The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 197 ญาติของเซียวหยูซวน
พวกเขาทั้งสามคนเดินไปทางเสียงที่ดังขึ้นทันทีและเห็นรถสองคันจอดอยู่หน้าประตูวิลล่าบ้านของเซียวหยูซวน คันหนึ่งคือ Mercedes-Benz S600 สีดำ ส่วนคันข้างๆรถเบนซ์จี้เฟิงไม่แน่ใจว่าเป็นรถออฟโรดยี่ห้ออะไร
มีคน4 คนลงมาจากรถทั้งสองคัน คนที่ลงจากรถเบนซ์เป็นผู้ชาย 1 คนและผู้หญิง 2 คนซึ่งน่าจะเป็นแม่ลูกกัน คนที่เป็นผู้ชายน่าจะมีอายุประมาณ 40 ปี
ส่วนคนที่ลงมาจากรถออฟโรดเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ30 ปี
และคนที่พูดเมื่อครู่นี้คือคนที่เป็นผู้หญิงวัยกลางคน
“คุณป้า!”เซียวหยูซวนชะงักเล็กน้อยจากนั้นเธอก็ยิ้ม “คุณป้า คุณลุงเขย สวัสดีค่ะ” “หยูซวนสวยขึ้นเรื่อยๆเลยนะจ๊ะ!”หญิงวัยกลางคนยิ้มเล็กน้อย จากนั้นหันไปมองทางเหอตงอีกครั้ง “แล้วนี่.. คุณเหอ เป็นคุณเหอจริงๆด้วย!”
ใบหน้าของเหอตงน่าเกลียดมากใครก็ตามที่เห็นสีหน้าท่าทางในตอนนี้ของเขาก็ต้องรู้ว่าเขาไม่พร้อมที่จะสู้หน้าใครทั้งนั้น
แต่ดูเหมือนว่าญาติของเซียวหยูซวนจะไม่เห็นมันเธอยังคงทักทายเหอตงด้วยรอยยิ้มของเธอ “แหมคุณเหอ ไม่ได้เจอกันนานเลยวันนี้มาทำอะไรที่นี่คะเนี่ย ได้ยินมานานแล้วว่าคุณทำงานให้กับคุณชายหลี่เหรอคะ โชคดีจังเลย”
“อ่า..สวัสดีครับ!”เหอตงยิ้มอย่างฝืนเต็มที จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่จี้เฟิงและเซียวหยูซวน เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ สิ่งที่เขาขยาดมากที่สุดในเวลานี้ก็คือมีคนพูดถึงชื่อของหลี่เว่ยตง สามคำนี้มันเหมือนกับเป็นฝันร้ายของเขา เมื่อเห็นว่าป้าที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่ของเธอให้ความสนใจเหอตงจนออกนอกหน้าเซียวหยูซวนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณป้าคะ ฉันขอแนะนำให้รู้จัก ผู้ชายคนนี้ชื่อจี้เฟิง เป็นแฟนของฉันเอง”
เธอหันไปทางจี้เฟิงและพูดว่า“จี้เฟิง ทางนี้เป็นญาติๆของฉันเอง คนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่ฉัน คุณป้าหลิวซูหง ส่วนคนนี้เป็นลุงเขยซูชางหยวน แล้วก็นั่นลูกพี่ลูกน้องของฉันซูถิง
จี้เฟิงพยักหน้าและยิ้มให้อย่างสุภาพ“สวัสดีครับ”
หลิวซูหงเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นก็ไม่สนใจจี้เฟิงอีกเธอสนใจที่จะคุยกับเหอตงมากกว่า
เหอตงในเวลานี้เริ่มมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากเขารู้ดีว่าทำไมหลิวซูหงถึงอยากคุยกับเขานักหนา เป็นเพราะเธอยังคิดว่าเขายังทำงานให้กับหลี่เว่ยตงจึงเป็นธรรมดาที่เธอจะพูดคุยอย่างประจบประแจง แต่ตอนนี้เขากลายเป็นหนามหยอกอกของหลี่เว่ยตงไปแล้ว และเขาก็คงไม่มีหน้าพอที่จะอวดอ้างตัวเองภายในอิทธิพลของหลี่เว่ยตงอีกต่อไป
“คุณเหอฉันได้ยินมาว่าตอนนี้คุณเป็นถึงผู้จัดการแผนกของบริษัทฉินตงแห่งหลี่กรุ๊ปเลยเหรอคะอายุยังน้อยแต่ดูท่าแล้วมีอนาคตไกลมากเลยนะคะเนี่ย” หลิวซูหงหัวเราะคิกคัก เธอพูดเสียงดังแถมยังเป็นเสียงที่แหลมบาดหู
ในความคิดของเหอตงเวลานี้ช่างตรงกันข้ามกับความเป็นจริงหากเขาไม่เลือกทางผิดไปเป็นผู้จัดการแผนกของบริษัทฉินตงแห่งหลี่กรุ๊ปป่านนี้เขาคงได้เป็นลูกเขยของตระกูลเซียวไปแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับต้องกลายมาเป็นคนที่ร้องไห้อ้อนวอนขอให้แฟนเก่าของตัวเองช่วยชีวิต! มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายและเป็นความอัปยศอดสูมากสำหรับเขา โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเขาได้อย่างโหดร้าย
“คงงั้น…คุณเซียวคุณจี้ ผมขอตัวก่อน ขอบคุณมากสำหรับเรื่องวันนี้” เหอตงไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดจาอะไรทำให้จี้เฟิงต้องขุ่นเคืองใจอีกหรือเปล่า เขาเกรงว่าเขาจะได้กลายเป็นอาหารปลาในแม่น้ำจริงๆ
“อะไรนะ!”
ทันทีที่หลิวซูหงได้ยินที่เหอตงพูดเธอก็กรีดร้องและถามด้วยความประหลาดใจ “คุณเหอ คุณเพิ่งเรียกหยูซวนว่าอะไรนะ คุณเซียวกับ..คุณจี้?!”
เหอตงพยักหน้าเล็กน้อย“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ฮ่าฮ่า~!”
จู่ๆหลิวซูหงก็หัวเราะราวกับเหอตงเพิ่งพูดเรื่องตลก“คุณเหอ ถึงแม้ว่าคุณจะเลิกกับหยูซวนแล้ว ก็คงไม่ต้องถึงขนาดเรียกอะไรที่มันดูห่างเหินขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ แถมยังเรียกผู้ชายคนนั้นว่าคุณอีก ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะที่จะถูกเรียกว่าคุณซักหน่อย!”
สีหน้าของเซียวหยูซวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเธอรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที“คุณป้า ที่คุณพูดแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงคะ ทำไมจี้เฟิงถึงไม่คู่ควรที่จะถูกเรียกว่าคุณ?”
จู่ๆหลิวซูหงก็หัวเราะคิกคัก“หยูซวน ไม่เห็นต้องซีเรียสขนาดนั้น ฉันแค่คุยหยอกล้อกับคุณเหอเท่านั้น ที่ฉันพูดก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่น”
“ฮึ่ม!”เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงฮึ่มในลำคออย่างไม่พอใจ ใบหน้าสวยของเธอเริ่มบูดบึ้ง แม้ว่าเธอจะเป็นคนบอกให้จี้เฟิงอดทน แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆเธอกลับรู้สึกอึดอัดมาก!
สีหน้าของจี้เฟิงในตอนนี้เรียบเฉยมากสำหรับเขาที่ถูกเหยียดหยามมาตั้งแต่เด็กเลยทำให้เขามีภูมิคุ้มกันในเรื่องนี้ได้มากกว่าคนทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้นมันคงจะเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าหากจะมาใส่ใจกับคนประเภทนี้
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงไม่ได้สนใจแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครสนใจเหอตงเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อได้ยินหลิวซูหงเปรียบเทียบตัวเขากับจี้เฟิง และใช้เขาเพื่อพูดจากระทบกระทั่งดูหมิ่นจี้เฟิง ร่างกายของเขาก็แทบจะอ่อนแรงด้วยความตกใจ
“คุณเหอคุณต้องรักษาระยะห่างจากคนบางประเภทนะคะ ไม่ใช่ว่าคนอย่างเราๆจะเป็นเพื่อนกับใครก็ได้ โดยเฉพาะคนที่มีหน้าที่การงานดีๆอย่างคุณเหอคงมีแต่คนอยากจะเข้าหาและประจบคุณ!” หลิวซูหงกล่าว และในขณะที่พูดเธอก็เหลือบมองจี้เฟิงด้วยหางตาอยู่สองสามครั้ง
อึก!
หัวใจของเหอตงร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มคำพูดของหลิวซูหงทำให้เขาแทบจะลืมหายใจ
หลังจากที่เหอตงกลับมาหายใจได้ตามปกติเขาก็ตะโกนขึ้นว่า“หุบปาก! ยัยป้าปากไม่มีหูรูด ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งผลักฉันตกเหว!”
เขารีบหันหน้าไปพูดกับจี้เฟิงและเซียวหยูซวน“คุณเซียว คุณจี้ ผมขอตัวก่อน ขอบคุณมาก!” หลังจากนั้นเขาก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไปเขารีบเดินจนแทบจะกลายเป็นวิ่งด้วยความรีบร้อนและไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง เขารีบจนถึงขนาดล้มลุกคลุกคลานไปถึงสองครั้ง
เมื่อเห็นท่าทางลนลานอย่างหมดสภาพของเหอตงทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ต่างพากันตกตะลึงโดยเฉพาะหลิวซูหงดวงตาของเธอเบิกกว้างและเธอก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ใบหน้าที่สวยงามของเซียวหยูซวนที่ตอนแรกบูดบึ้งยังอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ไอรีนโนเวล
“เขา..เขากล้าด่าฉันเหรอ!” ความโกรธฉายชัดอยู่บนใบหน้าของหลิวซูหง “เขาบ้าไปแล้วหรือไง? เป็นลูกจ้างของหลี่เว่ยตงนี่มันอวดดีได้ขนาดนี้เลยสินะ!”
จู่ๆจี้เฟิงก็หัวเราะหลิวซูหงเป็นผู้หญิงที่ผอมมาก แก้มตอบๆของเธอเวลาโมโหมันยิ่งทำให้โหนกแก้มของเธอยกขึ้นสูงจนทำให้ดวงตาของเธอดูเล็กลงมากกว่าเดิม มันยิ่งทำให้เธอดูเป็นคนขี้โมโหอยู่ตลอดเวลา
ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของเธอที่ประโคมด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะ เวลาที่เธอขมวดคิ้วมันจึงทำให้ใบหน้าของเธอบีบเขาหากันจนเกิดรอยแตกและปรากฏรอยเหี่ยวย่นให้เห็นอย่างชัดเจน นั่นจึงทำให้จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“ซูหงเราควรเข้าไปข้างในกันได้แล้ว”ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นญาติกับเซียวหยูซวนมีศักดิ์เป็นลุงเขยของเธอพูดขึ้นข้างๆหลิวซูหง สิ่งที่ไม่มีใครสังเกตเห็นคือสายตาของเขาที่มองไปยังเซียวหยูซวนนั้นเหมือนมีความปรารถนาบางอย่าง
และแน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่พ้นสายตาของจี้เฟิงไปได้คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ความสงบนิ่งของเขากลับคืนมาทันที อย่างไรก็ตามเขาได้จัดให้ผู้ชายคนนี้อยู่ในกลุ่มของบุคคลที่ควรเฝ้าระวังไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนซูถิงผู้หญิงที่ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ต้นนั้นมองไปที่เซียวหยูซวนด้วยแววตาอิจฉาและเมื่อเทียบความสวยกันแล้วซูถิงนั่นถูกเซียวหยูซวนทิ้งห่างไปไกลโข
ซูถิงเป็นผู้หญิงอายุประมาณยี่สิบต้นๆส่วนสูงของเธอประมาณ 158 เซนติเมตรถือว่าไม่สูงมาก เธอมีรูปร่างท้วมเล็กน้อยเมื่อเทียบกับพ่อแม่ของเธอที่ค่อนข้างผอมแล้วมันเห็นถึงความแตกต่างอย่างมาก
แต่คนที่จี้เฟิงสนใจมากที่สุดคือผู้ชายที่เดินตามอยู่ด้านหลังของซูชางหยวนและหลิวซูหง
ผู้ชายคนนี้อายุประมาณสามสิบปีแต่งกายด้วยชุดที่เป็นทางการผูกเน็กไทและสวมแว่นขอบทองใบหน้าของเขาดูเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
สีหน้าของเขานั่นดูสงบนิ่งมากในตอนที่เหอตงต่อว่าหลิวซูหงเขาไม่มีอาการตกใจเลยแม้แต่น้อย ท่วงท่าการเดินของเขาก็ดูสง่างามพอใช้ได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดึงดูดจี้เฟิงมากที่สุดคือสายตาของผู้ชายคนนี้เขาจ้องมองไปที่เซียวหยูซวนอย่างไม่ละสายตา
เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจเซียวหยูซวนเป็นอย่างมากเพราะเมื่อครั้งแรกที่เขาเห็นเซียวหยูซวน ก็มีบางอย่างปรากฏขึ้นในแววตาของเขา มันเป็นความรู้สึกทึ่งแต่มันก็ยังมีความหมายอื่นๆแฝงอยู่ในแววตานั้นด้วย
การปรากฏตัวของเซียวหยูซวนด้วยรูปร่างที่เหมือนกับปีศาจสาวไม่ว่าชายหนุ่มคนไหนต่างก็ต้องรู้สึกทึ่งกันทั้งนั้นเมื่อได้เห็นเธอ จี้เฟิงเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นปกติของผู้ชายทุกคนที่มีใจรักความสวยงาม
แต่สายตาของผู้ชายคนนี้ที่มองเซียวหยูซวนนอกจากจะเป็นความทึ่งในความงามแล้วมันยังมีร่องรอยของ…ความโลภ!
ใช่แล้วมันคือความละโมบเป็นการจ้องมองอย่างตะกละตะกลาม
จี้เฟิงเคยเห็นคนที่มีแววตาแบบนี้มาก่อนหน้านี้แล้วนั่นก็คือหลี่เว่ยตง
ในงานวันเกิดของหลี่เว่ยตงแม้ว่าเขาจะรู้สึกอับอายแต่เขาก็ยังคงมองเซียวหยูซวนด้วยความละโมบ แต่เขาก็กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถยั่วโมโหจี้เฟิงได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ตัดใจในเรื่องนี้ไป
แต่ผู้ชายตรงหน้าของจี้เฟิงนั้นแตกต่างออกไปแม้ว่าเขาจะปกปิดมันได้อย่างดี แต่ร่องรอยของความโลภไม่ลดลงเลย แต่เหมือนกับยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ
จี้เฟิงยิ้มเล็กๆที่มุมปากอย่างเยาะเย้ยและเดินตามทุกคนอยู่ทางด้านหลังสุดเพื่อเข้าไปที่บ้านหลังใหญ่ของเซียวหยูซวน
คนที่ออกมาเปิดประตูคือหญิงสาววัยกลางคนที่มีอายุประมาณสี่สิบปีเศษ
จี้เฟิงรู้ได้ในทันทีว่าผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้ต้องเป็นแม่ของเซียวหยูซวนเพราะทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกันมาก เกรงว่าถ้าผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้อายุน้อยกว่านี้ซักนิดแล้วยืนคู่กับเซียวหยูซวน ใครๆก็จะบอกว่านี่คือคู่พี่น้อง
“แม่!”เซียวหยูซวนตะโกน “คุณลุงคุณป้าก็มาถึงแล้วและนี่… ‘คนสนิท’ ของหนู จี้เฟิง!”
เธอจงใจเน้นการออกเสียงตรงคำว่า“คนสนิท” เป็นการบอกใบ้ที่ชัดเจน
จู่ๆแม่ของเซียวหยูซวนก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าเธอมองจี้เฟิงขึ้นและลงแต่ยิ่งเธอมองมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกพอใจ ชายหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่ดูสะอาดสะอ้าน แต่ยังมีใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวมั่นคงและดูมีความเป็นผู้ใหญ่อีกด้วย
“มาๆรีบเข้าไปข้างในกันเถอะ!” แม่ของเซียวหยูซวนเอ่ยปากเชิญทุกๆคนให้เข้าไปในบ้านอย่างกระตือรือร้น “ถิงถิงสวยขึ้นเยอะเลยนะเรา ไม่ได้เจอกันเกือบครึ่งปี ไม่คิดว่าจะสวยขึ้นขนาดนี้”
ซูถิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า“คุณน้าก็สวยขึ้นเหมือนกันค่ะ ดูอายุน้อยลงเรื่อยๆทุกครั้งที่เจอกันเลย”
แม่ของเซียวหยูซวนยิ้มและโบกมือ“ถิงถิงพูดอะไรก็ไม่รู้ น้าแก่แล้วเป็นได้แค่สาวแก่เท่านั้นแหละ มาๆหนุ่มๆ นั่งกันเถอะ!”
จี้เฟิงได้พบกับเซียวฉางเหอพ่อของเซียวหยูซวนในห้องนั่งเล่น
เขาเป็นผู้ชายที่สง่างามและดูใจดีนี่คือความประทับในแรกของจี้เฟิงที่มีต่อเซียวฉางเหอเขาไม่มีบุคลิกของนักธุรกิจเลย เขาดูออกจะเหมือน..อาจารย์มหาวิทยาลัยผู้ใจดีอะไรทำนองนั้นมากกว่า เขาเป็นผู้ชายที่ดูอ่อนโยนมาก
“น้องสาวน้องเชย ที่ฉันมาที่นี่ในวันนี้เพื่อที่จะพาคนคนหนึ่งมาแนะนำให้พวกคุณและก็เซียวหยูซวนรู้จัก ถังไห่เว่ย คุณชายถัง” หลิวซูหงพูดทันทีหลังจากนั่งลง
“คุณลุงคุณป้าสวัสดีครับเรียกผมว่าเสี่ยวถังก็ได้” ถังไห่เว่ยทักทายอย่างสุภาพและสง่างาม
“อุ๊ยไม่ต้องสุภาพมากก็ได้ เดี๋ยวต่อไปคุณก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” หลิวซูหงกล่าวพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาบรรยากาศในห้องนั่งเล่นก็เงียบลงทันที และใบหน้าของเซียวหยูซวนก็แทบจะเก็บความไม่พอใจไว้ไม่อยู่!
เซียวฉางเหอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในฐานะนักธุรกิจประสบการณ์ในการสังเกตของเขานั้นคนธรรมดาเทียบไม่ได้อย่างแน่นอนเขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เซียวหยูซวนลูกสาวของเขาบอกกับเขาไว้แล้วว่าวันนี้เธอจะพาแฟนหนุ่มมาแนะนำให้รู้จักซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่อยู่ข้างๆเธอ
ชายหนุ่มคนนั้นดูเหมือนเธอจะบอกว่าชื่อ…จี้เฟิง!
และที่หลิวซูหงพูดโพล่งออกมาแบบนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอไม่สนใจและไม่คิดที่จะไว้หน้าจี้เฟิงเลย
“มาๆดื่มชากันก่อน!” คุณนายเซียวเดินมาพร้อมกับถ้วยชาพอดีจำนวนคนและวางไว้ตรงหน้าของพวกเขา “ซวนซวนลูกจะไม่แนะนำเพื่อนคนสนิทของลูกให้เรารู้จักหน่อยเหรอ”
เซียวหยูซวนยิ้มทันที“เกือบลืมแหนะ พ่อคะแม่คะ คนนี้คือจี้เฟิงเป็นแฟนของหนู”
“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้าผมชื่อจี้เฟิง” จี้เฟิงยืนขึ้นอย่างสบายๆไม่มีความประหม่าเลยแม้แต่น้อย เขาพูดและยิ้มทักทายอย่างสุภาพ
เซียวหยูซวนถอนหายใจเบาๆด้วยความโล่งอกเธอกลัวว่าจี้เฟิงจะประหม่าจนอาจจะพูดไม่ออก
แต่พอมาคิดๆดูเธอก็ต้องโล่งใจอีกครั้งด้วยฐานะของเขาจะมีซักกี่เรื่องที่จะทำให้เขาเป็นกังวล ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ประหม่าแม้ว่าจะไปยังสถานที่ที่มีสายตาของคนทั้งประเทศจ้องมองอยู่ เพราะบางทีพ่อของเขาอาจได้ย้ายเข้าไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตามเซียวฉางเหอและเซียวมู่พ่อแม่ของเซียวหยูซวนต่างก็ยิ้มเมื่อเห็นท่าทางที่สงบนิ่งของจี้เฟิงด้วยบุคลิกเช่นนี้สามารถอธิบายได้ว่าเขามีความเป็นผู้ใหญ่และได้รับการอบรมอย่างดีมาจากครอบครัว และที่ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าบรรยากาศรอบตัวเขาจะไม่เหมือนใคร เป็นอารมณ์ที่เหมือนกับ… ไม่กลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
ดูราวกับว่าไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนเขาจะเป็นจุดสนใจอยู่เสมอความรู้สึกเช่นนี้ส่วนมากจะมีเฉพาะกับคนใหญ่คนโตที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างหลากหลายแล้วเท่านั้น
เซียวฉางเหอและภรรยาของเขาไม่คิดว่าจี้เฟิงจะเป็นคนใหญ่คนโตเพราะเขารู้จักตัวตนของจี้เฟิงจากการบอกเล่าของลูกสาวของพวกเขาแล้ว จี้เฟิงเพิ่งจะเป็นนักศึกษาใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจและโอเคกับจี้เฟิงเป็นเพราะ จี้เฟิงที่เป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยกลับมีท่าทีที่สงบนิ่งคนเช่นนี้จะต้องประสบความสำเร็จในอนาคตอย่างแน่นอน
เกรงว่าถ้าพวกเขาทั้งสองคนรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของจี้เฟิงพวกเขาอาจจะถึงกับนั่งไม่นิ่งก็เป็นได้