The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 295 มันจบแล้ว!
คุณชายจี้
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความประจบสอพลอของชิวเผิงเฟยมันก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง โดยเฉพาะหวงฉีตงและคนที่มากับเขาต่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็นอยู่ในขณะนี้
พวกเขากำลังดูอะไรอยู่
ดวงตาอันสูงส่งที่แทบไม่เคยเหลือบมองคนที่ต้อยต่ำกว่าอย่างคุณชายชิวลูกชายของรองนายกเทศมนตรีเขตว่านเจียงกำลังยืนมองชายหนุ่มที่มีสีหน้าเรียบเฉยด้วยสายตาเหมือนลูกหมาขอความรักแถมยังเรียกเขาว่า‘คุณชายจี้’
โดยไม่รู้ตัวพวกเขาหลายคนพากันขยี้ตาเพื่อมองดูให้ชัดอีกครั้งว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นเป็นเพียงภาพลวงตาหรือเปล่า
แต่ฉากก่อนหน้านี้เป็นการยืนยันที่ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้ดูผิดนับประสาอะไรกับสิ่งที่ได้ยินมันจะผิด ตอนนี้คุณชายชิวยืนอยู่หน้าชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอแถมแววตายังเต็มไปด้วยความหวังราวกับรอคอยให้ชายหนุ่มสีหน้าเรียบเฉยคนนี้ตอบสนองเขาแม้เพียงแค่เหลือบมองก็ยังดี
นี่มันจะพลิกล็อคเกินไปแล้ว!
พวกเขาเกือบทุกคนรู้สึกราวกับว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่นี้เป็นเพียงความฝันลูกชายของรองนายกเทศมนตรีเขตว่านเจียงแห่งเจียงโจวเมื่อเทียบกับที่อื่นก็ไม่ต่างจากรองนายกเทศมนตรีของเมืองๆหนึ่งเลย แต่ทำไมคุณชายที่เป็นลูกของรองนายกเทศมนตรีถึงได้มีทีท่าประจบประแจงชายหนุ่มที่ดูไม่ได้มีอะไรเลยคนนี้
เป็นไปได้ยังไง!
ประโยคนี้ผุดขึ้นมาในหัวของทุกคนมันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากจริงๆ และมันก็ยากเกินกว่าที่จะเข้าใจ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่หวงฉีตงและคนอื่นๆตื่นตะลึงตกอกตกใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วหัวใจของพวกเขากลับเต้นรัวมากยิ่งขึ้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้จางเก๋อหลานได้พูดอะไรออกไปบ้าง
เด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา..เพราะแม้แต่ชิวเผิงเฟยยังต้องเคารพนบนอบและประจบประแจงอย่างออกนอกหน้าขนาดนี้ แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังของเขาจะยิ่งใหญ่มากแค่ไหน!
หวงฉีตงนึกถึงคำพูดของเขาที่แสดงทัศนคติของตัวเองที่มีต่อจี้เฟิงอย่างชัดเจนว่ามันเลวร้ายมากขนาดไหนมาคิดดูดีๆนอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องที่เขาส่งจางเก๋อหลานและหัวหน้าซูมาก่อกวนบริษัทนี้อีก… ความเย็นยะเยือกไหลผ่านกระดูกของเขาไปทั่วร่างกาย ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ เลือดบนใบหน้าของหวงฉีตงค่อยๆจางหายไปทีละน้อย หลังจากนั้นไม่นานเขาดูเหมือนคนที่วิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว พละกำลังของร่างกายก็ดูเหมือนจะหมดลงในทันที จางเก๋อหลานและหัวหน้าซูได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างในเวลานี้ทั้งสองคนต่างเบิกตากว้างพร้อมๆกัน พวกเขาจ้องมองไปยังเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อและเริ่มรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
เป็นไปได้ยังไงทำไมเรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้?!
จางเก๋อหลานได้แต่จ้องมองไปที่จี้เฟิงอย่างโง่ๆแม้เขาจะรู้สึกว่าภูมิหลังของจี้เฟิงอาจจะไม่ใช่เล็กๆ แต่เขาก็มั่นใจมากว่าภูมิหลังของจี้เฟิงไม่มีทางที่จะใหญ่ไปกว่าชิวเผิงเฟยผู้ซึ่งไม่เคยเหลือบมองคนต้อยต่ำให้เสียสายตา แต่จู่ๆชิวเผิงเฟยคนนั้นกลับทำท่าทางประจบเด็กหนุ่มจี้เฟิงคนนี้ มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
รู้หรือไม่ว่าเวลาที่จางเก๋อหลานทักทายชิวเผิงเฟยเมื่อพวกเขามีโอกาสได้เจอกันหากทำให้ชิวเผิงเฟยหันมามองได้ก็ถือได้ว่าเป็นการทักทายกลับของชิวเผิงเฟยที่หาได้ยากยิ่งแล้ว แต่ตอนนี้… หัวหน้าซูตกใจยิ่งกว่าตอนแรกเขาก็คิดอยู่ว่าจี้เฟิงอาจจะเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่ธรรมดา แต่เพราะเงินตัวเดียวที่ทำให้เขากลายเป็นคนตาบอดจนคิดเรื่องที่ทำให้ตัวเองสบายใจว่าไม่ว่ายังไงทางฝั่งของหวงฉีตงก็คงแข็งแกร่งมากกว่าชายหนุ่มคนนี้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองคิดผิดมากมายเพียงใด
และสิ่งที่ทำให้หัวหน้าซูรู้สึกกลัวมากที่สุดนั่นก็คืออีกไม่กี่ปีข้างหน้าเขาก็จะเกษียณแล้วแต่ตอนนี้เขาได้ไปกระทำผิดต่อบุคคลที่มีอำนาจมากเช่นนี้ แล้วถ้าบุคคลดังกล่าวต้องการที่จะจัดการกับเขา ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะได้เกษียณอย่างปลอดภัยหรือเปล่า เพราะสิ่งที่เขาเคยทำและผลประโยชน์ทั้งหมดที่เขาเคยได้รับก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก!
เหล่าคุณชายทั้งหลายที่ติดตามหวงฉีตงมาด้วยต่างมีปฏิกิริยาตอบสนองไปในทิศทางเดียวกันพวกเขารู้สึกตกใจและสงสัยว่าในเวลานี้พวกเขาจะสามารถแอบหนีกลับไปก่อนได้หรือไม่ ถ้าพวกเขารู้ล่วงหน้าว่าจะมีบุคคลระดับนี้อยู่ที่นี่แม้ว่าพวกเขาจะมีความกล้ามากกว่านี้อีกกี่สิบเท่า พวกเขาก็จะไม่มีวันมา!
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาหันไปมองใบหน้าที่สงบนิ่งของชายหนุ่มจากนั้นก็มองไปที่ชิวเผิงเฟยที่กำลังยิ้มอย่างประจบสอพลอชายหนุ่มอยู่ ขาของพวกเขาก็ดูเหมือนจะหนักอึ้งและไม่สามารถก้าวออกไปไหนได้แม้แต่ครึ่งก้าว
ส่วนพนักงานบริษัทยาฉางเหอก็ตกใจไม่แพ้คนจากฝั่งของหวงฉีตงก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งจะคิดว่าบริษัทยาฉางเหอที่พวกเขาทำงานอยู่นี้มาถึงจุดจบแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเจ้านายของพวกเขาจะมีบุคคลสำคัญคนหนึ่งอยู่ข้างๆด้วย ความจริงที่พวกเขาเพิ่งได้รับรู้มานี้มันน่ากลัวมาก!
และพนักงานบางคนที่เคยดูถูกและไม่พอใจบริษัทมาก่อนก็อดไม่ได้ที่จะรำพึงในใจ… จี้เฟิงมองไปที่คุณชายชิวที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยความสับสนและรีบค้นหาภาพในความทรงจำของเขาว่าเขารู้จักคนคนนี้หรือไม่แต่หลังจากคิดอยู่พักใหญ่ๆเขาก็มั่นใจว่าเขาไม่เคยรู้จักกับชายคนนี้มาก่อน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณชายชิวคนนี้เป็นใคร
คุณรู้จักฉันเหรอ จี้เฟิงถามเสียงเรียบ เขาไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีเป็นยังไงหรือคุณชายชิวจะเป็นใคร เขาสนใจแค่ว่าเขาจะต้องจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ได้ และคนที่ชื่อหวงฉีตง เขาจะไม่มีวันปล่อยมันไปง่ายๆ เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก สิ่งที่เขาติดใจก็แค่เพียงเพราะสิ่งที่พนักงานต้อนรับสาวคนนั้นหลุดพูดออกมา เขาจะต้องถามอย่างละเอียดกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
แน่นอนสิครับแต่คุณชายจี้อาจจะจำน้องชายคนนี้ไม่ได้… เมื่อได้ยินจี้เฟิงพูดกับเขาสีหน้าของชิวเผิงเฟยก็เต็มไปด้วยความสุข คือตอนนั้นน้องชายคนนี้ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่ถูกจัดขึ้นโดยคุณชายหลี่ แล้วน้องชายได้บังเอิญเห็นฉากที่คุณชายจี้แสดงพลังออกมาพอดี เลยรู้สึกประทับใจมาก…
งานเลี้ยงต้อนรับคุณชายหลี่… หลังจากคิดเล็กน้อยจี้เฟิงก็เข้าใจ เขากล่าวว่า อ้อ! คุณหมายถึงงานเลี้ยงต้อนรับที่หลี่เว่ยตงจัดขึ้นที่หลินจิงคลับเฮาส์หรือเปล่า?
ใช่ครับใช่! ชิวเผิงเฟยรีบพูดเสริม ตอนนั้นคุณชายจี้อยู่กับประธานจี้
จี้เฟิงได้ยืนยันแล้วว่าสิ่งที่ชิวเผิงเฟยพูดนั้นเป็นความจริงเพราะในเวลานั้นเขาและพี่รองได้ไปงานเลี้ยงที่ถูกจัดโดยหลี่เว่ยตงจริงๆและหลังจากนั้นเขาได้จัดการกับคน 5 คนรวมถึงเฉียวเจียไคก่อนที่พวกเขาจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
เท่าที่จี้เฟิงจำได้มีคนจำนวนมากเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนั้น และความสนใจของเขาได้วางไว้ที่เฉียวเจียไคและคนของเขาทั้งหมด จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่ทันได้สังเกตว่าชิวเผิงเฟยก็อยู่ในงานนั้นด้วย อันที่จริงต่อให้เขาจะสังเกตเห็นแต่เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าคนคนนี้คือชิวเผิงเฟย
ฉันจำได้ จี้เฟิงมองเขาอย่างเฉยเมย แล้วคุณมาที่นี่ทำไม…
เม็ดเหงื่อเย็นๆของชิวเผิงเฟยผุดขึ้นมาอีกครั้งเขาคิดแต่จะเข้าหาจี้เฟิงโดยลืมจุดประสงค์หลักที่เขามาที่นี่ เขามากับหวงฉีตงเพื่อช่วยสนับสนุนเขา เมื่อได้ยินสิ่งที่จี้เฟิงเอ่ยถามออกมา หัวใจของชิวเผิงเฟยก็แทบร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เอ่อ..คุณชายจี้ น้องจะไม่ปิดบังใดๆทั้งสิ้น น้องจะพูดตามตรงเลยแล้วกันนะครับ ที่น้องมาที่นี่ในวันนี้เป็นเพราะถูกหวงฉีตงพูดจาโน้มน้าว เพื่อมาช่วยเหลือเขา… ชิวเผิงเฟยตัดสินใจที่จะพูดความจริง ถึงอย่างไรต่อให้เขาคิดจะปิดบัง ก็คงหาเหตุผลที่เหมาะสมไม่ได้อยู่ดี สู้พูดตามตรงไปแต่แรกเลยจะดีกว่า แต่ถ้าน้องรู้ว่าคุณชายจี้อยู่ที่นี่ ต่อให้ตีให้ตายผมก็จะไม่มาช่วยเขาอย่างเด็ดขาด!
ทันทีที่เขาพูดออกมาเช่นนี้สีหน้าของหวงฉีตงก็ซีดลงทันที รวมถึงนายน้อยคนอื่นๆก็รู้สึกสั่นสะท้านอยู่ในใจ
ใช่แล้ว!พวกเขามาที่นี่เพราะมีจุดประสงค์เดียวกันนั่นก็คือให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนหวงฉีตง และถ้าหากคุณชายจี้คนนี้ทำการสอบสวนเกิดขึ้น…
ทันใดนั้นนายน้อยเหล่านี้ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก มันทำให้พวกเขาเบิกตากว้าง
ที่โต๊ะอาหารตอนที่พวกเขานั่งดื่มเหล้ากันก่อนที่จะมาที่นี่เหมือนชิวเผิงเฟยกำลังคุยอวดถึงประสบการณ์ในการเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรสักอย่างไม่ใช่หรือ และในบรรดาคนที่น่าหวั่นเกรงมากที่สุดภายในงานนั้นดูเหมือนจะเป็นชายที่มีสกุลจี้….
แล้วผู้ชายตรงหน้าพวกเขาตอนนี้ที่ถูกชิวเผิงเฟยเรียกว่าคุณชายจี้… ปรากฏว่าเขาคือ..!!
นายน้อยทั้งหลายต่างมีเหงื่อออกท่วมบางคนถึงกับปวดท้องจากความเครียดอย่างกะทันหัน อะไรมันจะแจ็คพอตขนาดนี้วะเนี่ย!กล้ากับใครไม่กล้า ดันมากล้ากับคุณชายที่สูงสุดของเจียงโจว!
นายน้อยเหล่านี้แทบจะหมดเรี่ยวแรงและทรุดลงกับพื้น
ฮ่าฮ่า! จี้เฟิงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
อย่างไรก็ตามชิวเผิงเฟยผู้ซึ่งคอยเฝ้าสังเกตอารมณ์และการแสดงออกของจี้เฟิงอย่างใกล้ชิดพบว่าจี้เฟิงไม่ได้โกรธนี่ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ดี!
เขารีบพูดขึ้นทันทีว่า คุณชายจี้ น้องชายคนนี้รู้กฎดี เรื่องที่เกิดในวันนี้ผมก็มีส่วนผิด ดังนั้นหากคุณชายจี้มีคำแนะนำใดๆ น้องชายคนนี้จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อจัดการกับมัน นอกจากนี้เพื่อเป็นการแสดงความรู้สึกผิดอย่างจริงใจ ผมจะขอจัดโต๊ะเพื่อเลี้ยงอาหารและเหล้าอย่างเปิดเผยพร้อมกับคำขอโทษ!
จี้เฟิงอดหัวเราะไม่ได้ชิวเผิงเฟยคนนี้ฉลาดจริงๆ เขารู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่จี้เฟิงจะยอมรับการขอโทษด้วยการร่วมงานเลี้ยงเหอโถว แต่ก็ยังพูดออกมา นับว่าเป็นคนที่หัวหมอจริงๆ!
สิ่งที่เรียกว่างานเลี้ยงเหอโถวเดิมทีเป็นกฎของเต๋าเมื่อมีฝ่ายหนึ่งยอมรับความผิด จะขอเชิญอีกฝ่ายเพื่อรินเหล้าให้และต้องทำการยอมรับผิดหรือขอโทษต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีหน้ามีตาเป็นอย่างมาก และฝ่ายที่ยอมรับผิดจะต้องทำตามเงื่อนไขที่อีกฝ่ายกำหนด
ต่อมากฎนี้ค่อยๆแพร่กระจายออกไปและกลายเป็นที่นิยมในหมู่คุณชายหรือเหล่ามาเฟียต่างๆจี้เฟิงเคยได้ยินจางเล่ยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเข้าใจได้ในทันที
แต่โดยธรรมชาติแล้วจี้เฟิงไม่สามารถยอมรับเหอโถวของชิวเผิงเฟยได้เพราะในสายตาของคนภายนอกตัวตนของทั้งสองฝ่ายเทียบกันไม่ได้เลย งานเลี้ยงเหอโถวของชิวเผิงเฟยอาจถูกมองว่าถูกบังคับขู่เข็ญโดยจี้เฟิง ซึ่งด้วยเหตุผลนี้ก็เท่ากับว่าจี้เฟิงจะไม่ได้หน้าอะไรเลย สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือ‘เป็นคนใหญ่คนโต’ ให้กับหวงฉีตงสักพัก
เหล้าเหอโถวไม่จำเป็น! จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและโบกมือ แต่ถ้าคุณสามารถทำอะไรบางอย่างให้ฉันได้ ฉันจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันนี้ ไม่แน่บางทีในอนาคตเราอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้ คุณคิดว่าไง?
โอ้ว!คุณชายจี้ ขอบคุณมากครับคุณชายจี้! ชิวเผิงเฟยดีใจมาก หลังจากก้มหัวไปสองสามครั้งเขาก็ยืดตัวตรงพร้อมกับตบหน้าอกตัวเองอย่างแรงและกล่าวว่า ขอแค่คุณชายจี้เอ่ยปากมา ตราบใดที่น้องชายคนนี้สามารถทำได้ จะไม่ทำให้คุณชายจี้ต้องผิดหวังอย่างแน่นอน!
ชิวเผิงเฟยไม่ใช่คนโง่ถ้าเขาทำสิ่งนี้ให้จี้เฟิงได้สำเร็จ เขาอาจจะได้มีความสัมพันธ์กับจี้เฟิงก็เป็นได้ และเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นในวันนี้จะกลายเป็นเรื่องดี ถ้าพ่อของเขารู้เรื่องนี้จะต้องรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก!
นายน้อยคนอื่นๆต่างมองชิวเผิงเฟยด้วยความอิจฉาเพียงชั่วพริบตาทำไมเขาถึงได้เข้าหาคุณชายจี้ได้สำเร็จ
ชายที่แก่กว่าเขาแม้จะไม่กี่ปี แต่เรียกแทนตัวเองว่าน้องชาย มันทำให้จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก แต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
ก่อนจะพูดถึงเรื่องอื่นฉันขอถามเรื่องเกี่ยวกับหวงฉีตงก่อน จี้เฟิงชี้ไปที่หวงฉีตงที่กำลังยืนตัวสั่น ใบหน้าของเขาแทบไม่มีสีเลือดหลงเหลืออยู่แล้วในตอนนี้ ได้ยินมาว่าพ่อของเขาเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยาเหรอ
ชิวเผิงเฟยเป็นคนที่คิดอะไรอย่างละเอียดรอบคอบเมื่อได้ยินจี้เฟิงพูดออกมาเช่นนี้ เขาก็เข้าใจทันทีว่าจี้เฟิงต้องการอะไร เขาจึงพยักหน้าทันที ใช่แล้วครับ พ่อของหวงฉีตงคือหวงเจิ้งฟา เป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยาเขตว่านเจียง
ส่วนพ่อของคุณเป็นรองนายกเทศมนตรีเขตว่านเจียง จี้เฟิงถามอีกครั้ง
ใช่ครับ! ชิวเผิงเฟยพยักหน้าทันที เขาจะปล่อยให้จี้เฟิงพูดต่อได้อย่างไร เขารีบพูดด้วยเสียงอันดังว่า คุณชายจี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในขอบเขตอำนาจของพ่อผม ส่วนพ่อของหวงฉีตงก็เป็นเจ้าหน้าที่ในเขตการดูแลของพ่อผม เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ผมรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมากที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่น้องชายคนนี้รู้ดีว่าการปฏิบัติตามกฎหมายและต่อสู้กับเหล่าคนชั่วเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน ดังนั้นน้องชายคนนี้จะเป็นคนรายงานเรื่องนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบทันที!
โดยไม่รอให้จี้เฟิงต้องเอ่ยปากบอกชิวเผิงเฟยก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที เขาโทรหาคณะกรรมการตรวจสอบวินัยและรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าทุกคน นี่ใช่สายด่วนสำหรับรายงานเกี่ยวกับการผิดวินัยของเจ้าหน้าที่หรือเปล่า ฉันอยากจะรายงานเรื่องของรองผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยาหวงเจิ้งฟาและหวงฉีตงลูกชายของเขา…. ตุ้บ!
การโทรรายงานของชิวเผิงเฟยยังไม่ทันเสร็จร่างกายของหวงฉีตงก็สั่นไหวและอ่อนยวบทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง