The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 183 ความเร็วในตำนาน!
บนเนินเขาในเวลานี้คนที่กำลังมองไปที่หน้าจอต่างพากันอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง
“โอ้พระเจ้า!นี่มันอะไรกัน!” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อมองเห็นจุดของรถจี้เฟิงเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว “เด็กคนนั้นขับรถเร็วขนาดนี้ได้ยังไง”
“อะไรนะ”คนอีกกลุ่มหนึ่งเมื่อได้ยินก็รีบหันไปมองหน้าจอ หลังจากนั้นดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง “เห้ย! เขาเพิ่งออกตัวไปเองไม่ใช่เหรอ?”
ตอนนี้ที่หน้าจอของแล็ปท็อปนอกจากจุดสีแดงและสีน้ำเงินแล้วยังมีจุดสีม่วงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งจุด บนแผนที่ที่แสดงบนหน้าจอจุดสีม่วงยังคงอยู่ห่างจากจุดสีแดงและจุดสีน้ำเงินที่อยู่ด้านหน้ามากพอสมควร อย่างไรก็ตามความเร็วในการเคลื่อนที่ของจุดสี่ม่วงนั้นเร็วอย่างเหลือเชื่อซึ่งจากการคำนวณด้วยสายตาคร่าวๆแล้วเร็วกว่าการเคลื่อนไหวของทั้งสองจุดที่อยู่ข้างหน้า!
“นี่มันคือการทำความเร็วของรถให้เกินขีดจำกัด!”ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“ใช่ใช่!”
ทุกคนในตอนนี้ต่างตื่นตาตื่นใจความเร็วของจุดสีม่วงมันน่าเหลือเชื่อมากจริงๆ ซึ่งทันทีที่ข้อมูลที่เป็นตัวเลขถูกเปิดเผยขึ้นบนหน้าจอมันยิ่งทำให้ทุกคนตกตะลึง ตอนนี้ความเร็วของจุดสีม่วงอยู่ที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!
“เฮือก~!”ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความเร็ว 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นเหลือเชื่อมาก!
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรถสปอร์ตที่มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมที่จะทำความเร็วได้ถึง230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตราบใดที่มีสนามแข่งที่ดีและมีคนขับที่ยอดเยี่ยม มันไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนักที่จะไปถึงความเร็วนี้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือสภาพของถนนในปัจจุบันซึ่งเต็มไปด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยวและทางโค้งหักศอก!
และยิ่งไปกว่านั้นเด็กหนุ่มคนนั้นเพิ่งจะเคยขับรถสปอร์ตสีน้ำเงินคันนี้เป็นครั้งแรก!
ไม่ว่าผู้ขับขี่จะมีเทคนิคการขับรถขั้นเทพขนาดไหนสภาพแวดล้อมภายนอก สมรรถนะของรถ ความพร้อมของคนขับขี่และความคุ้นเคยกับรถต่างเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้ แต่เด็กหนุ่มคนนั้นไม่เพียงแต่เคยลองขับรถสปอร์ตสีน้ำเงินเป็นครั้งแรก แต่ถนนเส้นนี้เรียกได้ว่าเป็นถนนปราบเซียน ด้วยปัจจัยสำคัญทั้งสองอย่างนี้ต่างส่งผลกระทบอย่างมากในกรณีนี้
แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้เด็กคนนั้นกลับทำความเร็วได้ถึง230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง! มันเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วต่อหน้าทุกคน แล้วจะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร
“สองร้อยสามสิบ…”เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากของทุกคน มีคนหนึ่งถามเพื่อนข้างๆว่า “ที่ถนนสายนี้สถิติความเร็วสูงสุดของพี่ซุนอยู่ที่เท่าไหร่?”
“สะสองร้อยยี่สิบ!” คนข้างๆตอบอย่างตะกุกตะกัก
“อย่ามาล้อเล่น!มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เด็กคนนั้นจะทำความเร็วได้มากกว่าความเร็วสูงสุดของพี่ซุน”
“ใครจะมาล้อเล่นตอนนี้!”
“เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันแน่!”ผู้ชายคนหนึ่งถามขึ้น
ทุกคนต่างพากันส่ายหัวและมีคนหนึ่งพูดว่า “ดูเหมือนว่า… เด็กหนุ่มคนนั้นจะมาหาหวู่หลิงเอ๋อ แต่ฉันก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลายมาเป็นนักแข่งรถมืออาชีพไปได้!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันและกันพวกเขาต่างมีคำพูดอยู่ในใจเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย “พี่ซุนซวยแล้ว!”
“ตื้ด—!”
จู่ๆเสียงของวิทยุสื่อสารก็ดังขึ้นภายในรถของซุนจื่อซวงเมื่อได้ยินซุนจื่อซวงก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ เขากดเชื่อมต่อและพูดขึ้น “มีอะไร ไม่รู้หรือไงว่าฉันไม่ชอบให้ใครรบกวนตอนกำลังแข่ง!”
บนเนินเขาชายผมสีเหลืองพูดอย่างตะกุกตะกัก “พี่ซุน สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่!”
“นายหมายความว่าไง”ซุนจื่อซวงเริ่มหงุดหงิด “หวงกังเหรอ? นายพูดติดอ่างตั้งแต่เมื่อไหร่? มีอะไรก็รีบๆพูดมา อย่ามัวลีลา!”
หวงกังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องและอดไม่ได้ที่จะเอามือลูบท้องของเขาเขาคือคนที่ถูกจี้เฟิงถีบไปก่อนหน้านี้ จนถึงตอนนี้จุดที่โดนถีบยังคงบาดเจ็บสาหัสอยู่ Aileen-novel
หลังจากที่เขาเห็นการขับรถอย่างรวดเร็วของจี้เฟิงเขาก็ต้องการแจ้งให้ซุนจื่อซวงลูกพี่ของเขาทราบโดยเร็วที่สุด แต่เขาไม่คิดว่าจะต้องมาถูกดุ
“พี่ซุนเด็กผู้ชายที่มาหาหวู่หลิงเอ๋อ เขา เขา…” หวงกังยังคงพูดตะกุกตะกัก ทันทีที่เขาเห็นความเร็วในการเคลื่อนที่ของจุดสีม่วงบนหน้าจอด้วยความเร็วขนาดนั้น เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องเหลือเชื่อให้ดูไม่เป็นเรื่องเพ้อเจ้อได้อย่างไร
“เขาทำไมมันเป็นอะไร ถ้านายยังไม่พูดให้รู้เรื่อง แข่งเสร็จเมื่อไหร่นายโดนดีแน่!” ซุนจื่อซวงพูดด้วยความหงุดหงิด
หวงกังตัวสั่นและรีบพูดขึ้นว่า“พี่ซุน เด็กคนนั้นกำลังขับรถไล่ตามหลังพี่ซุนอยู่ แต่เขาขับเร็วมาก! มีความเป็นไปได้ที่จะแซงพี่ซุน..”
“เร็วมากแซง?” ซุนจื่อซวงชะงักไปเล็กน้อยจากนั้นก็หัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า~ หวงกังสมองนายกลายเป็นขี้เลื่อยไปแล้วเหรอ ทำไมถึงพูดเรื่องตลกออกมาในเวลานี้ ไอ้เด็กคนนั้นมันจะมาขับเร็วกว่าฉันได้ยังไง รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ก่อนฉันจะแข่งเสร็จแล้วบอกคนอื่นด้วยว่าอย่ามารบกวนฉันแข่งรถอีก!”
หวงกังยังคงพยายามที่จะบอกซุนจื่อซวงในสิ่งที่เขาเห็นแต่พบว่าวิทยุสื่อสารถูกเปลี่ยนช่องและไม่สามารถเชื่อมต่อได้อีกต่อไป
เขาวางเครื่องรับส่งวิทยุลงทันทีด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวบนใบหน้าของเขาและพูดกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆเขา“พี่ซุนไม่เชื่อว่าเด็กคนนั้นจะเร็วกว่าเขาได้”
เพื่อนของเขาก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นเช่นกัน“ฉันก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ถ้าไม่เห็นกับตา ฉันเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีใครเร็วกว่าพี่ซุน แล้วพี่ซุนก็คงจะอารมณ์ไม่ดีแน่นอนถ้าได้ยินแบบนั้น”
ในขณะเดียวกันคนที่อยู่ในกลุ่มของหวู่หลิงเอ๋อแอบหัวเราะอยู่ในใจในความคิดของพวกเขา ตั้งแต่ที่จี้เฟิงมาตามหาหวู่หลิงเอ๋อนั่นก็หมายความว่าจี้เฟิงยอมตกลงมาเป็นพวกของพวกเขา
“นายจำรถAudiที่เราเห็นที่ถนนปันซานสองสามวันก่อนได้มั้ย” จู่ๆมีคนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และถามขึ้น
“จำได้ตอนนั้นเห็นเจ้หลิงพูดอยู่ว่าจะตามหาคนคนนี้มาช่วยพวกเราแข่งกับซุนจื่อซวง แต่หลังจากนั้นฉันก็ไม่เห็นข่าวคราวอะไรอีกเลย”
“ใช่ความเร็วของรถAudiคันนั้นน่ากลัวจริงๆ ขนาดตอนนี้พอมานึกๆดู ฉันยังเผลอคิดไปเลยว่าเรื่องวันนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นจริง!” คนในกลุ่มคนหนึ่งพูดเสริมขึ้นด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อ “แล้ววันนี้เจ้หลิงมาบอกว่าอาจจะมีคนมาหาเธอ…”
“นายหมายถึงคนที่ขับรถ Audiวันนั้นใช่คนเดียวกันกับเด็กที่มาวันนี้หรือเปล่า!” ชายคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความประหลาดใจและแสดงสีหน้าดีใจทันที “ถ้าเป็นอย่างนั้นความเร็วที่น่ากลัวของจุดสีม่วงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วล่ะ ฉันคิดว่าคงมีแต่เขาเท่านั้นที่จะทำความเร็วระดับปีศาจแบบนี้ได้!”
“ใช่คราวนี้ล่ะ ซุนจื่อซวงเจอปัญหาใหญ่แน่!” ชายคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าฮึกเหิม “แล้วอีกอย่างซุนจื่อซวงลงเดิมพันก้อนใหญ่ไว้ เขาบอกว่าถ้าเขาแพ้เขาจะยอมทิ้งเขตแดนทั้งหมดที่เป็นของเขาให้พวกเรา แล้วเขตแดนของซุนจื่อซวงก็ไม่ใช่น้อยๆ มันเป็นถนนเลียบชายฝั่งทางตะวันออกของเจียงโจวทั้งหมด แล้วถ้ามันตกเป็นของเรารวมกับถนนปันซาน เราก็จะสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมกับคนที่ต้องการจะมาแข่งรถได้เป็นจำนวนมาก!”
ในขณะที่ทุกคนต่างก็ดีใจในเวลานี้ซุนจื่อซวงกำลังจ้องไปที่กระจกมองหลังด้วยความตกใจ ความไม่อยากจะเชื่อฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขา!
“เห้ย!มันเป็นไปได้ยังไง!” ซุนจื่อซวงบ่นกับตัวเองด้วยความตกใจและเหงื่อเย็นๆก็ผุดขึ้นเต็มหน้าผากของเขา “ใครมันจะทำความเร็วได้ขนาดนั้น!”
ไม่ใช่ซุนจื่อซวงเท่านั้นที่ตกตะลึงกับความไวจากรถด้านหลังที่ไล่ตามพวกเขามาติดๆใบหน้าที่สวยงามของหวู่หลิงเอ๋อก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงเล่นกัน “ความเร็วนี้มัน… มันเร็วกว่าวันนั้นอีก!”
ในกระจกมองหลังของทั้งซุนจื่อซวงและหวู่หลิงเอ๋อต่างเห็นรถสปอร์ตสีน้ำเงินกำลังขับไล่บี้พวกเขามาอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ไม่ว่าจะซุนจื่อซวงหรือหวู่หลิงเอ๋อก็รู้ได้ทันทีว่าใครอยู่ในรถสปอร์ตสีน้ำเงินคันนั้น
มันช่างเป็นความเร็วที่น่ากลัวคนที่ทำแบบนี้ได้ก็คงจะมีแต่ปีศาจเท่านั้น
ไม่น่าแปลกใจที่ทั้งสองคนนั้นจะตกใจมากขนาดนั้นนับเวลาตั้งแต่ที่พวกเขาออกตัว ก็เป็นเวลากว่า 20 นาทีแล้ว และด้วยความเร็วของพวกเขาที่วิ่งมาตลอด 20 นาทีนั้นก็ไม่น้อยระยะทางมากกว่าหลายสิบกิโลเมตรและไม่ได้แวะหยุดพักเลย แต่อย่างไรก็ตามจี้เฟิงที่กำลังขับรถสปอร์ตสีน้ำเงินสามารถไล่ตามพวกเขาได้ทันในเวลาอันสั้น นี่มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ!
จากเส้นทางบนถนนสายนี้พวกเขาแน่ใจว่าไม่มีทางแยกหรือทางลัดอื่นๆอย่างแน่นอน ซึ่งหมายความว่าจี้เฟิงไม่ได้มาจากทางลัดใดๆได้ ดังนั้นจึงเหลือเพียงวิธีเดียวคือการขับตามพวกเขามาด้วยเส้นทางเดียวกัน และสิ่งที่ยากมากกว่านั้นคือถนนสายนี้เป็นถนนที่เต็มไปด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยวมากมาย
ในเวลาเพียงสิบนาทีจี้เฟิงก็สามารถขับไล่ตามพวกเขาได้ทันซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามหลักฐานได้อยู่ในสายตาพวกเขาอย่างชัดเจนแล้วในเวลานี้ พวกเขาจึงไม่สามารถคิดเป็นอื่นไปได้อีก
ดวงตาที่กลมโตสวยงามของเซียวหยูซวนก็เบิกกว้างขึ้นเธอหันไปมองจี้เฟิงและพูดขึ้นว่า“เจ้าตัวเล็กนายไล่ตามพวกเขาทันจริงๆด้วย!”
จี้เฟิงยิ้ม“เล็กๆ”
“ใช่!เจ้าตัวเล็ก คิกคิก~” เซียวหยูซวนมองจี้เฟิงที่ทำหน้าเซ็งๆและหัวเราะเบาๆ