The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 200 ของขวัญวันแรกพบ
เมื่อครอบครัวเซียวและจี้เฟิงอยู่ในรถเรียบร้อยแล้วเซียวมู่แม่ของเซียวหยูซวนแสร้งถามเหมือนกับเธอไม่ได้อยากรู้อะไรมากมายนัก “เสี่ยวเฟิง พี่ชายคนที่สองของเธออยู่ที่เจียงโจวเหมือนกันเหรอ”
จี้เฟิงแอบหัวเราะอยู่ในใจเขารู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่ของเซียวหยูซวนจะต้องอยากรู้เกี่ยวกับครอบครัวชีวิตความเป็นอยู่ของเขาบ้างไม่มากก็น้อย
“ใช่ครับจริงๆแล้วเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมและก็มีลูกพี่ลูกน้องของผมหลายคนอยู่ในเจียงโจว แต่บ้านเกิดของผมไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมเกิดที่หมางซือมันเป็นสถานที่เล็กๆคุณลุงอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“หมางซือเหรอ”เซียวฉางเหอตกใจเล็กน้อย “ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้นะ จริงๆก็มีพนักงานหลายคนในบริษัทเป็นคนหมางซือ หนึ่งในหุ้นส่วนของฉันก็เป็นคนหมางซือด้วยเช่นกัน”
“นั่นเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ”จี้เฟิงยิ้ม
“อืมคนที่มาจากเมืองหมางซือแม้ว่าจะเป็นเพียงเขตเล็กๆ แต่พวกเขาส่วนใหญ่มักเป็นคนเรียบง่ายและขยันขันแข็งมากกว่าคนที่มาจากเมืองใหญ่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอดูมีความเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย สถานที่ที่คุณเติบโตมาเป็นดินแดนที่ผลิตบุคคลคุณภาพจริงๆ ฮ่าฮ่า!” เซียวฉางเหอพูดพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ“มันก็ไม่เสมอไปหรอกครับ ทุกๆสถานที่ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี และเป็นเพราะมีคนอย่างคุณลุงที่เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใคร ในการมองเห็นผู้คนและรู้จักเลือกคนดีๆอย่างพวกเขาให้เข้ามาและแบ่งงานให้อย่างเหมาะสมกับแต่ละบุคคล จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณลุงถึงคิดว่าผู้คนในหมางซือเป็นคนที่ซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง”
“โอ้เธอนี่… ฮ่าฮ่า~” เซียวฉางเหออดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อถูกจี้เฟิงใช้คำพูดเยินยอที่ไม่มีความเสแสร้งอยู่ในน้ำเสียงเลย จากนั้นเขาก็พบว่าจี้เฟิงเป็นคนตลกมากและเขาก็พูดคุยกับผู้คนอย่างเป็นมิตร
เซียวฉางเหอตระหนักดีว่าสาเหตุที่จี้เฟิงไม่ค่อยพูดคุยเมื่อตอนอยู่ที่บ้านมากนักเป็นเพราะได้รับอิทธิพลที่ไม่ดีมาจากหลิวซูหงและคนอื่นๆ
“ประจบสอพลอ!”จู่ๆเซียวหยูซวนก็บ่นพึมพำขึ้นมา
“เดี๋ยวเถอะ!พูดจาอะไรแบบนั้น!” เซียวมู่จ้องไปที่ลูกสาวของเธอ “ครั้งต่อไปถ้าพูดจาไร้สาระอีกล่ะก็ คอยดูสิว่าแม่จะตีเราด้วยอะไร!”
เซียวหยูซวนที่กำลังขับรถอยู่หัวเราะคิกคัก
20นาทีต่อมาพวกเขาก็มาถึงที่จอดรถของโรงแรมเจียงจินเยี่ย ภายใต้การโบกรถของพนักงานรับรถ รถทั้งสามคันก็หยุด
แต่เมื่อพวกเขาเดินไปถึงล็อบบี้พวกเขาก็ได้รับแจ้งว่าห้องที่ถังไห่เว่ยจองไว้นั้นถูกคนอื่นจับจองไปแล้ว
“ผู้จัดการเซี่ยวเกิดอะไรขึ้นไม่ใช่ว่าฉันโทรจองห้องไว้ก่อนแล้วเหรอ ทำไมคุณถึงได้ปล่อยห้องที่ฉันจองไว้ให้กับคนอื่น?” สีหน้าท่าทางของถังไห่เว่ยดูน่าเกลียดเล็กน้อย ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะผิดพลาดไปหมดในวันนี้ ทั้งๆที่เขาต้องการจะอวดความเลิศเลอเพอร์เฟกต์ของเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าครอบครัวของเซียวหยูซวน
เจียงจินเยี่ยโฮเทลเป็นกลุ่มโรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในเจียงโจว เป็นที่ที่บุคคลสำคัญหลายคนใช้เป็นที่สำหรับนัดพูดคุยธุรกิจหรือทานอาหารค่ำกับครอบครัวพวกเขาล้วนใช้ห้องอาหารส่วนตัวกันทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปอย่างดีก็จะได้เป็นห้องโถงธรรมดาเท่านั้น
ถังไห่เว่ยต้องการให้ครอบครัวเซียวเห็นความยิ่งใหญ่ของตัวเองแต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าห้องที่เขาโทรจองไว้ล่วงหน้าจะถูกคนอื่นชิงตัดหน้าใช้ไปเสียก่อน
ผู้จัดการล็อบบี้สกุลเซี่ยวรู้สึกผิดเล็กน้อยเขากระซิบเบาๆว่า“คุณชายถัง ทางเราได้จองห้องส่วนตัวไว้ให้คุณแล้วจริงๆ แต่ทางเราไม่คาดคิดว่าคุณชายจ้าวจะมาอย่างกะทันหันแบบนี้ บวกกับวันนี้มีแขกมาที่โรงแรมของเราเป็นจำนวนมากจึงทำให้ห้องอาหารเต็มทั้งหมด คุณชายจ้าวจึงขอใช้ห้องอาหารที่ยังว่างอยู่ซึ่งเป็นห้องที่คุณชายถังโทรจองไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เลยไม่มีห้องอาหารห้องไหนว่างเลยครับ”
“แล้วห้องที่เล็กกว่านั้นล่ะมีมั้ย” เซียวฉางเหอถามขึ้น พวกเขามากันหลายคนและต้องการพูดคุยเรื่องสำคัญกัน หากไปที่ห้องโถงที่มีผู้คนมากมายมันจะมีเสียงดังมาก คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
“ไม่มีห้องที่เล็กกว่านี้ครับผมต้องขอประทานโทษด้วยจริงๆ”ผู้จัดการเซี่ยวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่ทราบว่าทุกท่านจะไปรับประทานอาหารที่ห้องโถงแทนได้หรือไม่สำหรับคุณชายถังและเพื่อเป็นการชดเชยจากทางเรา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทุกท่านในวันนี้ทางโรงแรมจะบริการให้ฟรีครับ”
“เหอะ!ตลกเหรอ ผู้จัดการเซี่ยวคุณยังไม่รู้จักฉันดีพอ ผมดูเหมือนคนไม่มีปัญญาจ่ายค่าอาหารเพียงหนึ่งมื้องั้นเหรอ?” ถังไห่เว่ยไม่พอใจอย่างมาก
“คือเรื่องนี้..ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริงๆ” ผู้จัดการเซี่ยวส่ายหัว
“คุณ!”ถังไห่เว่ยโกรธจนขึ้นเสียง “คุณชายจ้าวที่คุณพูดถึงเมื่อครู่เขาเป็นใคร คุณก็ไปแจ้งเขาว่าห้องอาหารที่เขาใช้อยู่เป็นห้องที่ถังไห่เว่ยจองไว้แล้ว!”
ผู้จัดการเซี่ยวยิ้มอย่างขมขื่นทันที“คุณชายถัง ผมคิดว่าคุณอย่าไปยุ่งกับคุณชายจ้าวเลยจะดีกว่า เพราะคุณพ่อของคุณและคุณพ่อของคุณชายจ้าวต่างก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน”
“อะไรนะ”ถังไห่เว่ยขมวดคิ้ว “เพื่อนร่วมงาน? … คุณชายจ้าวที่คุณพูดนี่อย่าบอกนะว่าเป็นจ้าวหย่งเฉิง?”
“ใช่แล้วครับ”ผู้จัดการเซี่ยวพยักหน้า
ถังไห่เว่ยถึงกับนิ่งเงียบไปเขาไม่สามารถมีปัญหากับคนคนนี้ได้จริงๆ เมื่อผู้จัดการเซี่ยวบอกว่าพ่อของจ้าวหย่งเฉิงและพ่อของเขาเป็นเพื่อนร่วมงานกัน มันก็ทำให้เขาได้เผชิญกับความเป็นจริงที่ว่าพ่อเขาเป็นเพียงหัวหน้าเขตหนึ่งในเจียงโจวเท่านั้นในขณะที่พ่อของจ้าวหย่งเฉิงเป็นถึงผู้อำนวยการเขต ซึ่งเป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัด ไอรีนโนเวล
“ช่างมันเถอะเสี่ยวถังเราเปลี่ยนร้านอาหารกันดีกว่า” เมื่อเห็นว่าถังไห่เว่ยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกและตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เซียวมู่ก็อดไม่ได้ที่จะออกตัวพูดให้เรื่องนี้มันจบลงด้วยความใจดีของเธอ
ในขณะนั้นเองเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังก็ดังมาจากด้านนอก“น้องสาม ทำไมถึงอยากมาที่นี่ล่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงทุกคนก็พากันหันไปมองและเห็นชายหนุ่มสองคนที่อายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีกำลังเดินมาทางพวกเขาด้วยท่าทางสบายๆหนึ่งในนั้นมีคนที่หน้าตาคล้ายกับจี้เฟิงเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเขาดูดุดันกว่า
ทุกคนเดาว่าชายคนนี้น่าจะเป็นพี่ชายคนที่สองของจี้เฟิง
“พี่รองผมไม่ได้เป็นคนที่อยากมาที่นี่” จี้เฟิงยิ้ม “แต่ต่อให้พี่รองหรือผมอยากจะกินมื้อเย็นที่นี่ตอนนี้ก็คงไม่ได้แล้วล่ะ”
จี้ช่าวเหลยถามทันที“ไม่ได้ ไม่มีห้องว่างแล้วเหรอ เป็นไปไม่ได้!”
ผู้จัดการเซี่ยวชำเลืองมองจี้ช่าวเหลยอย่างไม่ค่อยพอใจอะไรเป็นไปไม่ได้ จะหาว่าฉันโกหกหรือไง!
“ท่านครับตอนนี้ทางโรงแรมเราไม่มีห้องว่างเหลือเลยจริงๆครับวันนี้มีแขกมามากกว่าปกติและทุกห้องก็มีผู้จับจองและเข้าใช้ไปหมดแล้ว” ผู้จัดการเซี่ยวกล่าวเบาๆ “ไร้สาระ!”จี้ช่าวเหลยตะคอก “มันเป็นเรื่องปกติที่โรงแรมแบบนี้มักจะมีกลเม็ดเอาไว้หลอกลวงคนทั่วไปเวลามีแขกมาเยอะๆ ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณจะต้องเก็บห้องอาหารเพื่อสำรองไว้อย่างน้อยหนึ่งหรือสองห้องเป็นปกติอยู่แล้วนี่ ดังนั้นสิ่งที่คุณควรจะทำในตอนนี้ก็คือไปเปิดห้องให้ฉันหนึ่งห้องเดี๋ยวนี้!”
เซียวฉางเหอและซูชางหยวนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเล็กน้อยพวกเขาเคยเห็นวิธีการแบบนี้ในที่อื่นแต่พวกเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรในเมื่อพวกเขาไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพลมากพอสำหรับที่นี่
แต่พวกเขาก็ไม่คิดเลยว่าพี่ชายคนที่สองของจี้เฟิงจะรู้อย่างชัดเจนและกล้าที่จะพูดออกมาตรงๆมาแบบนี้มันทำให้พวกเขาสนใจอยากจะรู้ที่มาของผู้ชายคนนี้
สีหน้าของผู้จัดการเซี่ยวก็เปลี่ยนไปทันทีคนคนนี้รู้ได้ยังไง
แต่พอมาคิดดูแล้วเขาก็โล่งใจตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือคลับหลายๆแห่งต่างก็ใช้วิธีนี้กันทั้งนั้น ในทีแรกเขากลัวว่า จู่ๆจะเป็นคนใหญ่คนโตที่ไหนโผล่มาอีก เพราะถ้าไม่มีห้องอาหารเตรียมไว้มันจะทำให้พวกเขาขุ่นเคืองใจได้ง่าย แต่พอมาคิดๆดูชายหนุ่มตรงหน้าเขาตอนนี้คงจะรู้เรื่องนี้มาจากที่อื่น เขาจึงใช้เรื่องที่พอจะรู้มาเพื่อมาเนียนใช้ห้องสินะ
“นายท่านตอนนี้แขกของทางโรงแรมเยอะมากจริงๆทำให้ห้องของเราเต็มหมดและไม่มีห้องสำรองไว้อย่างที่นายท่านพูด ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ” เนื่องจากผู้ชายสองคนตรงหน้านี้ดูไม่น่าจะเป็นคนใหญ่คนโต เขาจึงไม่คิดจะยอมรับความจริง ไม่เช่นนั้นมันก็เท่ากับเป็นการทำให้ถังไห่เว่ยไม่พอใจที่เขาโกหกไปในตอนแรก แม้ว่าเจ้านายของเขาไม่มีความจำเป็นต้องกลัวคนระดับถังไห่เว่ยแต่เขาที่เป็นเพียงผู้จัดการแผนกต้อนรับตัวเล็กๆ แม้ถังไห่เว่ยจะไม่สามารถจัดการกับเจ้านายของเขาได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะจัดการกับเขาไม่ได้!
“พอ!ฉันไม่อยากจะคุยกับพนักงานคนนี้แล้ว!”
จี้ช่าวเหล่ยเป็นคนในร้อนเขาหันหน้าไปทางชายหนุ่มข้างๆเขาแล้วถามว่า “เหล่าต้วน เจียงจินเยี่ยนี่ใครเป็นเจ้าของนะ ใช่สือเซียงปางหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของผู้จัดการเซี่ยวก็เปลี่ยนไปอีกครั้งและทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มทั้งสองคนนี้ไม่น่าจะใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่พูดชื่อเจ้านายของเขาอย่างลวกๆออกมาแบบนี้
ผู้จัดการเซี่ยวรีบพูดขึ้นทันทีว่า“สุภาพบุรุษทั้งสองท่าน ประธานของเรามีชื่อว่า สือเซียงปาง ไม่ทราบว่าสุภาพบุรุษทั้งสองเป็นใคร…”
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเหล่าต้วนมองไปที่ผู้จัดการเซี่ยวแล้วกล่าวเบาๆว่า“คุณคือผู้จัดการล็อบบี้ใช่มั้ย โทรหาประธานของคุณแล้วบอกว่าต้วนเผิงอยู่ที่นี่แต่ไม่มีห้องอาหารไว้รับรอง… หรือจะให้ฉันโทรเอง?” ต้วนเผิง
ทุกคนต่างพากันงงพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้อยู่ในกลุ่มคนใหญ่คนโตในเจียงโจว เขาเป็นใครมาจากไหน
อย่างไรก็ตามไม่ว่าตอนนี้ต้วนเผิงจะเป็นใคร ผู้จัดการเซี่ยวก็ไม่กล้าละเลยคำพูดของเขา ผู้จัดการเซี่ยวพยักหน้าอย่างรีบร้อนและกล่าวว่า “อ้อ! เกือบลืมไป ช่วงนี้สมองของผมเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ขี้หลงขี้ลืมจริงๆ ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีแขกจองห้องไว้แล้วแจ้งว่าจะมาตอน 6 โมงเย็น แต่นี่ก็ทุ่มหนึ่งแล้ว ดังนั้นผมจึงขอเรียนเชิญสองสามท่านนี้ไปที่ห้องดังกล่าวได้เลยครับและนอกจากนี้การบริการรวมถึงค่าอาหารทั้งหมดในวันนี้จะถูกยกเว้นเพื่อเป็นของขวัญสำหรับท่านและแทนคำขอโทษจากทางเรา เชิญทุกท่านตามผมมาทางนี้”
“เหอะ!ไอ้กิ้งก่าเปลี่ยนสี!” จี้ช่าวเหลยตะคอก
ผู้จัดการเซี่ยวยังคงปฏิบัติราวกับว่าเขาไม่ได้ยินและเดินก้มศีรษะเพื่อเดินนำทางไป เซียวฉางเหอและภรรยามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจพวกเขาต่างเห็นแววตาที่ตกตะลึงอยู่ในสายตาของกันและกัน ชายหนุ่มคนนี้และพี่ชายคนที่สองของจี้เฟิงเป็นใครกัน ยิ่งไปกว่านั้นท่าทางพี่ชายคนที่สองของจี้เฟิงจะไม่ธรรมดาเลย
สีหน้าของถังไห่เว่ยน่าเกลียดมากยิ่งขึ้นเขาคือผู้ที่โทรจองห้องก่อนด้วยซ้ำแถมยังถามย้ำหลายรอบแล้วว่ายังพอมีห้องเหลือมั้ย แต่ผู้ชายสองคนนี้พูดเพียงไม่กี่คำผู้จัดการเซี่ยวก็ทำท่าหวาดกลัวและรีบหาห้องให้พวกเขาในทันที นี่มันไม่ต่างจากการที่เขาถูกลากไปตบหน้ากลางสี่แยก!
“ไอ้ผู้ชายสองคนนี้เป็นใครใหญ่โตมาจากไหนกันเชียว!” ถังไห่เว่ยอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งและเขม่นจี้ช่าวเหลยกับต้วนเผิงไว้ในใจ
“คุณลุงคุณป้าเราก็ไปกันเถอะ!” จี้เฟิงพูดเชิญด้วยรอยยิ้ม
เซียวฉางเหอและภรรยาพยักหน้าแบบงงๆและเดินตามจี้เฟิงไป
“ทางนี้ครับ!”ผู้จัดการเซี่ยวพาทุกคนไปที่ห้องอาหารส่วนตัวชั้น 3 “กรุณานั่งลงก่อนเดี๋ยวจะมีพนักงานเข้ามาบริการพวกคุณนะครับ!”
หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในห้องทุกคนก็ต่างพากันมองไปรอบๆและอดไม่ได้ที่จะอุทานอยู่ในใจมันหรูหราเกินไป
ห้องอาหารห้องนี้ไม่อาจเรียกว่าเป็นห้องได้เลยอาจเรียกได้ว่าเป็นห้องประชุมสำหรับประธานาธิบดีก็ยังได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น KTV หรือห้องแยกย่อยที่เต็มไปด้วยเครื่องออกกำลังกาย ห้องบิลเลียดและอื่นๆอีกมากมาย
ที่สำคัญการตกแต่งของที่นี่หรูหราอลังการมากถ้าเป็นเฉพาะในล็อบบี้หรือห้องอาหารอื่นๆก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่ามีห้องอาหารที่หรูหราขนาดนี้อยู่ในโรงแรมนี้ด้วย แต่จี้ช่าวเหลยและต้วนเผิงมีทีท่าไม่ได้แยแสหรือตื่นตาตื่นใจอะไร เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้
สีหน้าของถังไห่เว่ยเปลี่ยนไปเมื่อเข้ามาในห้องอาหารสุดหรูห้องนี้แม้ว่าเขาจะมีธุรกิจที่มีมูลค่าสุทธิมากกว่าสิบล้าน แต่ก็ไม่เคยได้ใช้ห้องอาหารหรูๆแบบนี้มาก่อนเขาอดไม่ได้ที่จะแอบคาดเดาอยู่ในใจว่าราคาห้องนี้มันควรจะเป็นเท่าไหร่!
“อืม..ผู้จัดการคนนั้นยังคงทำงานเป็นอยู่บ้าง!” จี้ช่าวเหลยกล่าวเบาๆพร้อมกับแสดงความชื่นชม
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นกับสิ่งที่เขาพูดเขาสามารถเปิดห้องที่หรูหราขนาดนี้ได้แต่พวกเขากลับทำแค่ชื่นชมพนักงานแค่เล็กน้อยด้วยท่าทีที่เฉยเมย แล้วมันต้องดีเลิศขนาดไหนถึงจะทำให้พวกเขาพึงพอใจได้
“คุณลุงคุณป้าผมจะแนะนำให้รู้จักนี่คือพี่ชายคนรองของผม จี้ช่าวเหลย” ทันทีที่พวกเขาทยอยกันนั่งลงเรียบร้อยจี้เฟิงก็แนะนำให้รู้จักกันทุกคน สำหรับครอบครัวของหลิวซูหงสามคนและถังไห่เว่ย จี้เฟิงแนะนำไปแบบลวกๆเท่านั้น
จี้ช่าวเหลยยิ้มอย่างสุภาพและทักทายทุกคนทันทีเมื่อเขามองไปที่เซียวหยูซวนเขาก็หัวเราะออกมา “น้องชาย น้องสาว นานแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เราได้พบกัน ตอนนั้นมีเรื่องวุ่นวายและพวกเราก็รีบเกินไป ในฐานะพี่ชายฉันเลยไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ให้ วันนี้ฉันเลยถือโอกาสเตรียมของขวัญมาให้ด้วย”
เขาหันหน้าไปด้านข้างและยิ้มให้ต้วนเผิง“เหล่าต้วน ฉันจำได้ว่าคุณเพิ่งได้รถมาใหม่ใช่มั้ย”
“หึ! คุณหนูช่าวเหลย ฉันคิดไว้แล้วว่าตราบใดที่ฉันมาที่เจียงโจวฉันจะต้องถูกนายแบล็คเมล์แน่นอน!” ต้วนเผิงตะคอกแต่สีหน้าของเขาไม่มีวี่แววของความไม่พอใจเลย “ใครใช้ให้ฉันมาพบกับน้องชายและน้องสาวเป็นครั้งแรกพร้อมกับนายกันล่ะ ครั้งนี้ฉันเพิ่งได้มาเซราติมา ฉันยังไม่ได้แตะต้องมันแม้แต่นิดเดียว เอาเป็นว่าฉันขอมอบมันให้เป็นของขวัญกับน้องชายและน้องสาวก็แล้วกัน!”
“มาเซราติ!”ซูถิงที่ไม่ได้พูดมาตลอดอดไม่ได้ที่จะอุทาน “โอ้ประเจ้า! มันเป็นรถสปอร์ตระดับโลกเลยไม่ใช่เหรอ?”