The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 202 มุทะลุ!
คนที่โทรมาหาเขาเมื่อครู่คือรองผู้อำนวยการแผนกจัดซื้อของโรงพยาบาลที่สามที่เขาได้พูดคุยไว้แล้วเพื่อแนะนำให้รู้จักกับเซียวฉางเหออย่างไรก็ตามเมื่อเขานึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของจี้ช่าวเหลยที่บอกว่าเขาจะให้คนจากโรงพยาบาลใหญ่ทั้งสามโรงพยาบาลมาติดต่อธุรกิจกับเซียวฉางเหอ โดยไม่ต้องคิดมันก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าใครใหญ่ใครเล็กกว่าจนเอาไปเทียบกันไม่ได้เลย!
“เสี่ยวถังเพื่อนของคุณกำลังจะมาที่นี่เหรอ”
เซียวฉางเหอยิ้มอย่างอ่อนโยนเขาพอจะเดาได้หลังจากได้ยินการพูดคุยโทรศัพท์ของถังไห่เว่ยในความเป็นจริงเขาทำแบบนี้เพื่อที่จะช่วยรักษาหน้าของถังไห่เว่ย เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าตอนนี้ถังไห่เว่ยไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่แล้วแต่เขาจะออกไปดื้อๆเลยก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครสามารถรับประกันได้เลยว่าในอนาคตจี้เฟิงจะไม่เอาคืนเขา
สำหรับเรื่องแบบนี้เซียวฉางเหอผู้รอบรู้และผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมายเขาสามารถมองออกได้อย่างชัดเจนตอนนี้ถังไห่เว่ยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้วแต่เพื่อนของเขากลับกำลังจะมาที่นี่อีก ถ้าเขาไม่พูดอะไรออกไปเกรงว่าเพื่อนของถังไห่เว่ยคงจะไม่สามารถเข้าประตูห้องมาได้ด้วยซ้ำ เพราะคนที่เป็นเจ้าของห้องอาหารห้องนี้ไม่ใช่ถังไห่เว่ยแต่เป็นจี้ช่าวเหลยพี่ชายคนที่สองของจี้เฟิง แต่ในเมื่อตอนนี้จี้ช่าวเหลยไม่อยู่แล้วคนที่ตกเป็นเจ้าของห้องคนต่อไปก็ต้องเป็นจี้เฟิง
ถ้าจี้เฟิงไม่อนุญาตถังไห่เว่ยก็ไม่มีสิทธิที่จะชวนเพื่อนเข้ามาลองนึกภาพดูว่าถ้าเพื่อนที่ได้รับเชิญมา แต่ไม่สามารถเข้ามาหาในห้องได้ ถังไห่เว่ยจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร
ไม่ว่าอย่างไรถังไห่เว่ยมาที่นี่ในวันนี้ก็มีเหตุผลเกี่ยวกับลูกสาวของเขาเขาไม่อาจทนมองถังไห่เว่ยนั่งทำหน้าตาดูไม่ได้ไปมากกว่านี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามคำถามขึ้นเพื่อช่วยกู้สถานการณ์อิหลักอิเหลื่อของถังไห่เว่ย
ถังไห่เว่ยเข้าใจได้ในทันทีว่าเซียวฉางเหอกำลังพูดเพื่อช่วยเหลือเขาเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เซียวฉางเหอด้วยความขอบคุณ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะต้องมาอวดเก่งหรือหยิ่งผยองอีกต่อไป หากเรื่องระหว่างเซียวหยูซวนและจี้เฟิงลงเอยกันด้วยดี สถานะของเซียวฉางเหอก็จะเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันและในเวลานั้นเขาอาจจะเป็นฝ่ายที่ต้องร้องขอชีวิตกับเซียวฉางเหอ!
“ในเมื่อเป็นเพื่อนของเสี่ยวถังก็ชวนเขามานั่งร่วมโต๊ะด้วยกันสิ”เซียวฉางเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่างห้องอาหารห้องนี้ก็ใหญ่โตกว้างขวางมากเพิ่มคนมาอีกคนเดียวคงไม่ทำให้ห้องนี้แคบลงเท่าไหร่หรอก ว่ามั้ยเสี่ยวเฟิง”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย“คุณลุงพูดถูก ในเมื่อเป็นเพื่อนกับคุณถังก็เชิญเขามาทานอาหารเย็นด้วยกันเถอะ”
กว่าที่เขาจะรู้ตัวเขาก็กลายเป็นจุดเด่นที่สุดของห้องอาหารนี้ไปซะแล้วในตอนนี้เขาจึงตระหนักถึงปัญหานี้ได้อย่างชัดเจนและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คุณลุง ผมขอตัวไปดูอาหารให้ดีกว่าว่าพร้อมหรือยัง ทุกคนเชิญคุยกันไปก่อนได้เลย เดี๋ยวผมกลับมา” หลังจากนั้นเขาก็ขยิบตาให้เซียวหยูซวนและเดินออกไป
“รีบไปรีบกลับอย่าไปนานมากนะ” เซียวหยูซวนพูดเบาๆ เธอรู้ดีว่าที่จี้เฟิงทำไปนั้นเพื่ออะไร เขาต้องการที่จะออกไปเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนในห้องนี้ได้พูดคุยและสงบสติอารมณ์กันอีกครั้ง เพราะหลังจากที่ตัวตนของเขาและจี้ช่าวเหลยถูกเปิดเผย ดูเหมือนว่าเรื่องพวกนี้จะส่งผลกระทบต่อพวกเขามากเกินไป
แน่นอนว่าทันทีที่จี้เฟิงออกจากห้องไปเขาก็ได้ยินเสียงหายใจลึกๆสองสามครั้ง เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะในใจท่าทีของหลิวซูหงและสามีของเธอช่างเหลือทนจริงๆ ก่อนหน้านี้พวกเขายังคงดูถูกและเยาะเย้ยจี้เฟิง แต่ตอนนี้พวกเขารู้ตัวตนของจี้เฟิงแล้วพวกเขากลับทำท่าหวาดกลัวมาก เป็นเรื่องน่าตลกจริงๆ
“น้องสาวน้องเขย ฉันล่ะอิจฉาครอบครัวของพวกเธอจริงๆ ซวนซวนเธอช่างมีวิสัยทัศน์ที่ดีทีเดียว เสี่ยวเฟิงเป็นชายหนุ่มที่สุขุมนุ่มลึกแม้เขาจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่แต่เขากลับไม่แสดงออกหรือโอ้อวดเลย” ใบหน้าหนาเตอะที่เต็มไปด้วยรอยแตกของแป้งมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น แต่เป็นเพราะเครื่องสำอางที่หนาเตอะของเธอจึงทำให้การยิ้มกลายเป็นเรื่องยาก
“ซวนซวนเป็นเพราะป้าคนนี้ไม่เข้าใจสถานการณ์ของหนูกับเสี่ยวเฟิง เลยทำให้ป้าพูดอะไรที่อาจจะทำให้หนูและเสี่ยวเฟิงขุ่นเคืองใจได้ แต่ที่ป้าพูดไปก็เพราะป้ามีเจตนาดี ด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นว่าเสี่ยวเฟิงยังเด็ก และก็กลัวว่าซวนซวนของป้าจะลำบาก ดังนั้นถ้าเป็นไปได้… ตอนเสี่ยวเฟิงกลับมาซวนซวนช่วยพูดกับเสี่ยวเฟิงให้เขาเข้าใจเจตนาดีของป้าหน่อยได้มั้ย โอเคนะ?”
เซียวหยูซวนพยายามฝืนอาการคลื่นไส้ของเธออยู่เงียบๆและพยายามอย่างมากที่จะพยักหน้าและพูดว่า“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณป้า จี้เฟิงไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น และที่คุณป้าบอกว่าเป็นห่วงและเจตนาดีเขาจะจดจำเข้าไปถึงข้างในใจของเขาอย่างแน่นอน”
เซียวหยูซวนแดกดันเล็กน้อยแต่พลันนึกในใจว่า“นี่มันจะแถเกินไปแล้ว บอกว่าเป็นห่วงจี้เฟิงแต่สิ่งที่พูดออกมาก่อนหน้านี้มีแต่ดูถูกเย้ยหยัน และทำเป็นเมินเฉยต่อจี้เฟิงตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ทีอย่างนี้มาบอกว่าเจตนาดี”
คำพูดประชดแดกดันเช่นนี้ทำไมหลิวซูหงจะไม่รู้เธอจึงได้แต่ก้มหน้าด้วยความอับอายและรู้สึกเสียใจว่าทำไมเธอถึงไม่ถามตัวตนของจี้เฟิงตั้งแต่แรก และสิ่งที่เธอได้ทำลงไปไม่เพียงแต่ทำให้จี้เฟิงต้องขุ่นเคืองเท่านั้น แต่ยังทำให้เซียวหยูซวนไม่พอใจด้วย แล้วเซียวหยูซวนจะอยากช่วยเธอจากสถานการณ์นี้ไปเพื่ออะไร
“ซวนซวนลูกช่วยพูดให้คุณป้าหน่อยแล้วกันนะลูก”เมื่อเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอรู้สึกอับอายจนไม่รู้จะทำอย่างไรแม่ของเซียวหยูซวนก็อดไม่ได้ที่จะช่วยพูดขอความช่วยเหลือจากเซียวหยูซวน
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแม่หนูบอกไปแล้วไงคะว่าจี้เฟิงเขาไม่คิดมากหรอก หรือต่อให้คิดเขาก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร!” เซียวหยูซวนพูดพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนใจ เป็นเพราะความใจดีเกินไปของเซียวมู่ เธอจึงมักจะถูกคนอื่นเอาเปรียบอยู่เสมอๆ และถ้าไม่ใช่เพราะความใจดีใจอ่อนแบบนี้ของเซียวมู่ หลิวซูหงก็คงไม่กล้าที่จะทำตัวราวกับมีสิทธิมีเสียงในเรื่องของครอบครัวเธอขนาดนี้และก็คงไม่ต้องมาทนฟังหลิวซูหงพูดจาดูถูกล้อเลียนจี้เฟิงด้วยซ้ำ
ปึง!ปึง! ปึง! Aileen-novel
เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นเสี่ยวถิงก็ลุกขึ้นทันทีและพูดว่า“หนูจะไปเปิดประตูให้เองค่ะ”
ชายคนหนึ่งอายุประมาณ40 ปีเดินเข้ามา รูปร่างของผู้ชายคนนี้ดูซูบผอมมาก ดวงตาของเขาล่อกแล่กแปลกๆ จึงทำให้เขาดูเป็นคนไม่ค่อยน่าเชื่อถือซักเท่าไหร่
“ว้าวสมแล้วที่เป็นคุณชายถัง ห้องนี้ไม่ใช่ห้องที่คนธรรมดาจะสามารถจองได้ต้องเป็นคนระดับคุณชายถังลูกชายของหัวหน้าสำนักงานเขตเท่านั้น ถ้าเป็นฉันคงจะโดนห้ามไม่ให้เข้ามาตั้งแต่หน้าประตู!” ทันทีที่เดินเข้ามาผู้ชายร่างผอมก็พูดพร้อมกับหัวเราะ
ใบหน้าของถังไห่เว่ยแดงก่ำไปด้วยความอับอายเขาได้แต่หัวเราะแห้งๆ“เหล่าซุนฉันไม่ได้เป็นคนจองห้องอาหารห้องนี้ ฉันมาที่นี่เพียงเพื่อทานอาหารเท่านั้น”
ชายคนที่ถูกเรียกว่าเหล่าซุนถึงกับผงะทันทีที่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นเซียวหยูซวนความปรารถนาอย่างแรงกล้าฉายชัดขึ้นมาในแววตาของเขาแต่สุดท้ายมันก็หายไปในเวลาอันรวดเร็ว “น้องถังคุณจะไม่แนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยเหรอ” เหล่าซุนนั่งลงทันทีโดยที่ยังไม่มีใครเชิญและสายตาของเขาก็กวาดไปที่เซียวหยูซวนและเซียวมู่ หัวใจของเขาลิงโลดและมีความคิดที่ชั่วร้ายมากมายอยู่ในหัวของเขา
ถังไห่เว่ยพึมพำอย่างลับๆอยู่ในใจเขารู้จักนิสัยผู้ชายคนนี้ดี คนคนนี้ชื่อซุนกังเขาเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อของโรงพยาบาลที่ 3 ปกติเขาเป็นคนที่หื่นกามมาก ตัวแทนที่มาติดต่อธุรกิจกับโรงพยาบาลที่ 3 หากเป็นผู้หญิงก็มักจะโดนเขาลวนลามและใช้ผลประโยชน์ทางธุรกิจเป็นข้อแลกเปลี่ยน เขามันก็ไม่ต่างจากผีลามกที่หิวโหย
สิ่งที่ถังไห่เว่ยกังวลมากที่สุดในเวลานี้ก็คือซุนกังจะต้องไม่พูดจาไร้สาระที่นี่อย่างเด็ดขาดมันไม่สำคัญว่าคนเหล่านี้จะคิดยังไง แต่ถ้ามันทำให้จี้เฟิงโกรธเคืองขึ้นมา ก็เตรียมขุดหลุมฝังรอศพตัวเองได้เลย
“อ่า..รองผู้อำนวยการซุนฉันจะแนะนำคุณ…” ถังไห่เว่ยรีบพูดอย่างรวดเร็ว เขาแนะนำเซียวฉางเหอและคนอื่นๆให้รู้จักกับซุนกังทีละคน
“เจ้าของบริษัทยา”ซุนกังมองไปที่เซียวฉางเหอและพูดเบาๆว่า “น้องถังที่คุณเชิญฉันมาวันนี้ไม่ใช่เพราะคุณต้องการแนะนำคู่ค้าทางธุรกิจให้ฉันเหรอกเหรอ?” ในขณะที่เขาพูด สายตาของเขาก็ยังไม่หนีไปจากเซียวหยูซวนและเซียวมู่ เขายังคงจ้องมองไปที่ใบหน้าและเรือนร่างของพวกเธอ
ทันใดนั้นใบหน้าของเซียวฉางเหอก็มืดลงเมื่อถังไห่เว่ยเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดีเขาจึงรีบกล่าวว่า “ก็ไม่เชิง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้ว ก็เลยนัดรวมตัวกันซักหน่อยเท่านั้นเอง”
ซุนกังกล่าวยิ้มๆ“โธ่น้องถัง มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังกันสักหน่อย ที่คุณเชิญเจ้าของบริษัทยามาในวันนี้ก็เพื่อจะให้ฉันเปรียบเทียบราคายาและพูดคุยเกี่ยวกับซื้อขายยากับเขาใช่หรือเปล่าล่ะ” “แต่ตอนนี้…เอ่อ.. มันไม่จำเป็นแล้วล่ะ” ถังไห่เว่ยกล่าวด้วยความอับอาย ก่อนหน้านี้ลูกชายของเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลนครเจียงโจวพูดด้วยตัวเองเลยว่าจะเป็นคนกลางติดต่อโรงพยาบาลใหญ่ถึง 3 แห่งให้กับเซียวฉางเหอ แล้วตอนนี้เขาจะมีหน้าอวดดีให้เซียวฉางเหอติดต่อกับโรงพยาบาลเล็กๆเพียงแห่งเดียวไปทำไม แถมซุนกังคนนี้ก็เป็นเพียงรองผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อโรงพยาบาลเล็กๆแห่งเดียวเท่านั้น มันเทียบไม่ได้เลยกับคนที่จี้ช่าวเหลยจะติดต่อให้กับเซียวฉางเหอ
แม้ว่าพ่อของถังไห่เว่ยจะเป็นหัวหน้าสำนักงานเขตหนึ่งในเจียงโจวแต่เนื่องจากโรงพยาบาลที่ 3 เป็นโรงพยาบาลที่ดำเนินการบริหารโดยเทศบาล ดังนั้นคนที่อยู่ในระดับผู้อำนวยการหรือรองผู้อำนวยการนั้นไม่ได้ต่ำต้อยเลยรวมถึงแพทย์และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆต่างก็มียศและตำแหน่งที่สูงกว่าหัวหน้าเขตด้วยซ้ำ! ถังไห่เว่ยไม่กล้าพูดไปตรงๆเพราะเขาเกรงว่าเรื่องนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของพ่อเขา
และคนอย่างซุนกังเขาเป็นคนที่โลภและหื่นกามมาก ถ้าก่อนหน้านี้ถังไห่เว่ยไม่คอยเลี้ยงดูปูเสื่อเขาเป็นอย่างดี คิดหรือว่าวันนี้เขาจะยอมมาที่นี่ เพียงแต่ตอนนี้เขาจะมาหรือไม่มาผลก็คงไม่แตกต่างกัน เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ถังไห่เว่ยเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถให้ซุนกังซื้อยาของเซียวฉางเหอได้อยู่หรือไม่ ในเมื่อมีจี้เฟิงอยู่ทั้งคน ถังไห่เว่ยจะมีประโยชน์อะไร
“อ้าวทำไมไม่จำเป็นแล้วล่ะ” ซุนกังเหลือบมองไปที่เซียวมู่และเซียวหยูซวนด้วยสายตาหื่นกระหายอีกครั้ง และพูดต่ออย่างมีความหมาย “อย่าเพิ่งคิดว่าไม่มีความหวังสิ อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น มันอยู่ที่การกระทำของมนุษย์ล้วนๆ ถ้าขยันๆหน่อยหรือข้อตกลงเห็นพ้องกันทั้งสองฝ่ายอะไรมันก็เป็นไปได้ทั้งนั้น!” จากคำพูดและสายตาของเขาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนตราบใดที่ไม่ได้หูหนวกตาบอดก็เกรงว่าจะเข้าใจความหมายที่เข้าพูดได้เป็นอย่างดี
ปฏิกิริยาของถังไห่เว่ยเซียวฉางเหอ เซียวมู่และเซียวหยูซวนเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน
“เหล่าซุนเราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่าเอาไว้ฉันจะพาคุณไปเลี้ยงเพื่อเป็นการขอโทษและพูดคุยกันในวันหลังแล้วกัน โอเคมั้ย” ถังไห่เว่ยรีบพูดพร้อมกับมีเหงื่อเย็นๆไหลเต็มแผ่นหลัง
เซียวหยูซวนไม่อดทนอีกต่อไปเธอหัวเราะเยาะ “คุณซุน ฉันต้องขอโทษด้วยแต่ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณอีกต่อไป กรุณาออกไปเดี๋ยวนี้!”
สีหน้าของซุนกังเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและหันไปพูดกับเซียวหยูซวนด้วยความโกรธ“กล้าไล่ฉันออกไป โอเค ดี!”
จากนั้นเขาหันหน้าไปทางเซียวฉางเหอและยิ้มอย่างเหยียดหยาม“เซียวฉางเหอใช่มั้ย คอยดูยอดขายยาของบริษัทคุณไว้ให้ดีๆก็แล้วกัน ถ้าฉันจำไม่ผิดธุรกิจอย่างคุณต้องมีกลุ่มลูกค้าเป็นคลินิกหรือโรงพยาบาลเท่านั้นสินะ ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ฉันจะบอกอะไรคุณไว้อย่างนะ สถานพยาบาลและโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศจีนต่างก็ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของเรากันทั้งนั้น ทีนี้ฉันชักจะสงสัยแล้วว่ายาของคุณอาจจะมีสิ่งแปลกปลอมหรืออะไรที่ผิดปกติก็เป็นได้ รอดูได้เลยว่าภายใน 2 วันโรงพยาบาลหรือคลิกนิกอะไรก็ตามแต่จะต้องบอกเลิกสัญญากับคุณทั้งหมด รอรับความพินาศได้เลย!”
สีหน้าของเซียวฉางเหอมืดมนมากไม่ว่าเขาจะเป็นคนจิตใจดีอ่อนโยนแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันยอมให้คนอย่างซุนกังมองไปที่ภรรยาและลูกของเขาด้วยสาตาแบบนั้นอย่างเด็ดขาด เขาตะคอกอย่างเย็นชา “คุณไม่จำเป็นต้องมาห่วงเรื่องนี้ รีบออกไปจากที่นี่ทันที อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ!” “แก!”เมื่อซุนกังเห็นว่าเขาไม่สามารถใช้เรื่องนี้ข่มขู่เซียวฉางเหอได้ เขาจึงตะคอกด้วยความโกรธ “ได้! ฉันจะรอดูบริษัทยาของแกเจ๊ง!”
เขาลุกพรวดทันที“น้องถัง อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้าน้องถังเลยแล้วกันนะ มันเป็นเพราะคนบางคนไม่รู้เงาหัวตัวเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน” เมื่อพูดจบเขาก็เดินจากไปทันที
ถังไห่เว่ยได้แต่ตกตะลึงมีเพียงประโยคเดียววนเวียนอยู่ในหัวของเขาในตอนนี้ “มันจบแล้ว มันจบแล้ว!” เขาทำให้ซุนกังต้องโกรธเคือง ไม่ว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหน ก็มีแต่ทางที่มุ่งสู่หุบเหวสำหรับเขาทั้งนั้น
ในขณะนั้นเองประตูห้องอาหารก็ถูกผลักออกจากด้านนอกและร่างของซุนกังก็ชนกับผู้ที่เปิดประตูเข้ามา
“เดินยังไงถึงไม่แหกตาดู!”ซุนกังเซถลาไปด้านหลังสองสามก้าวหลังจากที่โดนชน เมื่อเขาตั้งหลักได้แล้วก็ก่นด่าด้วยความหงุดหงิด
“ถ้าคุณกล้าด่าอีกสักประโยคผมรับปากว่าคุณจะต้องเสียใจ!”เสียงอันเยือกเย็นผ่านเข้ามาในหูของซุนกังอย่างไร้อารมณ์ และความหนาวเย็นก็ซึมลึกเข้าสู่กระดูกของเขาอย่างควบคุมไม่ได้และมันก็กระจายไปทั่วตัวเขาในทันที