The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 257 เจอกันโดยไม่คาดคิด
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จางหย่งเฉียงรู้สึกโกรธมากขึ้นก็คือพ่อของเขาได้ห้ามไม่ให้เขาใช้อำนาจของตำรวจในครั้งนี้โดยเด็ดขาด!
รองผู้กำกับการตำรวจสำนักงานย่อยพ่อของจางหย่งเฉียงไม่ต้องการให้ลูกชายของเขาใช้อำนาจของเขาในเรื่องนี้และต้องการให้ล้มเลิกความคิดนี้อย่างเด็ดขาดเขาถึงขนาดโทรไปที่สำนักงานย่อยและสั่งการทั้งหมดด้วยตัวเอง นั่นทำให้จางหย่งเฉียงผู้ที่มักจะใช้อำนาจของตำรวจไปสะสางปัญหาที่ตัวเองก่อไว้อยู่เสมอรู้สึกหัวเสียจนแทบคลั่ง
นอกจากนี้พ่อของเขายังบอกอีกว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวต้องจัดการด้วยตัวเองแล้วถ้าวันนี้ทั้งสองฝ่ายมีการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น พ่อของเขาจะช่วยเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ให้
ล้อเล่นรึเปล่า!
หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพวกนี้ฉันจะทำยังไงจะให้ฉันใช้หมัดของตัวเองไปต่อสู้กับปีศาจสองตัวนั่น?
แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าจะเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ให้
จางหย่งเฉียงกัดฟันด้วยความโกรธแต่มันก็ทำให้เขาต้องหยุดการกระทำเช่นนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะใช้มือลูบแก้มข้างที่ฟันของเขาหลุดออกมา มีความกลัวเกิดขึ้นในใจของเขาโดยไม่รู้ตัว
ถ้ามีเขาเพียงคนเดียวแน่นอนว่าจางหย่งเฉียงคงไม่กล้าที่จะไปเผชิญหน้ากับจี้เฟิงและจางเล่ยอีกครั้ง มันคงเป็นการฆ่าตัวตายดีๆนี่เอง!
โดนตบจนตัวลอยกลางอากาศจากนั้นหลัวหยิงก็โดนเหวี่ยงออกไปอย่างไร้ความปรานี ภาพเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้นมันทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น
ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้ความโกรธเกลียดที่จางหย่งเฉียงมีต่อจี้เฟิงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆถ้าไม่ใช่เพราะมัน ฉันจะมาถึงจุดนี้ได้ยังไง! จางหย่งเฉียงไม่เคยที่จะคิดด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรพ่อของของเขาที่คอยปกป้องและปกปิดการกระทำที่ผิดพลาดของเขามาตั้งแต่เด็กๆถึงได้ห้ามเขาไม่ให้ใช้อำนาจของตำรวจในครั้งนี้แล้วนับประสาอะไรกับการที่เขาจะมาคิดว่าเป็นเพราะตัวเขาเองที่หน้าหม้อหมกมุ่นในเรื่องผู้หญิงโดยการเข้าหาเซียวหยูซวนกับถงเล่ยจนทำให้เกิดความขัดแย้งในครั้งนี้ขึ้น
มันจะมีคนอยู่ประเภทหนึ่งเมื่อมีความขัดแย้งกับผู้อื่นเกิดขึ้นพวกเขาจะถือเอาความผิดทั้งหมดไปโยนใส่อีกฝ่ายทันทีโดยที่คนประเภทนี้จะไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดหรือไม่ และจางหย่งเฉียงก็จัดอยู่ในคนประเภทนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย เขาได้แสดงนิสัยและตัวตนในด้านนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์เต็มรูปแบบ!
ด้วยความโกรธจนเลือดขึ้นหน้าจางหย่งเฉียงจึงไม่คิดที่จะฟังคำเตือนของผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อยในเมื่อมองหาทางออกไม่เจอจนหลังชนฝาในที่สุดจางหย่งเฉียงก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ อาเหลียง!
เดิมทีอาเหลียงเป็นนักเลงตัวเล็กๆที่อยู่ใน*เขตการปกครองของรัฐบาลเขาไม่ได้มีบทบาทอะไรสำคัญ เขาแค่ต่อสู้กับคนอื่นๆบนท้องถนนตลอดทั้งวันอย่างมากก็มีการเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากร้านค้าที่อยู่แถวนั้น
จนกระทั่งครั้งหนึ่งอาเหลียงได้เข้าไปอยู่ในสถานกักกันเพราะไปทำร้ายคนอื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและในตอนนั้นเองเขาได้พบกับพ่อของจางหย่งเฉียง
ในเวลาต่อมาดูเหมือนว่าอาเหลียงและพ่อของจางหย่งเฉียงจะมีข้อตกลงอะไรกันบางอย่างเพราะทุกครั้งที่อาเหลียงต่อสู้กับคนอื่นๆ ตำรวจจะมาปรากฏตัวขึ้นทันเวลาและช่วยอาเหลียงจัดการกับคู่ต่อสู้ของเขาทุกครั้งไป
และที่สำคัญไปกว่านั้นด้วยความช่วยเหลือของอาเหลียงพ่อของจางหย่งเฉียงสามารถเอาชนะกองกำลังชั่วร้ายได้สำเร็จหลายต่อหลายครั้งรวมถึงสามารถแก้ไขคดีสำคัญต่างๆได้สำเร็จภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว มันทำให้พ่อของจางหย่งเฉียงทำผลงานได้ดีในฐานะตำรวจและเป็นการวางรากฐานสำหรับการเลื่อนตำแหน่งในอนาคตอย่างมั่นคง
เพราะเหตุนี้เองอาเหลียงจึงได้รับการยกย่องอย่างสูงจากพ่อของจางหย่งเฉียงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะเป็นความลับ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้จากจางหย่งเฉียงได้
ด้วยวิธีนี้มันจึงทำให้อิทธิพลในเขตการปกครองของรัฐบาลของอาเหลียงยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆรวมถึงมีคนมาขอติดตามอาเหลียงเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ภายในเวลาไม่ถึงสองปีชื่อของอาเหลียงเป็นที่รู้จักกันดีในเขตการปกครอง แทบไม่มีใครในท้องถนนแห่งนี้สามารถเทียบเคียงกับเขาได้
ในเขตการปกครองนี้อำนาจและอิทธิพลของอาเหลียงเรียกได้ว่าเกือบจะถึงจุดสูงสุดแล้ว
และในขณะนั้นเส้นทางทำมาหากินของอาเหลียงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเขาค่อยๆเปิดกิจการเกี่ยวกับการสร้างความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นผับบาร์หรือสถานที่อาบน้ำของคุณผู้ชาย ในระยะเวลาเพียงหกเดือนความมั่นคงของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้อาเหลียงได้ชื่อว่าเป็นคนรวยคนหนึ่งและเริ่มเป็นที่รู้จักกันในวงสังคมกลุ่มคนรวย
ในความทรงจำของจางหย่งเฉียงเขารู้สึกว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาครอบครัวของเขาก็มีเงินมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งในช่วงปีหลังๆที่มาของแหล่งรายได้ก็ไม่เป็นที่แน่ชัด ตัวเขาเองทั้งกินดื่มและเที่ยวอย่างสนุกสนาน แม้กระทั่งพ่อของเขาก็ยังได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และยังมีสิ่งอื่นๆอีกมากมาย โดยเฉพาะอะไรที่เกี่ยวกับการใช้เงินพวกเขาสามารถหยิบจ่ายใช้สอยได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมัน
ไม่ว่าจางหย่งเฉียงจะโง่แค่ไหนแต่การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดนี้มันก็ทำให้เขาคิดได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่เมื่อเขาถามพ่อของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็มักจะได้คำตอบที่สวยหรูอย่างที่ควรจะเป็น
และครั้งนี้เมื่อเขาต้องเจอกับปัญหาที่แม้แต่พ่อของเขาก็ไม่ช่วยเหลือเหมือนทุกครั้งมันเลยทำให้เขานึกถึงอาเหลียง และตามที่คาดไว้ ทันทีที่อาเหลียงรู้เรื่องนี้เขาก็ตอบตกลงทันทีและส่งคนที่มีความสามารถมากที่สุดกว่ายี่สิบคนให้ติดตามจางหย่งเฉียงมา
ตอนนี้ลูกน้องกว่ายี่สิบคนของอาเหลียงกำลังนั่งอยู่ในรถบูอิคที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้
แม้ตอนนี้รถบูอิคที่เขากำลังนั่งอยู่จะกำลังวิ่งไปบนท้องถนนอย่างรวดเร็วแต่เขาก็ยังคงรู้สึกกังวล จางหย่งเฉียงหยิบโทรศัพท์และโทรหาหลัวหยิงทันที
“ฮัลโหลพี่เฉียงตอนนี้พี่อยู่ไหน ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียว ฉันกลัวมากเลย…” เสียงพูดที่ดูเหมือนจะร้องไห้อยู่ด้วยดังขึ้นทันทีที่หลัวหยิงรับสาย
เมื่อตอนที่จางหย่งเฉียงวิ่งหนีจี้เฟิงออกมาจากร้านเฟอร์นิเจอร์เขาไม่ได้พาหลัวหยิงไปด้วยแต่เขาให้เธอซ่อนตัวอยู่ที่นั่นและคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวกลุ่มนั้น หลัวหยิงจึงจำเป็นต้องเฝ้าดูพวกจี้เฟิงอยู่ที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ด้วยความหวาดกลัว
แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ความหวาดกลัวที่อยู่ในใจเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอเองก็หวาดกลัวจางหย่งเฉียงไม่น้อย เธอก็คงจะหันหลังกลับและวิ่งหนีไปเหมือนกัน เพราะด้วยท่าทางอันเย็นชาและดวงตาที่ดุดันของจี้เฟิงทำให้เธอหวาดกลัวมากจนไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว
หลัวหยิงรู้สึกเสียใจกับการกระทำในครั้งนี้ของตัวเองมากทำไมเธอต้องไปหาเรื่องผู้หญิงสองคนนั้นด้วย
เพียงเพราะความหึงหวงของเธอที่มีต่อจางหย่งเฉียงผู้ชายที่มีอำนาจมากมายในสายตาของเธอ แต่จางหย่งเฉียงคนนั้นกลับถูกเด็กหนุ่มคนคนหนึ่งตบตีราวกับลูกหมาและในที่สุดก็วิ่งหนีไปอย่างน่าขายหน้า เขารีบหนีจนกระทั่งทิ้งเธอไว้ที่นี่โดยไม่สนในไยดีด้วยซ้ำ
“เลิกพูดจาเวิ่นเว้อได้แล้วฉันกำลังจะไปถึงที่นั่นเร็วๆนี้ แล้วไอ้สองตัวนั้นยังอยู่หรือเปล่า ผู้หญิงสองคนนั้นกลับไปแล้วใช่มั้ย?”จางหย่งเฉียงที่โกรธอยู่แล้วเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของหลัวหยิงก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้น เขาไม่อาจกักเก็บความโกรธได้จึงตะโกนใส่โทรศัพท์
หลัวหยิงผงะทันทีและรีบยืดศีรษะออกไปดูสถานการณ์ภายในร้านเฟอร์นิเจอร์ไม่ไกลจากจุดที่เธออยู่และกล่าวว่า“พี่เฉียงผู้ชายสองคนนั้นยังอยู่ แต่ฉันไม่เห็นผู้หญิงสองคนนั้นเธอน่าจะกลับไปแล้ว…”
เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้จางหย่งเฉียงก็แทบจะกระโดดขึ้นด้วยความโกรธเขาคำราม “แม่งเอ๊ย เธอปล่อยให้พวกมันกลับไปได้ยังไง! เธอไม่รู้เหรอว่าฉันกำลังจะกลับไปเอาคืนพวกมันทุกคน!”
หลัวหยิงมีหรือที่จะกล้าหึงในเวลาเช่นนี้เธอพูดด้วยความหวาดกลัว “พี่เฉียง ฉันจะไปห้ามพวกนั้นได้ยังไง ไอ้เด็กผู้ชายสองคนนั้นมันโหดแค่ไหน พี่ก็น่าจะ…”
หลัวหยิงที่ไม่กล้าห้ามผู้หญิงสองคนนั้นไม่ให้จากไปและเธอก็ไม่กล้าที่จะบอกเหตุผลออกมาเช่นกันเธอเกรงว่าถ้าเธอพูดในสิ่งที่คิดออกไป คนที่จางหย่งเฉียงจะจัดการเป็นคนแรกก็คงจะเป็นตัวเธอเอง เธอคงไม่สามารถรู้จักนิสัยของจางหย่งเฉียงได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว ไอรีนโนเวล
จางหย่งเฉียงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา“หลัวหยิงเธอฟังฉันให้ดีนะ อีกไม่เกินสิบนาทีฉันจะไปถึงที่นั่น ฉันได้บอกกับเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ไว้แล้วว่าให้ส่งคนไปถ่วงเวลาพวกนั้นไว้ ส่วนเธอคอยดูไอ้เด็กเปรตพวกนั้นไว้ให้ดี ถ้าเห็นว่ามันกำลังจะกลับออกไป เธอจะต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อหยุดพวกมันไว้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นเธอนี่แหละจะเป็นคนแรกที่ฉันจะไปจัดการ เข้าใจมั้ย!”
หลัวหยิงอยากจะกรีดร้องออกมาแต่เธอก็ได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจเธอสูดลมหายใจเขาลึกๆและพยักหน้าทันที “ไม่ต้องห่วงพี่เฉียงฉันรู้ว่าฉันต้องทำอะไร”
“เหอะ!ฉันหวังว่าเธอจะทำอย่างที่พูดได้จริงๆ นังผู้หญิงโง่!” จางหย่งเฉียงตะคอกก่อนจะวางสายไป เขาหันหน้าไปทางคนขับและพูดว่า “เมื่อกี้แกได้ยินที่ฉันพูดแล้วใช่มั้ย ฉันให้เวลาแกอย่างมากที่สุดสิบนาที ถ้าแกไม่พาฉันไปถึงที่นั่นภายในระยะเวลาที่กำหนด แกได้กลายเป็นอาหารปลาแน่!”
คนขับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจและรีบเหยียบคันเร่งโดยไม่สนใจเลยว่าตอนนี้สัญญาณไฟเป็นสีแดงหรือเปล่ารถบูอิคสีดำพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กับคนชั่วเหล่านี้ เขาไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่งแม้แต่นิดเดียว
……………… ที่เรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้จี้เฟิงและจางเล่ยนั่งอยู่ด้วยกันบนโซฟา ข้างหน้าของพวกเขามีพนักงานขายผู้หญิงร่างอวบที่ไม่ว่ายังไงเธอก็ยืนกรานว่าจะไม่ปล่อยให้พวกเขากลับไป แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ความกังวลของเธอก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะยื้อเวลาให้ชายหนุ่มสองคนนี้อยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน
“มันนานเกินไปรึเปล่า”จางเล่ยยกแขนขึ้นและมองไปที่นาฬิกาของเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว
เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกมาหัวใจของพนักงานขายก็กระตุกวูบ ท่าทีของเธอแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความกังวล
จี้เฟิงยิ้มมุมปาก“ถ้าพูดถึงเรื่องเวลา ฉันว่ามันมีคนที่วิตกกังวลยิ่งกว่าเราซะอีกนะ”
จางเล่ยพยักหน้าและยิ้มทันที“ก็จริง ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ!”
แน่นอนว่าพนักงานขายได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ทั้งหมดใบหน้าของเธอแดงก่ำและก้มหน้าลงด้วยความอับอาย ปากของเธอเหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะนิ่งเงียบต่อไป
จี้เฟิงเหลือบมองเธอเขารู้สึกโกรธอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน
ในความเป็นจริงพนักงานขายเข้าใจผิดคนที่อยู่ในความวิตกกังวลที่จี้เฟิงและจางเล่ยกล่าวถึงนั่นก็คือจางหย่งเฉียง จากการที่เขาถูกจี้เฟิงตบหน้าและด้วยลักษณะนิสัยที่หยาบคายของเขา เกรงว่าการตบหน้าแม้จะเพียงครั้งเดียวมันคงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่เขาจะยอมให้มันจบลงง่ายๆแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเฉียวหรงมาที่เจียงโจวคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉียวจะต้องไม่ใช่คนประเภทที่ข่มกลั้นอารมณ์โกรธได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าจะเป็นเพราะการสร้างความสมดุลระหว่างคู่ต่อสู้ของจี้เจิ้นกั๋วคนเหล่านั้นจึงไม่กล้าเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ แต่ตัวของจางหย่งเฉียงเองเขาจะต้องมาอย่างแน่นอน จี้เฟิงมั่นใจได้ว่าคนที่มีนิสัยพื้นฐานเป็นคนชั่วจะไม่สามารถอดทนอดกลั้นกับเรื่องเช่นนี้ได้เลย
เห็นได้ชัดว่าพนักงานขายคนนี้ไม่เข้าใจสิ่งที่จี้เฟิงกับจางเล่ยพูดแต่อย่างไรก็ตามจี้เฟิงก็ไม่ได้คิดที่จะอธิบายอะไรให้เธอฟัง
และในขณะนั้นเองจู่ๆก็มีเสียงไซเรนของรถตำรวจดังขึ้นทุกคนที่อยู่ภายในร้านอดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางประตูพร้อมๆกัน
“มีคนโทรเรียกตำรวจหรอ”จางเล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะถ้าเป็นตามที่น้าสองของเขาบอก วันนี้จะไม่มีตำรวจที่ไหนเข้ามาที่นี่และพ่อของจางหย่งเฉียงก็ไม่น่าจะส่งมาด้วยเช่นกัน แต่ทำไมถึงได้มีเสียงไซเรนของรถตำรวจเหมือนกำลังจะตรงเข้ามาที่ร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งนี้? มันมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนอื่นในร้านโทรตามตำรวจ และเป็นตำรวจที่ไม่ทราบสถานการณ์เฉพาะในครั้งนี้ที่เข้ามา
เสียงไซเรนของรถตำรวจดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆและสุดท้ายมันก็เงียบลง จากนั้นไม่นานก็มีร่างสูงเพรียวที่มีเสน่ห์อยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจก็ปรากฏตัวขึ้น
เมื่อจี้เฟิงเห็นตำรวจคนนี้เขาก็ตกตะลึงทันที“เธอมาทำอะไรที่นี่ เธอไม่ได้เป็นตำรวจจราจรเหรอ? เธอมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ตำรวจที่มาถึงไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นตำรวจจราจรสาวสวย หลี่ลู่หนาน ที่เคยเขียนใบสั่งให้กับจี้เฟิงมาก่อนหน้านี้
ครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้พบกันไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่ายินดีสักเท่าไหร่นักจี้เฟิงโดนเขียนใบสั่งและต้องเสียเงินสองร้อยหยวนเป็นค่าปรับ ส่วนหลี่ลู่หนานก็รู้สึกไม่ค่อยชอบขี้หน้าจี้เฟิงเช่นกัน
ในเวลาเดียวกับที่จี้เฟิงมองเห็นหลี่ลู่หนานหลี่ลู่หนานก็เห็นจี้เฟิงเช่นกัน บนใบหน้าที่สวยงามปรากฏร่องรอยแห่งความประหลาดใจทันทีและดวงตาคู่สวยของเธอก็เบิกกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ใครจะคาดคิดว่าทั้งสองคนจะต้องมาพบกันอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้ “คุณมาที่นี่ทำไม”หลี่ลู่หนานจ้องไปที่จี้เฟิงและถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง