The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 227 สภาพที่น่าสังเวช
“คุณชายหลี่คุณชายหลี่!” ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาภายในคลับเฮ้าส์ พวกเขาก็ตะโกนว่า “คุณชายหลี่ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเรามาแล้ว พวกเราจะช่วยคุณเอง!”
ทั้งห้องโถงเงียบกริบในตอนแรกทุกคนยังคงจมอยู่กับเรื่องที่น่าตกใจจนสติแทบจะหลุดลอย แต่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของตำรวจมันก็ทำให้พวกเขากลับมามีสติกันอีกครั้ง และทันใดนั้นเสียงการสนทนาก็ดังขึ้นอย่างคึกคัก!
จี้เฟิงจี้ช่าวเหลย และคนอื่นๆ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มออกมา ตำรวจพวกนี้นี่สุดๆไปเลย พวกเขาคิดว่าหลี่เว่ยตงกำลังจะถูกลักพาตัวหรือยังไง
เมื่อเห็นจี้เฟิงหัวเราะหลี่เว่ยตงก็ถึงกับไปไม่เป็น ใบหน้าของเขาแดงขึ้นด้วยความอับอายและอดไม่ได้ที่จะก่นด่าสาปแช่งตำรวจที่เอะอะโวยวายเกินจริงพวกนี้ในใจ!
เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างรีบตามหาหลี่เว่ยตงและเมื่อพวกเขามาถึงห้องโถงชั้นสองพวกเขายังคงตะโกนว่า“คุณชายหลี่ คุณอยู่ที่ไหนครับ!”
“จะเรียกอะไรนักหนา!ฉันเป็นวิญญาณรึไง” หลี่เว่ยตงตะคอก “ฉันก็ยืนอยู่นี่!”
จู่ๆตำรวจก็พากันตกตะลึง ในตอนนี้พวกเขาเห็นสถานการณ์ในห้องโถงได้อย่างชัดเจน แขกคนอื่นๆที่กำลังพูดคุยและหัวเราะ เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยเห็นผ่านหูผ่านมาบ่อยครั้ง จึงไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับพวกเขา แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงนั่นก็คือคนที่นั่งหมดสภาพอยู่ตรงนั้นตัวตนของเขาไม่ใช่คนธรรมดา
จู่ๆตำรวจคนนั้นก็ตกตะลึงในตอนนี้เขาเห็นสถานการณ์ในห้องโถงอย่างชัดเจน แขกคนอื่นๆกำลังพูดคุยและหัวเราะ คนเหล่านี้ล้วนพบเห็นได้ตามงานเลี้ยงใหญ่ๆ แต่นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆ เพราะสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงจริงๆนั่นก็คือคนที่นั่งหมดสภาพอยู่ตรงนั้น
เขาเป็นคนของตระกูลเฉียว!
ใครก็ตามที่สนใจข่าวการบ้านการเมืองก็ต้องเคยได้ยินชื่อของตระกูลเฉียวมาก่อนตระกูลนี้เรียกได้ว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆของประเทศจีน ว่ากันว่าเฉียวเจียไคเป็นหลานผู้สืบทอดโดยตรงของตระกูลเฉียวและยังเป็นผู้นำตระกูลรุ่นที่สามด้วย อย่างไรก็ตามเขากลับถูกทำร้ายร่างกายที่นี่ สภาพช่างดูไม่จืด และดูเหมือนจะเป็นฝีมือของจี้ช่าวเหลยคุณชายอันดับหนึ่งแห่งเจียงโจว
“สหายตำรวจวันนี้พวกเราได้จัดงานเลี้ยงขึ้น แต่คนพวกนี้แสร้งทำเป็นผู้ที่มาร่วมงานโดยมีเจตนามุ่งร้ายที่จะฆ่าผู้อื่นแต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้และมีสภาพอย่างที่เห็น!” หลี่เว่ยตงถลึงตาใส่ตำรวจถ้าเขายังมองสถานการณ์ไม่ออกอีก หลี่เว่ยตงคงจะระงับความโกรธไว้ไม่อยู่
ล้อเล่นน่า!ใครมันจะไปกล้าจับคนของตระกูลเฉียว
ถ้าหากดำเนินการโดยไม่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบจนทำให้การจัดการทำได้ไม่ดีมันก็อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นได้แต่ก่อนที่ข่าวจะแพร่ออกไป อย่างน้อยก่อนที่จะทำการสืบสวนพวกเขาจะต้องมีหลักฐาน เพราะหลักฐานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของกระบวนการสอบสวนขั้นพื้นฐาน
ในสายตาของหลี่เว่ยตงตำรวจคนนี้ดูไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย เพราะคงไม่มีใครบ้าพอที่จะตะโกนเรียกชื่อเขามาได้ตลอดทางถ้าไม่ต้องการจะประจบสอพลอ!
แต่สิ่งที่หลี่เว่ยตงไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นแม้ว่าตำรวจที่รีบมาที่นี่จะเป็นคนประจบสอพลอ แต่พวกเขาก็จัดการเรื่องนี้ได้รวดเร็วมาก เขาโบกมือสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ “จับกุมตัวผู้ต้องหาไว้!”
ตำรวจที่อยู่ด้านหลังของเขาเข้าไปจับเฉียวเจียไคจูหยงเต๋าและคนอื่นๆทันที แน่นอนว่าตำรวจที่เข้าไปจับกุมคงไม่คอยจับแบบทะนุถนอมผู้ต้องหาอยู่แล้ว พวกเขาใช้มือหนักๆตบไปที่ไหล่ของเฉียวเจียไค
“อ๊ากกกกก!”เส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นเต็มหน้าผากของเฉียวเจียไค ความเจ็บปวดมันทำให้เขาแทบจะดีดตัวขึ้น
และในตอนนั้นเองตำรวจเพิ่งจะเห็นว่าแขนทั้งสองข้างของเฉียวเจียวไคไม่สามารถใช้งานได้เลยและดูเหมือนว่ากระดูกจะหัก
“เฮือก!”เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจ สภาพของพวกจูหยงเต๋าดูหนักหนาสาหัสกว่าเฉียวเจียไคเสียอีก หนึ่งในสี่คนนั้นมีคนหนึ่งที่ต้นขาหักจนกระดูกขาวๆโผล่ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน มันทำให้คนที่มองถึงกับขนลุก ส่วนอีกคนหนึ่งดูเหมือนจะซี่โครงหักเพราะหน้าอกของเขายุบเข้าไปจนผิดรูปไปหมด
ส่วนคนที่สามแขนทั้งสองข้างหักและคนที่สี่…โชคดีที่คนที่สี่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตำรวจต่างพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาแทบจะพร้อมๆกันและพยายามดึงผู้บาดเจ็บขึ้นมา แต่ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสัมผัสกับมือของเขาก็พบว่ามือของเขาคนนี้มันนุ่มแปลกๆ… มือของผู้ชายคนนี้ก็หักด้วย!
มีคนได้รับบาดเจ็บทั้งหมดห้าคนและพวกเขาทั้งหมดต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส
สิ่งที่ทำให้ตำรวจเหล่านี้รู้สึกมึนงงและอึดอัดจนหายใจไม่ออกจริงๆก็คือทั้งสี่คนนี้ที่นอนบาดเจ็บอยู่นั้นต่างอยู่กันคนละทิศละทาง ถ้าจะให้นึกภาพง่ายๆก็คนสองคนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกัน ทั้งสองคู่ เมื่อมองเส้นที่เป็นจุดตัดของพวกเขาทั้งสี่มันก็มีจุดศูนย์กลาง
สภาพที่เกิดเหตุเหล่านี้มันทำให้ตำรวจพอจะสันนิษฐานได้ว่าทั้งสี่คนนี้ได้มีการต่อสู้กับคนที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางนั่น!พวกเขาต่างถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจนถึงกับกระเด็นไปคนละทิศละทางและที่สำคัญเมื่อดูจากทิศทางแล้วพวกเขาบุกเข้าใส่คนที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางในเวลาเดียวกัน
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อสู้และรับมือจากการโจมตีของคนสี่คนในเวลาเดียวกัน…แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ได้มีทักษะการต่อสู้ดีเลิศอะไรแต่ด้วยจำนวนคนไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในที่เกิดเหตุดูเหมือนว่าจะเกิดจากคนๆเดียว!
ฝีมือของคนๆนั้นต้องแข็งแกร่งมากขนาดไหน!
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนต่างกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบากมันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย ฝีมือแบบนี้แม้แต่ผู้กองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่าเลย!
ก่อนที่พวกเขาจะได้คำตอบในสิ่งที่สงสัยหัวหน้าทีมก็เร่งเร้าให้รีบจัดการ พวกเขาจึงจับตัวจูหยงเต๋าและคนอื่นๆอย่างระมัดระวัง และโทรไปหมายเลขฉุกเฉินในเวลาเดียวกัน หากทั้งสี่คนนี้เสียชีวิตในโรงพยาบาลก็ไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ถ้าพวกเขาทำให้สี่คนนี้ต้องมาตายคามือ มันคงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่!
“พี่ช่าวเหลยให้ส่งคนพวกนี้ไปโรงพยาบาลก่อนจะดีเหรอครับ” หลี่เว่ยตงถามอย่างลังเล เนื่องจากเขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะอยู่ฝั่งของตระกูลจี้ เขาก็ต้องทำให้ตระกูลเฉียวล้มลงอย่างสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นถ้าตระกูจี้ไม่ไว้ใจแถมยังต้องมารับการแก้แค้นจากตระกูลเฉียว เขาก็คงจะได้ตายแบบที่ศพก็หาไม่เจอ
ดังนั้นหลี่เว่ยตงจึงคิดว่าหากนำคนเหล่านี้ไปที่สถานีตำรวจก่อนเพื่อลงบันทึกคำสารภาพรวมถึงเก็บรวบรวมหลักฐานจากนั้นค่อยนำส่งโรงพยาบาล อย่างน้อยเขาก็สบายใจได้ว่าเฉียวเจียไคจะไม่สามารถเล่นลูกไม้อะไรได้ เพราะตราบใดที่มีคำสารภาพและหลักฐานอยู่ในมือเฉียวเจียไคและพรรคพวกก็ไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือ!
จี้ช่าวเหลยยิ้มเล็กน้อยและโบกมือ“ไม่เป็นไรหรอก พวกเขาไม่สามารถพลิกเกมได้แล้วล่ะ!”
หลี่เว่ยตงพยักหน้าและยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไรอีกเขารู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างแน่นอน เขาจะต้องรายงานเรื่องนี้ให้พ่อของเขารู้ ไม่เช่นนั้นพ่อของเขานี่แหละที่อาจจะกลายมาเป็นคนที่จัดการกับเขา ไอรีนโนเวล
แม้กระทั่งตอนนี้หลี่เว่ยตงก็ยังรู้สึกหวาดกลัวตระกูลเฉียวอยู่ดีความยิ่งใหญ่ของตระกูลเฉียวไม่ใช่จะล้มล้างได้ง่ายๆเพียงชั่วข้ามคืน แต่ภายใต้การจัดการกดขี่อย่างชาญฉลาดของจี้เฟิงมันทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเฉียวเจียไค เมื่อมาถึงจุดนี้หลี่เว่ยตงได้คิดทบทวนและมองย้อนกลับไปมันก็ทำให้เขารู้สึกใจคอไม่ดี
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ทำแบบนี้ไม่เช่นนั้นหากเขาทำให้ทั้งเฉียวเจียไคและจี้ช่าวเหลยไม่พอใจ เมื่อถึงตอนนั้นทั้งสองฝ่ายต่างจะต้องจัดการกับเขาอย่างแน่นอนแล้วถ้าเป็นแบบนั้นเกรงว่าเขาคงจะไม่มีเวลาร้องไห้ด้วยซ้ำ
ในขณะที่ตำรวจกำลังนำตัวเฉียวเจียไคจูหยงเต๋าและคนอื่นๆออกไป หลี่เว่ยตงก็แอบหลบออกไปและโทรหาพ่อของเขาอย่างรวดเร็ว
“ไอ้สมองหมู!แค่นี้ก็ไม่รู้หรือว่าต้องทำยังไงรีบไปจัดการให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้!” ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบเขาก็วางสายไป
หลี่เว่ยตงมองไปที่โทรศัพท์ด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเขานิ่งไปพักใหญ่ๆกว่าจะมีอาการตอบสนอง “ไม่ใช่ว่าเขาเองหรอกเหรอที่เป็นคนให้ฉันไปตีสนิทเฉียวเจียไค แล้วจู่ๆจะมาด่าฉันทำไมวะเนี่ย?!”
หลี่เว่ยตงบ่นอยู่สักพักเขาก็พอจะเข้าใจในเมื่อตอนนี้ทิศทางลมได้เปลี่ยนไป พ่อของเขาจึงอยากให้เขาไปยืนอยู่ข้างจี้ช่าวเหลย!
เมื่อคิดออกหลี่เว่ยตงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองฉันอยู่ข้างพวกเขาก่อนพ่อบอกซะอีก!
เหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่าจริงๆแล้วเขาถูกจี้เฟิงบังคับให้เขามาอยู่ถึงจุดนี้แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลืม เขาก็แค่จงใจและเลือกที่จะเพิกเฉยต่อสิ่งนี้
“คุณชายหลี่ฉันไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ และพวกเขาต้องกลับไปพร้อมกันกับพวกเราเพื่อบันทึกคำสารภาพ” ผู้กองมาหาหลี่เว่ยตงพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
หลี่เว่ยตงเหลือบมองไปที่จี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นจี้เฟิง หัวใจของหลี่เว่ยตงก็สั่นไหวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ฝีมือการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของจี้เฟิงนั่นทำให้หลี่เว่ยตงแอบประทับใจอยู่ไม่น้อย (ผู้แปล :ไม่นะตงตง นายจะหลงรักจี้เฟิงไม่ได้!)
“โชคดีที่คราวที่แล้วฉันไม่ได้ทำให้เขาขุ่นเคืองมากนักไม่อย่างนั้น…” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในงานเลี้ยงวันเกิดที่ผ่านมา หลี่เว่ยตงก็อดไม่ได้ที่จะเอามือไปสัมผัสซี่โครงและต้นขาของเขาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นนึกถึงเฉียวเจียไคและคนสามสี่คนที่ถูกพยุงอออกไป… หลี่เว่ยตงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น “ถ้าฉันบาดเจ็บขนาดนั้นฉันจะยังมีชีวิตรอดอยู่ได้หรือเปล่า”
“พี่ชายช่าวเหลยคือ…” หลี่เว่ยตงพูดด้วยความลังเล เพราะคนที่เกี่ยวข้องที่เหลือก็เป็นสามคนจากทางฝ่ายของจี้ช่าวเหลย
จี้ช่าวเหลยยิ้มและพยักหน้าเขากล่าว่า “นี่คือสิ่งที่ควรจะทำ สหายตำรวจ เราไปกันเถอะ!”
ผู้กองแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะเขาก็รู้ดีเช่นกันว่าคนที่มาที่งานเลี้ยงครั้งนี้ได้อย่างน้อยไม่รวยมากก็ต้องเป็นคนใหญ่คนโตที่มีอิทธิพล ดังนั้นวิธีการจัดการตามขั้นตอนทางกฎหมายที่ใช้กับคนทั่วไปคงใช้กับคนระดับนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน
“โปรดตามผมมา”
จี้ช่าวเหลยพยักหน้าจากนั้นหันหน้าไปทางจี้เฟิงและพูดว่า“น้องสามไปกันเถอะ”
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า“ทำไมผมต้องไปด้วย นี่มันเรื่องที่พี่รองต้องรับผิดชอบ แต่เอาเถอะ ยังไงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องไปสถานีตำรวจอยู่แล้ว”
“ไอ้เด็กนี่..!”จี้ช่าวเหลยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและส่ายหัว
จี้ช่าวเหลยจี้เฟิงและต้วนเผิงได้ออกไปพร้อมๆกัน ต้วนเผิงก็ไปสถานีตำรวจในฐานะคู่กรณีด้วยเช่นกัน เพราะเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด เนื่องจากเฉียวเจียไควางแผนที่จะเอาทรัพย์สินของเขาอย่างไม่เป็นธรรมจึงทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย
อย่างไรก็ตามหลี่เว่ยตงยังคงลังเลพูดกันตามจริงงานเลี้ยงครั้งนี้เขาเป็นคนจัดเตรียมทั้งหมดและแน่นอนว่าเขาก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าเขาไปตอนนี้…
เขากัดฟันและพูดเสียงดัง“เดี๋ยวก่อน! สหายตำรวจ ฉันก็เป็นหนึ่งในฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ขอฉันจัดการอะไรที่นี่นิดหน่อยแล้วฉันจะไปกับคุณด้วย”
“หืมทำไมวันนี้เขาถึงได้ทำตัวเป็นคนดีมีสมองขึ้นมาได้?” จี้เฟิงถามด้วยความประหลาดใจ หลี่เว่ยตงในภาพจำของเขาดูเหมือนจะไม่ได้เป็นคนฉลาดขนาดนั้น
“ก็ดูแปลกจริงๆเดี๋ยวไว้ฉันต้องคุยกับเขาซักหน่อยแล้ว” จี้ช่าวเหลยยิ้มเล็กน้อยและในขณะเดียวกันเขาก็ยกนิ้วให้จี้เฟิง “น้องสามเยี่ยมมาก พี่รองคนนี้อยากขอบคุณนายจริงๆ!”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า“ขอบคุณเรื่องอะไร ผมแค่ป้องกันตัว!”
จี้ช่าวเหลยหัวเราะทันทีแต่ภายในใจของเขากลับเป็นอารมณ์ที่แตกต่างไป น้องสามอายุเพียง 20 ปี แต่ความฉลาดของเขานั้นไม่ด้อยไปกว่าใครเลย คุณลุงให้กำเนิดลูกชายที่ดีจริงๆ!