The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 246 ไม่สะอาดเหรอ?
ในตอนเช้าก่อนฟ้าสางจี้เฟิงได้ถอนตัวออกจากระบบฝึกอบรมสายลับระดับสูงในขณะที่เขาค่อยๆลืมตาขึ้นแสงแห่งความปีติยินดีก็สว่างวาบออกมา เพราะเมื่อคืนเขาสงสัยว่าตัวเองจะเป็นหวัดจึงได้เข้าสู่ระบบฝึกอบรมสายลับ เขาได้ฝึกยิมนาสติกชุดที่สองอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของสมองหมายเลข 1
ต่อมาเขาสามารถควบคุมกระแสไฟฟ้าชีวภาพได้ตามต้องการเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาสามารถผลิตไฟฟ้าชีวภาพที่อ่อนแอมากได้
แต่อย่าดูถูกกระแสไฟฟ้าชีวภาพเหล่านี้แม้กระแสไฟฟ้าชีวภาพในเซลล์ๆหนึ่งจะอ่อนแอเกินไป แต่อย่าลืมไปว่าในร่างกายมนุษย์นั้นมีเซลล์มากมายนับไม่ถ้วนและความหนาแน่นของกระแสชีวภาพเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกใจได้
แน่นอนว่าในระดับปัจจุบันของจี้เฟิงเขายังไม่สามารถนำกระแสชีวภาพในเซลล์เหล่านี้มารวมกันได้แต่เมื่อเทียบกับกระแสไฟฟ้าชีวภาพขนาดเล็กกว่าในอดีตแล้วนี่นับเป็นความก้าวหน้าอย่างมาก
ตามข้อมูลที่สมองหมายเลข1 เคยบอกกับจี้เฟิงไว้ เมื่อจี้เฟิงได้เรียนรู้การเคลื่อนไหวของยิมนาสติกชุดที่สองทั้งหมด ขั้นต่อไปคือพยายามควบคุมกระแสไฟฟ้าชีวภาพของเซลล์ทั้งหมดให้รวมกันเป็นหนึ่งจนกระทั่งสามารถทำให้กระแสไฟฟ้าชีวภาพเหล่านั้นออกจากร่างกายได้ และเมื่อถึงจุดนั้น เขาก็จะสามารถช่วยคนอื่นฝึกชุดยิมนาสติกได้
ตามการคาดการณ์ของสมองหมายเลข1 กว่าจี้เฟิงจะสามารถฝึกฝนยิมนาสติกชุดที่สองจนเสร็จสิ้นน่าจะใช้ระยะเวลาประมาณครึ่งปี
จี้เฟิงรู้สึกดีใจมากระยะเวลาครึ่งปีสำหรับเขามันไม่นานเกินรอ หลังจากคำนวณอย่างถี่ถ้วนแล้วก็น่าจะเสร็จสิ้นหลังจากปีใหม่ไปหนึ่งหรือสองเดือน แล้วถ้าหากเขาขยันให้มากขึ้นกว่านี้ เขาอาจจะฝึกฝนยิมนาสติกชุดที่สองเร็วขึ้นได้ซักเดือนสองเดือนและเมื่อเขาฝึกฝนไปจนถึงระดับที่เขาสามารถปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าชีวภาพออกจากร่างกายได้เมื่อไหร่เขาก็จะสามารถให้พ่อแม่และสมาชิกในครอบครัวของเขาฝึกแบบฝึกหัดเหล่านี้ได้ทันที
สำหรับแบบฝึกหัดการเคลื่อนไหวของยิมนาสติกทั้งสองชุดที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนมาตั้งแต่ร่างกายของเขาที่เปราะบางอ่อนแอเพียงระยะเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เขาก็ไม่ได้กินของดีอะไรที่ต่างจากเมื่อก่อนเลยมันเป็นเพียงแค่มื้ออาหารธรรมดาๆเท่านั้น
และถ้าเขาเพิ่มประสิทธิภาพในด้านโภชนาการนี้เข้าไปมันน่าจะทำให้เขาแข็งแกร่งและทำตามแผนที่เขาวางไว้ให้สำเร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
“ฉันจะต้องพยายามให้มากกว่านี้!”จี้เฟิงกำหมัดของตัวเองและตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเตือนสติตัวเองอีกครั้ง “จี้เฟิง นายอย่าลำพองตนให้มันมากนัก จงจำไว้ว่านายเป็นเพียงคนธรรมดา ยังมีคนที่แข็งแกร่งและปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้อีกมากอยู่ภายในโลกใบนี้ ถ้านายยังหยิ่งผยองลำพองตนนายจะต้องตายด้วยน้ำมือคนอื่นในไม่ช้า!”
ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ดีเพราะความมั่นใจสามารถเติมเต็มให้เขามีความกล้าหาญ เพียงแต่ว่ามันมีเส้นบางๆกั้นระหว่างความมั่นใจกับความหยิ่งผยองลำพองตน
ตั้งแต่ที่เขาเริ่มรู้ตัวว่าเขาชักจะเหิมเกริมกับพลังความแข็งแกร่งของตัวเองมากเกินไปเขาก็คอยเตือนสติตัวเองอยู่เป็นระยะๆ
ตอนแรกเขากะจะเขียนคำว่า‘ความอวดดีจะทำให้ถึงแก่ความตาย’ ไว้บนผนังแต่คิดไปคิดมาประโยคนี้มันยังไม่ถูกใจสักเท่าไหร่ และพวกเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในวิลล่าก็ยังไม่ได้ซื้อมาใหม่เขาจึงตัดความคิดนี้ทิ้งไปก่อน เอาไว้เมื่อไหร่ที่เขาคิดประโยคดีๆได้มันก็ไม่สายเกินไปที่จะเขียน
หลังจากที่บิดขี้เกียจสองสามครั้งจี้เฟิงก็ลงไปชั้นล่างเพื่อจะไปซื้ออาหารเช้า
ในเวลานี้ประตูห้องนอนของถงเล่ยและเซียวหยูซวนยังคงปิดสนิทเห็นได้ชัดว่าหญิงสาวทั้งสองกำลังนอนหลับ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่วาบหวามวันนั้นก็ทำให้จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
แถววิลล่าบ้านพักของจี้เฟิงมีร้านที่ขายน้ำเต้าหู้เพียงร้านเดียวที่อยู่ใกล้ๆและถึงแม้มันจะไกลจี้เฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะถือว่าเป็นการได้ออกกำลังกายไปในตัว อย่างไรก็ตามตอนนี้เขายังไม่ได้ซื้อเครื่องครัวมาใหม่ จึงทำให้เซียวหยูซวนไม่ได้โชว์ฝีมือการทำอาหารของเธอเลย
เครื่องใช้ในครัวส่วนใหญ่ในวิลล่าถูกทิ้งไว้โดยคุณหลี่เจ้าของคนก่อนและจี้เฟิงไม่คิดจะใช้มันอย่างแน่นอนมันไม่ใช่เรื่องของการใช้ของทิ้งขว้าง แต่มันเป็นเรื่องสุขอนามัยและความรู้สึกในใจของเขาเอง…
ขากลับจี้เฟิงแวะไปที่ตู้จดหมายของวิลล่าและหยิบหนังสือพิมพ์ของวันนี้ด้วยท่าทีสบายๆหนังสือพิมพ์ที่มาส่งทุกวันตั้งแต่สมัยที่คุณหลี่ยังเป็นเจ้าของบ้านอยู่ แต่ตอนนี้จี้เฟิงได้กลายเป็นเจ้าของบ้านแล้ว แต่หนังสือพิมพ์ก็ยังคงมาส่งอยู่ หลังจากนี้จี้เฟิงก็แค่ต้องจ่ายค่าหนังสือพิมพ์ปีละครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อจี้เฟิงกลับไปที่ห้องนั่งเล่นและนั่งบนโซฟาเพื่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ดวงตาของเขาก็หรี่ลงทันที
<“ตำรวจกำลังไล่ล่าแก๊งอาชญากรใต้ดินอย่างหนัก!”>
จี้เฟิงรู้สึกสะดุดตากับหัวข้อข่าวดังกล่าวมันทำให้เขานึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เขาจึงรีบเปิดอ่านรายละเอียดข้างในต่อทันที
และก็เดาไม่ผิดนี่คือรายงานข่าวที่เกี่ยวกับฮุ่ยหวงกรุ๊ป!<“เมื่อวานนี้กลุ่มบริษัทเอกชนยอดเยี่ยมแห่งเจียงโจวได้กลายเป็นกลุ่มกองกำลังชั่วร้ายในข้ามคืน!”> จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจยาว “นี่มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริงๆ!”
อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์ฉบับนี้กล้าที่จะเขียนแม้ว่าจะเป็นเพียงหนังสือพิมพ์ข่าวเช้าของเจียงโจวไม่ใช่หนังสือพิมพ์ “ไชน่าเดลี่” ชื่อดัง แต่ก็ยังสามารถเขียนรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับอาชญากรรมที่กระทำการโดยฮุ่ยหวงกรุ๊ปและประธานบริษัทอย่างหยุนเฟยหยางและอาชญากรรมร้ายแรงอื่นๆได้
ในช่วงท้ายของหนังสือพิมพ์ได้ทิ้งคำถามไว้ให้คิดว่า“กลุ่มกองกำลังชั่วร้ายได้กลายเป็นองค์กรเอกชนที่ยอดเยี่ยม มันจะไม่ตลกเกินไปหน่อยเหรอ”
เมื่อเห็นประโยคสุดท้ายนี้มันทำให้จี้เฟิงรู้สึกขำไม่ออกบทความนี้มันช่างแดกดันได้อย่างแสบสันจริงๆ!
แก๊งกองกำลังที่ชั่วร้ายกลายเป็นองค์กรเอกชนที่ยอดเยี่ยมและมีชื่อเสียงได้อย่างไรเห็นได้ชัดว่าต้องมีใครบางคนคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังหรืออาจจะเป็นผู้มีอิทธิพลคอยปกป้องอยู่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จี้เจิ้นกั๋วอาสองของจี้เฟิงเป็นคนริเริ่ม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบทความที่เป็นคำถามในตอนสุดท้ายต้องไม่ได้หมายถึงเขาอย่างแน่นอน เช่นนั้นมันก็ต้องเป็นคำถามสำหรับบุคคลที่อยู่เบื้องหลังฮุ่ยหวงกรุ๊ปอย่างแท้จริงเท่านั้น
“ใช้สื่อเพื่อชี้นำความคิดเห็นของประชาชนเพื่อสร้างความกดดันให้กับคนเหล่านั้นหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือปิดกั้นความช่วยเหลือใดๆเกี่ยวกับฮุ่ยหวงกรุ๊ป เพราะเมื่อถึงเวลานั้นใครก็ตามที่อยากจะขอร้องก็ไม่สามารถเปิดปากได้ ถ้ามีคนถามว่าทำไมคุณถึงเกี่ยวข้องกับฮุ่ยหวงกรุ๊ป พวกเขาจะตอบคำถามนี้ว่าอย่างไร มันมีแต่จะดึงปัญหาใหญ่เข้ามาหาตัวเองเท่านั้น!” ไอรีนโนเวล
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมสรรเสริญจี้เจิ้นกั๋วอาสองของเขาและด้วยวิธีการเช่นนี้คนที่เพิ่งเข้าสังคมอย่างจี้เฟิงนั้นเทียบไม่ติดอย่างแน่นอนสถานที่ราชการเป็นสถานที่ที่ใช้ฝึกผู้คนได้อย่างดีจริงๆ ต้องพบปะผู้คนมากมายหลากหลายแบบและไม่ใช่สถานที่สำหรับคนธรรมดาที่จะอยู่ได้อย่างมั่นคงเช่นนี้
เท่าที่จี้เฟิงรู้มาปีๆหนึ่งมีคนต้องการสอบเข้าข้าราชการเยอะมากซึ่งสวนทางกับจำนวนที่รับ นอกจากนี้การสอบของข้าราชการยังยากกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหลายเท่า ดังนั้นผู้ที่ก้าวผ่านจุดนี้ไปได้นั้นต้องไม่ธรรมดา
หลังจากพลิกดูหน้าอื่นๆจี้เฟิงก็พบข่าวที่คุ้นเคยอีกข่าวหนึ่ง นั่นคือข่าวของนักร้องเจ้าของเสียงอันอบอุ่น ไอดอลสาวแสนสวยยอดนิยม ทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศของเธอเริ่มต้นขึ้นที่เจียงโจวเป็นแห่งแรก ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 25 ของเดือนหน้า หนังสือพิมพ์ได้ระบุรายละเอียดจุดขายตั๋วคอนเสิร์ตและตั๋วราคาต่างๆเอาไว้ด้วย
ตัวอย่างเช่นตั๋วที่ราคาแพงที่สุดคือ1,888 หยวน เมื่อเห็นราคานี้จี้เฟิงก็ถึงกับอึ้งกิมกี่ มันไม่ได้เป็นแค่คอนเสิร์ตเหรอ ราคาตั้งเกือบสองพันหยวนเนี่ยนะ! เหตุผลอะไรคนเราถึงต้องจ่ายเงินเกือบสองพันหยวนเพื่อไปดูคอนเสิร์ตกันล่ะ?
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยเขาไม่ได้รู้สึกสนใจสิ่งที่เรียกว่าคอนเสิร์ตนี้เลย เขาแค่สงสัยเล็กน้อยว่านักร้องคนนี้หน้าตาเป็นยังไงถึงได้ถูกเรียกว่าดูอบอุ่นเป็นที่นิยม
เขาพลิกหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับดูแต่ก็ยังไม่พบรูปถ่ายที่น่าจะเป็นของนักร้องสาวคนนี้ ถ้าจะมีก็มีเพียงรูปเดียวเท่านั้นซึ่งดูเหมือนว่าถ่ายจากงานคอนเสิร์ตงานหนึ่งซึ่งภาพก็ไม่ค่อยชัดแถมยังเป็นภาพถ่ายรวมหลายคนอีก
จี้เฟิงโยนหนังสือพิมพ์ไว้บนโต๊ะและส่ายหัวเล็กน้อย
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากชั้นบนซึ่งน่าจะเป็นเสียงฝีเท้า จี้เฟิงจึงตะโกนทันที “หยูซวน เล่ยเล่ย ลงมากินข้าวกัน!”
ในไม่ช้าก็มีเสียงหัวเราะคิกคักจากด้านบนดูเหมือนว่าเซียวหยูซวนกับถงเล่ยกำลังหัวเราะ
จี้เฟิงอดสงสัยไม่ได้เรียกกินข้าวมันมีอะไรน่าตลกด้วยเหรอ
เมื่อตอนที่กินอาหารเช้าจี้เฟิงรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอมใจ ทั้งเซียวหยูซวนและถงเล่ยที่สวมชุดลำลองสบายๆแต่กลับเหมือนมีนางฟ้ามานั่งกินอาหารร่วมโต๊ะกับเขา โดยเฉพาะเซียวหยูซวนปีศาจสาวจอมยั่วในคราบนางฟ้าผู้มีเสน่ห์ เธอสวมกางเกงขาสั้นสีดำและเสื้อยืดตัวหลวม ผมยาวของเธอสยายอยู่ด้านหลังอย่างเรียบง่าย บรรยากาศที่มีเสน่ห์อย่างเป็นธรรมชาติทำให้จี้เฟิงไม่อยากจะละสายตาและอดไม่ได้ที่สายตาของเขาจะตกไปอยู่ที่หน้าอกอันอวบอัดของเธออยู่หลายวินาที
ส่วนถงเล่ยก็อีกแบบ
แม้เธอจะไม่ได้มีเรือนร่างที่อวบอัดอย่างของเซียวหยูซวนแต่ถงเล่ยในชุดกีฬาสีชมพูอ่อนผมยาวของเธอถูกมัดเป็นหางม้าเผยให้เห็นลำคอขาวยาวระหงและใบหน้าขาวใสกับแก้มที่มีเลือดฝาดอ่อนทำให้ความสวยของเธอเป็นในลักษณะที่อ่อนเยาว์สดใส นี่คือบททดสอบที่สาหัสมากสำหรับผู้ชายทั่วไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่แสนสวยสองคนนี้
“จี้เฟิงนายควรจะซื้อเครื่องครัวได้แล้วนะ จะออกไปซื้อของกินข้างนอกทุกวันมันก็ยังไงๆอยู่ แล้วถ้าวันไหนนายเกิดไม่อยู่ขึ้นมา ฉันกับเล่ยเล่ยก็ต้องออกไปข้างนอกฉันกลัวว่ามันจะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่” เซียวหยูซวนกล่าวเสียงเรียบ “แล้วอีกอย่างร้านค้าใกล้ๆก็มีแต่ร้านน้ำเต้าหู้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ที่ได้ดื่มน้ำเต้าหู้เป็นมื้อเช้าในวิลล่าที่เงียบสงบ แต่มันต้องไม่ใช่ทุกวัน!”
“แล้วไม่ใช่แค่เรื่องครัว!”ปากเล็กๆของถงเล่ยเม้ม ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนขี้บ่น “ยังมีพวกเฟอร์นิเจอร์อีก แม้ว่าเฟอร์นิเจอร์ของที่นี่ที่มีอยู่ก่อนแล้วมันจะยังไม่เก่ามาก แต่… การนอนบนที่นอนแบบนั้น… ฉันรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสะอาด!” ในขณะที่พูดท้ายประโยคสีหน้าของถงเล่ยก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ดูเหมือนว่าเธอจะเขินอายเล็กน้อย
จี้เฟิงถึงกับผงะไปชั่วขณะ“เธอหมายความว่ายังไง มันสกปรกมากเลยเหรอ”
“มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะต้องซื้อใหม่นายจะถามมากไปทำไม!” เซียวหยูซวนมองค้อนไปที่จี้เฟิง และแม้แต่เซียวหยูซวนเองสีหน้าของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อยซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอก็รู้สึกเขินอายเช่นกัน
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นพวกเธอสองคนต้องปกปิดอะไรสักอย่างท่าทีที่ดูเขินอายของทั้งสองสาวเป็นพิรุธอย่างเห็นได้ชัด
อะไรที่เกี่ยวกับเตียงจนพวกเธอต้องหน้าแดงกันขนาดนี้…
หัวใจของจี้เฟิงกระตุกเล็กน้อยหรือจะมีการ์ตูน…หนังสือสำหรับผู้ใหญ่ซ่อนอยู่ใต้เตียง.. หรือว่า? จี้เฟิงดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก ดวงตาของเขาเบิกกว้างและถามทันที “ไม่ใช่ว่าพวกเธอเจอถุงยางอะไรทำนองนั้นหรอกนะ?”
ทั้งเซียวหยูซวนและถงเล่ยต่างหน้าแดงพร้อมๆกันแต่ในขณะเดียวกันพวกเธอก็ส่งสายตาดุดันไปที่จี้เฟิงโดยไม่ต้องใช้คำพูด
จี้เฟิงเดาถูก!
จี้เฟิงรู้ได้ในทันทีว่าการคาดเดาของเขาถูกต้องเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง เขาที่เป็นเจ้าของวิลล่าและชวนให้สองสาวย้ายเข้ามาอยู่ด้วยคือเขาเองแท้ๆ แต่เขากลับไม่ใส่ใจปัจจัยสำคัญเหล่านี้จนต้องให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายออกปาก เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นจะต้องถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด! เมื่อคิดถึงเจ้าของเตียงคนก่อนที่เคยทำเรื่องแบบนั้นแม้แต่จี้เฟิงยังรู้สึกอึดอัดและแขยงหน่อยๆ แล้วนับประสาอะไรกับหญิงสาวสองคน
“เปลี่ยน!”จี้เฟิงกัดฟันและพูดว่า “เปลี่ยนวันนี้เลย!”
ทันทีที่เขาตัดสินใจได้เขาก็โทรหาพี่รองทันทีจี้เฟิงไม่ถนัดเรื่องแบบนี้มันจะดีกว่าถ้าให้พี่รองของเขาช่วยจัดการ ใครใช้ให้เขาเป็นเจ้าถิ่นในเจียงโจวกันล่ะ ก็ต้องโดนใช้งานแบบนี้นั่นล่ะ!
เมื่อจี้ช่าวเหลยได้ยินว่าเรื่องเป็นแบบนั้นเขาก็ยอมรับหน้าที่นี้โดยไม่อิดออดและสัญญาว่ามันจะเสร็จสิ้นภายในวันนี้และทุกอย่างจะถูกแทนที่ด้วยของใหม่!
หลังจากวางสายโทรศัพท์จี้เฟิงก็ขับรถมาถึงมหาวิทยาลัยแล้วหลังจากที่จอดรถ จี้เฟิง ถงเล่ยและเซียวหยูซวนก็เดินเข้ามหาวิทยาลัยไปด้วยกัน
“ถงเล่ย!”จู่ๆก็มีเสียงที่เรียกชื่อถงเล่ยด้วยความประหลาดใจดังขึ้นและทั้งสามคนที่กำลังเดินอยู่ก็เห็นเด็กผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งกำลังเดินมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับความประหลาดใจบนใบหน้าของเขา
จู่ๆเซียวหยูซวนก็ส่งรอยยิ้มที่แฝงความหมายบางอย่างไปให้จี้เฟิงทันทีดวงตาที่สวยงามคู่นั้นกะพริบปริบๆราวกับจะบอกว่า “มีคนมาแย่งแฟนนาย!”