The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 189 ซื้อนาฬิกา
จี้เฟิงตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดเหมือนกับทุกๆวันแต่มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปนั่นก็คือเช้านี้เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยคล้ำใต้ดวงตาของเขา
อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากผู้ชายคนหนึ่งต้องนอนอยู่ในห้องนั่งเล่นทั้งคืนในขณะที่แฟนสาวแสนสวยหุ่นเซ็กซี่ของเขานอนในห้องนอนข้างๆ ไหนจะมีโทรศัพท์ก่อกวนกลางดึกเป็นบางครั้งบางคราวอีก จึงสมควรแล้วที่จี้เฟิงต้องตื่นมาด้วยสภาพเช่นนั้น
แต่ถ้าหากเป็นคนธรรมดาทั่วไปเกรงว่าคงจะไม่ได้มีเพียงรอยคล้ำใต้ตาเท่านั้นแต่อาจถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าและร่างกายอ่อนเพลียจากการอดนอนได้เลย แต่โชคดีที่เป็นจี้เฟิง ไม่เพียงแต่เขาจะมีร่างกายที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะการฝึกฝนอย่างหนักหนาสาหัสที่ผ่านมาของเขาจึงทำให้เขารับมือกับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แม้ใต้ตาของเขาจะมีรอยคล้ำ แต่สุขภาพภายในรวมถึงจิตวิญญาณของเขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับระบบฝึกอบรมสายลับระดับสูงที่อยู่ภายในจิตใต้สำนึกของเขาเห็นได้ชัดว่าระบบนี้เป็นได้มากกว่าการทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้น แต่สิ่งที่สมองหมายเลข 1 เรียกว่าการเคลื่อนไหวยิมนาสติกที่เขาได้ฝึกฝนมามันยิ่งทำให้เขามีพลังมากขึ้นแทบจะเป็นร้อยเท่าของมนุษย์ปกติทั่วไป ซึ่งตอนนี้เขาน่าจะเข้าใกล้ปรมาจารย์แห่งศิลปะการต่อสู้ที่เขาเคยเห็นในม่านแสงเมื่อในอดีต
จี้เฟิงจำฉากที่เขาเคยเห็นในม่านแสงได้อย่างขึ้นใจแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะอดสงสัยไม่ได้ว่าความแตกต่างระหว่างมนุษย์ของกาแล็กซีแกมม่าและมนุษย์โลกจะส่งผลต่อการฝึกฝนหรือไม่ เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อว่ามนุษย์ธรรมดาๆอย่างเขาจะเป็นได้อย่างผู้ชายสองคนในม่านแสงนั้น
แต่หลังจากเรื่องราวทั้งหมดที่เขาได้อดทนฝึกฝนมามันก็ทำให้เขาเริ่มเชื่อมั่นมากขึ้นว่าถ้าเขายืนกรานที่จะฝึกฝนอย่างตั้งใจในไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะสามารถเป็นเหมือนกับผู้ชายสองคนที่มีพลังและความแข็งแกร่งอย่างยอดเยี่ยมที่เขาเคยเห็นในม่านแสงได้!
“คอยดูนะฉันจะทำให้ได้!” จี้เฟิงพูดกับตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ในขณะนั้นเองประตูห้องนอนของเซียวหยูซวนก็เปิดออกเผยให้เห็นเซียวหยูซวนที่อยู่ในชุดนอนเดรสเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอนราวกับว่าเธอยังไม่อยากจะตื่น
เมื่อเห็นท่าทางที่น่ารักของเซียวหยูซวนจี้เฟิงก็หัวเราะเบาๆ เขาเดินตรงไปหาเซียวหยูซวนและคว้าเธอไว้พร้อมกับจูบที่ปากเล็กๆของเธอเบาๆหลังจากที่เพิ่งหาวเสร็จ
“อ๊ะ!”แก้มของเซียวหยูซวนเริ่มเป็นสีชมพูอ่อนๆ “ปีศาจน้อย ฉันยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลย!”
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า“ผมแค่มอร์นิงคิสคุณเบาๆ เกี่ยวอะไรกับการที่คุณยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน ผมไม่ได้จะใช้ลิ้นเข้าไปในปากคุณซักหน่อย… หรือว่าคุณนอนน้ำลายไหล!”
“คุณน่ะสิที่นอนน้ำลายไหล!”เซียวหยูซวนย่นจมูกเล็กๆที่น่ารักของเธอและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ จากนั้นเธอก็เขย่งตัวเล็กน้อยและจูบเบาๆไปที่ปากของจี้เฟิง “สามี ฉันจะไปล้างหน้าล้างตาก่อน”
จี้เฟิงยิ้มเซียวหยูซวนเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน เธอทำมันจริงๆ ตอนนี้เซียวหยูซวนปฏิบัติต่อเขา เหมือนว่าเขาเป็นผู้ชายของเธออย่างเป็นทางการแล้ว มันเป็นสัญญาณที่ดี
หลังจากที่ทั้งสองคนล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วเซียวหยูซวนก็ถามว่า “จี้เฟิง เหลือวันหยุดอีกสี่วัน คุณมีโปรแกรมจะทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
จี้เฟิงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดว่า“อืม.. ผมยังไม่ค่อยคุ้นกับเจียงโจวซักเท่าไหร่ งั้นวันนี้คุณพอจะว่างพาผมไปเดินเล่นรอบๆเมืองหน่อยได้หรือเปล่า”
“โอเคฉันก็คิดเรื่องนี้ไว้อยู่เหมือนกัน ในฐานะเจ้าบ้านฉันจะพาคุณไปยังสถานที่เจ๋งๆในเจียงโจวเอง คุณจะได้ทำความคุ้นเคยกับเจียงโจวด้วย!” เซียวหยูซวนอมยิ้มและกระพริบตาทำเป็นใสซื่อ “ถ้าฉันไม่พาคุณไปทำความคุ้นเคยในเจียงโจว เกิดวันหลังคุณพาถงเล่ยไปเที่ยวแล้วเกิดหลงขึ้นมาคงขายหน้าแย่เลย!”
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มแห้งๆการที่เซียวหยูซวนพูดถึงถงเล่ยออกมาโต้งๆมันทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจจริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับ.. รู้สึกผิด ใช่มันเป็นความรู้สึกผิด
ก่อนที่ถงเล่ยจะรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซียวหยูซวนการคบหากันของพวกเขาจึงทำได้แค่ลักลอบคบกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขารู้สึกผิดใช่หรือไม่
เว้นเสียแต่ว่าถงเล่ยจะรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เช่นนั้นพวกเขาก็คงต้องรักษาสถานะการคบหากันแบบแอบๆของพวกเขาแบบนี้ต่อไปซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องสำหรับเซียวหยูซวน
จี้เฟิงลูบคางของเขาและครุ่นคิดอย่างเงียบๆดูเหมือนว่าตอนนี้เขาต้องหาวิธีทำให้ถงเล่ยรับรู้เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับถงเล่ยอย่างตรงไปตรงมาได้ เพราะเขารู้ดีว่าถงเล่ยจะมีการตอบสนองกลับมาอย่างไร แล้วถ้าหากมันทำให้ถงเล่ยต้องเสียใจเขาจะไม่มีวันอภัยให้ตัวเอง
เซียวหยูซวนที่กำลังมองหน้าอันเคร่งเครียดของจี้เฟิงอยู่จู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาว่า “กำลังคิดไม่ตกอยู่สินะว่าจะบอกน้องสาวถงเล่ยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราได้อย่างไร” ดวงตาคู่สวยของเซียวหยูซวนดูเหมือนจะมองทะลุไปถึงหัวใจของจี้เฟิง เธอถามเขาด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง “เมื่อตอนอยู่ที่ร้านกาแฟคุณรับปากเสียดิบดีว่าจะบอกถงเล่ยให้รับรู้เรื่องของเราภายในสามเดือนแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณจะมองไม่เห็นช่องทางที่จะทำได้สินะ!” เซียวหยูซวนกล่าวด้วยใบหน้านิ่งๆ
จี้เฟิงถึงกับกระแอมไอต่อหน้าเซียวหยูซวนที่อ่านความคิดของเขาได้อย่างกับเธอมาอยู่ในหัวของเขา มันทำให้เขารู้สึกอับอายขายหน้าเป็นที่สุด สติปัญญาและความจำระดับเทพของเขาช่างไร้ประโยชน์จริงๆในเวลานี้ เซียวหยูซวนเป็นผู้หญิงที่ฉลาดเฉลียวเกินไป
“ผู้หญิงที่ฉลาดเกินไปบางทีผู้ชายก็ไม่ชอบ!”จี้เฟิงบ่นพึมพำ
“คิก..”
ทันใดนั้นเซียวหยูซวนก็ยิ้มบางๆและชี้นิ้วที่เรียวงามของเธอไปที่จี้เฟิง “คุณนี่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ เอาเป็นว่าคุณอย่าคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ปล่อยให้ฉันจัดการเอง”
“ให้คุณจัดการ”จี้เฟิงตกใจ “หยูซวนคุณจะทำอะไรได้ ให้ผมหาวิธีจัดการเองดีกว่า ทั้งคุณและถงเล่ยพวกคุณต่างมีความสำคัญกับผมเท่าๆกัน ผมไม่อยากให้พวกคุณต้องเจอกับปัญหา เพราะนั่นมันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุด”
เซียวหยูซวนกระพริบตาอย่างช่วยไม่ได้เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดเบาๆว่า“ไม่ต้องกังวลปล่อยเรื่องนี้ให้ฉันจัดการเถอะ ฉันรับรองว่าถงเล่ยจะไม่ได้รับอันตราย…”
เซียวหยูซวนยังพูดไม่ทันจบจี้เฟิงก็พูดแทรกขึ้นมาทันที “ไม่ใช่แค่ถงเล่นเท่านั้น แต่คุณก็ต้องไม่ได้รับอันตรายใดๆด้วยเช่นกัน ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณต้องได้รับบาดเจ็บ!”
เซียวหยูซวนยิ้มเล็กน้อย“ไม่ต้องห่วงฉันไม่โง่พอที่จะทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนหรือบาดเจ็บหรอกหน่า”
“แล้วคุณจะทำอย่างไร”จี้เฟิงถามด้วยความสงสัยและประหลาดใจ “ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าจะมีวิธีไหนที่จะทำให้พวกคุณรู้และเข้าใจในเรื่องนี้โดยไม่ใครต้องรู้สึกแย่ เฮ้อ…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จี้เฟิงก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกครั้งเขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
เซียวหยูซวนจิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ต้องกังวล ถ้าฉันบอกว่าไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไร ปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องนี้ทั้งหมดเอง คุณไม่ต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก”
จี้เฟิงได้แต่ถอนหายใจเบาๆและพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าคุณว่าอย่างนั้น ผมจะปล่อยให้คุณจัดการ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคุณต้องคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนจะทำอะไร ผมไม่อยากให้ทั้งคุณและถงเล่ยต้องมีปัญหากัน”
“โอเคๆบ่นเป็นตาแก่ไปได้ ตอนนี้รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว” เซียวหยูซวนผลักจี้เฟิงเข้าไปในห้องน้ำและพูดอย่างยิ้มๆ “ทำไมเสื้อผ้าของคุณมันยับขนาดนี้ล่ะ เมื่อคืนคงนอนกระสับกระส่ายเพราะไม่สบายตัวแน่ๆเลย” เซียวหยูซวนจัดแจงเสื้อผ้าให้จี้เฟิงราวกับภรรยาแสนดีช่วยสามีแต่งตัวยามเช้า
เมื่อเห็นใบหน้าที่สวยงามของเซียวหยูซวนที่ดูแลเขาอย่างอ่อนโยนจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยและยิ้มอย่างขมขื่น “ก็ถ้าไม่ใช่เพราะคุณมากวนผมเมื่อวานนี้ผมคงไม่นอนกระสับกระส่ายแบบนี้หรอก เมียของผมทำไมถึงซนได้ขนาดนี้!”
เซียวหยูซวนหัวเราะเบาๆ“อาบน้ำเสร็จแล้วคุณไปรอที่ห้องนั่งเล่นก่อนนะ ฉันจะไปเตรียมอาหารเช้าให้”
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”จี้เฟิงผงะและถามแบบยิ้มๆ “หยูซวนผมคิดไม่ถึงเหมือนกันนะเนี่ยว่าคุณก็มีความเป็นแม่ศรีเรือนอยู่ในตัวเยอะเหมือนกัน รูปร่างหน้าตาสวยไม่พอยังเข้าครัวได้อีก คุณช่างเป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบจริงๆ”
“ฉันขอไม่ปฏิเสธความจริงข้อนี้แล้วกันนะคิกคิก~!” เซียวหยูซวนหัวเราะคิกคักและเข้าไปในห้องครัว
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเซียวหยูซวนจี้เฟิงก็ยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุข “อ่า..ห์ ช่างมีความสุขจริงๆ!” ไอรีนโนเวล
……… ลูกชิ้นหมูบะช่อธรรมดาๆเปาะเปี๊ยะสามสี่ชิ้นบวกกับน้ำเต้าหู้ที่ทำเอง เป็นอาหารของจี้เฟิงและเซียวหยูซวนในมื้อเช้าของวันนี้
การทำแป้งเปาะเปี๊ยะแม้ว่ามันจะไม่ยากนักแต่การกินคู่กับน้ำเต้าหู้ตามไปซักหน่อยมันจะทำให้รสชาติดีขึ้นมากและอร่อยขึ้นอย่างแน่นอน
“สุดยอด!”จี้เฟิงยกนิ้วโป้งให้เซียวหยูซวน “หยูซวนฝีมือการทำอาหารของคุณนี่เปิดร้านได้เลยนะเนี่ย!”
“ฮิฮิ~คุณว่าอาหารแค่นี้ก็สุดยอดแล้วเหรอ” เซียวหยูซวนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ฉันยังทำอะไรได้อีกเยอะแยะเลยนะ อ้อแล้วก็ยังมีเกี๊ยวซ่าที่ฉันทำไว้อยู่ในครัว คุณรอแปบหนึ่ง เดี๋ยวฉันไปเอามาให้”
“หืม”จี้เฟิงแปลกใจ “คนเจียงโจวเขากินเกี๊ยวซ่ากันด้วยเหรอ?” (ผู้แปล: คนไทยยังกินเลยค่ะคุณ)
“แต่มีใครบางคนที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่คนเจียงโจว”เซียวหยูซวนมองเขายิ้มๆ “รอสักครู่” “โอเคๆมีแต่เกี๊ยวหรอไม่มีขนมจีบบ้างเหรอ…อ่ะ ไม่มีไรรีบๆไปเอามาเถอะ!” จี้เฟิงหัวเราะแก้เขินและอดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อ เขาพยายามจะเล่นมุกแต่คิดไปคิดมาเซียวหยูซวนไม่ใช่คนหมางซืออาจจะไม่เข้าใจมุกนี้เขาจึงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว (มุกไม่ฮาพาเมียเครียด)
เนื่องจากในปากของจี้เฟิงยังคงมีของกินจึงทำให้เขาพูดอู้อี้และคำพูดของเขายังเป็นอะไรที่ไร้สาระเซียวหยูซวนจึงไม่ได้สนใจและเดินไปที่ห้องครัวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่ทั้งสองคนรับประทานอาหารเช้าเสร็จพวกเขาก็ขับรถวอลโว่สีแดงของเซียวหยูซวนเพื่อมุ่งตรงไปย่านใจกลางเมืองเจียงโจว แต่ครั้งนี้คนที่เป็นฝ่ายขับรถคือเซียวหยูซวน
ถึงแม้เซียวหยูซวนจะชื่นชมทักษะการขับรถของจี้เฟิงแต่เธอก็ไม่สามารถทนต่อความเร็วราวกับพายุเฮอริเคนที่ตื่นเต้นได้อีกต่อไป ครั้งนี้เธอจึงสั่งห้ามไม่ให้จี้เฟิงขับรถอย่างเด็ดขาด ดังนั้นจี้เฟิงจึงได้นั่งเป็นผู้โดยสารอยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยมแทน
เรื่องนี้ทำให้จี้เฟิงได้แต่ยิ้มแห้งๆยอมรับชะตากรรม
เซียวหยูซวนขับรถพาจี้เฟิงตรงไปยังถนนที่ชื่อว่าจินหลิง ซึ่งเป็นส่วนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเจียงโจว หากใครที่มาเจียงโจวแต่ยังไม่ได้ไปช็อปปิ้งที่ถนนจินหลิง เที่ยวที่วัดเฉิงหวงและวัดต้าเจียง แลนด์มาร์กทั้งสามแห่งนี้ก็เท่ากับว่าคุณนั้นยังมาไม่ถึงเจียงโจว
“ที่รักเราจะไปที่นี่กัน” เซียวหยูซวนชี้ไปที่ร้านที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาร้านหนึ่งซึ่งเป็นร้านนาฬิกา “นาฬิกาที่คุณใส่อยู่ตอนนี้มันธรรมดาเกินไป ฉันจะพาคุณไปซื้ออันใหม่”
“ไม่จำเป็นมั้ง”โดยพื้นฐานแล้วจี้เฟิงไม่ได้เป็นคนที่ใส่ใจกับวัตถุภายนอกเหล่านี้มากนัก
“มันจะไม่จำเป็นได้ยังไงเอาล่ะ เลิกพูดไร้สาระคุณแค่มากับฉันก็พอ!” เซียวหยูซวนดูคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี เธอดึงมือจี้เฟิงไปที่หน้าร้านที่มีตัวอักษรภาษาต่างประเทศเขียนอยู่
จี้เฟิงเป็นคนไม่ได้สนใจเกี่ยวกับวัตถุภายนอกหรือของมียี่ห้อเป็นทุนเดิมอยู่แล้วดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่รู้ว่าร้านนี้เป็นนาฬิกาแบรนด์อะไร เพียงแต่เขาสังเกตเห็นว่าลูกค้าที่เข้าออกร้านนี้ทุกคนล้วนแต่งตัวดีดูภูมิฐาน เขาจึงเข้าใจได้ในทันทีว่าร้านนี้เป็นร้านค้าแบรนด์ดัง
“แบรนด์นี้เรียกว่าอะไร”จี้เฟิงถามเสียงเรียบ
เซียวหยูซวนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า“Vacheron Constantin”
จี้เฟิงทำหน้างงๆ“คุณหมายถึงอะไร”
“วาเชอรองกงสตองแตง” เซียวหยูซวนยิ้มเบาๆ “มันเป็นนาฬิกาของสวิส”
“โธ่เอ๊ย!”จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะบ่น “แค่เขียนว่าร้านนาฬิกาวาเชอรอง กงสตองแตงมันจะยากอะไรนักหนาทำไมต้องทำเป็นเขียนภาษาต่างประเทศให้มันอ่านยากด้วย แล้วไอ้นาฬิกาแบรนด์นี้มันราคาเท่าไหร่”
“ราคาก็แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นถ้าโดยทั่วไปก็อยู่ในหลักพัน แต่มันก็จะมีราคาที่แพงมากๆเช่นกัน อย่างพวกรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นหรือรุ่นที่คนมักจะเก็บสะสมกันแต่ฉันก็ไม่สามารถซื้อรุ่นที่แพงๆแบบนั้นได้” เซียวหยูซวนอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ที่ฉันจะซื้อให้คุณวันนี้มันเป็นเพียงนาฬิกาคู่ที่ราคาไม่แพงมาก”
เซียวหยูซวนพาจี้เฟิงไปที่เคาน์เตอร์หนึ่งภายในร้านเธอชี้ไปที่นาฬิกาคู่หนึ่งที่อยู่ข้างในเคาน์เตอร์ที่เป็นกระจกใสและพูดกับพนักงานของร้านว่า “รบกวนหยิบนาฬิกาสองเรือนนี้ให้ลองหน่อยได้มั้ยคะ”
พนักงานขายยิ้มหวาน“คุณผู้หญิงท่านนี้สายตาเฉียบแหลมมากค่ะ นาฬิกาสองเรือนนี้เป็นที่นิยมมากและมันก็เป็นนาฬิกาคู่สุดท้ายของที่นี่ หากคุณมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียวดิฉันเกรงว่าคุณอาจจะไม่เห็นมันแล้ว”
จี้เฟิงหยิบนาฬิกาขึ้นมาและใส่ไปที่ข้อมือเล็กๆของเซียวหยูซวนมันสะท้อนแสงสวยงามยิ่งขับให้ผิวของเซียวหยูซวนขาวผ่องเป็นออร่ามากขึ้น
“เท่าไหร่”จี้เฟิงถามตรงๆ
“สองเรือนนี้ราคารวมกันแล้วอยู่ที่สามหมื่นห้าพันหยวนค่ะ” บริการตอบอย่างนอบน้อม
“ดีเอาใส่กล่องให้ฉัน…” เซียวหยูซวนพยักหน้าและพูดทันที
แต่ไม่ทันที่ประโยคคำพูดของเซียวหยูซวนจะจบก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้คนฟังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เดี๋ยวก่อน! ฉันให้สี่หมื่นสำหรับนาฬิกาสองเรือนนี้!”