The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 198 มนุษย์ป้า!
“ในเมื่อเธอเป็นแฟนของซวนซวนฉันขอเรียกเธอว่าเสี่ยวเฟิงก็แล้วกันนะ”คุณนายเซียวกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
“แน่นอนครับคุณป้า”จี้เฟิงยิ้ม
ตอนนี้ใบหน้าของถังไห่เว่ยเริ่มดูไม่พอใจกับสถานการณ์ตรงหน้านี้มากขึ้นเรื่อยๆเขามองไปยังหลิวซูหงราวกับจะบอกว่า “ในเมื่อเซียวหยูซวนมีแฟนแล้ว แล้วคุณให้ฉันมาทำอะไรที่นี่!”
หลิวซูหงถึงกับอยู่ไม่สุขเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของถังไห่เว่ยที่จ้องเขม็งมายังเธอ
เธอกระแอมไอเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะถามว่า“คุณคือจี้เฟิงสินะ ฉันว่าบุคลิกลักษณะผู้ชายอย่างเธอดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“ซูหงเธอพูดอะไรของเธอ!” เซียวมู่ชักสีหน้าเล็กน้อยเธอพูดด้วยความโกรธ ชายหนุ่มจี้เฟิงคนนี้ทำให้เธอรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น เธอจึงคิดไม่ถึงว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
สีหน้าของเซียวหยูซวนก็เปลี่ยนไปเช่นกัน“คุณป้า! ที่คุณป้าพูดมันไม่ถูก ทำไมคุณป้าไม่ดูคนที่ภายในล่ะคะว่าเขาเป็นคนดีสามารถพึ่งพาได้หรือเปล่า ไม่ใช่มองคนแต่รูปลักษณ์ภายนอกแบบนี้!”
หลิวซูหงไม่สำนึกเธอยังคงหัวเราะคิกคัก“ซวนซวน เธอเข้าใจป้าผิดอยู่นะ ทักษะความสามารถต้องเป็นสิ่งสำคัญมากอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้น เธอ.. จี้เฟิง ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณทำอาชีพอะไรอยู่ล่ะ”
จี้เฟิงยิ้มบางๆ“ผมยังเรียนอยู่”
“นักเรียน!”หลิวซูหงตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นบนใบหน้าของเธอ “เธอยังเป็นนักเรียนอยู่เลย แล้วซวนซวนก็เป็นครู พวกเธอมาพบกันได้ยังไงล่ะ?”
“คุณป้าคือเรา…” เซียวหยูซวนกำลังจะอธิบายแต่จี้เฟิงขัดจังหวะเธอ “หยูซวนเคยเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายที่ผมเพิ่งจบมาเรารู้จักกันจากที่นั่น” จี้เฟิงยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเซียวหยูซวนอย่างตรงไปตรงมาและใจเย็น
“ห๊า!”หลิวซูหงผงะและทันใดนั้นก็กรีดร้องอย่างเกินจริง “โอ๊ย ตายแล้ว! เป็นความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนจริงๆเหรอเนี่ย?! มันไม่ใช่เรื่องที่ไม่เหมาะสมหรอกเหรอแบบนี้?”
เธอหันหน้าไปทางพ่อแม่ของเซียวหยูซวนและสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเธอกล่าวอย่างเผ็ดร้อนว่า“น้องสาวน้องเขย ดูสิว่าซวนซวนเป็นอย่างไร ทำไมเธอถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ ตัวเองเป็นครูแท้ๆแต่กลับไปมีความสัมพันธ์กับนักเรียนของตัวเอง โอ๊ยตายแล้วถ้าชาวบ้านชาวช่องรู้เข้าเขาจะเอาไปพูดกันยังไงบ้างก็ไม่รู้ ซวนซวนทำไมหลานถึงทำตัวแบบนี้!”
สีหน้าของเซียวฉางเหอและเซียวมู่ในตอนนี้นั้นดูแย่อย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงแล้วพวกเขารู้อยู่แล้วว่าจี้เฟิงเป็นลูกศิษย์ของเซียวหยูซวน แต่พวกเขาไม่คิดว่าจู่ๆหลิวซูหงจะพูดเรื่องนี้ออกมา แล้วไหนจะท่าทางและการพูดที่เกินจริงของเธอมันยิ่งทำให้เรื่องนี้ดูรุนแรงมากกว่าความเป็นจริง มันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกอาย
“อ่า…แล้วมันยังไง” จี้เฟิงพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบจากนั้นเขาหันไปถามเซียวหยูซวนว่า “ป้าคนนี้เป็นใครเหรอ? เป็นป้าแท้ๆของคุณเหรอหยูซวน?”
“อ้อเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่ฉันน่ะ” เซียวหยูซวนเริ่มรู้สึกสนุกกับท่าทีที่ทำเป็นจริงจังของจี้เฟิง
“อ้อคุณป้าลูกพี่ลูกน้องนี่เอง” จี้เฟิงหัวเราะ “ผมก็นึกว่ามนุษย์ป้าหัวโบราณที่ไหน!”
“เด็กน้อยที่เธอพูดมันหมายความว่าไง!” ใบหน้าของซูชางหยวนไม่พอใจเป็นอย่างมาก
จี้เฟิงหัวเราะ“ผมพูดอะไรผิดเหรอครับผมไม่ได้รู้จักป้าคนนี้มาก่อน แล้วดูจากหน้าตากับอายุของป้าคนนี้น่าจะเกินสี่สิบห้าปีได้แล้วมั้ง เรียกว่ามนุษย์ป้าก็คงไม่ผิด หรือจะให้ผมเรียกเธอว่าพี่สาว?”
“ปัง!”ซูชางหยวนตบโต๊ะทันที “อย่าลามปามให้มันมากนัก!”
การที่จะเรียกผู้หญิงวัยกลางคนว่าพี่สาวบางคนอาจจะคิดว่าเป็นคำชมถ้าเธอนั้นยังดูสาวและสวยอยู่แต่ถ้าดูจากน้ำเสียงและสีหน้าของจี้เฟิงเวลาที่พูดว่าพี่สาวนั้นชัดเจนมากว่าเขาพูดอย่างประชัดประชันเหน็บแนม
จี้เฟิงขมวดคิ้วและทำสีหน้างุนงง“ขอโทษนะ ผมลามปามตรงไหน” เซียวหยูซวนแทบจะกลั้นหัวเราะไม่ไหวท่าทางที่งุนงงและดูจริงจังมากเกินไปของจี้เฟิงมันทำให้คนอื่นรู้สึกอยากจะหัวเราะจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาพูดคำว่า‘พี่สาว’ และ ‘มนุษย์ป้า’ แม้เขาจะพูดมันด้วยสีหน้าที่จริงจังแต่ทุกคนรู้ว่าเขามีความหมายอย่างอื่น ซูชางหยวนมองไปที่จี้เฟิงด้วยแววตาแสดงความไม่พอใจปากของเขาสั่นเหมือนอยากจะเถียงอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
หลิวซูหงไม่ทนอีกต่อไปเธอแหกปากโวยวาย “ไอ้เด็กป่าเถื่อนไร้การศึกษา พ่อแม่ของแกไม่เคยสั่งสอนให้เคารพผู้หลักผู้ใหญ่หรือไงกัน”
OMG!
ทันใดนั้นหัวใจของเซียวหยูซวนก็กระตุกวาบสิ่งต้องห้ามที่สุดสำหรับจี้เฟิงก็คือคนอื่นๆด่าเขาและพาดพิงไปยังพ่อแม่ของเขา และเห็นได้ชัดว่าหลิวซูหงได้ข้ามเส้นนั้นของจี้เฟิงไปแล้วเรียบร้อย เซียวหยูซวนรีบหันไปมองจี้เฟิงอย่างรวดเร็ว เธอหวังว่าจี้เฟิงจะสามารถระงับความโกรธไว้ได้
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นแสงเย็นวาบในดวงตาของจี้เฟิงหัวใจของเธอก็เต้นรัวด้วยความตกใจเธอรู้แล้วว่าตอนนี้จี้เฟิงจะไม่ทนอีกต่อไป เซียวหยูซวนยืนขึ้นทันทีและพูดด้วยความโกรธ“คุณป้า คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง คุณไม่มีสิทธิมาว่าจี้เฟิงแบบนี้ คุณป้าอย่าลืมนะคะว่าตอนนี้คุณป้าอยู่ในบ้านของฉันและฉันเป็นเจ้าของบ้านคุณป้าควรเรียนรู้ที่จะให้เกียรติเจ้าของสถานที่บ้างนะคะ ไม่อย่างนั้นจะมาหาว่าฉันเสียมารยาทไม่ได้และถ้าคุณป้ายังพูดจาร้ายกาจแบบนี้อีกฉันคงจะไม่สามารถนับญาติกับคนแบบนี้ได้!”
คำพูดของเซียวหยูซวนที่พูดออกมาด้วยความโมโหดังก้องกังวานไปทั่วห้องจนทำให้หลิวซูหงถึงกับอ้าปากเหวอพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ๆ
เซียวฉางเหอและภรรยาของเขามองไปที่ลูกสาวของพวกเขาด้วยความประหลาดใจเมื่อนึกถึงลูกสาวที่แสนอ่อนโยนและเชื่อฟังในสายตาพวกเขาที่ตอนนี้โกรธจนถึงขนาดลุกขึ้นมาด่าไฟแล่บได้ขนาดนี้ มันทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและจี้เฟิงนั้นลึกซึ้งมากแค่ไหน ทั้งคู่ต่างมองหน้าและพยักหน้าให้กันโดยมิได้นัดหมายแม้พวกเขาจะรู้มานานแล้วว่าจี้เฟิงและเซียวหยูซวนมีความสัมพันธ์กันในฐานะครูและนักเรียนมาก่อน แต่เซียวฉางเหอและภรรยาของเขาไม่เคยคิดที่จะคัดค้านลูกสาวของพวกเขา เพราะพวกเขาเชื่อว่าหลังจากได้ผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายกับผู้ชายอย่างเหอตงลูกสาวของพวกเขาจะเติบโตและรู้จักคิดมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน และพวกเขาก็มั่นใจว่าลูกสาวของเขาจะต้องไม่ตัดสินใจผิดพลาดซ้ำรอยเดิมเหมือนเมื่อก่อน
ยิ่งได้เห็นการแสดงออกของลูกสาวในเวลานี้ก็ยิ่งทำให้พวกเขามั่นใจในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้นและไม่ได้ห้ามลูกสาวเธอแต่อย่างใด ไอลีนโนเวล
“เธอ….เธอ…!”หลิวซูหงมองไปที่เซียวหยูซวนด้วยความงุนงงแต่ในที่สุดก็ทำได้แค่เพียงอ้ำๆอึ้งๆและหุบปากลงในที่สุด เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้าไปทางเซียวหยูซวนอีกเลย ส่วนหนึ่งเพราะเธอรู้ดีว่าครอบครัวของเธอจะสร้างสัมพันธ์อันดีกับถังไห่เว่ยได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเซียวหยูซวนเป็นหลัก และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จึงเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลยที่จะทำให้เซียวหยูซวนไม่พอใจ
หลิวซูหงมองจี้เฟิงด้วยสายตาดุดันและเธอก็เก็บความอับอายโกรธแค้นทั้งหมดไว้ลงกับจี้เฟิงเป็นเพราะไอ้เด็กไร้การศึกษาคนนี้เรื่องราวถึงได้ยุ่งเยิงผิดแผนไปหมด
“ซวนซวนลูกทำตัวไม่สุภาพขนาดนี้ได้ยังไง!”เซียวฉางเหอออกมาตำหนิเซียวหยูซวนในช่วงเวลาที่เหมาะสมและกล่าวว่า “ซูหง เด็กคนนี้โตก็แต่ตัว เธออาจจะใจร้อนไปหน่อยเลยพูดแบบไม่คิด อย่าถือโทษโกรธแกเลยแล้วกันนะ”
“หึ!”หลิวซูหงและซูชางหยวนส่งเสียงอย่างเย็นชา พวกเขาไม่พอใจกับสิ่งที่จี้เฟิงพูด โดยเฉพาะการประชดประชันเรียกว่าพี่สาวและคำว่ามนุษย์ป้า! มันทำให้หลิวซูหงตัวสั่นไปด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเซียวหยูซวนลุกขึ้นมาออกตัวพูดจาปกป้องจี้เฟิงอย่างชัดเจนและเซียวฉางเหอพ่อของเธอก็ออกมาต่อว่าลูกสาวของตนเป็นที่เรียบร้อยแล้วพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าการกลับไปนั่งลงอย่างโกรธๆ
จี้เฟิงยังคงมีใบหน้าที่สงบราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพียงแค่ว่าถ้ามีใครจ้องมองไปที่ดวงตาของเขาในเวลานี้จะพบว่ามีแสงเย็นวาบอยู่ในดวงตาของเขาอย่างชัดเจน
ถังไห่เว่ยรู้แล้วว่าคนที่เป็นศัตรูของเขาในเวลานี้คือจี้เฟิงดูเหมือนว่าก่อนที่เขาจะได้ตัวเซียวหยูซวนมาจะต้องผ่านอุปสรรคชิ้นใหญ่นั่นก็คือเด็กหนุ่มที่ชื่อจี้เฟิงคนนี้!
อย่างไรก็ตามถังไห่เว่ยที่พอจะผ่านประสบการณ์ด้านธุรกิจที่ต้องพบเจอผู้คนมากมายเมื่อเขาเห็นสิ่งที่จี้เฟิงพูดเขาก็รู้ได้ทันทีว่าการจัดการเด็กคนนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่เขาก็ยังดูไม่ออกทั้งหมดว่าจริงๆแล้วเด็กคนนี้เพียงแค่ทำเป็นเก่งไปอย่างนั้นหรือว่ามีตันตนอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง เขาคงต้องเริ่มจากทางอื่นก่อน เขาขยิบตาให้หลิวซูหง
หลิวซูหงเข้าใจและพูดเสียงดังทันที“ฉันยอมรับว่าฉันไม่รู้จักเธอดีพอ และไม่รู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไร และในฐานะที่ฉันเป็นป้าของเซียวหยูซวน ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะถามเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิตของเธอใช่หรือไม่”
จี้เฟิงเข้าใจในทันทีว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรแต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพยักหน้า เพราะตรงหน้าของเขามีเซียวฉางเหอและเซียวมู่พ่อกับแม่ของเซียวหยูซวนอยู่ด้วย
“งั้นฉันจะตัดเรื่องที่เธอเป็นนักเรียนและเซียวหยูซวนเป็นครูออกไปเพราะไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นทางเลือกของพวกเธอสองคน แต่… สิ่งที่ฉันสงสัยและอยากจะถาม พวกเธอเคยมองถึงความเป็นจริงกันบ้างหรือไม่ เธอจะใช้เวลากี่ปีกว่าจะสำเร็จการศึกษา 4ปี แล้วใครจะรู้บางทีเธออาจจะไปเรียนต่อปริญญาโทปริญญาเอกแล้วทั้งหมดนี้นับคร่าวๆต้องใช้เวลาทั้งหมดน่าจะเป็น 10 ปี!”หลิวซูหงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งและกล่าวต่อ “และซวนซวนของเราอยู่ในวัยเหมาะสมที่จะมีครอบครัวมันเป็นช่วงเวลาสำคัญ แล้วถ้าหาเธอต้องรอถึง 10 ปี… แม้ว่าตัวเธอจะต้องการแต่ฉันและพ่อแม่ของเธอจะไม่มีทางเห็นด้วยอย่างแน่นอน!”
พ่อและแม่ของเซียวหยูซวนพยักหน้าเล็กน้อยสำหรับคำพูดเหล่านี้มันเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยธรรมชาติแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะปล่อยให้ลูกสาวต้องเคว้งคว้างรอผู้ชายกว่าจะมีอนาคตนานถึง 10 ปี!
“นอกจากนี้ซวนซวนของเราก็เป็นลูกผู้หญิงหากต้องการซวนซวนเป็นครู่ครองเธอไม่คิดบ้างหรือว่าอย่างน้อยๆเธอก็ต้องซื้อบ้านอยู่ในเจียงโจว!” หลิวซูหงหัวเราะคิกคัก “เธอรู้หรือเปล่าว่าบ้านในเจียงโจวมันมีราคาเท่าไหร่ เธอเคยคิดเรื่องพวกนี้ไว้บ้างแล้วหรือยัง?”
คำถามที่หลิวซูหงตั้งขึ้นมานั้นยากมากที่จะตอบสำหรับทุกคนที่เพิ่งจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและไม่ได้มีครอบครัวที่ใหญ่โตร่ำรวยอะไรมากมาย คุณรู้ไหมว่าหากคุณต้องการจะซื้อบ้านที่อยู่ในเจียงโจวด้วยราคาของมันครอบครัวที่มีรายได้เฉลี่ยเพียงพอแค่ค่าครองชีพต่อเดือนไม่มีทางซื้อมันได้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นความแตกต่างของอายุระหว่างทั้งสองคนมันเป็นปัญหาอย่างแท้จริงและมันก็เป็นอุปสรรคที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย
หากคนที่เป็นพ่อเป็นแม่จะถามคำถามเหล่านี้กับลูกๆหรือคนที่จะมาเป็นคู่ครองของลูกพวกเขาคำถามเหล่านี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ผ่านการพิจารณามาแล้วอย่างถี่ถ้วนและคำถามเหล่านี้ต้องอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง อย่างไรก็ตามคนที่ถามคำถามนี้ออกมาคือหลิวซูหง ไม่ว่าจะด้วยแรงจูงใจใดๆหรือน้ำเสียงที่รุนแรงของเธอ มันก็พาลทำให้ทุกคนในห้องอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ยกเว้นแต่จี้เฟิงที่ตอนนี้ใบหน้าของเขายังประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ทำไมเงียบตอบไม่ได้ล่ะสิ!” หลิวซูหงหัวเราะคิกคัก เสียงหัวเราะที่แหลมคมมันทำให้คนฟังถึงกับปวดหัวตึ้บได้เลยทีเดียว “ฉันคิดไว้ไม่มีผิด ผู้ชายคนนี้ก็คงเหมือนกับเหอตงสองนั่นแหละ เข้าหาครอบครัวเซียวอย่างแนบเนียนเพื่อหวังผลประโยชน์และเกาะกินไปวันๆสุดท้ายก็โลภและต้องการทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของตัวเอง!”
“ซูหงอย่าพูดเรื่องไร้สาระ!”เซียวมู่อดไม่ได้ที่จะพูดขัดขึ้นทันที เธอเกรงว่าเรื่องนี้มันจะเป็นการพูดอย่างไม่ไว้หน้าจี้เฟิงมากเกินไป
ใบหน้าของเซียวฉางเหอก็ไม่พอใจเช่นกันไม่ว่าจี้เฟิงจะเป็นคนแบบนั้นจริงหรือไม่ แต่คำพูดของหลิวซูหงมันเหมือนกับการฉีกหน้าตัวเขาและภรรยาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถ้าทุกคนที่รู้เรื่องและเมื่อได้ยินแบบนี้ต่างก็ต้องคิดว่า พวกเขาไม่มีสมองจนไม่รู้ว่าลูกสาวของพวกเขาไม่มีวิสัยทัศน์ในการมองหาผู้ชาย เพราะเหตุใดทำไมถึงได้แต่ผู้ชายแบบนี้อยู่เสมอ หรือแค่เป็นผู้ชายก็พอแล้ว
อย่างไรก็ตามเนื่องจากภรรยาของเขาและหลิวซูหงเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเขาจึงไม่อยากจะพูดอะไรมาก แต่ใบหน้าของเขาดูบูดบึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
“น้องมู่น้องเขย ฉันขอบอกว่าคุณชายถังที่มากับฉันอายุเพิ่งจะ 30 ปีในปี้นี้แต่เขาเป็นถึงเจ้าของบริษัทขนาดกลางแล้วโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเงินทองครอบครัวของเขาเลย การอยู่อาศัยก็อยู่ตัวคนเดียวไม่ต้องมีญาติมาวุ่นวาย พอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มต้นธุรกิจจนทุกวันนี้ประสบความสำเร็จจนทำให้บริษัทของเขามีค่ามากกว่า 10 ล้านหยวนแล้วตอนนี้!”
หลังจากที่พูดจาแซะจี้เฟิงจนไม่มีชิ้นดีแล้วหลิวซูหงก็แนะนำถังไห่เว่ยด้วยการชื่นชมเยินยองัดข้อดีต่างๆนาๆของเขาออกมาแนะนำอย่างภาคภูมิใจราวกับว่าเธอกำลังพูดถึงลูกชายของเธอ “ฉันเป็นคนชวนให้เสี่ยวถังมาหาน้องมู่กับน้องเขยเอง เพราะเห็นว่าเป็นนักธุรกิจเหมือนกันน่าจะพูดจาภาษาเดียวกันได้อย่างถูกคอ”
“ป้าหลิวพูดถูกแล้ว”ถังไห่เว่ยยิ้ม จากนั้นเขาก็หยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งซองและส่งให้เซียวฉางเหอ “บุหรี่ครับคุณลุง”
เซียวฉางเหอลังเลเล็กน้อยก่อนที่เขาจะรับบุหรี่มาและถังไห่เว่ยก็จุดไฟให้เขาทันทีหลังจากนั้นถังไห่เว่ยก็ส่งบุหรี่ให้ซูชางหยวนด้วยอีกคนและทั้งสามคนก็เริ่มสูบบุหรี่ด้วยกัน
เหตุการณ์เหมือนจะไม่มีอะไรแต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ถังไห่เว่ยไม่ได้ให้บุหรี่แก่จี้เฟิง!ราวกับว่าจี้เฟิงเป็นแค่เด็กน้อยหรือเป็นเพียงคนไม่สำคัญที่อยู่นอกสายตา
ในกลุ่มผู้ชายของชาวจีนยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องมือทางสังคมทั่วไป หากใครที่ไม่ถูกกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นความอัปยศสำหรับลูกผู้ชายมากเลยทีเดียว การกระทำของถังไห่เว่ยเช่นนี้ก็เพื่อทำให้จี้เฟิงต้องเสียหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
สีหน้าของเซียวหยูซวนในตอนนี้ไม่มีร่องรอยของความสุขอยู่เลยมันเป็นปกติที่เธอจะรู้สึกไม่สบายใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
แต่ใบหน้าของจี้เฟิงนั้นยังคงมีรอยยิ้มจางๆปรากฏอยู่เดิมทีเขาคิดว่าถังไห่เว่ยอาจะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่อาจจะทำให้เขาตื่นตัว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าถังไห่เว่ยคนนี้จะไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
หากคุณเป็นคนที่มีเกียรติพออันดับแรกคุณต้องเคารพคู่ต่อสู้ของคุณก่อน และเห็นได้ชัดว่าถังไห่เว่ยไม่เข้าใจเรื่องนี้หรือไม่เขาก็หยิ่งผยองเกินไปจนไม่คิดที่จะเห็นจี้เฟิงอยู่ในฐานะคู่ต่อสู้เลย
แล้วมีเหตุผลอะไรที่บุคคลเช่นนี้จะควรค่าแก่การเอาใจใส่ของจี้เฟิง
“เสี่ยวเฟิงเธอสูบบุหรี่หรือเปล่า”เซียวฉางเหออดไม่ได้ที่จะเห็นจี้เฟิงที่นั่งยิ้มอย่างสงบนิ่งราวกับว่าเขาเป็นพระชราที่ปลงแล้วทุกสิ่งอย่างซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจถ้ามองไปที่เขา เซียวฉางเหอจึงถามด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงไม่จำเป็นต้องโกหกเขาพยักหน้าเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มและตอบเสียงเรียบ “ผมสูบเป็นบางครั้ง อย่างตอนที่ผมอารมณ์ไม่ดีหรือมีเรื่องให้คิดแต่โดยปกติผมก็ไม่ได้สูบบุหรี่เท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบุหรี่มันไม่ดีต่อร่างกาย”
“ฮ่าฮ่า~นานๆสูบทีก็ไม่เป็นไรหรอก มาๆ” เซียวฉางเหอยิ้มพร้อมกับหยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋ากางเกงและโยนให้จี้เฟิง “มีไฟหรือเปล่า”
จี้เฟิงพยักหน้า“มีครับ”
“อ้าวเสี่ยวจี้ก็สูบบุหรี่เหมือนกันเหรอ ฮ่าฮ่า… แหมยังเป็นนักเรียนก็สูบบุหรี่ซะแล้ว มันจะดีกว่านะถ้าเอาเวลาไปตั้งใจเรียน อย่าเพิ่งไปตกหลุมรักเหล้าบุหรี่หรือการพนันอะไรพวกนั้นเลย มันไม่ดีต่อเด็ก!” หลิวซูหงพูดขัดขึ้นและสวมบทผู้อาวุโสสอนเด็กด้วยสีหน้าที่จริงจัง “เสี่ยวจี้ฉันไม่ได้ดูถูกอะไรเธอนะ แต่เพื่อประโยชน์ของเธอเอง ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนเวลาผู้ใหญ่พูดเตือนอะไรก็ควรเชื่อฟังนะ” ถ้าประโยคนี้พูดโดยคนอื่นมันก็จะเป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ห่วงใยเด็กรุ่นใหม่แต่พอผู้พูดเป็นหลิวซูหงมันกลับทำให้คนอื่นรู้สึกว่ามันผิดมาก
จี้เฟิงยิ้มจางๆ“คุณพูดถูก และผมจะเก็บคำแนะนำไปคิดอย่างแน่นอน แต่ผมมีคำถามสองสามข้อเกี่ยวกับสิ่งที่คุณพูด!”
“มีปัญหาอะไร”หลิวซูหงถาม