The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 253 ใกล้จะหมดความอดทน
น้ำเสียงที่เย็นเยียบของจางเล่ยได้ทำให้ผู้หญิงที่หยาบคายคนนั้นถึงกับหน้าเปลี่ยนสีแม้เธอจะรู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างช่วยไม่ได้ แต่ความอับอายขายหน้าก็ทำให้เธอกรีดร้องโวยวายออกมาทันที “ไอ้สารเลว แกพูดอะไร!”
จางเล่ยจ้องมองอย่างเย็นชาสายตาที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อไม่ได้ถูกปิดบังแม้แต่น้อย ทำให้ผู้หญิงคนนั้นถึงกับสะดุ้งและแม้แต่คนที่ปากร้ายอย่างเธอก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา
จี้เฟิงที่เดินมาพร้อมกับจางเล่ยมองไปที่ผู้ชายใบหน้ามันเยิ้มและพูดอย่างเย็นชา“พาผู้หญิงบ้าคนนี้ออกไป!”
แม้น้ำเสียงของจี้เฟิงจะเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามที่ไม่อาจโต้แย้งได้
ผู้ชายที่มีใบหน้ามันเยิ้มรู้สึกหายใจไม่ออกสายตาที่ดุดันราวกับดาบอันคมกริบของจี้เฟิงทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวที่จะจ้องมองตรงๆ
แต่โดยปกติแล้วมีแต่เขาที่สั่งให้คนอื่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คนอย่างเขาเป็นฝ่ายถูกไล่ เมื่อความตกใจหายไปความอับอายก็กลายเป็นความโกรธ “เฮ้ย! น้องชาย จะพูดอะไรก็ระวังปากหน่อย…”
แต่ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่เขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรวูบผ่านหน้า
“เพี๊ยะ!”
เกิดเสียงตบดังขึ้นเป็นเสียงฝ่ามือที่กระทบกับใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง มันทำให้เขารู้สึกวิงเวียนอย่างไม่ทันทั้งตัวและคนทั้งคนก็กระเด็นออกไปด้านข้างและล้มลงกับพื้นอย่างแรงโดยไม่มีการตอบสนองใดๆเป็นเวลานาน
ผู้หญิงหยาบคายที่นั่งอยู่บนเตียงถึงกับตกตะลึงเธอคิดไม่ถึงว่าเด็กผู้ชายที่ดูนิ่งๆคนนั้นจะแข็งแรงและป่าเถื่อนขนาดนี้ การตบคนอื่นจนกระเด็นล้มกลิ้งไปมันทำได้ง่ายๆขนาดนี้เลยงั้นเหรอ
เมื่อเธอหายจากอาการตกตะลึงเธอก็กรีดร้อง“แก.. แกกล้าทำร้ายเขาได้ยังไง แกรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร? เขาคือจางหย่งเฉียง พ่อเขาเป็นถึงหัวหน้าตำรวจ แกซวยแน่…”
จี้เฟิงไม่รอให้ผู้หญิงคนนี้พูดจบเขาตะคอกเสียงดัง “แพล่มอะไรน่ารำคาญชิบหาย!”
เขาก้าวไปทางผู้หญิงคนนั้นสองก้าวคว้าแขนของเธอและสะบัดข้อมือของเขาเล็กน้อยแต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้ผู้หญิงคนนั้นถูกเหวี่ยงออกและกระเด็นออกไป
“กรี๊ดดดดด~!”
หญิงสาวกรีดร้องและภายในเสี้ยววินาทีเธอรู้สึกเหมือนเธอกำลังลอยอยู่กลางอากาศ
“ตุบ!”
เธอล้มลงกับพื้นอย่างแรงจนหัวโขกและสลบไป
จี้เฟิงปัดมือของเขาเหมือนกับปัดเศษฝุ่นที่สกปรกออกไป“หนวกหู!”
ทุกคนภายในร้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันตกตะลึงและไม่มีใครคิดว่าเด็กผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาดูสงบนิ่งจะแข็งแกร่งจะโหดร้ายได้ขนาดนี้ หลังจากที่พูดคำเตือนออกไปเพียงไม่กี่คำ เขาก็พุ่งเข้าไปตบตีชายหญิงสองคนนั้นจนถึงกับตัวลอยและล้มลงไปกระแทกพื้น น้ำหนักของสองคนนั้นรวมๆกันแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยกิโลกรัม
และที่ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำที่ส่งผลรุนแรงขนาดนี้เขากลับทำด้วยท่าทางสบายๆและผ่อนคลายราวกับขว้างลูกสุนัขที่ส่งเสียงเห่าน่ารำคาญ!
ในเวลานี้ยังคงมีลูกค้าจำนวนมากอยู่ในร้านและเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างหญิงสาวทั้งสองคนกับผู้หญิงหยาบคายก่อนหน้านี้และด้วยหน้าตาของถงเล่ยและเซียวหยูซวนที่สวยงามโดดเด่นมากจึงทำให้ผู้คนให้ความสนใจกับสถานการณ์นี้อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อตอนที่จี้เฟิงทำร้ายสองคนนั้นพวกเขาจึงเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
ทุกคนพากันตกตะลึงที่จี้เฟิงนั้นโหดร้ายเกินไปแต่สีหน้าของเขากลับเรียบนิ่งราวกับว่าเขาเพิ่งทำอะไรบางอย่างที่ไม่ได้สำคัญเลยสิ่งนี้ทำให้ลูกค้าในร้านที่เห็นเหตุการณ์รู้สึกตกใจยิ่งกว่า
“ห้ามไปยุ่งกับผู้ชายคนนี้อย่างเด็ดขาด!”คำนี้ต่างผุดขึ้นมาในใจของทุกคนทันทีและรีบก้มหน้าง่วนอยู่กับการเลือกเฟอร์นิเจอร์ของพวกเขาต่อไป
ส่วนถงเล่ยและเซียวหยูซวนก็ต่างเต็มไปด้วยความสุขหลังจากที่รู้สึกประหลาดใจเพียงครู่เดียวเท่านั้น
พวกเธอรู้ได้โดยธรรมชาติว่าทำไมจี้เฟิงถึงได้โกรธมากขนาดนี้นั่นเป็นเพราะพวกเธอโดนดูถูก ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าจี้เฟิงห่วงใยพวกเธอมากแค่ไหน แม้ว่าพวกเธอจะไม่อยากให้จี้เฟิงมีปัญหาขัดแย้งกับคนอื่นๆ แต่การกระทำของจี้เฟิงก็ทำให้พวกเธอรู้สึกประทับใจมากอยู่ดี
จี้เฟิงไม่รู้ว่าขณะนี้ถงเล่ยและเซียวหยูซวนรู้สึกเช่นไรภายใต้ใบหน้าที่เฉยเมย เขาพยายามยับยั้งใจไม่ให้ลงมือฆ่าชายหญิงสองคนนี้ เหตุผลไม่ได้มีอะไรมากนั่นเพียงเพราะผู้หญิงที่แต่งตัวแปลกประหลาดคนนี้พูดถึงถงเล่ยและเซียวหยูซวนว่าพวกเธอมาอ่อยผู้ชายและเป็น “ผู้หญิงขายตัว”
การที่มีผู้ชายคนอื่นมาทักและมีการถกเถียงเพื่อแย่งชิงสินค้าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่เรื่องที่ใหญ่กว่านั้นคือการที่จี้เฟิงปล่อยปละละเลยและไม่ได้ดูแลผู้หญิงของเขาให้ดีพอ
อย่างไรก็ตามผู้หญิงที่แต่งตัวประหลาดคนนั้นได้พูดถึงถงเล่ยและเซียวหยูซวนว่า“เป็นผู้หญิงขายตัว” และประโยคที่บอกว่าพวกเธอมาที่นี่เพื่อมา “อ่อยผู้ชาย” คำพูดเหล่านี้ทำให้จี้เฟิงไม่อาจควบคุมอารมณ์โกรธได้อีกต่อไป
ด่าคนอื่นว่าอ่อยผู้ชายช่างไม่ดูสารรูปตัวเองเอาซะเลย!
แต่จี้เฟิงไม่คิดที่จะโต้เถียงกับคนประเภทนี้ให้มากความวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือโยนพวกเขาออกไป!
ในเมื่อคุณไม่สามารถอธิบายความจริงกับคนพวกนี้ให้เข้าใจได้ด้วยปากวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการใช้ฝ่ามือและกำปั้นบอกพวกเขาว่าอะไรคือความจริง
ช่วงนี้จี้เฟิงเจอแต่เรื่องทำนองนี้มันจึงทำให้ความอดทนของเขาใกล้จะหมดลงทุกทีเขาจึงไม่อยากจะเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับผู้หญิงข้างถนนคนนี้
เพราะถ้าพูดด้วยภาษามนุษย์ปกติแล้วไม่เข้าใจฉันก็จะใช้วิธีของฉันเพื่อให้คนแบบเธอเข้าใจ!
จี้เฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆพยายามสงบสติอารมณ์ให้ความโกรธลดลง จากนั้นก็หันหน้าไปทางสองสาวและยิ้มเล็กน้อย “พวกเธอชอบเตียงหลังนี้ใช่มั้ย งั้นก็ซื้อเลยแล้วกัน” จี้เฟิงหันหน้าไปทางพนักงานขายทันที “คุณพนักงาน เราจะเอาเตียงหลังนี้ เดี๋ยวเราจะไปเลือกซื้อของอื่นๆอีก ค่อยไปรวมเป็นบิลเดียวแล้วจ่ายทีหลังพร้อมกันได้ใช่มั้ย”
“แน่นอนค่ะ!”พนักงานขายรีบตอบรับทันทีพร้อมกับรอยยิ้มที่จริงใจ แม้ชายหนุ่มคนนี้จะดุดันและเด็ดขาดแต่เขาก็เป็นคนใจกว้างทีเดียว สมควรได้รับการต้อนรับและการบริการอย่างดีเยี่ยม
พนักงานขายที่เชี่ยวชาญได้พบเจอผู้คนมามากมายหลากหลายแบบจึงไม่แปลกที่เขาจะมองคนออกจากการแสดงออกของพวกเขา
จี้เฟิงยิ้มและหันไปพูดกับเซียวหยูซวนและถงเล่ย“ไปดูอย่างอื่นกันเถอะ ฉันกับเล่ยซือจะคอยดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก!”
“โอเค!”ทั้งสองสาวยิ้มและพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ฮ่าฮ่า~!เจ้าบ้า นายนี่สุดยอดไปเลยว่ะ!” จางเล่ยหัวเราะและต่อยจี้เฟิงเบาๆ “รูปร่างก็ไม่ได้บึกบึนอะไรขนาดนั้น ทำไมนายถึงได้แข็งแรงมีพละกำลังมหาศาลขนาดนี้กันล่ะ ตบทีเดียวผู้ชายตัวใหญ่ก็ถึงกับกระเด็นไปตามแรงตบ ส่วนผู้หญิงปากหมาคนนั้นฉันเห็นนายเหวี่ยงเบาๆก็ถึงกับปลิวไปเลย อย่างกับในหนังแหนะ! อิจฉาชะมัด!”
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า“อย่าอิจฉาไปเลย อีกไม่นานฉันจะสอนกังฟูให้นายเอง รอให้ฉันฝึกฝนทักษะการต่อสู้อะไรบางอย่างให้สำเร็จเรียบร้อยดีก่อน ฉันจะสอนให้ทุกคนเลยอีกไม่นานนายก็จะทำแบบนี้ได้เหมือนกัน!”
“นายพูดแล้วนะ!”ดวงตาของจางเล่ยสว่างขึ้นมาทันที ผู้ชายที่มีสกิลทักษะการต่อสู้เป็นอะไรที่พวกเขารู้สึกว่ามันเจ๋งมาก เชื่อได้เลยว่ามีเด็กผู้ชายจำนวนไม่น้อยชื่นชอบที่จะมีวิชาการต่อสู้ติดตัวเอาไว้ เพราะไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่างเช่นเรื่องการป้องกันตัวเองจากการถูกรังแกหรือปกป้องคนที่ตัวเองรัก เห็นได้ชัดว่าจางเล่ยก็เป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย เขารู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่ามีทักษะการต่อสู้ที่เขาสามารถเรียนรู้ได้…
“อีกไม่นานที่นายบอกเนี่ยมันเมื่อไหร่กันล่ะ” จางเล่ยถามอย่างกระตือรือร้น
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่“น่าจะใช้เวลาอีกสักพัก คงจะประมาณครึ่งปีได้ ฉันไม่อาจสอนนายได้ตามอำเภอใจ ถ้าฉันยังฝึกฝนไม่จบหลักสูตรและยังไม่เชี่ยวชาญพอ ไม่เช่นนั้นมันอาจจะเกิดปัญหาในขั้นตอนการปฏิบัติ ถ้าเกิดบาดเจ็บขึ้นมาแล้วไม่รู้วิธีแก้ไขที่ถูกต้องมันจะพากันซวยหนักยิ่งกว่าเดิม!” ไอลีนโนเวล
“ขนาดนายยังจะต้องฝึกอยู่อีกเหรอ”จางเล่ยรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที “มันเป็นการฝึกแบบไหนอ่ะ? พวกกังฟูแบบในทีวีงี้ป่ะ มันเอามาใช้ในชีวิตจริงได้จริงๆเหรอ?”
“เรื่องนั้นฉันก็ไม่แน่ใจเพราะที่ฉันฝึกอยู่มันไม่ใช่กังฟูแบบนั้น” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “เอาเป็นว่าถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาในระหว่างฝึกมันจะเป็นอันตรายได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้อย่างน้อยก็อีกครึ่งปี หลังจากที่ฉันฝึกฝนจนสำเร็จและเชี่ยวชาญดีแล้วฉันจะมาสอนนายอย่างแน่นอน และมัน(น่าจะ)ปลอดภัย)”
“ดีๆนายรับปากแล้วนา!” จางเล่ยรีบพูดอย่างรวดเร็วเพราะเขากลัวว่าจี้เฟิงจะเปลี่ยนใจ
คุณรู้หรือไม่ว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงแม้ว่าคุณอยากจะเรียน แต่คุณจะไปเรียนได้ที่ไหน แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่ามันเป็นศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง! เพราะถ้าเจอคนโกหก ฝึกสอนคุณด้วยสิ่งที่ไม่ถูกต้องจนเกิดปัญหากับร่างกาย นั่นก็เรียกได้ว่าคุณได้ถึงคราวซวยแล้วล่ะ!
แล้วในเมื่อตอนนี้มีคนใกล้ชิดเขารู้จักศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงและเขาก็แข็งแกร่งมากจางเล่ยจะยอมพลาดโอกาสแบบนี้ไปได้อย่างไร
ที่ร้านเฟอร์นิเจอร์จี้เฟิงและคนอื่นๆพูดคุยและหัวเราะราวกับว่าพวกเขาได้ลืมสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามผู้ชายใบหน้ามันเยิ้มที่ชื่อจางหย่งเฉียงและผู้หญิงที่มีท่าทางจริตจะก้านยังคงนอนอยู่บนพื้นด้วยความอับอาย
มันจริงที่จางหย่งเฉียงถูกตบจนตัวลอยไปในอากาศและล้มลงกับพื้นแต่มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมากแต่เป็นเพราะเขาอายเกินไปจึงแกล้งทำเป็นสลบไม่รู้เรื่องแทนที่จะลุกขึ้นมาให้ผู้คนหัวเราะเยาะ นอกจากนี้ในเมื่อตอนนี้เขาสลบอยู่ จะต้องมีใครบางคนโทรตามตำรวจหรือรถพยาบาลและในเวลานั้นเขาจะถูกนำตัวไปในที่สุด และเขาก็จะไม่ต้องลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยของเหล่าจีนมุง
แต่ผู้หญิงคนนั้นล้มลงไปกระแทกพื้นแรงกว่ามากแม้ว่าจี้เฟิงจะไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมาย แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขานั้นคนธรรมดาไม่อาจเทียบได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้เป็นคนแข็งแรงอะไรมากอยู่แล้วอาการของเธอจึงมีทั้งเวียนหัวและเจ็บปวดไปทั้งตัว เธอจึงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดและกรีดร้องไม่หยุด
“โอ๊ยยยยย!มีคนจะฆ่าฉัน! ช่วยด้วยมีคนจะฆ่าฉัน~!” ผู้หญิงจริตเยอะกรีดร้องพร้อมกับที่กลิ้งไปมาบนพื้น “มีฆาตกรอยู่ที่นี่ ใครก็ได้โทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้ มีคนต้องการจะฆ่าฉัน~!”
“โอ๊ย!หยุดเห่าหอนซักที!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวจริตเยอะนั้นรุนแรงมากจนจางหย่งเฉียงไม่สามารถแสร้งทำเป็นลมหมดสติได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นเขาคงจะขายขี้หน้ามากไปกว่านี้
เขากัดฟันและลุกขึ้นยืนแต่รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในปากของเขาและอดไม่ได้ที่จะถ่มน้ำลายลงบนพื้นและพบว่ามันเป็นฟันสองสามซี่!
การตบเพียงครั้งเดียวของจี้เฟิงทำให้ฟันของจางหย่งเฉียงหลุดออกมาถึงสองสามซี่!
ทันใดนั้นดวงตาของจางหย่งเฉียงก็ขุ่นมัวไปด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุดไอ้สารเลวนั่น!
“วันนี้ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้!”จางหย่งเฉียงโกรธถึงขีดสุด เขากัดฟันและพูดอย่างเย็นชา “ไม่! เรื่องมันจะไม่จบเพียงแค่ความตายของไอ้เด็กเชี่ยคนนั้นเท่านั้น แต่ฉันจะต้องเอานังผู้หญิงสองคนนั้นมาเป็นนางบำเรอให้ได้! หยิ่งนักเหรอ ฉันจะสั่งสอนให้ผู้หญิงสองคนนั้นได้รู้ว่าจะต้องจ่ายค่าบทเรียนในครั้งนี้แพงแค่ไหนที่กล้าทำตัวสูงส่งต่อหน้าจางหย่งเฉียงคนนี้!”
ใครจะรู้ว่าทันทีที่เขาพูดจบจี้เฟิงที่กำลังพูดคุยและหัวเราะอยู่กับจางเล่ย ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาและหันกลับมา เขาเดินเข้าไปหาจางหย่งเฉียงทันทีพร้อมกับจิตสังหารที่รุนแรงในดวงตาของเขา
ด้วยความสามารถในการฟังของจี้เฟิงไม่ว่าเสียงพึมพำของจางหย่งเฉียงจะเบาสักแค่ไหนเขาก็สามารถได้ยินมันอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังคงจับสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของจางหย่งเฉียงอยู่ตลอดเวลา จึงแน่นอนว่าจี้เฟิงได้ยินคำพูดของจางหย่งเฉียงโดยไม่พลาดแม้แต่คำเดียว
ในเมื่อแกอยากจะตายฉันก็จะทำให้แกได้สมหวัง!
เจตนาฆ่าในใจของจี้เฟิงยังคงพลุ่งพล่านในทีแรกเขาแค่ต้องการจะสอนบทเรียนให้จางหย่งเฉียง บอกให้เขาได้รู้ว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ แต่ในเมื่อตอนนี้จางหย่งเฉียงยังคงไม่เรียนรู้และยังคิดที่จะตอแยกับเซียวหยูซวนและถงเล่ย เขาก็อยากจะรู้นักว่าถ้าจางหย่งเฉียงตายไปแล้วจะยังคิดแบบนี้ได้อยู่อีกหรือเปล่า!
เมื่อจางหย่งเฉียงเห็นจี้เฟิงเดินเข้ามาก็ตกใจมากจึงรีบตะโกนไปที่หญิงสาวที่ยังคงนอนเหวออยู่บนพื้น“หลัวหยิง! โทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้! เร็ว!”
ในขณะที่ตะโกนจางหย่งเฉียงก็หันหลังกลับทันทีและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับจี้เฟิงอีกต่อไป แม้เด็กหนุ่มคนนี้จะอายุน้อยกว่าเขา แต่เขาก็โหดเหี้ยมเกินไป
หลังจากที่จางหย่งเฉียงหนีไปจี้เฟิงก็ไม่คิดที่จะไล่ล่าเขาอีกต่อไป ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นสุนัขที่ไล่ล่ากระต่ายซึ่งมันจะกลายเป็นเรื่องตลกซะเปล่าๆ
“เหอะ!”จี้เฟิงได้แต่แค่นเสียงอย่างเย็นชา
จางหย่งเฉียงซึ่งวิ่งหนีออกจากเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงไม่ได้ไล่ตามเขามา ความกล้าของเขาก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย เขาอดทนต่อความเจ็บปวดจากการถูกตบจนฟันร่วงและคำราม “แก! ไอ้เด็กนรก ถ้าเก่งจริงก็รออยู่ที่นี่ ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ฆ่าแก อย่ามาเรียกฉันว่าจางหย่งเฉียง!”
“โอเคฉันจะรออยู่ที่นี่!” จี้เฟิงพูดอย่างเย็นชาและก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าวทันที
จางหย่งเฉียงสะดุ้งตกใจกลัวเขารีบวิ่งหนีอย่างทุลักทุเลและหายไปในพริบตาเหลือเพียงแค่ผู้หญิงที่ชื่อ หลัวหยิงที่ยังคงนอนอยู่บนพื้นด้วยความงุนงงและไม่รู้จะทำอย่างไรเธอลืมแม้กระทั่งการกรีดร้องด้วยซ้ำ
��