The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 228 ก้นบึ้งในจิตใจของจี้ช่าวเหลย
- Home
- The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
- บทที่ 228 ก้นบึ้งในจิตใจของจี้ช่าวเหลย
ในความเป็นจริงแล้วจี้ช่าวเหลยไม่ได้รู้สึกยินดีอย่างเต็มที่นักกับการปรากฏตัวของจี้เฟิงในทีแรก
แม้ว่าจี้ช่าวเหลยจะไม่เคยดูถูกจี้เฟิงแต่ก็เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจเล็กน้อยสำหรับเขา เนื่องจากตระกูลจี้เป็นตระกูลใหญ่และจี้เฟิงก็อาศัยอยู่ในชนบทเล็กๆ กับแม่ของเขาตั้งแต่ยังเด็กแม้ว่าเขาจะย้ายเข้ามาในเมืองในภายหลังแต่มันก็ยังคงเป็นมณฑลเล็กๆ ซึ่งมันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างไปจากเดิม
จริงอยู่ที่ผู้คนจากชุมชนเล็กๆพวกเขาส่วนมากต่างมีจิตใจที่บริสุทธิ์ซื่อสัตย์สิ่งเหล่านี้เป็นข้อดีที่ไม่อาจปฏิเสธได้และเป็นข้อดีที่หาไม่ค่อยได้จากผู้คนในเมืองใหญ่ จี้ช่าวเหลยเห็นด้วยกับสิ่งนี้อย่างเต็มที่
แต่มีสิ่งหนึ่งที่จี้ช่าวเหลยให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ในมหานครสมัยใหม่มันคือยุคของวัตถุนิยมการที่มีนิสัยเรียบง่ายและมีน้ำใจอาจไม่ได้เป็นเพียงข้อดีเท่านั้น แต่ในอีกมุมหนึ่งมันอาจจะเป็นความเสียเปรียบ บุคคลที่มีคุณสมบัติเช่นนี้แม้จะได้รับความเคารพจากผู้อื่น แต่จะไม่มีวันได้อยู่อย่างมีความสุข โดยเฉพาะในเมืองใหญ่
ด้านได้อายอดนี่คือกฎแห่งการเอาชีวิตรอดในเมืองใหญ่
อย่างน้อยในมุมมองของจี้ช่าวเหลยก็เป็นเช่นนั้น
ไม่มีใครรู้ว่าจี้เฟิงจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในเมืองใหญ่ได้ช้าหรือเร็วขนาดไหนและไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าเขาจะสามารถปรับตัวให้รู้เท่าทันกลอุบายของผู้คนในเมืองใหญ่ได้หรือไม่ นิสัยที่เรียบง่ายและจิตใจดีที่ได้มาจากสังคมเล็กๆ ในเมืองเล็กๆ มันจะกลายเป็นอุปสรรคต่อเขา
ที่สำคัญกว่านั้นตระกูลจี้เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆในประเทศ ถ้าหากจี้เฟิงยอมรับบรรพบุรุษของเขาและกลับเข้าตระกูลอย่างเต็มตัว เขาจะมีหน้าที่ในส่วนของเขาในฐานะหลานชายผู้สืบทอดตระกูลจี้ และนี่ก็คือความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ดังนั้นหากตระกูลจี้ได้ถูกส่งมอบให้จี้เฟิงเป็นผู้ดูแลในอนาคต….
จี้ช่าวเหลยไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าถ้าตระกูลจี้ตกอยู่ในความดูแลของจี้เฟิงจริงๆมันจะไปได้ไกลแค่ไหน แม้ว่าปกติแล้วจี้ช่าวเหลยจะเป็นคนเสเพลแต่เขาก็ไม่ได้โง่และเขาก็ยังหวังว่าตระกูลจี้จะพัฒนาและไปได้ไกลมากกว่านี้
นอกจากนี้แม่ของจี้เฟิงป้าใหญ่ของจี้ช่าวเหลย ถ้าเธอกลับไปที่บ้านของตระกูลจี้ เธอจะกลายเป็นนายหญิงของตระกูลจี้ทันทีแล้วสถานะของเธอก็จะสำคัญกว่าผู้หญิงทั่วไปอย่างแน่นอน และเธอก็น่าจะเหมือนกับจี้เฟิงตรงที่เป็นคนเรียบง่ายและจิตใจดี
แล้วถ้าคนนิสัยแบบนี้ได้เป็นนายหญิงของตระกูลจี้เห็นได้ชัดว่าเธอจะต้องถูกหลอกหรือถูกเอารัดเอาเปรียบและชีวิตก็จะต้องพบแต่ความทุกข์!
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใดเพียงแค่ผู้หญิงในแวดวงชนชั้นสูงผู้ร่ำรวยแห่งหยานจิง คุณหญิงคุณนายเหล่านี้ไม่มีใครจิตใจบริสุทธิ์อย่างแน่นอน ถ้าพูดกันจริงๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างถ่านและหัวใจของพวกเธอสิ่งไหนจะดำกว่ากัน
การพูดคุยกับพวกเธอเหล่านั้นหากไม่ระวังตัวให้มากๆอย่าว่าแต่พูดคุยเรื่องปกติแล้ว เกรงว่าแม้แต่บรรพบุรุษสามชั่วอายุคนก็คงจะถูกขุดออกมาจับผิด
แล้วถ้าแม่ของจี้เฟิงดันเผลอไปบอกเรื่องภายในของตระกูลจี้ให้กับเหล่าภรรยาชนชั้นสูงเหล่านั้นและไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนแต่เมื่อถึงตอนนั้นเกรงว่าผลกระทบที่ตระกูลจี้จะได้รับคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกต่อไป
ดังนั้นสำหรับการกลับมาของจี้เฟิงจากก้นบึ้งของจิตใจ จี้ช่าวเหลยรู้สึกไม่เต็มใจที่จะต้อนรับ ปฏิกิริยาแรกในตอนที่เขารู้ข่าวก็คือ เขาอยากจะมอบเงินก้อนใหญ่ให้กับสองแม่ลูกคู่นี้ เพื่อให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ดีที่สุด แต่ไม่ใช่ให้พวกเขากลับไปที่ตระกูลจี้!
เขาเชื่อว่าคนที่คิดแบบนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่เขาเท่านั้นเขาเชื่อว่าหลายๆคนในตระกูลจี้หรือแม้แต่คนอื่นๆ ที่ติดตามตระกูลจี้ก็ต้องมีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน เพียงแค่ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้กับลุงจี้เจิ้นหัว แต่ลึกๆ แล้วก็เห็นได้ชัดว่าหลายๆ คนไม่เห็นด้วยที่จะพาจี้เฟิงและแม่ของเขากลับเข้ามาในตระกูล
สิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดูถูกกันแต่อย่างใดแต่เพียงแค่คิดถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับตระกูลจี้เท่านั้น
ในความเป็นจริงไม่มีใครดูถูกจี้เฟิงและแม่ของเขาได้เลยเพราะจากรูปร่างหน้าตาของจี้เฟิงแล้วเป็นเรื่องที่ชัดเจนมากว่าเขามีเลือดแห่งผู้นำของตระกูลจี้ไหลเวียนอยู่ เพราะถ้าเขาดูถูกจี้เฟิงก็เท่ากับดูถูกตัวเอง
อย่างไรก็ตามเมื่อจี้เฟิงมาถึงเจียงโจวในการพบกันครั้งแรกระหว่างจี้ช่าวเหลยและจี้เฟิง มันก็ทำให้จี้ช่าวเหลยต้องตกตะลึง
ผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมการพนันหินแต่กลับสามารถทำเงินได้มากกว่า40 ล้านหยวนในการพนันครั้งแรก! เขาสามารถทำเงินได้มากกว่าการปล้นธนาคารด้วยซ้ำ!
จี้ช่าวเหลยเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องโชคแม้ว่าในโลกนี้จะมีคนที่โชคดีอยู่จริงๆ แต่เขาเชื่อว่าต้องไม่ใช่กับจี้เฟิงอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขากับแม่ก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กันอย่างลำบากในชนบทมาเป็นเวลาหลายปี
ดังนั้นจึงหมายความว่าจี้เฟิงที่ตอนนี้มีเงินทุนมากกว่า40 ล้านหยวน เขาก็จะสามารถทำเงินได้มากกว่านี้อีกอย่างแน่นอนในอนาคตด้วยความสามารถของเขาเอง
ในตอนที่จี้ช่าวเหลยพบกับจี้เฟิงเป็นครั้งแรกจี้เฟิงค่อนข้างโดดเด่น แม้จะไม่ได้หล่อมากเกินไปหรือน้อยเกินไปแต่มันก็ทำให้จี้ช่าวเหลยแอบอิจฉา ใครใช้ให้เขาหน้าตารูปร่างดีขนาดนั้นกันล่ะ
และหลังจากนั้นจี้เฟิงได้เห็นถึงความผิดปกติของหมออัจฉริยะจอมปลอมได้อย่างรวดเร็วแถมยังช่วยบรรเทาอาการปวดที่เอวของจี้เจิ้นกั๋วพ่อของเขาที่ไม่ได้รับการรักษามาเป็นเวลาหลายปี
ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงทักษะบางส่วนของจี้เฟิงแล้วสิ่งที่เขาทำลงไปวันนี้มันคงต้องเรียกว่าน่าทึ่งมากๆ!
นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในหลินจิงคลับเฮ้าส์จี้เฟิงได้ดำเนินการทุกอย่างไปทีละขั้นตอนตามความต้องการของเขาอย่างสมเหตุสมผลและในที่สุดเฉียวเจียไคก็สติขาดผึงจนต้องเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อนและเขาก็เป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเสียเอง
จากนั้นก็เป็นฝีมือการต่อสู้อันน่ากลัวของจี้เฟิงที่ทำให้แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงต่างพากันตกใจและยังทำให้พวกเดียวกันอย่างจี้ช่าวเหลยและต้วนเผิงต้องประหลาดใจ
แต่ยังไม่จบแค่นี้จี้เฟิงยังดำเนินการโดยการโทรเรียกตำรวจไปจนถึงการบังคับขู่เข็ญหลี่เว่ยตงอย่างชาญฉลาด และแม้แต่จี้ช่าวเหลยที่ผ่านงานสังคมมาไม่น้อยยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจ
พอตอนนี้ใจเย็นลงแล้วมาคิดดูอีกทีมันก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
“น้องสามนายนี่สุดยอดจริงๆ!”
จี้ช่าวเหลยยกนิ้วโป้งขึ้นข้างหนึ่งในขณะที่เขากำลังขับรถตามรถตำรวจที่นำอยู่ด้านหน้าแต่หลังจากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “สามารถใช้เรื่องกฎหมายมาทำให้เราได้เปรียบ แม้แต่เฉียวเจียไคเมื่อมาเจอนายก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่! ”
จี้ช่าวเหลยเคยรู้สึกอับอายเพราะพ่ายแพ้ให้กับเฉียวเจียไคมาก่อนเขารู้ดีว่าเฉียวเจียไคนั้นอายุน้อยกว่าเขา 2 ปี แต่มันก็เป็นเรื่องยากเย็นที่จะจัดการเขาด้วยหมัดของตัวเอง โดยไม่ต้องพูดถึงว่านอกเหนือจากนี้คุณปู่ของเขายังปกป้องตระกูลเฉียวอยู่ด้วย สิ่งนี้ยิ่งทำให้เฉียวเจียไคยิ่งทำตัวหน้าด้านหน้าทนและได้ใจมากขึ้นไปอีก
แต่เมื่อเขาได้มาพบกับจี้เฟิงเฉียวเจียไคก็ไม่สามารถอยู่ในสังคมอย่างเชิดหน้าชูตาได้อีก แม้คุณปู่ของเขาผู้ซึ่งเป็นผู้นำแห่งตระกูลจี้จะยังปกป้องตระกูลเฉียวอยู่ แต่อย่างน้อยเฉียวเจียไคก็ถูกจี้เฟิงทุบตีจนมีสภาพที่น่าสังเวช
ความฉลาดของจี้เฟิงคือสิ่งที่จี้ช่าวเหลยรู้สึกชื่นชมจากใจจริง
แม้จะรู้ว่าปู่ของพวกเขากำลังปกป้องตระกูลเฉียวแต่จี้เฟิงก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ อย่างไรก็ตามไม่มีผู้อาวุโสคนไหนในตระกูลได้บอกกับเขาในเรื่องนี้ เขาจึงใช้ช่องโหว่ในเรื่องนี้ได้อย่างชาญฉลาด และสุดท้ายเขาได้ทำให้เฉียวเจียไคโกรธและบังคับให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มได้สำเร็จ
เฉียวเจียไคตกหลุมพรางของจี้เฟิงอย่างง่ายดายทันทีที่เขาเริ่มลงมือไม่ว่าเขาจะพยายามดิ้นรนแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถหนีออกไปได้!
เพราะจี้เฟิงเข้าใจจุดสำคัญในเรื่องนี้ดีนั่นคือต้องดำเนินการตามกฎหมาย!
ในแวดวงสังคมชั้นสูงหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกคนจะได้เห็นหมัดที่ดุเดือดแน่นอนหรือไม่ก็เห็นการแข่งขันกันด้านทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่งแทน อย่างไรก็ตามจี้เฟิงไม่เคยอยู่ในแวดวงนี้เขาจึงไม่รู้วิถีของมันและดำเนินการไปตามสามัญสำนึกของเขาเองล้วนๆ เขามีเกาะป้องกันตัวเองในแง่ของความผิดถูกที่ว่าทำให้อีกฝ่ายเอ่ยออกมาว่าต้องการจะฆ่าเขา
ทุกคนต่างเป็นคนที่มีสถานะแต่จี้เฟิงไม่ได้ต่อสู้เพื่อเงินหรืออำนาจถ้าอีกฝ่ายต้องการทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต เขาก็มีสิทธิอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องตัวเอง แต่ถ้าอีกฝ่ายโชคร้ายพิการหรือตายก็จะไม่มีใครสามารถกล่าวโทษอะไรจี้เฟิงได้เลย ไอลีนโนเวล
ยิ่งไปกว่านั้นแม้อีกฝ่ายจะถูกทุบตีจนพิการแต่จี้เฟิงก็ยังต้องโทรแจ้งตำรวจและส่งมอบให้ตำรวจเป็นผู้ดูแลจัดการต่อแม้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจากการปะทะกันของตระกูลทั้งสองแต่มันก็จะทำให้ไม่มีใครมาว่าเขาได้ว่าไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยและอีกฝ่ายเป็นประชาชนคนธรรมดาบางทีอาจจะมีคนกล้ามองว่าพวกเขาไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา แต่ในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นตระกูลใหญ่ และอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกันก็ไม่มีใครที่จะสามารถล้ำเส้นของคำว่ากฎหมายได้
มันเป็นเพียงเหตุผลง่ายๆแค่ปรับเปลี่ยนความคิดเฉียวเจียไคก็ตกจากสวรรค์ลงสู่นรกในพริบตา
กระดูกไหล่ของเฉียวเจียไคที่ถูกจี้เฟิงทุบตีจนแตกหักตามการตัดสินของจี้ช่าวเหลยเขาคิดว่าในอนาคตแม้บาดแผลภายนอกอาจจะหายดี แต่มันจะต้องส่งผลกระทบอื่นๆ อย่างแน่นอน อย่างน้อยมือของเฉียวเจียไคก็คงจะไม่สามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
นอกจากนั้นเพียงคำพูดไม่กี่คำจี้เฟิงยังสามารถทำให้หลี่เว่ยตงทำความต้องการของเขาได้อย่างแยบยล
ต้วนเผิงพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเห็นด้วยและถอนหายใจออกมาเล็กน้อย“น้องชายไม่ใช่แค่มีไหวพริบและชาญฉลาดเท่านั้น แต่ทักษะของน้องชายนี่… ช่างน่ากลัวจริงๆ! แม้ว่าคนอื่นจะสามารถเรียนรู้วิธีเดียวกันกับน้องชายได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้อย่างแน่นอน ด้วยทักษะส่วนตัวที่แตกต่างกัน!”
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้มเล็กน้อย“พี่ต้วนก็พูดเกินไป เป็นเพราะเฉียวเจียไคต้องการที่จะฆ่าผม ผมก็แค่ต้องป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ภายใต้การกระทำที่ถูกกฎหมาย และเรื่องมันจะง่ายขึ้นหากได้หลี่เว่ยตงมาเป็นพยาน”
จี้ช่าวเหลยและต้วนเผิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะการที่หลี่เว่ยตงต้องมาเป็นพยานให้กับพวกเขามันเป็นเรื่องที่น่าอายสำหรับเขาจริงๆ การออกมาให้ปากคำว่าเฉียวเจียไคเป็นฝ่ายผิดจะต้องทำให้ตระกูลเฉียวขุ่นเคืองอย่างไม่ต้องสงสัยและสิ่งที่เขาจะต้องเผชิญในอนาคตคือการแก้แค้นจากตระกูลเฉียว
“น้องสามพี่รองของนายคนนี้อยากจะขอบคุณนายจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะนายฉันก็ไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาแบบไหน!” จี้ช่าวเหลยถอนหายใจ เหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนยังทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาจนถึงทุกวันนี้
ต้วนเผิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม“น้องชายฉันขอพูดอะไรหน่อยนะ ในอนาคตหากน้องชายมีเรื่องอะไรให้ต้วนเผิงคนนี้ช่วยเหลือขอแค่บอกมา ต้วนเผิงคนนี้จะทำตามนั้นแน่นอนโดยไม่มีต้องรอให้พูดครั้งที่สอง! ”
พวกเขาเคยเสียท่าให้กับเฉียวเจียไคจี้ช่าวเหลยพ่ายแพ้โดยไม่สามารถเอาคืนได้ ส่วนต้วนเผิงก็ถูกเฉียวเจียไคบีบบังคับจนไม่มีที่ไป แล้วในเมื่อตอนนี้เขาเห็นสภาพของเฉียวเจียไคแล้วจะไม่ให้พวกเขามีความสุขได้อย่างไร!
จี้เฟิงโบกมือและพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ“พี่ต้วน ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้ คุณเป็นเพื่อนกับพี่รองของผมก็เท่ากับเป็นพี่และเพื่อนของผมด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอีกในอนาคต”
ทันใดนั้นความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นในจิตใจของจี้ช่าวเหลยน้องสามของเขานั้นมีพลังบางอย่างในตัวที่น่าทึ่ง การกระทำและคำพูดของเขาก็เด็ดขาดทรงพลังมากจนน่าเหลือเชื่อ
หากจี้เฟิงน้องสามของเขาคนนี้ได้เข้ามาเป็นผู้นำตระกูลจี้ในอนาคตเขาจะต้องทำให้ตระกูลจี้ยิ่งใหญ่ได้มากขึ้นแน่นอน!
จี้ช่าวเหลยนึกถึงลูกพี่ลูกน้องที่เป็นลูกของป้าน้า อาและพี่น้องคนอื่นๆ ในตระกูล พวกเขาเหล่านั้นจะต้องไม่ดูถูกแม่และน้องสามของเขาอย่างเด็ดขาด ถ้าเกิดทำให้น้องสามโกรธขึ้นมาจริงๆ…. จี้ช่าวเหลยตัดสินใจอย่างลับๆ ว่าจะต้องเตือนญาติๆของเขาให้ได้ ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมามันเกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถแบกรับได้
เมื่อทั้งสามพูดคุยกันอยู่ในรถได้ไม่นานพวกเขาก็มาถึงสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด
เนื่องจากตัวตนอันยิ่งใหญ่ของจี้ช่าวเหลยเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นจึงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าปกติ และภายในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คำให้การและคำรับสารภาพทั้งหมดก็ได้ถูกบันทึก
หลังจากนั้นหลักฐานชิ้นนี้ได้ถูกทางตำรวจคัดลอกเก็บไว้ที่สถานีตำรวจเพื่อใช้ในการดำเนินการต่อไปและต้นฉบับนั้นได้อยู่ในมือของจี้เฟิงเป็นที่เรียบร้อยสิ่งนี้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ในกรณีที่อำนาจไม่อาจอยู่เหนือกฎหมายได้ หลักฐานคือสิ่งที่จะสามารถชี้วัดความเป็นความตายของคนได้!
ตำรวจได้แจ้งให้พวกเขาทั้งสามคนทราบว่าหลังจากนี้ให้พวกเขารอการแจ้งข่าวจากทางตำรวจอีกครั้งหนึ่งแต่เรื่องระยะเวลายังไม่เป็นที่แน่นอน เพราะฝ่ายของเฉียวเจียไคและคนอื่นๆ ยังต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลซึ่งจะต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการสอบปากคำได้