The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 225 นี่แหละที่รอคอย!
จี้เฟิงต้องการจะเข้าไปเด็ดหัวคนพวกนี้จริงๆไม่รู้ว่าไปเก่งมาจากไหนถึงได้มีความมั่นอกมั่นใจขนาดนี้!
เรื่องมาถึงขนาดนี้ทำไมพวกนั้นถึงยังกล้าข่มขู่คุกคามฉันอย่างหยิ่งยโส!มันจะเป็นไปได้งั้นหรอที่คนพวกนี้จะโง่จนถึงขนาดมองสถานการณ์ไม่ออก
หรือพวกเขายังมีไม้เด็ดเก็บไว้อยู่
จี้เฟิงพักความสงสัยเอาไว้ก่อนและเผยรอยยิ้มกว้าง“ฉันก็แค่ปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง ในเมื่อมีคนต้องการจะฆ่าฉันทำไมฉันจะโทรแจ้งตำรวจไม่ได้”
ในขณะที่พูดการเคลื่อนไหวของจี้เฟิงก็ไม่ได้หยุดลงนิ้วของเขายังคงสัมผัสปุ่มบนโทรศัพท์
“น้องชายนายไม่ควรรนหาที่ตาย!” คนๆหนึ่งพูดอย่างเย็นชาและเขาก็ขยับเข้าใกล้จี้เฟิงอย่างช้าๆ
จี้เฟิงขมวดคิ้วเขารู้สึกถึงจิตสังหารได้อย่างชัดเจน คนๆนี้มีเจตนาที่จะฆ่าเขาจริงๆ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นวิตก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แถมยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เห็นเหตุการณ์ แต่ทั้งสี่คนนี้ก็ยังกล้าที่จะเข้ามาเอาชีวิตเขาอย่างเปิดเผย ไม่รู้ว่าคนพวกนี้แค่กล้าหาญหรือต้องการจะฆ่าตัวตายเท่านั้น!
จี้เฟิงหัวเราะเยาะแต่ยังคงยืนอยู่กับที่
ปี๊บ! ปี๊บ!
จี้เฟิงกดปุ่มโทรศัพท์ไปเพียงแค่สองปุ่มจูหยงเต๋าก็พูดขึ้นอีกครั้ง “เดี๋ยวก่อน ฉันคิดว่าสหายอาจจะสนใจสิ่งนี้”
เขาหยิบหนังสือปกแข็งเล่มเล็กๆออกมามันมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของฝ่ามือและยื่นให้จี้เฟิงด้วยท่าทางที่ดูภาคภูมิใจและเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองบนใบหน้าของเขา “ฉันคิดว่าหลังจากที่สหายได้อ่านสิ่งนี้แล้ว คุณจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณควรทำ!”
ทันทีที่ต้วนเผิงและจี้ช่าวเหลยเห็นหนังสือเล่มนี้ท่าทีและสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ส่วนเฉียวเจียไคที่ตอนนี้นั่งอยู่ในสภาพที่แขนทั้งสองข้างห้อยอยู่ข้างตัวก็ปรากฏรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจขึ้นบนใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาแต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชังถึงที่สุด
การแสดงออกของจี้ช่าวเหลยต้วนเผิงรวมถึงคนอื่นๆอยู่ในสายตาของจี้เฟิงทั้งหมดโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องหันไปมอง เขาอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งเล็กน้อย หนังสือเล่มเล็กๆนี้มันมีพลังมากขนาดนั้นเลยหรือ ถึงขนาดทำให้พี่รองของเขาถึงกับหน้าเปลี่ยนสีได้ทันทีที่เห็นมัน!
สายตาของจี้เฟิงกวาดมองไปทั่วหนังสือโดยที่สีหน้าของเขาไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อยแต่ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ดิ่งวูบไปเล็กน้อย ด้วยสายตาของเขาเขาสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนว่ามีข้อความบรรทัดหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘สำนักความมั่นคงแห่งประเทศจีน’
คนๆนี้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงของชาติ
จี้เฟิงคิดกับตัวเองไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะกล้าอวดดีทำตัวหยิ่งผยองได้ขนาดนี้เขาคือคนที่อยู่นอกเหนือกฎหมาย!
แม้ว่าจี้เฟิงจะแจ้งตำรวจว่าเฉียวเจียไคต้องการจะฆ่าเขาและจากหลักฐานมันก็ทำให้เห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะการพูดจาดูถูกจี้ช่าวเหลย การบีบบังคับต้วนเผิง และการถูกจี้เฟิงพูดจายั่วยุจนสามารถทำให้เขาต้องการที่จะฆ่าจี้เฟิงอย่างเปิดเผย และสุดท้ายยังมีหลักฐานเป็นวิดีโอบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด!
จากรูปการณ์ทั้งหมดมันก็มีความเป็นไปได้สูงที่เฉียวเจียไคต้องการจะฆ่าคนจริงๆไม่ว่าจะเป็นสถานีตำรวจแห่งไหนก็ต้องตัดสินรูปคดีจากองค์ประกอบเหล่านี้
แต่จริงๆแล้วทุกคนในเหตุการณ์ต่างรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นอย่างไรก็ตามการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไม่สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินได้ กฎหมายจะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานก่อนเป็นอย่างแรก และยังต้องตรวจสอบถึงสถานะและตัวตนของทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หลักฐานมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากมันได้รับการปลอมแปลงไม่ว่าจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมันจะนำไปใช้เป็นหลักฐานไม่ได้อีกต่อไป
ในแวดวงของกลุ่มชนชั้นสูงเหล่านี้พ่อแม่มักจะไม่เข้าไปแทรกแซงเมื่อเด็กๆมีปัญหากันแต่ถ้าลูกๆของพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีตระกูลใดตระกูลหนึ่งไม่ยินยอมที่จะจบเรื่องนี้ และเมื่อถึงเวลานั้นกฎหมายก็จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องและกลายเป็นทางออกในเรื่องนี้ทันที
คุณจะต้องทราบก่อนว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินไปหากจะจัดการกันด้วยอิทธิพลของตระกูลและพลังอำนาจของตระกูลไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเอามาพูดกันได้ง่ายๆ
จี้เฟิงคิดถึงเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดรอบคอบแม้เขาจะรู้ว่าตระกูลเฉียวได้ล่มสลายไปแล้วแต่จี้เฟิงก็ยังไม่แน่ใจว่าเส้นสายและอิทธิพลที่ฝังรากลึกของตระกูลเฉียวมีมากน้อยแค่ไหน เพราะเขายังไม่เคยไปหยานจิง และในตอนนั้นเขาเพิ่งจะได้รับรู้เพียงข้อมูลจากอาสามของเขามาเพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นคุณปู่ผู้อาวุโสแห่งตระกูลจี้ยังคงดูแลตระกูลเฉียวอยู่และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จี้เฟิงนั้นคิดไว้แล้วว่าถ้าวันนี้เขาไม่มีหลักฐานที่ดีพอ ก็เกรงว่าหลังจากออกไปจากที่นี่ ตระกูลเฉียวจะต้องเปลี่ยนเรื่องนี้จากสีดำให้กลายเป็นสีขาวในทันที และนอกจากตัวเขาเองจะกลายเป็นฝ่ายผิดแล้วเขาอาจจะถูกผู้อาวุโสของตระกูลตำหนิ
ในกรณีนี้จี้เฟิงจึงต้องการหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรกเพราะตราบใดที่เขามีหลักฐานอยู่ในมือ ไม่ว่าตระกูลเฉียวจะเพ้อเจ้ออะไรออกไปและไม่ว่าคุณปู่ของเขาจะดูแลปกป้องตระกูลเฉียวมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถโต้เถียงหลักฐานที่มีอยู่อย่างชัดเจนได้
แต่ถ้าหากคุณปู่ของเขาเห็นหลักฐานที่ชัดเจนวางอยู่ตรงหน้าแล้วยังคงตำหนิเขาเพื่อที่จะปกป้องตระกูลเฉียวอยู่ในเมื่อต้นตระกูลจี้เป็นเช่นนี้ ก็คงต้องถึงเวลาที่จี้เฟิงต้องพิจารณาจริงๆแล้วว่าเขาควรที่จะเคารพนับถือและเป็นหนึ่งในตระกูลจี้ต่อไปดีหรือไม่!
อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆที่จี้เฟิงคิดไว้นั้นไม่ได้รวมถึงบุคคลที่มาจากสำนักความมั่นคงแห่งชาติ!
เขาสงสัยมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นเฉียวเจียไคหรือจูหยงเต๋า หลังจากที่พวกเขาเห็นหลักฐานแล้วทำไมพวกเขาถึงยังกล้าหยิ่งผยองและทำตัวแปลกๆได้อยู่อีก เหตุผลของการแสดงออกนี้คืออะไร
แต่ตอนนี้จี้เฟิงเข้าใจแล้วว่าทำไม!นั่นเป็นเพราะจูหยงเต๋าเป็นคนประเภทที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของกฎหมาย!
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของชาติแปลกๆทั้งสี่คนนี้ต้องการที่จะจัดการเขา รอยยิ้มแปลกๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจี้เฟิง
แล้วถ้าเกิดฉัน‘บังเอิญ’ จัดการกับคนที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงของชาติทั้งสี่คนที่มาข่มขู่ฉันโดย ‘ไม่รู้ตัว’ แล้วเมื่อเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป… ใบหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงของชาติจะเป็นยังไงน๊า
เมื่อเห็นจี้เฟิงนิ่งเงียบไปและมีท่าทีลังเลความคิดที่ดูมั่นอกมั่นใจของพวกเขาทั้งสี่ก็แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน พวกเขาคิดว่าหลังจากที่จี้เฟิงเห็นหนังสือเล่มนี้จี้เฟิงก็เกิดกลัวขึ้นมา มันจึงทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
หนึ่งในนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า“น้องชาย เรื่องในวันนี้มันจบลงแล้ว และพวกเราไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรในเรื่องนี้ ดังนั้นน้องชายก็กลับไปซะเถอะ!”
จี้เฟิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า“สงสัยสมองจะทำมาจากขี้จริงๆ คิดว่าจะใช้หนังสือเล่มเล็กๆมาขู่ให้ฉันกลัวได้จริงๆงั้นเหรอ เฮ้อ~ สมอง!”
ปี๊บ!
จี้เฟิงกดปุ่มสุดท้าย
“ไอ้บ้าเอ๊ย!”ศิษย์น้องคนหนึ่งของจูหยงเต๋าคำราม และพวกเขาก็แน่ใจแล้ว่าตอนนี้จี้เฟิงกำลังกวนตีนพวกเขาอยู่ คนที่ตะโกนและคนอื่นๆต่างพุ่งเข้าหาจี้เฟิงทันที
มีแสงแวบออกมาจากดวงตาของจี้เฟิงเพียงเสี้ยววินาทีและเขาก็กำลังรอช่วงเวลานี้อยู่พอดี!
เมื่อเห็นชายคนนั้นพุ่งมาหาเขาด้วยจิตสังหารที่รุนแรงจู่ๆจี้เฟิงก็รู้สึกว่าเขาอาจจะต้องกลายเป็นฆาตกร “ทำไมสี่คนนี้ถึงอยากจะฆ่าฉันมากขนาดนั้นกันนะ แย่จริงๆ!” จี้เฟิงแสยะยิ้ม
ทันใดนั้นจี้เฟิงได้กระตุ้นพลังไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายของเขาอย่างเต็มที่เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาเริ่มทำงานและในเวลาเดียวกันพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ก็ระเบิดออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่จี้เฟิงกระตุ้นให้เกิดไฟฟ้าชีวภาพด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามี นั่นเป็นเพราะทั้งสี่คนนี้ พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือ ดังนั้นเขาจะไม่ประมาทอย่างแน่นอน และมันจะดีกว่าหากเขาเป็นคนที่ได้สังหารฝ่ายตรงข้ามก่อนที่เขาจะเป็นผู้ที่ถูกสังหารเสียเอง!
คนแรกพุ่งมาถึงตรงหน้าจี้เฟิงแล้วตอนนี้หมัดของเขาพุ่งตรงมาที่ลำคอของจี้เฟิง การเล็งที่จุดตายมันเป็นการเคลื่อนไหวของนักฆ่า!
ในตอนนี้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันทีโดยเฉพาะจี้ช่าวเหลยเมื่อเห็นว่าน้องสามตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมันก็สายเกินไปที่เขาจะเข้าไปช่วยเหลือได้ทัน ร่างกายของเขาแข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่าและได้แต่ยืนมองจี้เฟิงกำลังจะถูกชกด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
หลายคนแทบจะทนมองไม่ได้คนๆนี้มีพลังมากเกินไป แม้ว่าจี้เฟิงจะมีรูปร่างที่กำยำแข็งแรงแต่ก็ดูเหมือนจะไม่พอเมื่อเทียบกับคนๆนี้
อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมาดวงตาของทุกคนก็ถึงกับเบิกกว้างขึ้นพวกเขามองไปที่จี้เฟิงด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ พวกเขาตกตะลึงในเวลาเดียวกัน
ในขณะที่กำปั้นของชายคนนั้นกำลังจะกระแทกเข้ากับลำคอของจี้เฟิงสิ่งที่จี้เฟิงทำมีเพียงแค่ยืนยิ้มเย็นและเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่ได้ใส่ใจที่จะทำมันนัก
แต่ทันทีที่เขาหลบหมัดของชายคนนั้นได้สำเร็จจี้เฟิงก็ยกขาขึ้นช้าๆ ในสายตาของทุกคนเห็นว่าการกระทำของเขาดูช้ามากจนแม้แต่คนที่ไม่ได้มีความรู้ความสามารถด้านการต่อสู้ก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่การยกขาไปจนถึงการใช้เข่าเป็นอาวุธโจมตี ทุกๆการเคลื่อนไหวและจังหวะพวกเขาสามารถเห็นมันได้ทั้งหมดอย่างชัดเจน
แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือผู้ชายคนนั้นกลับไม่สามารถหลบการโจมตีของจี้เฟิงได้
ปั้ก!
เกิดเสียงเน้นๆแน่นๆของเข่าจี้เฟิงที่กระแทกเข้ากับหน้าอกของชายคนนั้นอย่างรุนแรง
“อั๊ก!”
ชายคนนั้นถึงกับตัวงอทันทีและกระเด็นไปด้านหลังเช่นเดียวกับกุ้งที่ถูกชาวประมงจับ!
โครม!
ชายคนที่กระเด็นออกไปล้มลงไปบนโต๊ะแต่ด้วยความรุนแรงจึงทำให้โต๊ะพังและเขาก็หล่นลงไปกระแทกพื้นพร้อมจากนั้นเขาก็กระตุกสองสามครั้งบนพื้นและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีกต่อไปไม่มีใครรู้ว่าผู้ชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!
ปั่บๆ!
จี้เฟิงใช้มือปัดหัวเข่าที่เขาเพิ่งใช้เป็นอาวุธโจมตีชายคนนั้นจนกระเด็นไปอย่างแรงราวกับว่ามีสิ่งสกปรกติดอยู่บนนั้น“อยากจะฆ่าฉันอะไรกันขนาดนั้น โชคดีที่ฉันก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง ไม่งั้นพวกอันธพาลนอกกฎหมายนี่คงทำสำเร็จเข้าจริงๆ แต่แม่งน่าโมโหชะมัด! ดันมาทำเสื้อผ้าของฉันเปื้อน ราคาตั้งหลายสิบหยวนแหนะ!”
ตูม~! ไอลีนโนเวล
คำพูดเหล่านี้ของจี้เฟิงเหมือนกับประกายไฟที่จุดชนวนระเบิดและผู้ชายที่เหลืออีกสามคนรวมถึงจูหยงเต๋าก็พุ่งเข้าไปหาจี้เฟิงภายในพริบตา
หลังจากที่เอาชนะศิษย์น้องของเขาได้อย่างง่ายดายและยังพูดด้วยคำพูดดูถูกแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีขนาดไหนก็ไม่แปลกที่จะโกรธ
“ไป!”จูหยงเต๋าไม่รีรอ เขากัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่ไม่ทันที่เสียงของเขาจะสิ้นสุดลงก็มีชายคนหนึ่งพุ่งเข้าไปหาจี้เฟิงด้วยความรวดเร็ว
จี้เฟิงหัวเราะ“ถ้าอยากจะเป็นนักฆ่า ก็ต้องรู้จักวิธีฆ่าก่อน! ไหนขอดูหน่อยสิว่าฝ่ามือที่นุ่มนิ่มของพวกนายพอจะทำให้ฉันหายคันได้บ้างหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของจี้เฟิงพวกเขาทั้งสามคนก็รู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น และเข้าไปโจมตีจี้เฟิงพร้อมๆกัน พวกเขาบุกโจมตีอย่างรุนแรงและไร้ความปราณี ในตอนนี้พวกเขาไม่คิดถึงสิ่งอื่นใดนอกจากจะฉีกกระชากไอ้สารเลวคนนี้ให้ได้ในวันนี้ แม้ว่าพวกเขาจะถูกท่านอาจารย์ลงโทษหลังจากกลับไป แต่พวกเขาก็ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะทำเช่นนี้!
แสงเย็นเยียบฉายออกมาจากดวงตาของจี้เฟิงฉากนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องการ มันเป็นเรื่องดีที่สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามตกอยู่ในความโกรธ เพราะความโกรธมันจะทำให้คุณขาดสติและไร้เหตุผล!
“ไปลงนรกซะ!”ขาของคนๆหนึ่งเตะกวาดไปทางจี้เฟิงอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!
จี้เฟิงไม่ได้หลบหนีแต่ตรงกันข้ามเขากลับพุ่งสวนเข้าไปคลุกวงในของชายคนนั้นโดยไม่คาดคิดและเตะสวนกลับไปที่ต้นขาของชายคนนั้นในขณะที่เขาก็ใช้แรงเต็มที่เพื่อจะเตะจี้เฟิงมันจึงเกิดความรุนแรงมากกว่าโดนเตะฝ่ายเดียวหลายสิบเท่า
เปรี้ยง!
เสียงที่เกิดจากการปะทะกันอย่างแรงดังขึ้น
กร๊อบ!
ต้นขาของผู้ชายฝ่ายตรงข้ามจี้เฟิงหักทันที
จี้เฟิงยังไม่หยุดการโจมตีเขายังคงเงื้อหมัดขึ้นสูง แม้การเคลื่อนไหวของเขาจะไม่เร็ว แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเขากลับไม่มีใครสามารถหลบหลีกได้ทัน เพราะจี้เฟิงใช้หมัดในมุมมองที่เป็นจุดบอดของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแม่นยำ!
เป๊าะ!
เสียงกระดูกซี่โครงทั้งสองข้างของชายคนเดิมหักจากนั้นเขาก็ถูกโยนทิ้งไปราวกับเศษซากที่ไร้ค่า!
“ฉันจะฆ่าแก!”เมื่อเห็นศิษย์น้องของเขาถูกทำร้ายอย่างหนักเขาก็คำรามด้วยความโกรธแค้นและรีบวิ่งเข้าไป
“นึกว่าจะไม่เข้ามาซะอีก!”จี้เฟิงหัวเราะ และความเร็วของเขาก็พุ่งสูงขึ้นภายในพริบตา
ก่อนที่จูหยงเต๋าและคนอื่นๆจะรู้ตัวจี้เฟิงก็มาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้ว
ปั้ก!
ชายคนหนึ่งที่ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับเหตุการณ์ตรงหน้าจู่ๆเขาก็รู้สึกเพียงแค่ว่าเจ็บที่จมูกจากนั้นดวงตาของเขาก็มืดลงความเจ็บปวดโดยไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นที่คางของเขาก่อนที่เส้นประสาทจะทำให้เขารู้สึกวิงเวียน เขาก็รับรู้ได้ว่าจมูกและกรามรวมถึงฟันในปากของเขาหัก! รับรู้ได้ถึงรสชาติเฝื่อนๆของเลือดที่ไหลนองอยู่เต็มปากและเขาก็หมดสติไปทันที
ตอนนี้เหลือเพียงแค่จูหยงเต๋าแล้วเท่านั้น
มือและขาของจี้เฟิงพลิ้วไหวดุจสายลมและจูหยงเต๋าก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีของจี้เฟิงได้แม้แต่ครั้งเดียว
ปึ้ก!ผั้วะ!!
ถ้าสมองหมายเลข1 มาเห็นท่วงท่าการโจมตีของจี้เฟิงในเวลานี้เขาจะรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นการโจมตีที่ต่อเนื่องยาวนานที่สุดของระบบการฝึก มันคือการโจมตี 12 คอมโบ
“เปรี้ยง!”
เมื่อถึงท่าสุดท้ายจี้เฟิงใช้ลูกเตะฟาดไปที่จูหยงเต๋าอย่างเต็มแรง และร่างกายของจูหยงเต๋าก็เต็มไปด้วยเลือดพร้อมกับกระเด็นออกไปด้วยลูกเตะของจี้เฟิง!
ทั้งห้องโถงเงียบสนิท…!