The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 296 สะสาง
หวงฉีตงตัวสั่นงันงกความหวาดกลัวทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงจนไม่สามารถยืนต่อไปได้จนต้องทรุดลงไปกับพื้นด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
อย่างไรก็ตามเมื่อชิวเผิงเฟยคุยโทรศัพท์เสร็จเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าจี้เฟิงและพูดว่า คุณชายจี้ ผมรายงานเรื่องนี้ไปยังสำนักงานตรวจสอบวินัยเรียบร้อยแล้วและได้แจ้งความกับตำรวจไปด้วยว่ามีคนก่อความวุ่นวายให้กับบริษัทยาฉางเหอ…
เปรี้ยง!!
เมื่อได้ยินเรื่องนี้หวงฉีตงก็รู้สึกเหมือนว่าเขาได้ถูกฟ้าผ่าลงกลางตัวแบบเต็มๆ เขาได้แต่ตกตะลึงตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น!
แต่จู่ๆไม่รู้ว่าได้เรี่ยวแรงมาจากไหนเขารีบลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งตรงไปตรงหน้าจี้เฟิงจากนั้นก็คุกเข่าลง และตบหน้าตัวเองอย่างแรง แม้ว่าการกระทำของหวงฉีตงจะเป็นการตบเข้าที่ใบหน้าของตัวเองแต่ทั้งหัวหน้าซูและจางเก๋อหลานต่างจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าจนตากระตุก พร้อมกับมีอาการร้อนผ่าวเกิดขึ้นบนใบหน้า ราวกับว่าพวกเขาก็โดนตบหน้าไปด้วย
คุณชายจี้ผมผิดไปแล้ว ผมมันเป็นสัตว์นรก ผมไม่ควรมีความคิดชั่วๆและมาก่อกวนบริษัทยาฉางเหอแบบนี้เลย คุณชายจี้โปรดให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะไม่ทำเรื่องชั่วๆแบบนี้อีกต่อไป… หวงฉีตงรู้สึกเสียใจต่อการกระทำของตัวเองเป็นที่สุด ทำไมฉันถึงต้องโลภมาก ทำไมถึงได้ทำเรื่องโง่ๆไปยุ่งกับบริษัทยาฉางเหอด้วย!
เขารู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าพอที่จะให้ใครมาตรวจสอบเขาเพราะแค่ความผิดที่เขาเคยทำมาก็เพียงพอแล้วที่เขาจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกและแม้แต่ข้าวแดงก็คงไม่มีให้กิน!
เมื่อหัวหน้าซูและจางเก๋อหลานเห็นว่าหวงฉีตงยังกลายเป็นแบบนี้พวกเขาทั้งสองก็ไม่อาจยืนดูเฉยๆได้ พวกเขารีบก้าวเข้าไปหาจี้เฟิงและคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นพวกเขาก็ตบหน้าตัวเองคนละสองครั้ง พร้อมกับพูดขอร้องอ้อนวอน
จี้เฟิงไม่แม้แต่จะเหลือบมองพวกเขาเลยเขาเพียงแค่พูดกับชิวเผิงเฟยอย่างไม่แยแส ดูท่าคงต้องให้คุณช่วยจัดการหน่อยแล้วล่ะ อย่าให้พวกเขามายุ่งเกี่ยวกับบริษัทนี้อีกโดยเด็ดขาด!
ชิวเผิงเฟยพยักหน้าและพูดว่า ครับคุณชายจี้ ผมรู้วิธีจัดการ
ชิวเผิงเฟยหันหลังกลับทันทีและจ้องมองไปยังกลุ่มนายน้อยทั้งหลายที่กำลังตะลึงงัน ไอ้พวกโง่! ยืนบื้ออะไรกันอยู่ล่ะ ทำไมไม่เข้ามาช่วย ห๊ะ!
เสียงตะคอกเหมือนกับได้ปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้นจากภวังค์และทันใดนั้นพวกเขาก็มีอาการตอบสนองอย่างรวดเร็ว พวกเขารีบก้าวไปข้างหน้าและพาตัวหวงฉีตง จางเก๋อหลานและหัวหน้าซูออกไปทันที ชิวเผิงเฟยยังคงส่งเสียงคำรามอยู่ไกลๆ จับไว้ให้ดีอย่าให้พวกเขาหนีไปได้ คนพวกนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีก่ออาชญากรรมและสร้างความวุ่นวายให้ผู้อื่น ถ้าปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้ฉันจะคอยดูว่าพวกนายจะอธิบายเรื่องนี้กับ… ยังไง!
เขาไม่กล้าเอ่ยชื่อจี้เฟิงออกมาไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้ผู้อื่นคิดได้ว่าจี้เฟิงกำลังรังแกผู้อื่นและจงใจใส่ร้ายหวงฉีตงกับคนอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าชิวเผิงเฟยจะต้องการพูดถึงจี้เฟิง แต่เขาก็ยังไม่รู้จักชื่อของจี้เฟิงเลย
หลังจากที่ชิวเผิงเฟยและคนอื่นๆออกไปแล้วจี้เฟิงก็หันหน้ามาและยิ้มให้กับเซียวฉางเหอ คุณลุงเซียว ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับระบบการทำงานในรูปแบบบริษัทมากนัก ดังนั้นหลังจากนี้ผมขอไม่เข้าไปยุ่งแล้วกันนะครับ
เซียวฉางเหอพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า อืม ดูเหมือนว่าตอนนี้ถึงเวลาที่ฉันควรจะจัดการปัญหาบางอย่างภายในบริษัท จากเหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เห็นได้ว่าบริษัทยาฉางเหอมีข้อบกพร่องบางประการในการจัดการดำเนินงานภายในบริษัทและข้อบกพร่องที่เห็นได้อย่างชัดเจนและเป็นปัญหาที่ใหญ่สุดก็คือพนักงานของบริษัท
คุณภาพโดยทั่วไปของพนักงานเหล่านี้ไม่สูงมากและบางคนไม่ได้มีความภักดีต่อบริษัทเลยแม้แต่น้อยไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่แสดงสีหน้าเหยียดหยามทันทีเมื่อเห็นว่าบริษัทมีปัญหาเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกันภายในใจของเซียวฉางเหอก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าด้วยสถานะของจี้เฟิง การจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยนั้นง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก แต่เขาคาดไม่ถึงว่านอกจากหวงฉีตงที่ไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด้อะไรควรทำไม่ควรทำ คุณชายคนอื่นๆก็ไม่กล้าโต้แย้งคำพูดของจี้เฟิง โดยเฉพาะเมื่อชิวเผิงเฟยจำจี้เฟิงได้ สถานการณ์ก็พลิกผันไปในทันที
หวงฉีตงที่เดิมทีมาด้วยความมั่นใจและเต็มไปด้วยพลังอำนาจกำลังจะกลายเป็นนักโทษรวมถึงจางเก๋อหลานและหัวหน้าซูก็กำลังจะพบจุดจบในแบบเดียวกัน
ตั้งแต่ต้นจนจบจี้เฟิงแค่ถามคำถามไม่กี่ข้อก็ทำให้ชิวเผิงเฟยรับหน้าที่จัดการกับหวงฉีตงได้ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มอย่างจี้เฟิงสามารถใช้พลังเล็กๆน้อยที่อยู่ในมือของเขาได้อย่างดี แต่เขาผู้ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทนี้แท้ๆแต่แทบจะไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกทอดถอนใจได้อย่างไร
ในตอนนั้นเองผู้จัดการหลินเซิงผิงและพนักงานคนอื่นๆกลับมามีสติและเริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
แต่นอนว่าพวกเขาทุกคนรู้จักเซียวหยูซวนเธอเป็นลูกสาวของเจ้านายก็เท่ากับเป็นคุณหนูใหญ่ของพวกเขาด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีใครรู้จักจี้เฟิง ในสายตาของพนักงานเหล่านี้จี้เฟิงยังเด็กเกินไป เขาดูเหมือนเพิ่งอยู่ในวัยของนักเรียนนักศึกษาแต่ก็ในแง่ของอายุเท่านั้น อันที่จริงเมื่อมองแวบแรกไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าจี้เฟิงยังเป็นนักเรียนนักศึกษาอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปร่างที่สูงสง่าดูแข็งแรงกำยำและอารมณ์ที่สงบนิ่งของเขา มันง่ายที่จะทำให้คนอื่นๆมองข้ามอายุที่แท้จริงของเขาไปและเหลือไว้แค่เพียงความรู้สึกยำเกรง
หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นแฟนของคุณหนูใหญ่ พนักงานเหล่านี้อดไม่ได้ที่จะคาดเดาอยู่ในใจ หากเป็นอย่างที่พวกเขาคิดจริงๆดูเหมือนว่าบริษัทยาฉางเหอกำลังจะพัฒนาไปอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้พวกเขาคิดแบบนั้น เพราะเมื่อครู่นี้หวงฉีตงเพิ่งจะอวดอ้างว่าตนเองเป็นลูกชายของรองผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยา แต่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่แม้แต่จะเห็นเขาอยู่ในสายตา เพียงแค่ถูกชายอีกคนหนึ่งจำได้ หวงฉีตงก็ตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชในพริบตา
แล้วตัวตนของเด็กหนุ่มจี้เฟิงคนนี้จะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันล่ะ ความอยากรู้อยากเห็นของพนักงานในบริษัทก็ลุกโชนขึ้นมาทันทีทุกคนต่างกระซิบกระซาบกัน
แต่หลินเซิงผิงกลับมีความรู้สึกที่แตกต่างกันอยู่ภายในใจเขาเหลือบมองจี้เฟิงด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน จากนั้นก็หันไปมองเซียวหยูซวนที่กำลังมองจี้เฟิงด้วยแววตาอ่อนโยนและมีความสุข เพียงเท่านั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับมีบางอย่างขาดหายไปจากหัวใจของเขา แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดหวังแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเศร้า
เซียวฉางเหอกวาดสายตามองดูพนักงานของเขาด้วยใบหน้าที่สงบ ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่ ฉันก็คงไม่ต้องเรียกประชุมให้เสียเวลา เอาเป็นว่าเราจะประชุมกันตรงนี้เลยก็แล้วกัน!
มีเพียงผู้จัดการหลินจี้เฟิงและเซียวหยูซวนเท่านั้นที่พอจะเข้าใจคำพูดที่คลุมเครือของเซียวฉางเหอว่าทำไมจู่ๆเขาถึงต้องการเรียกประชุม
จากเหตุการณ์ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าคุณภาพของพนักงานบางคนมันแย่มากจริงๆและคนแบบนี้จะอยู่ในบริษัทต่อไปอีกไม่ได้
เซียวฉางเหอไม่แม้แต่จะมองหาเก้าอี้เพื่อนั่งลงเขายืนอยู่ที่ประตูและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า บอกตามตรง ฉันผิดหวังมากกับการแสดงออกของพวกคุณในวันนี้!
คำพูดของเซียวฉางเหอทำให้พนักงานเหล่านี้รู้สึกประหลาดใจแต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกผิดและละอายใจ
สำหรับผู้ที่ละเลยหน้าที่และออกจากงานโดยไม่ได้รับอนุญาตโปรดส่งจดหมายลาออกภายในสามวัน ตามสัญญาจะถือว่าบริษัทเป็นฝ่ายไล่ออก ดังนั้นฉันจะจ่ายเงินเดือนให้พวกคุณอีกสองเดือน ประโยคที่สองของเซียวฉางเหอทำให้พนักงานตกใจทันที แต่พวกเขากลับพูดอะไรไม่ออก เจ้านายต้องการจะไล่พวกเขาออกและเป็นไปตามสัญญาทุกประการ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับมัน
แน่นอนว่าหลายคนรู้สึกเสียใจทำไมก่อนหน้านี้พวกเขาถึงไม่เลือกฝั่งที่ถูกต้อง!
ตอนนี้ใครๆก็เห็นแล้วว่าบริษัทยาฉางเหอนั้นกำลังจะมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอนพวกเขาคงได้แต่โทษตัวเองที่สองจิตสองใจเมื่อเห็นว่าบริษัทกำลังเจอกับปัญหา
จากสั้นเซียวฉางเหอก็ประกาศแต่งตั้งบุคลากรอีกหลายคนจี้เฟิงที่อยู่ข้างๆก็ยืนฟังอย่างตั้งใจ
ตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะเริ่มต้นธุรกิจแล้วเขาก็ควรที่จะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้เอาไว้ ความสามารถของเซียวฉางเหอในการดูแลและพัฒนาบริษัทที่เริ่มต้นจากศูนย์จนมาถึงปัจจุบันนี้ได้ย่อมต้องมีจุดแข็งของเขาอย่างแน่นอน
ในขณะที่เซียวฉางเหอกำลังจัดการระบบระเบียบภายในบริษัทอยู่จี้เฟิงก็เห็นชิวเผิงเฟยกำลังจะเดินเข้ามาทางประตูด้วยท่าทางระมัดระวัง
จี้เฟิงทำท่าบางอย่างให้เขาชิวเผิงเฟยก็เข้าใจในทันที เขายิ้มเล็กน้อยและยืนรออยู่ที่ประตู ในเวลานี้คุณชายน้อยอีกหลายคนก็เข้ามาพูดคุยกับชิวเผิงเฟยด้วยเสียงกระซิบที่ยืนอยู่ตรงประตูพวกเขาเหลือบมองมาทางจี้เฟิงเป็นครั้งคราว
เห็นได้ชัดว่าประเด็นสำคัญในการสนทนาคือจี้เฟิง
คุณชายน้อยเหล่านี้อดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาโชคดีมากที่ตอนมาถึงที่นี่พวกเขาไม่ได้อาละวาดมากเกินไปไม่เช่นนั้นชะตากรรมของพวกเขาคงไม่ได้ดีเท่าตอนนี้
จี้เฟิงไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ตั้งแต่เห็นชิวเผิงเฟยและคนอื่นๆกลับมาก็พอจะรู้แล้วว่าคนของหน่วยงานตรวจสอบวินัยได้นำตัวหวงฉีตงและอีกสองคนไปแล้ว จี้เฟิงเชื่อว่าชิวเผิงเฟยไม่กล้าละเลยเรื่องนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงทำให้เขาโล่งใจขึ้นมาก
เมื่อเซียวฉางเหอเสร็จสิ้นการประชุมเขาก็ส่งเรื่องต่อให้กับแผนกบุคคลเพื่อจัดการที่เหลือ เขาหันหน้ามาและยิ้ม เสี่ยวเฟิง รออีกครู่หนึ่งได้มั้ย จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย ได้ศึกษาจากลุงเซียวในระยะประชิดแบบนี้ ผมยินดีให้ลุงเซียวเรียกประชุมอีกรอบเลยครับ!
เจ้าเด็กนี่! เซียวฉางเหอหัวเราะ เรื่องก็ได้รับการแก้ไขแล้วอารมณ์ของเขาค่อยๆดีขึ้นกว่าเดิมมาก เสี่ยวเฟิง เธอรออยู่แถวๆนี้กับซวนซวนก่อนนะ ฉันมีเอกสารต้องไปจัดการอีกนิดหน่อย เรื่องภายในวันนี้ฉันอยากจะจัดการมันให้เรียบร้อยไปเลย!
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยเขาก็มีบางอย่างที่ต้องทำเช่นกัน!
หยูซวน! จี้เฟิงขยิบตาให้เซียวหยูซวน
เซียวหยูซวนเข้าใจในทันทีเธอหันหลังกลับและไปดึงพนักงานต้อนรับที่ได้แต่ยืนเงียบ เซียวหยูซวนยิ้มและพูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า ไปกันเถอะ เราเข้าไปข้างในกัน!
ในหน้าของจี้เฟิงกลายเป็นมืดมนสิ่งที่พนักงานต้อนรับพูดออกมาก่อนหน้านี้ทำให้จี้เฟิงโกรธมาก เกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวของเธอ เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่างจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกลียดหวงฉีตงมากขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเองหมดแล้วจี้เฟิงก็โบกมือให้ชิวเผิงเฟย
ดวงตาของชิวเผิงเฟยสว่างขึ้นเขาไม่ได้ทำทุกอย่างนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับจี้เฟิงหรอกหรือ ตอนนี้จี้เฟิงกำลังกวักมือเรียกเขา นั่นก็หมายความว่าเขาได้อยู่ในสายตาของจี้เฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย
คุณชายจี้มีอะไรที่น้องชายคนนี้พอจะช่วยได้หรือเปล่าครับ ชิวเผิงเฟยสุภาพมาก เขาหยิบบุหรี่ออกมายื่นให้จี้เฟิงและรีบจุดไฟให้เขา
คุณอายุมากกว่าฉันเรียกฉันว่าจี้เฟิงก็พอ! จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม สำหรับการคบหากับคนเช่นนี้ ถึงแม้จะไม่ได้มีมิตรภาพที่ลึกซึ้ง แต่เขาก็ยังคงต้องการการให้เกียรติและได้หน้า บริษัทยาฉางเหออยู่ในเขตว่านเจียง ชิวเผิงเฟยจะสามารถช่วยเหลือดูแลได้ในบางส่วน ตามคำกล่าวที่ว่าผู้นำระดับสูงดูแลได้ไม่ดีเท่าผู้นำในพื้นที่ที่ดูแลรับผิดชอบโดยตรง ความจริงข้อนี้จี้เฟิงรู้ดี
ชิวเผิงเฟยเผยสีหน้าราวกับว่าเขาเพิ่งได้รับรางวัลใหญ่เขายิ้มกว้างทันทีและรีบพูดว่า ผมเรียกแบบนั้นไม่ได้หรอก ผมขอเรียกคุณชายจี้ดีกว่า
จี้เฟิงไม่ยืนกรานอีกต่อไปเขายิ้มและถามว่า คุณมีนามบัตรให้ฉันรึเปล่า
ชิวเผิงเฟยดีใจมากเห็นได้ชัดว่าจี้เฟิงต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อกับเขา ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบนามบัตรออกมา
เมื่อเห็นนามบัตรจี้เฟิงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ที่ปรึกษาบริษัทการค้าเฟยเฟย
จี้เฟิงรู้ว่ารัฐมีกฎระเบียบที่สมาชิกในครอบครัวใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำธุรกิจการค้าได้ก็คงเป็นชิวเผิงเฟยเองที่ทำบริษัทนี้ เพียงแต่อยู่ในนามที่แตกต่างออกไป ชิวเผิงเฟยได้แต่ยิ้มแห้งๆด้วยความเขินอายเล็กน้อย อาชีพพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องน่ะครับ แหะแหะ~!