้ดินได้ นายอย่างส่งคนมาจัดการเธอได้หรือเปล่า นะ”
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า“ในเมื่อเมียของผมพูดขอร้องขนาดนี้ ผมก็ต้องยอมแล้วล่ะ” จี้เฟิงอมยิ้มเล็กน้อย และกลับมามีสีหน้าจริงจังอีกครั้ง “แต่คุณไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไป เพราะตราบใดที่หวู่หลิงเอ๋อไม่ได้ทำในสิ่งที่ไม่เห็นชีวิตของคนอื่นอยู่ในสายตา ผมจะไม่ทำอะไรเธอแน่นอน เพราะผมก็ไม่ได้อยากจะรู้จักหรือไปยุ่งอะไรกับเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นคุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าผมพูดว่ายังไง”
“ตาบ้า!ใครเป็นเมียนายย๊ะ!” เซียวหยูซวนบ่นอุบอิบแต่เต็มไปด้วยความเขินอายและกดวางสายไปทันที!
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยจากนั้นเขาก็เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาจากนั้นก็เปิดพัดลมก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงและตั้งสมาธิเพื่อเข้าสู่จิตใต้สำนึกอีกครั้ง
“ยินดีต้อนรับการกลับมาครับมาสเตอร์!”เสียงของสมองหมายเลข 1 ดังขึ้นทันทีที่จี้เฟิงกลับเข้าสู่จิตใต้สำนึก
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย“คุณไม่เคยพูดอะไรทำนองนี้มาก่อน วันนี้ทำไมจู่ๆถึงดูเหมือนมนุษย์มากขึ้นทุกทีๆเลยล่ะ”
“เป็นการตั้งโปรแกรมของผู้เชี่ยวชาญที่สร้างสมองขึ้นมาให้มีความสามารถในการรวบรวมข้อมูลภายนอกและสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง” สองหมายเลข 1 อธิบาย
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าถ้าคุณเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆคุณก็จะเหมือนมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆงั้นสิ” จี้เฟิงถามด้วยความประหลาดใจ
“ขึ้นอยู่กับขีดจำกัดการเติบโตขอโปรแกรมสูงสุดที่ถูกตั้งค่าไว้”สมองหมายเลข 1 กล่าว
จี้เฟิงคิดอยู่นานแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายในประโยคนี้ของสมองหมายเลข1 ซักเท่าไหร่ เขาส่ายหัวและเลิกคิดเกี่ยวกับมัน “โอเค ถ้างั้นคุณก็พัฒนาต่อไปเรื่อยๆก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันว่าเราควรเริ่มฝึกกันเลยดีกว่า”
จี้เฟิงกำลังเรียนพื้นฐานในหลักสูตรของเทคโนโลยีการสื่อสารและเครือข่ายเขาจำและทำความเข้าใจได้บ้างแล้ว แต่สิ่งที่จี้เฟิงต้องการเรียนรู้มากที่สุดในตอนนี้คือการสร้างม่านแสงนั่น หากเขาสามารถทำได้เขาจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอย่างแน่นอน!
สมองหมายเลข1 พยักหน้าทันที “ครับมาสเตอร์!”
“นอกจากการฝึกยิมนาสติกชุดที่สองแล้ววันนี้ฉันจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีการสื่อสารและเครือข่ายต่อหรือเปล่า”จี้เฟิงถามด้วยความคาดหวัง
“ตามขั้นตอนของโปรแกรมช่วยการเรียนรู้วันนี้มาสเตอร์จะได้เรียน แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง มาสเตอร์ต้องเติมคำว่าพื้นฐานอีกสองคำอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ด้วย” สมองหมายเลข 1 พูดอย่างกับมนุษย์
“พื้นฐานของเทคโนโลยีการสื่อสารและเครือข่าย…”จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะกลอกตา พูดเป็นเล่น! นี่ฉันยังอยู่ในขั้นพื้นฐานที่สุดอยู่เหรอเนี่ย
“ความรู้พื้นฐานของฉันยังไม่ดีพอเหรอ”จี้เฟิงถามอย่างไม่ค่อยพอใจนัก เขาอยากจะรีบสร้างม่านแสงให้ได้เร็วกว่านี้ แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถผลิตมันออกมาจำนวนมากเพื่อนำไปสร้างเป็นธุรกิจได้ในเวลานี้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถเก็บไว้ใช้เองได้ยามที่เขาต้องการแค่นึกภาพว่าเขาจะได้รับชมภาพเคลื่อนไหวผ่านม่านแสงที่สมจริงยิ่งกว่าการไปชมภาพยนตร์สามมิติในโรงภาพยนตร์มันก็ทำให้จี้เฟิงรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขมากทีเดียว
“สิ่งที่มาสเตอร์เรียนรู้มาก่อนหน้านี้เป็นเพียงความรู้พื้นฐานของเทคโนโลยีการสื่อสารเท่านั้นและถ้าหากมาสเตอร์ต้องการบรรลุเป้าหมายในการผลิตม่านแสงมาสเตอร์จะต้องเรียนรู้พื้นฐานของเทคโนโลยีเครือข่ายด้วย เพราะม่านแสงที่มาสเตอร์ได้เห็นนั้นไม่เพียงแต่มีฟังก์ชั่นในการเล่นภาพและเสียงแต่ยังมีฟังก์ชั่นการสื่อสารและเครือข่ายระดับสุดยอด…” สมองหมายเลข 1 อธิบาย
จี้เฟิงตระหนักได้ในทันทีว่าเขาอาจจะคิดอะไรง่ายๆเกินไป ม่านแสงเป็นถึงเทคโนโลยีในอนาคต ด้วยความรู้ของเขาตอนนี้มันทำให้เขายังไม่สามารถที่จะผลิตมันได้ด้วยตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าการสร้างม่านแสงจะยากมากเท่าไหร่นั่นก็หมายความว่าประสิทธิภาพของมันจะดีมากขึ้นเท่านั้น และการนำสิ่งนี้ไปใช้งานก็จะยิ่งหลากหลายมากขึ้นไม่ว่าจะนำไปเป็นฟังก์ชั่นเสริมให้กับทีวีหรือคอมพิวเตอร์ก็ตาม ไอรีนโนเวล
“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเริ่มกันเลย!”แม้ว่าจี้เฟิงจะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างที่ยังไม่สามารถทำม่านแสงได้ด้วยตัวเองเร็วๆนี้ แต่มันก็ทำให้เขามีแรงกระตุ้นและความกระตือรือร้นมากขึ้น
………
ในอะพาร์ตเมนต์หนึ่งของคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ของสหพันธ์มหาวิทยาลัยเซียวหยูซวนที่เพิ่งกดวางสายกับจี้เฟิงไป เธอเดินตรงไปที่ห้องของหวู่หลิงเอ๋อ และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจขณะที่เธอมองไปที่หวู่หลิงเอ๋อที่กำลังนอนร้องไห้อยู่บนเตียง
“เสี่ยวหลิงเลิกร้องไห้ได้แล้วไม่ต้องห่วงนะฉันโทรหาจี้เฟิงแล้ว เขารับปากว่าเขาจะลืมเรื่องนี้ไป ดังนั้นเธอก็ควรจะลืมเรื่องนี้เช่นกัน!”
“เหอะ!”หวู่หลิงเอ๋อพูดด้วยความโกรธ “ทำไมเขาถึงจะลืมมันไปล่ะ ไหนบอกว่าจะจัดการฉันไม่ใช่เหรอ ไม่มีปัญญาทำอย่างที่พูดแล้วมาทำวางท่าใหญ่โต!”
เซียวหยูซวนได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น“เสี่ยวหลิง ฉันเกรงว่าถ้าจี้เฟิงต้องการจะจัดการกับเธอจริงๆ เขาทำแค่โทรศัพท์เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว!”
“อะไรนะ!”หวูหลิงเอ๋อตกใจจนถึงกับหยุดร้องไห้ “ซวนซวน เธอพูดอะไร เด็กจี้เฟิงนั่นอ่ะนะ จะจัดการกับฉันได้เพียงแค่โทรสายเดียว”
“มันอาจจะฟังดูเกินจริงไปสักหน่อย..แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอยังไม่รู้จักตัวตนของจี้เฟิงเธอคงนึกภาพไม่ออกว่าจริงๆแล้วตระกูลเขามีอิทธิพลมากขนาดไหน หรือต่อให้เธอรู้ เธอก็อาจจะไม่เชื่ออยู่ดี..!” เซียวหยูซวนยิ้มอย่างขมขื่น
เกี่ยวกับตัวตนของจี้เฟิงเธอไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ ด้วยสถานะของเขาในปัจจุบันและความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจี้เฟิง มันอาจจะทำให้เธอถูกมองไม่ดีและคิดว่าเธอนั้นยึดติดและเลือกคบคนเพราะอำนาจ
ด้วยความสงสัยหวู่หลิงเอ๋อลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอนและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ซวนซวน จี้เฟิงเขาเป็นใครกันแน่”
เธอรู้ว่าเซียวหยูซวนจะไม่มีวันโกหกเธอที่เธอพูดแบบนั้นแสดงว่าตัวตนของจี้เฟิงนั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หวู่หลิงเอ๋อรู้ดีว่าแม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะไม่ได้มีอำนาจมากในเจียงโจว แต่พวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะจัดการได้ด้วยการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียว เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเป็นคนของทางการหรือคนที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ
จี้เฟิงจะเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากขนาดนั้นเลยหรือด้วยอายุของเขามันคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือจี้เฟิงอาจมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนใหญ่คนโตหรือผู้มีอิทธิพล
เซียวหยูซวนส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า“เสี่ยวหลิง ตัวตนที่แท้จริงของจี้เฟิงจะเป็นใครนั้น เธออย่ามาถามฉันเลย ฉันบอกเธอได้แค่เพียงว่าสิ่งที่ฉันพูดไปมันเป็นความจริง!”
หวู่หลิงเอ๋อเปลี่ยนท่าทีไปเล็กน้อยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
เซียวหยูซวนไม่ทันสังเกตเห็นถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเสี่ยวหลิงเธอยังคงพยายามพูดจาหว่านล้อมเพื่อให้หวู่หลิงเอ๋อล้มเลิกความตั้งใจในเรื่องการแข่งรถ “เสี่ยวหลิง เธอรับปากฉันได้มั้ยว่าจะไม่ไปแข่งรถใต้ดินอะไรนั่นอีก”
“อืมฉันรับปาก” เสี่ยวหลิงยิ้มอย่าร่าเริง
เซียวหยูซวนตกตะลึงไปชั่วขณะถึงเธอจะพูดไปแบบนั้นแต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวหลิงจะต้อนรับอย่างเห็นด้วยในทันที อย่างไรก็ตามเนื่องจากเสี่ยวหลิงตกปากรับคำแล้ว เซียวหยูซวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไม่เช่นนั้นหากเสี่ยวหลิงยังคงดึงดันที่จะเข้าร่วมการแข่งรถที่อันตรายแบบนั้นเซียวหยูซวนคงจะเป็นกังวลมาก
“ซวนซวนขอบใจมากนะที่เป็นห่วงฉันโอเค” หวู่หลิงเอ๋อยิ้ม “ฉันอยากอยู่คนเดียวซักพัก เธอกลับห้องเธอไปก่อนนะ”
เซียวหยูซวนลังเลสักพักก่อนที่จะพยักหน้าเล็กน้อย“อืม เสี่ยวหลิง เธอก็พักผ่อนซะนะ ถ้าเบื่อหรือมีอะไรก็โทรเรียกฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ!”
หลังจากที่เซียวหยูซวนออกไปหวู่หลิงเอ๋อก็ลุกขึ้นจากเตียง เธอกระพริบตาถี่ๆสามสี่ครั้งแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “เสี่ยวกวง ฉันเอง.. นายรีบไปบอกซุนจื่อซวงตอนนี้เลยนะว่าฉันขอเลื่อนกำหนดวันแข่งรถ… เป็นวันนี้เลย ไม่มีแต่อะไรทั้งสิ้น ต้องวันนี้เท่านั้น!”
หลังจากวางสายท่าทางและสายตาของหวู่หลิงเอ๋อก็กลับมาเป็นหญิงสาวผู้ดื้อรั้น “เหอะ นายจี้เฟิง นายอยากจะเข้ามาจัดการกับเรื่องนี้งั้นเหรอ ดี! ฉันจะเป็นคนให้โอกาสนี้กับนายเอง ฉันรู้ดีว่าลำพังตัวฉันคงไม่สามารถเอาชนะซุนจื่อซวงได้ แล้วในเมื่อฉันเจอคนที่สามารถทำได้ เรื่องอะไรฉันถึงต้องยอมปล่อยมือจากเรื่องนี้ไปง่ายๆด้วยล่ะ! ไม่มีจังหวะเหมาะไปมากกว่าตอนนี้อีกแล้ว!”
เสี่ยวหลิงยังคงพึมพำ“จี้เฟิง ถ้านายเป็นคนที่ใหญ่โตอย่างที่ปากพูดไว้จริง นายจะยังคงทำตัวเย็นชาพูดจาอวดดีอยู่อีกมั้ยถ้าฉันไม่ทำตามคำพูดของนาย!”
หากจี้เฟิงรู้ว่าเสี่ยวหลิงในเวลานี้กำลังจะทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำห้ามของเขาก็ไม่รู้ว่าสีหน้าของเขาจะเป็นเช่นไร….