The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 205 งานเลี้ยง
“คิกคิก~”
เสียงหัวเราะเหมือนกระดิ่งสีเงินของเซียวหยูซวนดังขึ้นภายในรถ มันเป็นเสียงที่ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
“จี้เฟิงคุณเห็นสีหน้าท่าทางทั้งสามคนของบ้านหลิวซูหงหรือเปล่า ฮ่าฮ่า~! ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าการที่เห็นพวกเขาทำตัวเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้มันจะทำให้ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้ในตอนนี้!” ใบหน้าของเซียวหยูซวนเต็มไปด้วยรอยยิ้มเกรงว่าถ้าตอนนี้เธอไม่ได้ขับรถเธอคงหัวเราะไปกระโดดโลดเต้นไปอย่างแน่นอน!
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับหลิวซูหงและคนอื่นๆที่หน้าบ้านของเซียวหยูซวนไม่ว่าจะเป็นซูชางหยวนสามีของเธอหรือถังไห่เว่ยลูกชายของหัวหน้าสำนักงานเขตต่างก็มีท่าทีสูงส่ง มันก็ทำให้เซียวหยูซวนมีสีหน้ามืดมนมาโดยตลอดจนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของจี้เฟิงจากนั้นการกระทำของพวกเขาก็เปลี่ยนไปนั่นจึงทำให้เซียวหยูซวนมีสีหน้าที่สดชื่นขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่รินเหล้าจี้เฟิงเป็นคนอ่อนน้อมในฐานะที่เด็กกว่าเขาจึงเป็นฝ่ายรินเหล้าให้กับผู้อาวุโสกว่าไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของเซียวหยูซวนหรือแม้กระทั่งซูชางหยวน เซียวฉางเหอยอมรับในการปฏิบัติตัวตามมารยาทของจี้เฟิงตามปกติ แต่นั่นไม่ใช่กับซูชางหยวน เขารู้สึกกลัวมากจนถึงกับลุกขึ้นยืนอย่างรีบร้อนและไม่กล้าที่จะเป็นผู้รับ เขารีบคว้าขวดเหล้าจากมือของจี้เฟิงทันทีและรินให้จี้เฟิง
ส่วนทางหลิวซูหงก็มีแต่คำพูดประจบประแจงไม่หยุดออกมาจากปากของเธอราวกับว่าจี้เฟิงกลายเป็นคนที่ดีที่สุดในโลกและไม่มีผู้ชายคนไหนจะหล่อเหลามากไปกว่าจี้เฟิงอีกแล้วในโลกนี้สิ่งนี้ทำให้เซียวหยูซวนถึงกับขนลุกไปทั้งตัว และแม้แต่ซูถิงเธอมองไปที่จี้เฟิงด้วยสายตาสนอกสนใจเป็นครั้งคราวโดยไม่จำเป็นต้องบอกก็พอจะรู้ว่าซูถิงแทบรอไม่ไหวที่จะเข้ามาแทนที่เซียวหยูซวน และไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็พยายามที่จะให้ตัวเองอยู่ในสายตาของจี้เฟิงตลอดเวลา เรื่องนี้ก็ทำให้เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
พฤติกรรมต่างๆของครอบครัวนี้มันทำให้คนอื่นๆแปลกใจและเซียวหยูซวนก็รู้สึกขำมาจนถึงตอนนี้
“เดี๋ยวเถอะ!เด็กคนนี้พูดจาอะไร!” เซียวมู่ดุลูกสาวของเธอ “พวกเขาอาจจะทำตัวโอเวอร์เกินไปหน่อย แต่พวกเขาก็ยังเป็นญาติผู้ใหญ่ของลูก จะไปเรียกชื่อพวกเขาห้วนๆแบบนั้นไม่ได้ คนเราต้องรู้จักสัมมาคารวะ!”
เซียวหยูซวนเม้มปากและพยายามกลั้นหัวเราะเธอไม่ได้รู้สึกกลัวที่แม่เธอดุแม้แต่น้อย
จี้เฟิงที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างๆคนขับก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าพร้อมกับพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แม้ว่าเซียวฉางเหอและภรรยาของเขาจะเป็นนักธุรกิจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีลักษณะของนักธุรกิจหัวหมอ แต่พวกเขาให้ความสำคัญกับการอบรมพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ให้กับลูกของพวกเขา ซึ่งผลของมันก็เห็นได้ชัดจากนิสัยของเซียวหยูซวน
“เสี่ยวเฟิงแม้ว่าฉันและเซียวมู่จะตกลงกันแล้วว่าเธอกับซวนซวนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่เธอก็ไม่สามารถรังแกเธอได้ ไม่เช่นนั้นไม่ว่าตัวตนของเธอจะเป็นอย่างไรฉันก็จะไม่มีวันให้อภัยเธออย่างเด็ดขาด โปรดจำเรื่องนี้ไว้ด้วย!” เซียวฉางเหอไม่เคยต้องการอะไรไปมากกว่าความสุขของลูกสาว
จี้เฟิงพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง“คุณลุงไม่ต้องกังวลผมจะไม่มีวันปล่อยให้เซียวหยูซวนต้องเป็นทุกข์แม้แต่นิดเดียว!”
“งั้นฉันก็จะได้สบายใจ”เซียวฉางเหอพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ
หลังจากผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีพวกเขาก็กลับถึงบ้านของเซียวหยูซวนบางทีอาจเป็นเพราะเซียวฉางเหอมีความสุขมาก เมื่อกลับถึงบ้านเขาจึงชวนจี้เฟิงดื่มต่ออีกสองสามแก้ว และวงเหล้าก็เริ่มขึ้นโดยที่จี้เฟิงไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ท่ามกลางเสียงบ่นของเซียวมู่เซียวฉางเหอจึงยิ้มอย่างขมขื่นและขอตัวเพื่อไปอาบน้ำและเข้าห้องนอน
ในตอนนั้นเองจี้ช่าวเหลยได้โทรมาหาจี้เฟิงอีกครั้ง“น้องสามยังอยู่ที่โรงแรมเจียงจินเยี่ยหรือเปล่า ตอนนี้ฉันอยู่ในคลับไม่ไกลจากที่นั่น ถ้าน้องสามเสร็จธุระแล้วมาหาฉันที่นี่หน่อย ยังไงก็โทรมาแล้วกัน!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะทำหน้างงๆจี้ช่าวเหลยดูเหมือนมีบางอย่างอยากจะคุยกับเขา ที่เขาพาต้วนเผิงมาในวันนี้คงไม่ใช่แค่ต้องการแนะนำให้เขารู้จัก ไม่เช่นนั้นคงไม่โทรหาเขาถึงสองครั้งในเวลาเพียงไม่นาน
“มีอะไรหรือเปล่า”เซียวหยูซวนอดไม่ไม่ได้ที่จะถามเมื่อเห็นจี้เฟิงยืนมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้างงๆ
จี้เฟิงเงยหน้าพร้อมกับมองไปรอบๆและพบว่าเซียวฉางเหอและภรรยาของเขาได้ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องนอนชั้นบนแล้วและทันใดนั้นหัวใจของจี้เฟิงก็เต้นเร็วขึ้น เขาคว้าเอวของเซียวหยูซวนมาไว้ในอ้อมแขนและมือของเขาก็สัมผัสไปที่ก้นอันนุ่มเด้งของเซียวหยูซวนและนวดคลึงมันอย่างเร่าร้อน
“อ๊า~!”เซียวหยูซวนร้องออกมาโดยอัตโนมัติและเธอก็รู้ตัวในทันทีว่าตอนนี้เธอยังอยู่ที่บ้านใบหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยความเขินอายและพูดกับจี้เฟิงเบาๆ “ปีศาจน้อย อย่าทำแบบนี้พ่อกับแม่ของฉันยังไม่นอน!”
จี้เฟิงจำต้องปล่อยเธออย่างไม่เต็มใจแต่ก่อนจะปล่อยเขาก็อดไม่ได้ที่จะดมกลิ่นตัวที่หอมหวนและยั่วยวนอันเป็นเอกลักษณ์ของเซียวหยูซวน
“หยูซวนคุณไปกับผมนะเมื่อครู่พี่รองโทรมา ผมคิดว่าเขาคงมีเรื่องสำคัญต้องการจะคุย!” จี้เฟิงยิ้มและอธิบายอย่างแผ่วเบา “แล้วอีกอย่างผมก็เพิ่งดื่มเหล้าไปด้วย คงไม่ใช่เรื่องดีหากจะต้องขับรถไปเอง คุณขับรถให้ผมหน่อยได้มั้ย”
เซียวหยูซวนมองเขาอย่างรู้ทันและพูดว่า“เจ้าคนร้ายกาจอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแผนของคุณคืออะไร คุณคงต้องนั่งแท็กซี่ไปเองแล้วล่ะ เพราะคืนนี้ฉันจะอยู่กับพ่อกับแม่”
นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหยูซวนพาจี้เฟิงมาพบพ่อและแม่ของเธอเซียวหยูซวนรู้ดีว่าพ่อกับแม่คงมีบางอย่างที่อยากจะคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวและอีกอย่างมันคงจะไม่เหมาะที่จะออกไปข้างนอกเวลานี้ ยิ่งไปกว่านั้นแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาในดวงตาของจี้เฟิงมันทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย แต่ในที่สุดเธอก็สงบลง
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า“หยูซวนคุณไม่ต้องไปกับผมก็ได้ แต่…”
เซียวหยูซวนมองเขาด้วยดวงตาที่มีเสน่ห์และทันใดนั้นเธอก็ก้าวไปข้างหน้าและริมฝีปากสีแดงของเธอก็จูบไปที่แก้มของจี้เฟิงเบาๆและพูดอย่างรู้ทัน “ต้องการแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ เจ้าปีศาจน้อยคิดแต่เรื่องลามกทั้งวัน!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม“แล้วมันไม่ใช่เพราะเสน่ห์ของคุณมันมีมากเกินไปเหรอ”
“พอเลยๆรีบๆไปได้แล้วอย่าให้คนอื่นต้องรอ!” เซียวหยูซวนพูดเบาๆพร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้าของจี้เฟิงให้เรียบร้อยและจูบไปที่แก้มของเขาอีกครั้ง
จี้เฟิงรู้สึกมีความสุขมากแต่มันก็ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาอีกครั้งถ้าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในบ้านของเซียวหยูซวนกลัวว่าเขาคงจะไม่สามารถห้ามใจไว้ได้ Aileen-novel
เซียวหยูซวนเดินออกไปส่งจี้เฟิงที่ประตูแต่จี้เฟิงก็บอกให้เธอกลับเข้าบ้านไป แม้ว่าแถวบ้านของเซียวหยูซวนจะมีแท็กซี่ไม่มากแต่จี้เฟิงก็ยังโชคดี ทันทีที่เขาออกมาจากประตูใหญ่ของบ้านเซียวหยูซวนก็มีรถแท็กซี่ขับผ่านมาพอดีเขาจึงโบกรถและตรงไปที่ที่จี้ช่าวเหลยบอกไว้
โฟร์ซีคลับนี่คือชื่อสถานที่ที่จี้ช่าวเหลยบอกไว้
เมื่อจี้เฟิงมาถึงก็มีชายคนหนึ่งในชุดสูทยืนรออยู่ที่ทางเข้าคลับและเมื่อเขาเห็นจี้เฟิงชายในชุดสูทก็รีบก้าวไปข้างหน้าทันทีและถามว่า “ขอโทษครับ ใช่คุณจี้หรือเปล่า”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย“ฉันเอง”
“กรุณาตามผมมา!”ชายคนนั้นพาจี้เฟิงตรงไปที่ชั้นสองและมาถึงประตูห้อง “คุณจี้ช่าวเหลยและเพื่อนกำลังรอคุณอยู่”
“ขอบคุณ”จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย
เมื่อเข้าไปในห้องจี้ช่าวเหลยก็ยิ้มทันทีและกล่าวว่า “น้องสามทางนี้”
ต้วนเผิงก็นั่งอยู่ที่นั่นด้วยและเขาก็ส่งยิ้มให้จี้เฟิงเป็นการทักทาย
จี้เฟิงพยักหน้าตอบกลับอย่างสุภาพและนั่งลงถัดจากจี้ช่าวเหลยและถามเข้าประเด็นทันที“พี่รองรีบโทรตามผมขนาดนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถ้ามันเป็นเพียงแค่ชวนมาคุยเล่นผมจะกลับเดี๋ยวนี้เลย แฟนผมรออยู่ที่บ้าน!”
“เดี๋ยวก่อน!เจ้าเด็กคนนี้นี่!” จี้ช่าวเหลยหัวเราะและพูดว่า “ดื่มก่อนแล้วค่อยคุย!” จี้เฟิงเหลือบมองเขาอย่างสงสัยแต่ในที่สุดก็พยักหน้าไม่ว่าจี้ช่าวเหลยต้องการจะพูดอะไร เขาก็เชื่อว่าสิ่งนั้นไม่น่าจะเป็นอันตรายกับเขา ไม่เช่นนั้นจี้ช่าวเหลยคงจะไม่ดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง
ยิ่งไปกว่านั้นต้วนเผิงยังมอบรถสปอร์ตให้เซียวหยูซวนทันทีที่จี้ช่าวเหลยเอ่ยปากนั่นจึงทำให้จี้เฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอยู่ฟังสิ่งที่พวกเขากำลังจะบอก
บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารแต่จี้เฟิงเพิ่งจะทานอาหารมาเขาจึงทานไปแค่สองสามคำจากนั้นก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มกับจี้ช่าวเหลยและต้วนเผิง
“น้องสามที่ฉันโทรตามนายมาเพราะฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วย” หลังจากดื่มไวน์ไปไม่กี่แก้วจี้ช่าวเหลยก็เริ่มเปิดหัวข้อการพูดคุย
จี้เฟิงวางแก้วไวน์ลงและฟังอย่างเงียบๆเขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยด้วยอิทธิพลของจี้ช่าวเหลยในเจียงโจวเขาน่าจะหาวิธีจัดการเรื่องต่างๆได้ด้วยตัวเองอย่างสบายๆ แต่ตอนนี้กลับมาบอกให้เขาช่วย แล้วเขาจะทำอะไรได้
จี้ช่าวเหลยกล่าวว่า“ก่อนที่ฉันจะพูดอะไรต่อฉันมีคำถามอื่นอยากจะให้นายยืนยัน”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม“พี่รอง พี่ชอบทำตัวเป็นแม่ยายตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่ไม่เหมือนพี่รองที่ผมรู้จักเลยนะ!”
“ไอ้เด็กบ้านี่!ใครใช้ให้นายพูดจากับพี่แบบนี้!” จี้ช่าวเหลยยิ้มและถามทันที “น้องสามก่อนหน้านี้ฉันเคยได้ยินอาสามของเราบอกว่านายมีทักษะการต่อสู้ที่เก่งใช้ได้เลยนี่”
“ก็ฝึกไว้ป้องกันตัวเฉยๆ”จี้เฟิงสะดุ้งเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้ายอมรับ “พี่รองบอกผมมาตรงๆเถอะ มันเรื่องอะไรกันแน่”
“โอเค”จี้ช่าวเหลยจิบไวน์เล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า “นี่คือต้วนเผิง พวกนายอาจจะรู้จักชื่อกันแล้ว อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีคนนอกอยู่หลายคนฉันเลยยังไม่ได้แนะนำโดยละเอียด” จี้ช่าวเหลยหยุดพูดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ “ตอนฉันกับต้วนเผิงเด็กๆ พวกเราอาศัยอยู่บ้านใกล้ๆกันที่หยานจิง พวกเราจึงสนิทกันมาก”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่ขัดจังหวะ
“อย่างไรก็ตามมีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านของต้วนเผิง ดังนั้นเขาจึงออกจากที่นั่นและหลังจากนั้นหลายปีเขาก็สร้างอาชีพใหม่” จี้ช่าวเหลยกล่าว “และครั้งนี้ที่เขามาที่เจียงโจวก็เพื่อที่จะมาเข้าร่วมงานเลี้ยง!”
“งานเลี้ยง”จี้เฟิงยังคงรู้สึกงุนงงสับสน แล้วจะให้เขาช่วยอะไร?
“ให้ฉันอธิบายก่อนว่างานเลี้ยงนี้แท้จริงแล้วมันเกิดขึ้นเพราะคนคนหนึ่งเป็นคนริเริ่มขึ้น จะบอกว่าเป็นคนที่เติบโตมาด้วยกันแล้วมานัดรวมตัวกันก็ว่าได้ ถือเป็นงานเลี้ยงของคนในอดีตกลุ่มเล็กๆ เรื่องมันก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเพียงแต่ผู้ที่ริเริ่มคนนี้มีปัญหากับต้วนเผิง อืม… อันที่จริงไม่เพียงแต่มีปัญหากับเขาเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาเล็กๆน้อยๆกับคนในครอบครัวของเราด้วย ดังนั้นงานเลี้ยงนี้จึงไม่น่าจะเป็นงานเลี้ยงที่น่าจะบันเทิงเริงใจสักเท่าไหร่” “พี่รองต้องการไปก่อเรื่องในงานเลี้ยงนี้งั้นเหรอ”จี้เฟิงถาม
“ไอ้ตัวแสบนายคิดว่าพี่รองของนายเป็นคนยังไงเนี่ย!”จี้ช่าวเหลยอดสงสัยไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ของเขาในหัวจี้เฟิงเป็นอย่างไร
“ถ้าอย่างนั้นพี่รองคิดจะทำอะไร” จี้เฟิงถามอย่างสงสัย
“ไม่ว่าคนที่จัดงานเลี้ยงนี้จะมีอะไรพวกเราก็ไม่กลัวเขา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ระวังไว้หน่อยก็ไม่เสียหาย คือเขาเพิ่งออกมาจากกองทัพและเขาก็เป็นทหารหน่วยพิเศษ!” จี้ช่าวเหลยกล่าว
“เขาจะใช้กำลังงานเลี้ยงนี้ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อความบันเทิงและการสังสรรค์หรอกเหรอ?” จี้เฟิงถามด้วยความประหลาดใจ
“ในแวดวงคนชั้นสูงจะมีอะไรให้ทำในงานเลี้ยงนอกจากเปรียบเทียบพูดจาทับถมกันเรื่องพลังอำนาจมันเป็นธรรมเนียมมาตั้งแต่โบราณ นอกจากอำนาจก็มีเรื่องความมั่นคงร่ำรวยอันที่จริงน่าจะเรียกว่าแต่ละคนคงเสียหน้าในเรื่องพวกนี้ไม่ได้!” จี้ช่าวเหลยโค้งริมฝีปากราวกับว่าเขารู้สึกเหยียดหยามประเพณีในวงสังคมที่มีแต่ใส่หน้ากากเข้าหากันและโอ้อวดในพลังอำนาจของตน