The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 300 เจ้าของโรงงานหยาง
เมื่อทั้งสามคนกลับมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลเซียวพวกเขาก็เห็นชายวัยกลางคนและชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ กำลังรออยู่ในห้องนั่งเล่น จี้เฟิงกวาดสายตามองใบหน้าของสองคนนี้แวบหนึ่งและพบว่าสองคนนี้มีความคล้ายคลึงกันหลายส่วน เขาจึงเดาว่าสองคนนี้น่าจะเป็นพ่อลูกกัน
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของจี้เฟิงมากที่สุดคือชายหนุ่มคนนี้ถือแล็ปท็อปที่บางเฉียบเครื่องหนึ่งอยู่ในมือเขากอดมันแน่นราวกับว่ามันเป็นเด็กทารกที่ต้องได้รับการปกป้องดูแล
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นเซียวฉางเหอเซียวหยูซวนและจี้เฟิงเดินเข้ามา “เหล่าเซียว!”
“เหล่าหยาง!นายมาเร็วมาก!” เซียวฉางเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ช่วยไม่ได้เหล่าเซียวแนะนำคนมาให้ทั้งทีจะไม่ให้รีบมาได้ยังไง อีกอย่างนายก็น่าบทที่ 300 เจ้าของโรงงานหยาง
เมื่อทั้งสามคนกลับมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลเซียวพวกเขาก็เห็นชายวัยกลางคนและชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ กำลังรออยู่ในห้องนั่งเล่น จี้เฟิงกวาดสายตามองใบหน้าของสองคนนี้แวบหนึ่งและพบว่าสองคนนี้มีความคล้ายคลึงกันหลายส่วน เขาจึงเดาว่าสองคนนี้น่าจะเป็นพ่อลูกกัน
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของจี้เฟิงมากที่สุดคือชายหนุ่มคนนี้ถือแล็ปท็อปที่บางเฉียบเครื่องหนึ่งอยู่ในมือเขากอดมันแน่นราวกับว่ามันเป็นเด็กทารกที่ต้องได้รับการปกป้องดูแล
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นเซียวฉางเหอเซียวหยูซวนและจี้เฟิงเดินเข้ามา “เหล่าเซียว!”
“เหล่าหยาง!นายมาเร็วมาก!” เซียวฉางเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ช่วยไม่ได้เหล่าเซียวแนะนำคนมาให้ทั้งทีจะไม่ให้รีบมาได้ยังไง อีกอย่างนายก็น่าจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในโรงงานของฉันตอนนี้…” ชายวัยกลางคนยิ้มเจื่อนๆ “ว่าแต่คนที่นายอยากจะแนะนำให้รู้จักเป็นใครกัน”
เซียวฉางเหอยิ้มและพูดว่า“ไม่ต้องรีบร้อนไปเหล่าหยาง ฉันจะแนะนำให้นายรู้จักเดี๋ยวนี้แหละ”
เซียวฉางเหอชี้ไปที่จี้เฟิงที่อยู่ถัดจากเขาและยิ้ม“นี่คือจี้เฟิง เพื่อนของลูกสาวฉัน จี้เฟิงนี่คือเจ้าของโรงงานยาหยางเจียงโจว หยางเต๋อจ้าว”
“สวัสดีครับเถ้าแก่หยาง!”จี้เฟิงยิ้มและยื่นมือของเขาออกไปด้วยท่าทางสุภาพ ทันใดนั้นหยางเต๋อจ้าวก็ตาเป็นประกาย เขารีบยื่นมือออกไปจับกับจี้เฟิงและเขย่าอย่างกระตือรือร้น
“คุณจี้!สวัสดี!” หยางเต๋อจ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นเพื่อนของหยูซวนนี่เอง หน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว!”
“เถ้าแก่หยางไม่ต้องพูดสุภาพกับผมขนาดนั้นก็ได้ครับ!”จี้เฟิงยิ้มน้อยๆและถอยหลังไปสองก้าว นั่งลงข้างๆเซียวฉางเหอ
“สวัสดีค่ะคุณลุงหยาง!” เซียวหยูซวนพูดทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพข้างๆจี้เฟิง
“โอ้! หยูซวน!” หยางเต๋อจ้าวที่ตอนแรกรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยตอนนี้เริ่มผ่อนคลายลง เขายิ้มและพูดว่า “หยูซวน เรานี่สวยขึ้นเรื่อยๆเลยนะ แถมยังโชคดีได้แฟนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอีก ฮ่าฮ่า!”
เซียวหยูซวนยิ้มหวาน“คุณลุงหยางชมเกินไปแล้ว!”
หยางเต๋อจ้าวยิ้มและนั่งลง“เหล่าเซียว โชควาสนาของนายนี่ถือว่าดีทีเดียว เดิมทีฉันอยากจะให้พวกเราสองบ้านเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว โชคดีที่พวกเราไม่ได้ตัดสินใจทำแบบนั้น ดูเจ้าเด็กเหลือขอนี่สิ วันๆเอาแต่เล่นคอมพิวเตอร์ไม่สนใจอย่างอื่นเลย เรื่องในโรงงานก็ไม่แม้แต่จะถามถึง ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าในคอมพิวเตอร์มันมีอะไรดีนักหนา!”
หยางเต๋อจ้าวถลึงตาใส่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างอย่างหมดความอดทน“หยางหยู ทำไมยังไม่รีบสวัสดีคุณลุงเซียวอีก ไม่มีมารยาทเลย ห่างจากคอมพิวเตอร์นั่นสักวันนึงมันคงไม่หายไปไหนหรอก!”
ชายหนุ่มที่ชื่อหยางหยูเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า“สวัสดีคุณลุงเซียว สวัสดีหยูซวน!”
“เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่จริงๆเลยให้ตายเถอะ…!” หยางเต๋อจ้าวโมโหอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับพฤติกรรมของลูกชายมาก แต่เขาก็ไม่มีจะทำอย่างไรจึงได้แต่ส่ายหัวอย่างจนปัญญา
เซียวฉางเหอดูเหมือนจะรู้นิสัยของหยางหยูอยู่บ้างแล้วนอกจากเขาจะไม่รังเกียจแล้วเขายังช่วยหยางหยูพูดโน้มน้าวหยางเต๋อจ้าวว่า “เหล่าหยาง เรื่องบางเรื่องก็ปล่อยๆให้เป็นไปตามธรรมชาติบ้างก็ได้ ลูกหลานเมื่อเติบโตมาเขาจะได้หัดเรียนรู้ด้วยตัวเองและมีความคิดเป็นของตัวเอง หยางหยูเป็นคนที่ฉลาดมาตั้งแต่เด็ก เขาคงรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ในอนาคตฉันมั่นใจว่าเขาต้องเป็นคนใหญ่คนโตอย่างแน่นอน ดังนั้นเจ้าก็อย่าเข้มงวดมากนักเลย”
“เฮ้อ~!”หยางเต๋อจ้าวถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว “ฉันก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรกับเขามากนักหรอก เดิมทีฉันหวังจะส่งเขาเรียนมหาวิทยาลัยจะได้เอาความรู้กลับมาช่วยฉันบริหารจัดการโรงงาน แต่เขาก็แอบไปเรียนคณะคอมพิวเตอร์อะไรนั่น พอเรียนจบแทนที่จะไปหางานทำ เขากลับเอาแต่จมอยู่กลับหน้าจอทั้งวัน ฉันโกรธจนไม่อยากจะโกรธแล้ว!”
“พ่อ! ผมบอกพ่อไปแล้วไงว่าบริษัทพวกนั้นมันไม่เหมาะกับผม ทำไปก็เหมือนเอาเวลาไปทิ้ง ผมมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น!” ในที่สุดหยางหยูก็ตอบโต้
“เจ้าเด็กนี่!”หยางเต๋อจ้าวยกมือขึ้นและกำลังจะตีหยางหยูด้วยความโกรธ
เซียวฉางเหอเห็นดังนั้นรีบชวนคุยเรื่องอื่น“เหล่าหยาง! มาคุยธุระกันดีกว่า ฉันจะอธิบายรายละเอียดให้ฟัง!” หยางเต๋อจ้าวชะงักและเขาก็ตระหนักได้ว่าเขามาทำอะไรที่นี่ เขาพ่นลมหายใจ “ฉันก็เหนื่อยใจที่จะคุยกับเจ้าเด็กหัวรั้นนี่แล้วเหมือนกัน เหล่าเซียวบอกฉันทีว่าใครต้องการรับช่วงต่อโรงงานของฉัน”
เซียวฉางเหอยิ้มและชี้ไปที่จี้เฟิง“นี่ไง เสี่ยวเฟิงที่ฉันเพิ่งแนะนำให้นายรู้จักไป!”
“เขา!”
หยางเต๋อจ้าวตกตะลึงเขามองไปที่จี้เฟิงและอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “บอกฉันทีเหล่าเซียว ไม่ใช่ว่านายอยากจะรับช่วงต่อโรงงานจากหรอกนะ ใช่มั้ย นายถึงได้หาคนมาดูแลเอาไว้ก่อน ถึงฉันจะไม่ได้ติดขัดอะไรก็เถอะ แต่เมื่อก่อนฉันก็เล่าถึงปัญหาของฉันให้นายฟัง แต่ตอนนั้นนายก็ปฏิเสธลูกเดียวเลยว่าไม่อยากทำต่อ แล้วทำไมตอนนี้ถึง…”
เซียวฉางเหอยิ้มแล้วพูดว่า“เหล่าหยางยังเป็นคนใจร้อนไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ นายจะรอให้ฉันพูดให้จบประโยคก่อนไม่ได้เลยหรือ” “ฮะฮะ..นายพูดเลยๆ!” หยางเต๋อจ้าวยิ้มอย่างเขินอาย
“เหล่าหยางก็อย่างที่ฉันได้บอกนายไปก่อนหน้านี้แล้วนั่นแหละ แม้ว่านายจะให้ราคาที่ต่ำมากแล้ว และแน่นอนว่าฉันก็ตื่นเต้นและรู้สึกยินดีมากที่นายให้ไว้วางใจฉัน แต่อย่างไรก็ตามถ้าฉันรับโรงงานของนายมาบริหารต่อ เกรงว่าฉันคงจะทำได้ไม่ดีพอ เพราะลำพังแค่งานที่บริษัทของฉันก็ยุ่งมากแล้ว ฉันจึงไม่กล้าที่จะรับช่วงต่อจริงๆ!”
เซียวฉางเหอยื่นบุหรี่ให้หยางเต๋อจ้าวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า“ส่วนคนที่ต้องการรับช่วงต่อโรงงานของนายคือเสี่ยวเฟิง ฉันมีหน้าที่แค่เป็นคนกลางช่วยติดต่อให้เท่านั้น…”
เซียวฉางเหออธิบายเรื่องราวทั้งหมดและแน่นอนว่าเรื่องสูตรยาลดน้ำหนักของจี้เฟิงเซียวฉางเหอพูดถึงแค่คร่าวๆเท่านั้น เขาบอกหยางเต๋อจ้าวไปแค่ว่าจี้เฟิงมีสูตรยาพิเศษที่ได้ผลดีแต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดอื่นใดที่เขารับรู้มาจากจี้เฟิง ไม่ว่าความสัมพันธ์จะดีเพียงใด แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ หากเขาไม่ได้รับความยินยอมจากจี้เฟิง เซียวฉางเหอก็จะไม่พูดถึงสิ่งที่อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย
“คุณจี้ต้องการจะรับช่วงต่อโรงงานของฉันจริงๆเหรอ”หยางเต๋อจ้าวมองไปที่จี้เฟิงด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่สามารถตำหนิเขาได้เลยที่จะรู้สึกแปลกใจ นั่นเป็นเพราะจี้เฟิงยังเด็กเกินไป อายุน่าจะพอๆกับลูกชายของเขา
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า“ครับเถ้าแก่หยาง ผมสนใจโรงงานของคุณจริงๆ แต่ผมคงต้องขอไปดูโรงงานของคุณด้วยตาตัวเองก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที!”
ต่อให้เห็นแก่หน้าของเซียวฉางเหอแต่จี้เฟิงไม่มีทางที่จะรับเซ้งโรงงานต่อจากหยางเต๋อจ้าวโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนอย่างแน่นอน การทำธุรกิจไม่สามารถอาศัยความเกรงใจเป็นหลักได้
หยางเต๋อจ้าวกลับไม่มีสีหน้าของความไม่พอใจเลยแม้แต่น้อยเขาพยักหน้าทันทีและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็นแล้ว ฉันก็คิดอย่างนั้นเช่นเดียวกัน งั้นพวกเราไปดูโรงงานกันตอนนี้เลย!”
เซียวฉางเหออดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างอ่อนใจ“เหล่าหยาง นายก็พูดไม่ดูเวล่ำเวลาเลย คุยกันมาถึงขนาดนี้แล้วจะไปดูวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่หรอกมั้ง”
“ใครว่าไม่ต่างกันถ้าโรงงานนี้อยู่ในมือฉันเพิ่มอีกหนึ่งวัน มันก็เก่าลงอีกหนึ่งวัน ดังนั้นไปตอนนี้แหละดีแล้ว!” หยางเต๋อจ้าวเป็นคนใจร้อน กว่าจะเจอคนที่สนใจรับช่วงต่อไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่อเจอแล้วเขาก็ไม่สามารถอดใจรอได้อีกต่อไป! “คุณจี้ เราไปดูกันตอนนี้เลย ถ้ายังไงก็ไปทานอาหารเย็นที่บ้านของฉันเลยก็แล้วกัน!”
จี้เฟิงหันไปมองที่เซียวฉางเหอด้วยสีหน้าที่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีหยางเต๋อจ้าวเป็นคนอารมณ์ร้อนจริงๆ นิสัยเช่นนี้ไม่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจ “เสี่ยวเฟิงถ้าเธอยังไม่เหนื่อยก็ไปเถอะ เหล่าหยางเป็นคนอารมณ์ร้อนแบบนี้แหละ ถ้าเธอไม่ไปดูภายในวันนี้เกรงว่าคืนนี้เขาคงไม่สามารถข่มตาหลับได้” เซียวฉางเหอยิ้ม
“ครับไปก็ไป!” จี้เฟิงยิ้มแห้งๆ
เซียวหยูซวนที่อยู่ข้างๆรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยนี่ก็หกโมงกว่าแล้ว ท้องฟ้าข้างนอกก็กำลังจะมืด หากจี้เฟิงถูกเรียกออกไปตอนนี้เขาคงไม่ได้กินข้าวเย็นดีๆอย่างแน่นอน
แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถพูดอะไรได้ในตอนนี้ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่จ้องไปที่เซียวฉางเหอและย่นจมูกน้อยๆน่ารักของเธอเพื่อแสดงความไม่พอใจ
หลังจากนั้นหยางเต๋อจ้าวก็รีบดึงจี้เฟิงออกจากคฤหาสน์ตระกูลเซียวทำให้จี้เฟิงและคนอื่นๆพากันตกตะลึง ยกเว้นก็แต่หยางหยู ดูเหมือนเขาจะเห็นสิ่งเหล่านี้จนเคยชิน เขาเพียงแค่กอดแล็บท็อปไว้ในอกแน่นแล้วเดินตามออกไป
ระหว่างทางไปโรงงานเจียงโจวหยางจี้เฟิงได้รู้ว่าหยางเต๋อจ้างเป็นทหารผ่านศึก หลังจากที่เขาถูกปลดออกจากกองทัพเขาก็เตร็ดเตร่ในสังคมอยู่สองสามปีก่อนที่จะเริ่มทำกิจการเกี่ยวกับยาเขาและเซียวฉางเหอได้รู้จักกันในตอนนั้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโรงงานของเขาสามารถทำผลงานออกมาได้ดีหยางเต๋อจ้าวทำเงินได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการจัดการของรัฐค่อนข้างเข้มงวด แม้ว่าหยางเต๋อจ้าวจะทำขั้นตอนและได้รับการอนุมัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดแล้ว แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบมากมาย ทำให้การดำเนินงานของโรงงานยากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเซียวฉางเหอได้พยายามเพิ่มคำสั่งซื้อยาจากหยางเต๋อจ้าวเพื่อช่วยเหลือเขาแต่บริษัทยาฉางเหอก็ไม่ใช่บริษัทที่ใหญ่อะไรนัก เมื่อเทียบกันแล้วมันก็ไม่ต่างจากหยดน้ำที่หยดลงถังมันแทบไม่สามารถมีบทบาทในการชี้ขาดอะไรได้เลย
ดังนั้นในระยะหลังๆนี้โรงงานผลิตยาของหยางเต๋อจ้าวจึงแย่ลงเรื่อยๆ เขาจึงกระตือรือร้นที่ขายโรงงานให้ได้ไวที่สุด
“ในเมื่อเถ้าแก่ก็พร้อมที่จะขายโรงงานการอนุมัติต่างๆและขั้นตอนทุกอย่างก็สมบูรณ์ดี แล้วทำไมโรงงานถึงยังอยู่ในมือเถ้าแก่ล่ะ” จี้เฟิงถามด้วยความสงสัย
หยางเต๋อจ้าวถอนหายใจเบาๆและจ้องไปที่หยางหยูซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังและพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กนี่!”
เซียวฉางเหอที่อยู่ข้างๆเขาอธิบายว่า“เหล่าหยางมีลูกชายเพียงคนเดียว แม้ว่าโรงงานของเขาจะดีพร้อมทุกอย่างและเขาก็ต้องการหาคนมารับช่วงต่อโรงงานของเขาให้เร็วที่สุด แต่เขามีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกหลายข้อ อย่างแรกก็เรื่องราคา ราคาจะต้องสมเหตุสมผล อย่างที่สองคือภายใน 5 ปีตราบใดที่พนักงานในโรงงานไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดก็ไม่สามารถไล่ออกได้ และอย่างที่สาม คือหยางหยูจะต้องได้รับตำการแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการกิตติมศักดิ์ในโรงงาน อีกทั้งเงินเดือนของเขาจะต้องได้รับตามมาตรฐานตามตำแหน่งรองผู้อำนวยการด้วย!”
จี้เฟิงถึงกับอึ้งเงื่อนไขสองอย่างแรกพอรับได้ ไม่ว่ายังไงการตกลงเรื่องราคาจะต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผลต่อทั้งสองฝ่าย ส่วนเงื่อนไขข้อสอง ก็พอจะนึกออกว่าเป็นเพราะหยางเต๋อจ้าวเป็นห่วงพนักงานในโรงงาน แต่ข้อที่สาม…
ไม่จะไม่เท่ากับว่าต้องเสียเงินเปล่าๆเพื่อจ้างรองผู้อำนวยการของโรงงานโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยอย่างนั้นหรือ
เมื่อเห็นใบหน้าของจี้เฟิงหยางเต๋อจ้างก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่าย บางทีจี้เฟิงอาจจะเหมือนกันคนอื่นๆ ที่ไม่สามารถรับเงื่อนไขพวกนี้ได้
“เถ้าแก่หยางแม้ว่าผมจะยังไม่ได้เห็นโรงงานของเถ้าแก่ แต่เงื่อนไขของเถ้าแก่มัน…” จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย จะต้องใช้เงินเพื่อจ้างคนเกียจคร้านคนหนึ่ง เรื่องนี้ทำให้จี้เฟิงกลายเป็นคนโง่อย่างไม่ต้องสงสัย “คุณจี้ฉันมีหยางหยูเป็นลูกชายเพียงคนเดียว แม้ว่ามูลค่าของโรงงานนี้จะค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่าในวันข้างหน้าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก ดังนั้นการให้หยางหยูมีตำแหน่งเป็นการรับประกันครั้งสุดท้ายให้แก่เขา และเงื่อนไขข้อนี้ฉันไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอย่างเด็ดขาด!” หยางเต๋อจ้าวพูดอย่างหนักแน่น “สุขภาพร่างกายของฉันก็แย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นฉันจะต้องจัดการหยางหยูให้พร้อม”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย“ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของเถ้าแก่หยาง ไม่แปลกที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะรักและห่วงลูก… เอาล่ะ เราค่อยมาพูดถึงเรื่องนี้หลังจากเห็นโรงงานก่อน โอเคมั้ยฮะ”
หยางเต๋อจ้าวก็เข้าใจดีว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องเหล่านี้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
โดยไม่มีใครคาดคิดจู่ๆหยางหยูก็พูดขึ้นว่า “ฉันไม่ต้องการให้ใครมาคอยเลี้ยงดู แม้ว่าเทคนิคของฉันจะยังไม่สูงนัก แต่ฉันก็ไม่เหมาะที่จะเป็นรองเท้าให้ใครทั้งนั้น วิศวกรโปรแกรมมีค่ามากกว่านั้น และถ้าฉันต้องการจะทำเงิน ฉันก็สามารถทำได้ทุกเมื่อ!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงนี่มันจะไม่พูดเกินจริงไปหน่อยเหรอ”
แต่หัวใจของจี้เฟิงเต้นแรงเขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า“ทักษะเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของคุณดีมากมั้ย”
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของจี้เฟิงมากที่สุดคือชายหนุ่มคนนี้ถือแล็ปท็อปที่บางเฉียบเครื่องหนึ่งอยู่ในมือเขากอดมันแน่นราวกับว่ามันเป็นเด็กทารกที่ต้องได้รับการปกป้องดูแล
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นเซียวฉางเหอเซียวหยูซวนและจี้เฟิงเดินเข้ามา “เหล่าเซียว!”
“เหล่าหยาง!นายมาเร็วมาก!” เซียวฉางเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ช่วยไม่ได้เหล่าเซียวแนะนำคนมาให้ทั้งทีจะไม่ให้รีบมาได้ยังไง อีกอย่างนายก็น่าบทที่ 300 เจ้าของโรงงานหยาง
เมื่อทั้งสามคนกลับมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลเซียวพวกเขาก็เห็นชายวัยกลางคนและชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ กำลังรออยู่ในห้องนั่งเล่น จี้เฟิงกวาดสายตามองใบหน้าของสองคนนี้แวบหนึ่งและพบว่าสองคนนี้มีความคล้ายคลึงกันหลายส่วน เขาจึงเดาว่าสองคนนี้น่าจะเป็นพ่อลูกกัน
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของจี้เฟิงมากที่สุดคือชายหนุ่มคนนี้ถือแล็ปท็อปที่บางเฉียบเครื่องหนึ่งอยู่ในมือเขากอดมันแน่นราวกับว่ามันเป็นเด็กทารกที่ต้องได้รับการปกป้องดูแล
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นเซียวฉางเหอเซียวหยูซวนและจี้เฟิงเดินเข้ามา “เหล่าเซียว!”
“เหล่าหยาง!นายมาเร็วมาก!” เซียวฉางเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ช่วยไม่ได้เหล่าเซียวแนะนำคนมาให้ทั้งทีจะไม่ให้รีบมาได้ยังไง อีกอย่างนายก็น่าจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในโรงงานของฉันตอนนี้…” ชายวัยกลางคนยิ้มเจื่อนๆ “ว่าแต่คนที่นายอยากจะแนะนำให้รู้จักเป็นใครกัน”
เซียวฉางเหอยิ้มและพูดว่า“ไม่ต้องรีบร้อนไปเหล่าหยาง ฉันจะแนะนำให้นายรู้จักเดี๋ยวนี้แหละ”
เซียวฉางเหอชี้ไปที่จี้เฟิงที่อยู่ถัดจากเขาและยิ้ม“นี่คือจี้เฟิง เพื่อนของลูกสาวฉัน จี้เฟิงนี่คือเจ้าของโรงงานยาหยางเจียงโจว หยางเต๋อจ้าว”
“สวัสดีครับเถ้าแก่หยาง!”จี้เฟิงยิ้มและยื่นมือของเขาออกไปด้วยท่าทางสุภาพ ทันใดนั้นหยางเต๋อจ้าวก็ตาเป็นประกาย เขารีบยื่นมือออกไปจับกับจี้เฟิงและเขย่าอย่างกระตือรือร้น
“คุณจี้!สวัสดี!” หยางเต๋อจ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นเพื่อนของหยูซวนนี่เอง หน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว!”
“เถ้าแก่หยางไม่ต้องพูดสุภาพกับผมขนาดนั้นก็ได้ครับ!”จี้เฟิงยิ้มน้อยๆและถอยหลังไปสองก้าว นั่งลงข้างๆเซียวฉางเหอ
“สวัสดีค่ะคุณลุงหยาง!” เซียวหยูซวนพูดทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพข้างๆจี้เฟิง
“โอ้! หยูซวน!” หยางเต๋อจ้าวที่ตอนแรกรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยตอนนี้เริ่มผ่อนคลายลง เขายิ้มและพูดว่า “หยูซวน เรานี่สวยขึ้นเรื่อยๆเลยนะ แถมยังโชคดีได้แฟนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอีก ฮ่าฮ่า!”
เซียวหยูซวนยิ้มหวาน“คุณลุงหยางชมเกินไปแล้ว!”
หยางเต๋อจ้าวยิ้มและนั่งลง“เหล่าเซียว โชควาสนาของนายนี่ถือว่าดีทีเดียว เดิมทีฉันอยากจะให้พวกเราสองบ้านเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว โชคดีที่พวกเราไม่ได้ตัดสินใจทำแบบนั้น ดูเจ้าเด็กเหลือขอนี่สิ วันๆเอาแต่เล่นคอมพิวเตอร์ไม่สนใจอย่างอื่นเลย เรื่องในโรงงานก็ไม่แม้แต่จะถามถึง ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าในคอมพิวเตอร์มันมีอะไรดีนักหนา!”
หยางเต๋อจ้าวถลึงตาใส่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างอย่างหมดความอดทน“หยางหยู ทำไมยังไม่รีบสวัสดีคุณลุงเซียวอีก ไม่มีมารยาทเลย ห่างจากคอมพิวเตอร์นั่นสักวันนึงมันคงไม่หายไปไหนหรอก!”
ชายหนุ่มที่ชื่อหยางหยูเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า“สวัสดีคุณลุงเซียว สวัสดีหยูซวน!”
“เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่จริงๆเลยให้ตายเถอะ…!” หยางเต๋อจ้าวโมโหอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับพฤติกรรมของลูกชายมาก แต่เขาก็ไม่มีจะทำอย่างไรจึงได้แต่ส่ายหัวอย่างจนปัญญา
เซียวฉางเหอดูเหมือนจะรู้นิสัยของหยางหยูอยู่บ้างแล้วนอกจากเขาจะไม่รังเกียจแล้วเขายังช่วยหยางหยูพูดโน้มน้าวหยางเต๋อจ้าวว่า “เหล่าหยาง เรื่องบางเรื่องก็ปล่อยๆให้เป็นไปตามธรรมชาติบ้างก็ได้ ลูกหลานเมื่อเติบโตมาเขาจะได้หัดเรียนรู้ด้วยตัวเองและมีความคิดเป็นของตัวเอง หยางหยูเป็นคนที่ฉลาดมาตั้งแต่เด็ก เขาคงรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ในอนาคตฉันมั่นใจว่าเขาต้องเป็นคนใหญ่คนโตอย่างแน่นอน ดังนั้นเจ้าก็อย่าเข้มงวดมากนักเลย”
“เฮ้อ~!”หยางเต๋อจ้าวถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว “ฉันก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรกับเขามากนักหรอก เดิมทีฉันหวังจะส่งเขาเรียนมหาวิทยาลัยจะได้เอาความรู้กลับมาช่วยฉันบริหารจัดการโรงงาน แต่เขาก็แอบไปเรียนคณะคอมพิวเตอร์อะไรนั่น พอเรียนจบแทนที่จะไปหางานทำ เขากลับเอาแต่จมอยู่กลับหน้าจอทั้งวัน ฉันโกรธจนไม่อยากจะโกรธแล้ว!”
“พ่อ! ผมบอกพ่อไปแล้วไงว่าบริษัทพวกนั้นมันไม่เหมาะกับผม ทำไปก็เหมือนเอาเวลาไปทิ้ง ผมมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น!” ในที่สุดหยางหยูก็ตอบโต้
“เจ้าเด็กนี่!”หยางเต๋อจ้าวยกมือขึ้นและกำลังจะตีหยางหยูด้วยความโกรธ
เซียวฉางเหอเห็นดังนั้นรีบชวนคุยเรื่องอื่น“เหล่าหยาง! มาคุยธุระกันดีกว่า ฉันจะอธิบายรายละเอียดให้ฟัง!” หยางเต๋อจ้าวชะงักและเขาก็ตระหนักได้ว่าเขามาทำอะไรที่นี่ เขาพ่นลมหายใจ “ฉันก็เหนื่อยใจที่จะคุยกับเจ้าเด็กหัวรั้นนี่แล้วเหมือนกัน เหล่าเซียวบอกฉันทีว่าใครต้องการรับช่วงต่อโรงงานของฉัน”
เซียวฉางเหอยิ้มและชี้ไปที่จี้เฟิง“นี่ไง เสี่ยวเฟิงที่ฉันเพิ่งแนะนำให้นายรู้จักไป!”
“เขา!”
หยางเต๋อจ้าวตกตะลึงเขามองไปที่จี้เฟิงและอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “บอกฉันทีเหล่าเซียว ไม่ใช่ว่านายอยากจะรับช่วงต่อโรงงานจากหรอกนะ ใช่มั้ย นายถึงได้หาคนมาดูแลเอาไว้ก่อน ถึงฉันจะไม่ได้ติดขัดอะไรก็เถอะ แต่เมื่อก่อนฉันก็เล่าถึงปัญหาของฉันให้นายฟัง แต่ตอนนั้นนายก็ปฏิเสธลูกเดียวเลยว่าไม่อยากทำต่อ แล้วทำไมตอนนี้ถึง…”
เซียวฉางเหอยิ้มแล้วพูดว่า“เหล่าหยางยังเป็นคนใจร้อนไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ นายจะรอให้ฉันพูดให้จบประโยคก่อนไม่ได้เลยหรือ” “ฮะฮะ..นายพูดเลยๆ!” หยางเต๋อจ้าวยิ้มอย่างเขินอาย
“เหล่าหยางก็อย่างที่ฉันได้บอกนายไปก่อนหน้านี้แล้วนั่นแหละ แม้ว่านายจะให้ราคาที่ต่ำมากแล้ว และแน่นอนว่าฉันก็ตื่นเต้นและรู้สึกยินดีมากที่นายให้ไว้วางใจฉัน แต่อย่างไรก็ตามถ้าฉันรับโรงงานของนายมาบริหารต่อ เกรงว่าฉันคงจะทำได้ไม่ดีพอ เพราะลำพังแค่งานที่บริษัทของฉันก็ยุ่งมากแล้ว ฉันจึงไม่กล้าที่จะรับช่วงต่อจริงๆ!”
เซียวฉางเหอยื่นบุหรี่ให้หยางเต๋อจ้าวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า“ส่วนคนที่ต้องการรับช่วงต่อโรงงานของนายคือเสี่ยวเฟิง ฉันมีหน้าที่แค่เป็นคนกลางช่วยติดต่อให้เท่านั้น…”
เซียวฉางเหออธิบายเรื่องราวทั้งหมดและแน่นอนว่าเรื่องสูตรยาลดน้ำหนักของจี้เฟิงเซียวฉางเหอพูดถึงแค่คร่าวๆเท่านั้น เขาบอกหยางเต๋อจ้าวไปแค่ว่าจี้เฟิงมีสูตรยาพิเศษที่ได้ผลดีแต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดอื่นใดที่เขารับรู้มาจากจี้เฟิง ไม่ว่าความสัมพันธ์จะดีเพียงใด แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ หากเขาไม่ได้รับความยินยอมจากจี้เฟิง เซียวฉางเหอก็จะไม่พูดถึงสิ่งที่อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย
“คุณจี้ต้องการจะรับช่วงต่อโรงงานของฉันจริงๆเหรอ”หยางเต๋อจ้าวมองไปที่จี้เฟิงด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่สามารถตำหนิเขาได้เลยที่จะรู้สึกแปลกใจ นั่นเป็นเพราะจี้เฟิงยังเด็กเกินไป อายุน่าจะพอๆกับลูกชายของเขา
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า“ครับเถ้าแก่หยาง ผมสนใจโรงงานของคุณจริงๆ แต่ผมคงต้องขอไปดูโรงงานของคุณด้วยตาตัวเองก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที!”
ต่อให้เห็นแก่หน้าของเซียวฉางเหอแต่จี้เฟิงไม่มีทางที่จะรับเซ้งโรงงานต่อจากหยางเต๋อจ้าวโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนอย่างแน่นอน การทำธุรกิจไม่สามารถอาศัยความเกรงใจเป็นหลักได้
หยางเต๋อจ้าวกลับไม่มีสีหน้าของความไม่พอใจเลยแม้แต่น้อยเขาพยักหน้าทันทีและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็นแล้ว ฉันก็คิดอย่างนั้นเช่นเดียวกัน งั้นพวกเราไปดูโรงงานกันตอนนี้เลย!”
เซียวฉางเหออดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างอ่อนใจ“เหล่าหยาง นายก็พูดไม่ดูเวล่ำเวลาเลย คุยกันมาถึงขนาดนี้แล้วจะไปดูวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่หรอกมั้ง”
“ใครว่าไม่ต่างกันถ้าโรงงานนี้อยู่ในมือฉันเพิ่มอีกหนึ่งวัน มันก็เก่าลงอีกหนึ่งวัน ดังนั้นไปตอนนี้แหละดีแล้ว!” หยางเต๋อจ้าวเป็นคนใจร้อน กว่าจะเจอคนที่สนใจรับช่วงต่อไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่อเจอแล้วเขาก็ไม่สามารถอดใจรอได้อีกต่อไป! “คุณจี้ เราไปดูกันตอนนี้เลย ถ้ายังไงก็ไปทานอาหารเย็นที่บ้านของฉันเลยก็แล้วกัน!”
จี้เฟิงหันไปมองที่เซียวฉางเหอด้วยสีหน้าที่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีหยางเต๋อจ้าวเป็นคนอารมณ์ร้อนจริงๆ นิสัยเช่นนี้ไม่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจ “เสี่ยวเฟิงถ้าเธอยังไม่เหนื่อยก็ไปเถอะ เหล่าหยางเป็นคนอารมณ์ร้อนแบบนี้แหละ ถ้าเธอไม่ไปดูภายในวันนี้เกรงว่าคืนนี้เขาคงไม่สามารถข่มตาหลับได้” เซียวฉางเหอยิ้ม
“ครับไปก็ไป!” จี้เฟิงยิ้มแห้งๆ
เซียวหยูซวนที่อยู่ข้างๆรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยนี่ก็หกโมงกว่าแล้ว ท้องฟ้าข้างนอกก็กำลังจะมืด หากจี้เฟิงถูกเรียกออกไปตอนนี้เขาคงไม่ได้กินข้าวเย็นดีๆอย่างแน่นอน
แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถพูดอะไรได้ในตอนนี้ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่จ้องไปที่เซียวฉางเหอและย่นจมูกน้อยๆน่ารักของเธอเพื่อแสดงความไม่พอใจ
หลังจากนั้นหยางเต๋อจ้าวก็รีบดึงจี้เฟิงออกจากคฤหาสน์ตระกูลเซียวทำให้จี้เฟิงและคนอื่นๆพากันตกตะลึง ยกเว้นก็แต่หยางหยู ดูเหมือนเขาจะเห็นสิ่งเหล่านี้จนเคยชิน เขาเพียงแค่กอดแล็บท็อปไว้ในอกแน่นแล้วเดินตามออกไป
ระหว่างทางไปโรงงานเจียงโจวหยางจี้เฟิงได้รู้ว่าหยางเต๋อจ้างเป็นทหารผ่านศึก หลังจากที่เขาถูกปลดออกจากกองทัพเขาก็เตร็ดเตร่ในสังคมอยู่สองสามปีก่อนที่จะเริ่มทำกิจการเกี่ยวกับยาเขาและเซียวฉางเหอได้รู้จักกันในตอนนั้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโรงงานของเขาสามารถทำผลงานออกมาได้ดีหยางเต๋อจ้าวทำเงินได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการจัดการของรัฐค่อนข้างเข้มงวด แม้ว่าหยางเต๋อจ้าวจะทำขั้นตอนและได้รับการอนุมัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดแล้ว แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบมากมาย ทำให้การดำเนินงานของโรงงานยากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเซียวฉางเหอได้พยายามเพิ่มคำสั่งซื้อยาจากหยางเต๋อจ้าวเพื่อช่วยเหลือเขาแต่บริษัทยาฉางเหอก็ไม่ใช่บริษัทที่ใหญ่อะไรนัก เมื่อเทียบกันแล้วมันก็ไม่ต่างจากหยดน้ำที่หยดลงถังมันแทบไม่สามารถมีบทบาทในการชี้ขาดอะไรได้เลย
ดังนั้นในระยะหลังๆนี้โรงงานผลิตยาของหยางเต๋อจ้าวจึงแย่ลงเรื่อยๆ เขาจึงกระตือรือร้นที่ขายโรงงานให้ได้ไวที่สุด
“ในเมื่อเถ้าแก่ก็พร้อมที่จะขายโรงงานการอนุมัติต่างๆและขั้นตอนทุกอย่างก็สมบูรณ์ดี แล้วทำไมโรงงานถึงยังอยู่ในมือเถ้าแก่ล่ะ” จี้เฟิงถามด้วยความสงสัย
หยางเต๋อจ้าวถอนหายใจเบาๆและจ้องไปที่หยางหยูซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังและพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กนี่!”
เซียวฉางเหอที่อยู่ข้างๆเขาอธิบายว่า“เหล่าหยางมีลูกชายเพียงคนเดียว แม้ว่าโรงงานของเขาจะดีพร้อมทุกอย่างและเขาก็ต้องการหาคนมารับช่วงต่อโรงงานของเขาให้เร็วที่สุด แต่เขามีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกหลายข้อ อย่างแรกก็เรื่องราคา ราคาจะต้องสมเหตุสมผล อย่างที่สองคือภายใน 5 ปีตราบใดที่พนักงานในโรงงานไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดก็ไม่สามารถไล่ออกได้ และอย่างที่สาม คือหยางหยูจะต้องได้รับตำการแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการกิตติมศักดิ์ในโรงงาน อีกทั้งเงินเดือนของเขาจะต้องได้รับตามมาตรฐานตามตำแหน่งรองผู้อำนวยการด้วย!”
จี้เฟิงถึงกับอึ้งเงื่อนไขสองอย่างแรกพอรับได้ ไม่ว่ายังไงการตกลงเรื่องราคาจะต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผลต่อทั้งสองฝ่าย ส่วนเงื่อนไขข้อสอง ก็พอจะนึกออกว่าเป็นเพราะหยางเต๋อจ้าวเป็นห่วงพนักงานในโรงงาน แต่ข้อที่สาม…
ไม่จะไม่เท่ากับว่าต้องเสียเงินเปล่าๆเพื่อจ้างรองผู้อำนวยการของโรงงานโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยอย่างนั้นหรือ
เมื่อเห็นใบหน้าของจี้เฟิงหยางเต๋อจ้างก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่าย บางทีจี้เฟิงอาจจะเหมือนกันคนอื่นๆ ที่ไม่สามารถรับเงื่อนไขพวกนี้ได้
“เถ้าแก่หยางแม้ว่าผมจะยังไม่ได้เห็นโรงงานของเถ้าแก่ แต่เงื่อนไขของเถ้าแก่มัน…” จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย จะต้องใช้เงินเพื่อจ้างคนเกียจคร้านคนหนึ่ง เรื่องนี้ทำให้จี้เฟิงกลายเป็นคนโง่อย่างไม่ต้องสงสัย “คุณจี้ฉันมีหยางหยูเป็นลูกชายเพียงคนเดียว แม้ว่ามูลค่าของโรงงานนี้จะค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่าในวันข้างหน้าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก ดังนั้นการให้หยางหยูมีตำแหน่งเป็นการรับประกันครั้งสุดท้ายให้แก่เขา และเงื่อนไขข้อนี้ฉันไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอย่างเด็ดขาด!” หยางเต๋อจ้าวพูดอย่างหนักแน่น “สุขภาพร่างกายของฉันก็แย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นฉันจะต้องจัดการหยางหยูให้พร้อม”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย“ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของเถ้าแก่หยาง ไม่แปลกที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะรักและห่วงลูก… เอาล่ะ เราค่อยมาพูดถึงเรื่องนี้หลังจากเห็นโรงงานก่อน โอเคมั้ยฮะ”
หยางเต๋อจ้าวก็เข้าใจดีว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องเหล่านี้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
โดยไม่มีใครคาดคิดจู่ๆหยางหยูก็พูดขึ้นว่า “ฉันไม่ต้องการให้ใครมาคอยเลี้ยงดู แม้ว่าเทคนิคของฉันจะยังไม่สูงนัก แต่ฉันก็ไม่เหมาะที่จะเป็นรองเท้าให้ใครทั้งนั้น วิศวกรโปรแกรมมีค่ามากกว่านั้น และถ้าฉันต้องการจะทำเงิน ฉันก็สามารถทำได้ทุกเมื่อ!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงนี่มันจะไม่พูดเกินจริงไปหน่อยเหรอ”
แต่หัวใจของจี้เฟิงเต้นแรงเขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า“ทักษะเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของคุณดีมากมั้ย”