The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 244 ปัญหาที่กำลังจะมาถึง
- Home
- The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
- บทที่ 244 ปัญหาที่กำลังจะมาถึง
จี้เฟิงไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปเขาเพียงแค่โบกมือและพูดเสียงดังว่า “ไม่อ่ะ! คุณก็แค่ถอดเข็มขัดออกและผูกไว้กับเสาหรือรั้วแถวๆนั้น ภายในครึ่งชั่วโมงเขาน่าจะยังไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก!”
“แต่ฉันต้องพาคนท้องไปโรงพยาบาลนะ!”หลี่ลู่หนานตะคอกเสียงดัง
“สู้ๆนะ!”จี้เฟิงพูดเบาๆจากนั้นเขาก็ข้ามถนนและกลืนหายไปท่ามกลางฝูงชนโดยที่ไม่หันกลับมามอง
“สัตว์เลือดเย็น!”หลี่ลู่หนานกัดฟันจนตัวสั่นไปด้วยความโกรธ “ขยะสังคม!”
จี้เฟิงไม่รู้ว่าตอนนี้เขาได้ถูกอัพเกรดเป็นสัตว์เลือดเย็นแล้วและไม่ใช่แค่สัตว์เลือดเย็นธรรมดายังเป็นสัตว์เลือดเย็นที่เป็นขยะสังคมด้วยในตอนนี้จี้เฟิงที่ข้ามถนนมาถึงอีกฝั่งแล้วได้เข้าไปหาผู้หญิงท้องที่ตอนนี้แทบจะยืนไม่อยู่และกำลังจะล้มลง
เมื่อเห็นผู้คนมากมายยืนมองแต่ไม่มีใครคิดที่จะเข้าไปช่วยจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและช่วยพยุงหญิงมีครรภ์ให้ยืนขึ้น เขายิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “พี่สาว กระเป๋าของคุณอยู่ในมือของตำรวจแล้วไม่ต้องเป็นห่วง แต่คราวหน้าถ้าคุณต้องการไปซื้อของหรือไปทำธุระคุณหาคนไปเป็นเพื่อนคุณซักคนน่าจะดีกว่า”
ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์คนนี้อายุประมาณ30 ปี ดูจากสีหน้าและท่าทางของเธอ เธอน่าจะเหนื่อยมาก เพราะใบหน้าของเธอซีดเซียวเต็มไปด้วยเหงื่อและแม้แต่จะยืนด้วยกำลังของตัวเองยังไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง ไอลีนโนเวล
เธอรู้สึกขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของจี้เฟิงมากเธอพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันต้องขอบคุณน้องชายมากจริงๆ เฮ้อ!”
เสียงถอนหายใจของเธอทำให้รอยยิ้มของจี้เฟิงแข็งขึ้นเล็กน้อยแต่เขาก็รู้ดีว่าที่หญิงสาวมีครรภ์คนนี้ต้องถอนหายใจออกมาซะดังขนาดนี้เป็นเพราะอะไร ฝูงชนมากมายที่ยืนมุงดูแต่ไม่มีใครซักคนที่ยืนมือเข้ามาช่วยเหลือ นี่คือความโหดร้ายของสังคมสมัยนี้จริงๆ…
“พี่สาวคุณดูไม่ค่อยดีเลย ไหวหรือเปล่าให้ผมพาไปโรงพยาบาลมั้ย” จี้เฟิงยิ้ม แม้เขาจะไม่ใช่คนดีอะไรมาก แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลวที่จะสามารถยืนมองผู้หญิงท้องที่แทบจะไม่มีแรงยืนโดยไม่คิดที่จะเข้าไปช่วยเหลือได้ แต่เมื่อเขาต้องมาเห็นผู้คนจำนวนมากที่ไม่มีใครอยากจะเข้ามาช่วยมันก็ทำให้เขารู้สึกแย่พอสมควร
หญิงมีครรภ์ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า“เมื่อกี้ฉันคงตกใจมากไปหน่อย เรี่ยวแรงที่ขาเลยหายไปหมดจนยืนไม่ไหว แต่ได้พักสักแป็บน่าจะดีขึ้น ฉันไม่รู้จะตอบแทนน้องชายยังไงเลย!”
จี้เฟิงหัวเราะเล็กน้อยและพูดว่า“ตอบแทนผมเหรอ ง่ายมากขอแค่พี่สาวสบายดีแค่นี้ก็เป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดแล้ว เอาล่ะผมมีธุระต้องไปทำ ผมคงต้องขอตัวก่อน เดินทางปลอดภัยระวังตัวด้วยนะครับ!”
หญิงมีครรภ์ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรเธอรู้สึกเหมือนมีอะไรวูบผ่านตรงหน้าเธอจากนั้นเธอก็พบว่าจี้เฟิงไปถึงเกาะกลางถนนแล้วและกำลังจะข้ามไปอีกฝั่ง
หญิงมีครรภ์เอามือถูจมูกเบาๆเธอรู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาคลออย่างน้อยโลกนี้ก็ยังมีคนดีๆอยู่!
เมื่อกลับมาที่รถจี้เฟิงก็เห็นใบสั่งที่ออกโดยตำรวจหญิงหลี่ลู่หนานจี้เฟิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาควรไปเสียค่าปรับด้วยตัวเอง เพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้มันคงไม่คุ้มค่ากันกับการที่จะทำให้พี่รองของเขาเดือดร้อน แถมเขายังเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่โต
ส่วนหลี่ลู่หนาน….
จี้เฟิงไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยเธอก็เป็นเพียงแค่ตำรวจจราจรอารมณ์ร้ายคนหนึ่งแม้ว่ารูปร่างหน้าตาเธอจะดีมากก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลย
จี้เฟิงสตาร์ทรถอย่างชำนาญแต่ก่อนที่จะออกรถเขาชำเลืองมองไปที่หลี่ลู่หนานที่อยู่อีกฟากหนึ่งของถนน “ดูสิว่าตอนนี้เธอจะมาเขียนใบสั่งให้ฉันได้อยู่อีกหรือเปล่า! แถมเธอยังมาเขียนใบสั่งให้ฉันโดยที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย โคตรจะไร้เหตุผล!”
หลังจากที่บ่นเสร็จจี้เฟิงก็เหยียบคันเร่งและรถก็พุ่งทะยานไปบนทางเท้าอย่างรวดเร็ว
หลี่ลู่หนานมัดโจรผมทองไว้กับเสาแถวๆนั้นและรีบวิ่งไปที่ผู้หญิงมีครรภ์และถามอย่างด้วยความเป็นกังวลว่า“คุณคะ คุณเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า!”
“ไม่เป็นไรค่ะ!”หญิงมีครรภ์โบกมือและกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณ คุณตำรวจมากนะคะ แล้วก็น้องชายคนเมื่อกี้นี้ด้วย ถ้าไม่ได้พวกคุณสองคนช่วยจับโจรและมาช่วยฉัน… วันนี้ฉันคงต้องแย่แน่ๆ!”
หลี่ลู่หนานถึงกับไม่เชื่อหูตัวเอง“ผู้ชายคนเมื่อกี้น่ะเหรอ มาช่วยคุณ?”
“ใช่น้องผู้ชายคนเมื่อกี้ที่หล่อๆคนเดียวกับที่วิ่งไล่จับโจรกับคุณนั่นแหละค่ะ เขามาช่วยพยุงฉันขึ้นมา แต่ก่อนที่ฉันจะได้ทันพูดอะไรเขาก็ไปซะแล้ว…” หญิงมีครรภ์เล่าพร้อมกับชี้ไปที่ถนนตรงที่จี้เฟิงเพิ่งขับรถจากไป
เมื่อหลี่ลู่หนานหันไปแล้วเห็นว่าบนทางเท้าเหลือเพียงรถจักรยานยนต์ของเธอเพียงคันเดียวที่จอดอยู่ส่วนรถBMWx6 ของจี้เฟิงได้หายไปแล้วเธอก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง
“จี้เฟิงอย่าให้ฉันเจอคุณอีกครั้ง!” หลี่ลู่หนานตะโกนด้วยความหงุดหงิด ช่างเป็นผู้ชายที่น่ารำคาญไร้กฎระเบียบเป็นที่สุด เพราะตอนนี้บนท้องถนนยังเต็มไปด้วยรถที่แน่นขนัดดังนั้นจี้เฟิงจึงต้องขับรถออกไปบนทางเท้าอย่างเห็นได้ชัด
ไอ้ผู้ชายน่ารำคาญคนนี้มันหยามกันชัดๆมันอาศัยประโยชน์ช่วงที่ฉันเผลอแอบขับรถหนีไป!
แต่เมื่อหลี่ลู่หนานเห็นการแสดงความขอบคุณบนใบหน้าของหญิงมีครรภ์ที่อยู่ข้างๆเธอความโกรธที่มีอยู่ในใจของเธอก็ลดลงทันที “อย่างน้อยก็ยังเป็นคนที่รู้จักผิดชอบชั่วดี ช่วยผู้หญิงท้องก่อนเป็นอันดับแรก!”
ถ้าจู่ๆมีคนมาบอกหลี่ลู่หนานว่าจริงๆแล้วจี้เฟิงเป็นคนดีเธอจะไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เพราะภาพจำของจี้เฟิงในสายตาเธอคือเขาเป็นลูกคนรวยที่ถูกจัดอยู่ในประเภทรวยแต่ไร้สมอง เอาแต่ใจ ชอบทำผิดกฎและคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง! ดังนั้นเธอจึงได้แต่คิดว่านี่คงเป็นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่อยู่ก้นบึ้งในจิตใจที่มนุษย์พึงมีที่นานๆจะโผล่มาสักครั้งของจี้เฟิง
อย่างไรก็ตามในความคิดของหลี่ลู่หนานภาพเหตุการณ์ในตอนนี้จี้เฟิงกระโดดไปบนหลังคารถเพียงสองสามครั้งจนไปถึงตัวโจรและใช้ขวดน้ำแร่ที่อยู่ในมือเขวี้ยงออกไปจนทำให้โจรสลบ ความกล้าหาญของจี้เฟิงทำให้หลี่ลู่หนานอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เธออดสงสัยไม่ได้ว่าพวกลูกคุณหนูจะมีพลังมากขนาดนี้ได้ยังไง
ในตอนนี้จี้เฟิงไม่รู้ว่าเขากลายเป็นคนแบบไหนในสายตาของหลี่ลู่หนานเขากำลังขับรถกลับไปที่วิลล่า เนื่องจากเขาพ้นช่วงที่การจราจรติดขัดมาได้แล้วความเร็วของจี้เฟิงจึงค่อยๆเพิ่มขึ้นและสี่สิบนาทีต่อมาจี้เฟิงก็มาถึงบริเวณวิลล่า
เซียวหยูซวนและถงเล่ยต่างไปที่มหาวิทยาลัยแล้วจี้เฟิงหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาพวกเธอทั้งคู่แต่เมื่อเห็นว่าไม่รับสายเขาจึงเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปดูตารางเวลาของทั้งสองสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นแล้วว่าในตอนนี้ทั้งสองสาวอยู่ในชั่วโมงการเรียนการสอนจี้เฟิงจึงรู้สึกผ่อนคลายลงเพราะพวกเธอสองคนอยู่ในชั้นเรียนจึงเป็นเรื่องปกติที่ไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้
เป็นเวลาพักใหญ่ที่จี้เฟิงไม่รู้จะทำอะไรจะให้ไปเรียนตอนนี้ก็เกรงว่ามันจะสายเกินไป ถึงแม้ว่าช่วงเช้าของวันนี้เขาจะมีคลาสใหญ่แต่มันก็เลยเวลาเริ่มเรียนไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว การอยู่เฉยๆภายในวิลล่ามันช่างน่าเบื่อจริงๆ
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจี้เฟิงก็กลับไปที่ห้องนอน เขาหยิบเพชรและทองออกมา ส่วนปืนพกนั้นถูกวางระเกะระกะอยู่ในตู้ ไม่มีใครเข้ามาในวิลล่านี้จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่ามันจะถูกขโมย
“แต่เพชรพวกนี้จะถูกเก็บไว้แบบนี้ไม่ได้…”จี้เฟิงได้แต่เกาหัวเพราะยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงกับมันดี แม้ว่าเพชรเหล่านี้จะถูกเก็บอยู่ในถุง แต่ถ้าใครได้มาสัมผัสพวกเขาก็คงจะหยิบมันไปพร้อมกับรอยยิ้ม
จี้เฟิงคิดไปคิดมาอยู่สักพักแต่เขาก็ยังนึกสถานที่ดีๆที่เหมาะสมไม่ออกเขาจึงได้แต่เก็บมันไว้ในตู้ก่อนเป็นการชั่วคราว
จี้เฟิงกวาดสายตาไปรอบๆและพึมพำกับตัวเอง“ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าจะหาเงินยังไงดี แต่จู่ๆก็มีโชคหล่นทับ คนเราถ้าอยากจะร่ำรวยเป็นเศรษฐี จะอาศัยทำมาหากินไปวันๆก็คงจะยาก! หากในอนาคตไม่มีเงินจริงๆ ก็น่าลองไปเป็นโจรไปปล้นพวกคนรวยแล้วเอามาช่วยคนจนท่าจะดี!
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะบ่นจนทำให้พูดพล่อยๆออกมาแต่เมื่อพูดจบเขาก็ตกใจกับความคิดด้านนี้ของตัวเองอยู่ไม่น้อย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความแข็งแกร่งของเขาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เขาค่อยๆเปลี่ยนไป กลายเป็นคนบ้าพลังหยิ่งผยองในฝีมือของตนจนทำให้เขารู้สึกไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ซึ่งนี่ไม่ใช่แนวโน้มที่ดีเลย
การมีความกลัวและทำให้เราต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอมันคือกฎแห่งการอยู่รอดมีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะไม่เกรงกลัวสิ่งใดเลย
จี้เฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเขาเก็บเพชรและทองคำแท่งทั้งหมดกลับเข้าที่และนั่งลงครุ่นคิดอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ
เขาตั้งสติและต้องเตือนตัวเองให้สำนึกรู้อยู่ตลอดว่าในโลกนี้นอกจากทักษะการต่อสู้แล้วยังมีอาวุธที่ร้ายแรงจนแม้กระทั่งปรจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้อาจตายก่อนที่จะได้แสดงฝีมือเสียอีก หากฉันยังได้ใจทำตัวหยิ่งผยองแบบนี้ต่อไปฉันคงจะโชคร้ายไปเจอของแข็งเข้าสักวัน อย่าได้ลืมว่าฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้!
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จูหยงเต๋าและอีกสองสามคนที่มาเจียงโจวพร้อมกับเฉียวเจียไค เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสี่คนมีทักษะที่ไม่ธรรมดา มันไม่ใช่ทักษะการต่อสู้ที่เลือดเย็นเหมือนอย่างเหล่าทหารและความเร็วของพวกเขามันก็เกินกว่าที่จะเป็นนักสู้ธรรมดา
ทั้งสี่คนนี้มีสไตล์การต่อสู้ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงมันเป็นความรู้สึกที่พูดไม่ถูกราวกับว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือ… จอมยุทธ์ ใช่! พวกเขาเหมือนจอมยุทธ์!
จี้เฟิงถึงกับอึ้งเพราะเมื่อนึกดูดีๆในเวลานั้นจูหยงเต๋าเรียกคนอื่นๆว่าศิษย์น้อง เห็นได้ชัดว่าการเรียกของพวกเขามันเหมือนกับในละครทีวีที่มักจะมีสำนักไว้ฝึกวิทยายุทธการต่างๆ
“เป็นไปได้มั้ยว่าพวกเขาจะมาจากโรงฝึกวิทยายุทธหรือสำนักอะไรพวกนั้นจริงๆ!”จี้เฟิงประหลาดใจมาก แต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่อยากจะเชื่อการคาดเดาของตัวเองเท่าไหร่นัก เพราะตามการศึกษาและวิจัยในอดีตไม่มีการค้นพบว่ามีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้คนไหนที่สามารถกระโดดไต่ข้ามกำแพงเหมือนอย่างในละครทีวีได้จริงๆ
“น่าจะมาจากโรงยิมศิลปะการต่อสู้ใดสักแขนงหนึ่งมากกว่า!”จี้เฟิงพยายามนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่าง เพราะถ้าการเรียกกันว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องตามโรงยิมที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ต่างๆก็พอจะมีหลงเหลืออยู่บ้างในปัจจุบัน
“ไม่!”จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย ไม่มีใครที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ในโรงยิมแล้วมุ่งเน้นไปที่การเอาชีวิตเพียงอย่างเดียวแบบนี้ เมื่อตอนที่จูหยงเต๋าโจมตีฉัน เขาต้องการที่จะฆ่าฉันอย่างเห็นได้ชัด นี่มันไม่ใช่รูปแบบของศิลปะการต่อสู้ที่ฝึกฝนกันตามโรงยิมอย่างแน่นอน!
เนื่องจากศิลปะการต่อสู้ที่มุ่งเน้นเอาชีวิตได้ล่มสลายไปนานแล้วจนเหลือแต่เพียงการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและเป็นเพียงกีฬาเท่านั้นและที่ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายยังเป็นประเด็นสำคัญที่เข้ามามีส่วนลดทอนความรุนแรงของศิลปะการต่อสู้เหล่านี้
จี้เฟิงรู้สึกมึนงงสับสนเขาคิดไม่ออกจริงๆว่าทักษะการต่อสู้ของคนเหล่านั้นมันคืออะไรกันแน่
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและต้องการจะโทรหาพ่อและขอร้องให้พ่อของเขาช่วยสืบหาว่าคนเหล่านั้นเป็นใครกันแน่!แต่เมื่อคิดดูอีกครั้งจี้เฟิงก็วางโทรศัพท์ลง
เนื่องจากจูหยงเต๋าและคนอื่นๆมีตราของความมั่นคงแห่งชาติ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา และจี้เฟิงก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและพ่อของเขาอยู่ในระบบเดียวกันหรือไม่ หากเขาขอให้พ่อของเขาตรวจสอบเรื่องนี้มันคงเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อพ่อของเขาหรือไม่
จี้เฟิงไม่รู้ว่าจี้เจิ้นหัวพ่อของเขานั้นรู้ทุกอย่างที่เขาทำในเจียงโจว
และในเวลานี้มีก็มีบุคคลกลุ่มหนึ่งมาที่เจียงโจวและเป้าหมายของพวกเขาก็คือจี้เฟิง!
ที่สนามบินนานาชาติเจียงโจวผู้หญิงที่มีโหนกแก้มสูงสวมใส่เสื้อผ้าที่ทันสมัยเดินออกจากทางออก
ที่ด้านหลังเธอมีชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาเคร่งขรึมสามคนเดินตามหลังมา
“นายหญิงที่นี่คือเจียงโจวเหรอ”ชายหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้น “ไอ้คนที่ทำร้ายศิษย์น้องและดูถูกอาจารย์ของฉันอยู่ที่นี่เหรอ?”
“ถูกต้อง!”
หญิงวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อยดวงตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความโกรธแค้นอย่างรุนแรง! “คนคนนั้นมันชื่อว่า จี้เฟิงมันเรียนและอาศัยอยู่ที่สหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจว!”
“ฉันจะฆ่ามัน!”ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างเย็นชา “ไม่ว่ามันจะเป็นใคร หากมันกล้าดูหมิ่นอาจารย์ของเรามันก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!”