The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 258 ในที่สุดก็มาถึง
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจตำรวจจราจรสาวสวยขี้โมโหคนนี้ยังคงขวานผ่าซากคิดอะไรก็พูดมันออกมาทันที
“ทำไมฉันถึงจะมาที่นี่ไม่ได้ล่ะมันเป็นเขตหวงห้ามหรือเป็นเขตเฉพาะข้าราชการ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้มยียวน เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะได้พบกับตำรวจจราจรสาวที่ต่างฝ่ายต่างไม่ค่อยถูกชะตากันอีกครั้งที่นี่ ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆในตอนนี้จะน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
“อย่ามาตีหน้าซื่อต่อหน้าคนอย่างฉันคนอย่างคุณฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว วันนี้ฉันมีบางอย่างต้องไปทำไม่มีเวลามาล้อเล่นกับคนอย่างคุณ!” หลี่ลู่หนานรู้ดีว่าที่จี้เฟิงพูดก็ไม่ได้ผิด ที่นี่คือร้านเฟอร์นิเจอร์เป็นที่ที่ทุกคนสามารถมาได้ เธอจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลามานั่งเถียงกับจี้เฟิงในเรื่องนี้
จี้เฟิงรู้สึกสนุกขึ้นมานิดหน่อย“อ้อ~ ฉันต้องขอบคุณสินะ”
หลี่ลู่หนานจ้องเขม็งไปที่จี้เฟิงและส่งเสียงฮึ่มอยู่ในลำคอ“ฉันเพิ่งได้รับแจ้งเหตุมาว่ามีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นที่นี่ ใครเป็นคนก่อเหตุ คุณ?”
“คุณไม่ได้เป็นตำรวจจราจรเหรอคุณทำงานเป็นตำรวจสายตรวจตั้งแต่เมื่อไหร่” จี้เฟิงถามด้วยความประหลาดใจ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ฉันจะพบเธอทุกครั้งที่เกิดเรื่อง?!
“ฉันจำเป็นต้องบอกคุณด้วยเหรอ”เมื่อหลี่ลู่หนานมองหน้าจี้เฟิง ความโกรธในใจของเธอก็ระเบิดออกมา เธอจำได้ว่าครั้งสุดท้ายเขาฉวยโอกาสตอนที่เธอยุ่งวุ่นวาย แอบขับรถบนทางเท้าหนีไป หลี่ลู่หนานกัดฟัน ผู้ชายคนนี้กล้าทำผิดกฎหมายอย่างหน้าด้านๆต่อหน้าเธอ!
“ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรแล้วแต่คุณละกัน” จี้เฟิงผายมือออกอย่างไม่แยแส
อันที่จริงแล้วเหตุผลที่จี้เฟิงยังอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพื่อมานั่งเล่นเกมปั่นประสาทกับหวังอี้ฉวนหรือคนอื่นๆแต่สิ่งที่เขาต้องการคือตบตีจางหย่งเฉียงอย่างหนัก และใช้สิ่งนี้เพื่อบอกกับเฉียวหรงว่า แม้ว่าตระกูลเฉียวจะมีอำนาจมากแค่ไหนในหยานจิง แต่ถ้าเธอมาอยู่ในเจียงโจว เธอก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะกดขี่คนของตระกูลจี้ อย่างน้อยมันก็ใช้กับเขาไม่ได้
นี่เป็นการส่งสัญญาณเตือนแต่ถ้าเฉียวหรงยังไม่สำเหนียกว่าควรจะทำตัวเช่นไร จี้เฟิงก็จะใช้วิธีการจัดการกับคนบ้าอย่างที่ฮั่นจงบอก เขาจะตบตีผู้หญิงที่แกล้งบ้าจนกว่าจะหายเป็นปกติ!
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่แน่นอนว่าจี้เฟิงไม่อาจปล่อยให้หลี่ลู่หนานตำรวจจราจรสาวคนนี้มาขัดขวางแผนการของเขาได้
เมื่อเห็นท่าทางที่กวนบาทาและทำท่าไม่สนใจเธอหลี่ลู่หนานก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองจี้เฟิงด้วยสายตาแทบจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าดวงตาที่สวยงามคู่นั้นสามารถพูดได้ ก็คงจะเป็นคำสาปแช่งสำหรับจี้เฟิงอย่างแน่นอน
หลี่ลู่หนานกวาดตามองไปรอบๆแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ว่าสีหน้าท่าทางของพนักงานและลูกค้าภายในร้านจะดูแปลกไปสักหน่อย แต่ก็ไม่เห็นมีใครที่มีร่องรอยของการถูกทำร้ายเลย
แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอยู่ดีหลี่ลู่หนานยังคงต้องสอบถามผู้คนว่าก่อนที่เธอจะมาถึงนั้นได้มีเหตุการณ์อะไรที่ดูผิดปกติเกิดขึ้นบ้างและได้มีใครก่อเหตุทะเลาะวิวาทหรือก่ออาชญากรรมขึ้นที่นี่จริงๆหรือไม่
อย่างไรก็ตามทุกคนที่เธอถามต่างมีท่าทีแปลกๆพวกเขาล้วนชำเลืองมองไปยังทิศทางที่จี้เฟิงและจางเล่ยอยู่โดยไม่รู้ตัว แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดออกมาอย่างชัดเจน พวกเขาบางคนทำท่าเหมือนจะเล่าอะไรบางอย่าง แต่หลังจากที่ชำเลืองมองไปที่จี้เฟิงพวกเขากลับตอบว่าไม่มีอะไร
หลี่ลู่หนานเริ่มเอะใจมันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องมองไปที่จี้เฟิง ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาทันทีเป็นไปได้ไหมว่าคนที่ก่อเหตุก่อนหน้านี้จะเป็นจี้เฟิง ลูกเศรษฐีที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อคนนี้
จี้เฟิงรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของคนเหล่านั้นแต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเขายังคงนั่งอยู่บนโซฟาอย่างไร้ความกังวล
พนักงานของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้จะไม่มีทางรายงานเรื่องนี้กับตำรวจอย่างแน่นอนเพราะถ้าเขาทำให้พวกจี้เฟิงถูกตำรวจพาตัวไปก็เท่ากับว่าพวกเขาขัดคำสั่งของผู้จัดการและพวกเขาก็จะไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้กับจางหย่งเฉียงได้
ส่วนลูกค้าคนอื่นๆที่เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่แรกพวกเขาก็คงจะไม่รายงานเรื่องนี้กับตำรวจเช่นกัน ทำไมพวกเขาจะต้องพลาดชมความตื่นเต้น และให้เรื่องนี้มันจบลงง่ายๆด้วยล่ะ คงจะหมดสนุกกันพอดี!
ส่วนตัวฉันเองก็คงไม่หาเหาใส่หัวแจ้งความตัวเองอยู่แล้ว… บรรยากาศภายในร้านเฟอร์นิเจอร์ช่างแปลกประหลาดทุกคนต่างมองไปที่จี้เฟิงโดยไม่รู้ตัวแต่กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ประสบการณ์ของอดีตตำรวจอาชญากรรมทำให้หลี่ลู่หนานเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วว่ากุญแจสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่จี้เฟิงเธอจ้องเขม็งไปที่จี้เฟิงอย่างดุร้าย ไอ้ลูกเศรษฐีบ้าอำนาจคนนี้สินะที่เป็นคนก่อปัญหา!
เมื่อมาถึงจุดนี้หลี่ลู่หนานก็เข้าใจดีว่าถ้าเธอยังไล่ถามผู้คนที่นี่อยู่แบบนี้เธอคงจะไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเพิ่มเติมแน่ เธอต้องการให้ลูกค้าเหล่านี้รวมถึงพนักงานของร้านเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้ไปที่สถานีตำรวจและสอบถามทีละคน มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะกล้าพูดความจริงออกมา
อย่างไรก็ตามความต้องการของหลี่ลู่หนานก็ยากที่จะเป็นจริงเพราะไม่มีใครต้องการที่จะไปสถานีตำรวจเลย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือพนักงานของร้านเฟอร์นิเจอร์ก็ตาม คงเป็นเรื่องตลกหากมีใครคิดที่จะไปสถานีตำรวจเพื่อรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆเมื่อถึงตอนนั้นคุณจะกลายเป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทันทีแล้วถ้าชายหนุ่มคนนั้นสงสัยว่าคุณเป็นคนรายงานเรื่องนี้ ถ้าเกิดเขามาแก้แค้นล่ะ ใครมันจะไปยอมเสี่ยง
เนื่องจากวิธีการที่โหดร้ายและเย็นชาของจี้เฟิงมันทำให้ความหวาดกลัวฝักลึกลงไปในจิตใจของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์อย่างช่วยไม่ได้มันทำให้พวกเขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าสมมติจี้เฟิงใช้วิธีการเหล่านั้นกับพวกเขาขึ้นมา….
ไม่มีใครสักคนเดียวที่อาสาจะให้ความร่วมมือในการไปให้ปากคำเป็นการส่วนตัวที่สถานีตำรวจและไม่ว่าหลี่ลู่หนานจะถามอะไรก็ไม่มีใครพูดอะไรมากกว่ากว่านี้ แม้ว่าบางคนจะมี ‘ความยุติธรรม’ อยู่ในใจและทำท่าเหมือนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อชำเลืองมองไปยังจี้เฟิงพวกเขาก็รีบส่ายหัวและปฏิเสธทันที
การให้ปากคำตามความเข้าใจของพวกเขานอกจากจะเป็นการช่วยตำรวจในการสืบสวนคดีแล้วหากคุณให้เบาะแสที่เป็นประโยชน์มันจะมีรางวัลตอบแทนอย่างแน่นอน นี่แหละคือ ‘ความยุติธรรม’ ในความคิดของคนเหล่านั้น
แต่ถ้าการไปให้ปากคำแล้วต้องเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงแน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องเลือกที่จะรักษาชีวิตของตัวเองไว้อย่างแน่นอน!
“ไอ้ลูกเศรษฐีคนนี้มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”หลี่ลู่หนานกัดฟันด้วยความโกรธเกรี้ยวหน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงพร้อมกับชี้ไปยังทิศทางที่จี้เฟิงอยู่และตะโกนใส่คนเหล่านั้น “กล้าๆกันหน่อยสิ นั่นมันก็แค่ลูกเศรษฐีขี้โอ่ใช้เงินพ่อแม่ไปวันๆ คิดว่าคนแบบนั้นกล้าที่จะตอบโต้พวกคุณจริงๆเหรอ?!”
“ลูกเศรษฐีขี้โอ่”จางเล่ยถึงกับผงะ “เจ้าบ้า ตำรวจคนนั้นพูดเรื่องอะไร? ทำไมนายกลายเป็นลูกเศรษฐีขี้โอ่ไปแล้วล่ะ?” เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของจี้เฟิงทันทีและพูดอย่างโกรธๆ“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ สงสัยตำรวจหญิงคนนั้นคงทำงานหนักมากจนประสาทกลับไปแล้วล่ะมั้ง ไม่ว่าจะยังไงเธอก็จะให้ฉันเป็นลูกเศรษฐีขี้โอ่บ้างล่ะ ลูกคุณหนูไร้สมองบ้างล่ะ เฮ้อ มันน่าจะเป็นเพราะรถ BMW…”
จี้เฟิงเล่าอย่างง่ายๆให้จางเล่ยฟังเกี่ยวกับสิ่งเกิดขึ้นระหว่างเขาและหลี่ลู่หนานเมื่อก่อนหน้านี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า~!”เมื่อจางเล่ยได้ยินเรื่องทั้งหมดเขาก็หัวเราะออกมาทันที “เจ้าบ้า ฉันล่ะคิดไม่ถึงจริงๆว่านายต้องมาเจออะไรแบบนี้!”
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆแต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาเขาก็เห็นหลี่ลู่หนานยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเธอกำลังจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของจี้เฟิงราวกับว่าเธอจะพบพิรุธอะไรบางอย่างที่จะทำให้เธอได้คำตอบในเรื่องนี้ “คุณตำรวจจราจรหลี่มีอะไรเหรอ”จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ฉันขอถามอะไรคุณหน่อยคนที่ก่อเหตุอาชญากรรมคือคุณใช่หรือเปล่า” หลี่ลู่หนานถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
จี้เฟิงส่ายหัวทันที“มันจะเป็นไปได้ยังไง ผมจะก่ออาชญากรรมไปเพื่ออะไร”
“ไม่ใช่คุณจริงๆเหรอ”หลี่ลู่หนานถามย้ำ
“ไม่ใช่แน่นอนที่นี่มีคนอยู่ตั้งเยอะตั้งแยะ ถ้าคุณไม่เชื่อผมคุณก็ลองไปถามพวกเขาดูสิ” จี้เฟิงแสดงรอยยิ้มอย่างจริงใจ
หลี่ลู่หนานยังคงจ้องไปที่ดวงตาของจี้เฟิงอย่างแน่วแน่และหวังว่าจะพบความลุกลี้ลุกลนอย่างที่ควรจะเป็นของคนที่ปกปิดความจริงแต่หลี่ลู่หนานก็ต้องพบกับความผิดหวังไม่เพียงแต่เธอจะไม่พบความผิดปกติอะไรในแววตาของจี้เฟิงแล้ว แต่นัยน์ตาของเขามันกลับดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด มันดูลึกล้ำราวกับจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุด ความสงบนิ่งและแน่วแน่ในดวงตาของเขามันดึงดูดหลี่ลู่หนานให้จมลึกเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
หลี่ลู่หนานรีบหลบสายตาของเธออย่างรวดเร็วและไม่กล้าที่จะจ้องมองดวงตาของจี้เฟิงตรงๆอีกต่อไปกลายเป็นเธอเองที่เป็นฝ่ายลุกลี้ลุกลนพร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นแทบไม่เป็นจังหวะ เพื่อปกปิดความคิดอันเพ้อเจ้อของเธอ เธอรีบเปลี่ยนหัวข้อการพูดคุยทันที “จี้เฟิง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ก่อเหตุหรือไม่ ฉันคงต้องขอให้คุณไปให้ปากคำกับฉันที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้”
เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำเสียงในการพูดของเธอมันดูอ่อนลงที่เธอไม่ทันสังเกตนั่นเป็นเพราะเธอกำลังอยู่ในอาการสับสน ไอลีนโนเวล
จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดเขาก็พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากที่รอมานานจางหย่งเฉียงก็ไม่มาสักที เป็นไปได้ว่าวันนี้คงจะไม่มีอะไรแล้ว
จี้เฟิงไม่รู้ว่าในเวลานี้รถบูอิคของจางหย่งเฉียงได้มาถึงถนนที่เป็นที่ตั้งของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้แล้วและอยู่ห่างจากที่นี่เพียงสองหรือสามนาทีเท่านั้น
แต่ในขณะนั้นเองหวังอี้ฉวนที่กำลังรับโทรศัพท์จากจางหย่งเฉียงได้รู้แล้วว่าจางหย่งเฉียงกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
หลังจากวางสายจากจางหย่งเฉียงแล้วหวังอี้ฉวนก็รีบเดินลงมาและพูดเสียงดังพร้อมกับฉีกยิ้มแสดงความจริงใจมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้วกล่าวว่า“น้องชายทั้งสอง พนักงานจัดส่งเฟอร์นิเจอร์ได้ทำการจัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรุณาไปรอที่ประตูก่อนแล้วรถจะมารับน้องชายเร็วๆนี้”
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเขามองไปที่หวังอี้ฉวน แม้ว่าใบหน้าของเขากำลังแสดงรอยยิ้มอย่างจริงใจแต่จี้เฟิงก็พบว่าแววตาของหวังอี้ฉวนมีความลุกลี้ลุกลนอยู่เล็กน้อย
“ให้ออกไปรอตอนนี้เนี่ยนะ”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ เฟอร์นิเจอร์ก็ยังอยู่ในร้าน และถ้าจะขนย้ายก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบนาที แต่หวังอี้ฉวนกลับบอกให้เขาออกไปรอตอนนี้เลย มันจะไม่ใจร้อนไปหน่อยเหรอ
ยิ่งไปกว่านั้นจี้เฟิงยังไม่ได้บอกเลยว่าเขาจะไปกับรถส่งของแต่หวังอี้ฉวนกลับเป็นคนตัดสินใจแทนโดยไม่ได้ถามก่อน เห็นได้ชัดว่าการกระทำของหวังอี้ฉวนดูรีบร้อนจนผิดปกติ
มันไม่ใช่แล้ว!ทันใดนั้นหัวใจของจี้เฟิงก็ขยับ แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะออกไปรอ… เขาหันไปมองหวังอี้ฉวนอย่างมีความหมาย จากนั้นนั้นก็หันหน้าไปพูดกับหลี่ลู่หนานที่อยู่ตรงหน้าเขา “คุณตำรวจจราจรหลี่ ในเมื่อวันนี้คุณมาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจดังนั้นวันนี้คุณควรรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของพวกเราด้วยใช่มั้ย”
หลี่ลู่หนานเหลือบมองจี้เฟิงด้วยความระแวดระวังทันที“คุณจะเล่นลูกไม้อะไรอีก”
ในสายตาของเธอลูกเศรษฐีอย่างจี้เฟิงแทบไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องจากตำรวจยิ่งไปกว่านั้นเธอได้เห็นสมรรถภาพที่แข็งแกร่งของจี้เฟิงมาแล้วครั้งหนึ่ง คนแบบเขาสามารถปกป้องตัวเองได้สบายๆ แล้วจู่ๆทำไมถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
นอกจากต้องการจะกวนตีนแล้วหลี่ลู่หนานก็คิดไม่ออกว่าจี้เฟิงมีเหตุผลอื่นใดนอกจากนี้!
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย“ฉันจะเล่นลูกไม้อะไรได้ ฉันแค่อยากให้คุณตำรวจหลี่คอยปกป้องเพื่อนของฉันแค่สักพักหนึ่งก็พอ บางทีหลังจากนี้อาจจะมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้น ในฐานะตำรวจคุณคงจะไม่ยืนดูเฉยๆใช่มั้ย”
“อันตรายอะไร”หลี่ลู่หนานทั้งสงสัยทั้งแปลกใจ ที่นี่มันร้านเฟอร์นิเจอร์ มันจะเกิดเรื่องอันตรายอะไร?
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า“ฉันแค่บอกว่า ‘บางที’ ถ้ามันมีอันตรายคุณจะช่วยปกป้องเพื่อนของฉันได้มั้ย”
จางเล่ยที่อยู่ข้างๆเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขากลับถูกจี้เฟิงขัดจังหวะ“เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่นายจะเอาแต่ใจไม่เช่นนั้นนายจะกลับไปตั้งแต่ตอนนี้เลยหรือว่าจะยอมรับการคุ้มครองของตำรวจ ฉันให้นายเลือกเองก็แล้วกัน!”
จางเล่ยถึงกับชะงักความรู้สึกตอนนี้ของเขามันอึดอัดมากถ้าเขากลับไปตั้งแต่ตอนนี้ก็ไม่ต่างจากการทิ้งเพื่อนแบบนี้ให้เขาตายไปเลยซะยังจะดีกว่า แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นที่จะออกไปข้างนอกกับจี้เฟิงตัวเขาก็อาจจะกลายเป็นภาระที่ทำให้จี้เฟิงตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่าเดิมดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะนั่งรออยู่ที่นี่ จางเล่ยมั่นใจในทักษะการต่อสู้ของจี้เฟิง อีกอย่างก็มีตำรวจอยู่ที่นี่บางทีอาจจะไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น
ในเวลานี้หวังอี้ฉวนที่กำลังรออย่างใจจดใจจ่อรู้สึกรีบร้อนจนทนไม่ไหวและพูดขึ้นว่า“น้องชายรถกำลังจะมาแล้ว มีอะไรค่อยออกไปยืนคุยข้างนอกก็ได้”
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็หันหน้ามามองเขาอย่างเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบต่ำว่า“คุณจะเป็นรายต่อไปเมื่อฉันจัดการกับพวกนั้นเสร็จ!” เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไป
หวังอี้ฉวนเดินตามไปทันทีเขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า“น้องชายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณต้องมาจัดการกับฉันด้วยล่ะ”
จี้เฟิงรู้สึกรำคาญเขาไม่อยากจะเสียเวลาอธิบายอะไรให้มากเขาจึงพูดแค่สั้นๆ “น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ!”
“ฮ่าฮ่า…น้องชายคนนี้ชอบพูดอะไรตลกๆอยู่เรื่อย…” หวังอี้ฉวนได้แต่หัวเราะแห้งๆ แต่เมื่อเขาเห็นว่าเท้าของจี้เฟิงก้าวออกจากประตูทันใดนั้นเขาก็หันกลับมาและปิดประตูอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจี้เฟิงจะกลับเข้ามาอีกครั้ง
จี้เฟิงสังเกตเห็นทุกการเคลื่อนไหวของหวังอี้ฉวนและเขาก็หัวเราะเยาะอยู่ในใจต้องถึงขนาดปิดประตูตีแมวแบบนี้เลย คอยดูแล้วกันว่าใครจะเป็นคนตีใครจะเป็นแมว!