The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 312 ครอบครัวของฉัน
ทุกคนต่างตกตะลึงพวกเขาจ้องมองไปที่จี้เฟิงด้วยแววตาหวาดกลัว ภายใต้เท้าของเขามีแขนของชายผมแดงที่ถูกกระทืบจนมีสภาพโค้งงอผิดรูปอย่างแปลกประหลาด กระดูกชิ้นหนึ่งที่หักโผล่ทะลุเนื้อออกมาโชว์ให้เห็นความขาวท่ามกลางเลือดที่ไหลออกมา ภาพที่น่าสยดสยองทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น
แต่คนที่รู้สึกหนาวสั่นมากที่สุดคงเป็นชายผมแดงความเจ็บปวดจากแขนที่หักแผ่ซ่านไปทั้งตัวจนทำให้เขากระตุกอยู่สองสามครั้งก่อนที่จะหมดสติไปทั้งๆที่ยังลืมตา
“เป็นลม”
จี้เฟิงหัวเราะหึหึ “ร่างกายอ่อนแอแบบนี้ยังกล้าออกมาหยาบคายใส่ผู้หญิงอีกเหรอ จุ๊จุ๊ เดี๋ยวผมจะช่วยให้คุณมีสติขึ้นมาเองนะ…”
จี้เฟิงใช้เท้าของเขากดไปตรงบริเวณบาดแผลของชายผมแดงที่มีกระดูกโผล่ออกมา“ถ้าคุณยังไม่ลุกขึ้นอีก ผมก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้แขนอีกข้างของคุณเป็นแบบนี้…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบร่างกายของชายผมแดงก็กระตุกสองสามครั้งก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเขาซีดเผือดยิ่งกว่าไก่ต้ม เขาไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะโหดร้ายเกินมนุษย์มนาได้ขนาดนี้ ขนาดตำรวจหญิงคนนั้นว่าโหดแล้วยังแค่ทุบตีเขาไม่กี่ที แต่ผู้ชายคนนี้กลับกล้าเหยียบแขนเขาจนหักโดยไม่ลังเลเลย!
ร่างกายที่เจ็บปวดของชายผมแดงกระตุกไม่หยุดปากก็สั่นจนฟันกระทบกันอย่างไม่สามารถควบคุมได้ จึงทำให้คำพูดที่ออกมาจากปากเขาไม่ค่อยชัดเจนนัก “แก.. แกกล้าดียังไง ถึงได้ทำกับฉัน…”
ในขณะนั้นเองหญิงสาวที่ชื่อซินซิน เสี่ยวหยูและคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง โดยเฉพาะเสี่ยวหยูที่สงบนิ่งมาโดยตลอดใบหน้าของเธอยังเผยให้เห็นความรู้สึกที่ทนไม่ได้ออกมา สายตาตำหนิการกระทำของจี้เฟิง ราวกับเธออยากจะบอกว่าสิ่งที่จี้เฟิงทำอยู่นั้นมันโหดร้ายเกินไป
หญิงสาวที่ชื่อซินซินยิ่งแล้วใหญ่เธอทนไม่ได้ที่พรรคพวกของเธอถูกใครก็ไม่รู้ทำร้ายร่างกาย ดวงตาของเธอเบิกกว้าง และหันไปจ้องหน้าจี้เฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาเหยียบแขนหวงเหมา!
หลี่ลู่หนานที่ยืนอยู่ข้างๆจี้เฟิงก็ตกตะลึงดวงตาของเธอเบิกกว้างและพูดไม่ออก
ผู้ชายคนนี้…!
หลี่ลู่หนานยิ้มอย่างขมขื่นทำไมเธอถึงลืมไปว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆเธอคนนี้กล้าต่อสู้กับอันธพาลมากกว่า 20 คนเพียงลำพังแถมยังเป็นฝ่ายชนะอีกต่างหาก เขาไม่อ่อนข้อให้แม้แต่จางหยงเฉียงที่แอบหลบซ่อนตัวอยู่ในรถและตามไปจัดการเขาจนสลบเหมือด
คนแบบนี้จะมีความเมตตาได้อย่างไร
หลี่ลู่หนานถึงกับเดาว่าถ้าไม่ใช่เพราะเธออยู่ที่นี่ด้วยชายผมแดงคนนี้คงจะถูกจี้เฟิงฆ่าตายเป็นหมาข้างถนนไปแล้ว ในสายตาของหลี่ลู่หนานจี้เฟิงเป็นบุคคลที่อันตรายมากๆ ไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้าทำ!
“หยุดหยุด!!”
จนถึงตอนนี้หญิงสาวสวมหมวกเหมือนคนเพิ่งได้สติกลับมา เธอจึงกรีดร้องออกมาทันที “ฆาตกร หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เธอรีบหันศีรษะไปพูดกับหญิงสาวที่อยู่ข้างๆเธอว่า“เสี่ยวหยู บอกให้บอดี้การ์ดของเธอรีบไปหยุดฆาตกรคนนั้นเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นหวงเหมาได้โดนมันฆ่าตายจริงๆแน่!”
หญิงสาวที่สงบนิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยสีหน้าของเธอแสดงถึงความไม่พอใจอยู่บ้างแต่เธอไม่ได้พูดตอบอะไรกับผู้หญิงใส่หมวกแต่หันไปหาบอดี้การ์ดทั้งสี่คนและกล่าวว่า “ไปหยุดเขาไว้ ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามอย่าใช้ความรุนแรง ฉันจะรีบโทรเรียกรถพยาบาล!”
“ครับ!คุณหนูจี้!” บอดี้การ์ดทั้งสี่คนตอบรับทันที แต่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่เดินตรงไปหาจี้เฟิง ส่วนอีกสองคนยังคงยืนอยู่กับที่ หน้าที่หลักของพวกเขาไม่ใช่การหยุดการทะเลาะวิวาทของใคร แต่มันคือการปกป้องและรักษาความปลอดภัยให้กับคุณหนูจี้!
“จี้เฟิงช่างมันเถอะ พอได้แล้ว! ฉันจะโทรหาตำรวจ!” หลี่ลู่หนานเห็นบอดี้การ์ดสองในสี่คนเริ่มมีการเคลื่อนไหว เธอมองออกว่าบอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่ง่ายที่จะจัดการ ขนาดเธอมองแค่แวบเดียวยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดผวา เธอจึงกังวลว่าแม้แต่จี้เฟิงก็อาจจะรับมือกับบอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่ได้ การโทรเรียกตำรวจมาในเวลานี้จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องในวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการละเมิดกฎจราจรแล้วไม่ว่ายังไงตำรวจจะต้องเข้ามามีส่วนอยู่แล้วอย่างแน่นอน!
จี้เฟิงก้มหน้ามองชายผมแดงอยู่ครู่หนึ่งเขายิ้มน้อยๆ “ได้สิก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึง ไอ้หมอนี้น่าจะยังพอทนไหว ไม่น่าจะถึงกับตายหรอก วางใจได้!”
หลี่ลู่หนานถึงกับพูดไม่ออกแค่บอกว่าเขาจะไม่ตาย นั่นคือดีที่สุดแล้ว ให้ฉันวางใจได้เนี่ยนะ?!
ถ้าแขนของผู้ชายคนนี้ไม่สามารถใช้งานได้อีกข้อหาทำร้ายร่างกายของจี้เฟิงจะกลายเป็นการทำร้ายที่เกินกว่าเหตุขึ้นมาทันที และบทลงโทษก็จะมีความรุนแรงมากขึ้น …. ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร พอหลี่ลู่หนานคิดว่าจี้เฟิงจะโดนตั้งข้อหาที่ร้ายแรง เธอก็เริ่มเป็นห่วงจี้เฟิงขึ้นมา เธอจึงรีบโทรหาตำรวจทันที
สายตาของจี้เฟิงจ้องมองไปยังชายฉกรรจ์สองคนที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วและทันใดนั้นสายตาของจี้เฟิงก็หรี่ลงอย่างระแวดระวัง ชายฉกรรจ์สองคนแยกกันไปคนละฝั่ง ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นเร็วมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นผู้มีฝีมือที่ยอดเยี่ยม!
จี้เฟิงก้าวไปข้างหน้าและก้าวข้ามร่างของหวงเหมาไปเขายืนขวางอยู่ด้านหน้าของหลี่ลู่หนานพร้อมกับจ้องมองไปที่ชายฉกรรจ์สองคนด้วยสายตาที่เย็นชา
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะลงมือพวกเขารักษาระยะห่างจากจี้เฟิง 1 เมตร จากระยะนี้พวกเขาสามารถบุกเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ รวมถึงมีเวลาที่จะป้องกันตัว แค่นี้ก็พอจะบอกได้แล้วว่าสองคนนี้มีประสบการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
“สุภาพบุรุษท่านนี้โปรดหลีกทางให้พวกเรา แล้วลืมเรื่องในวันนี้ซะ คุณคิดเห็นอย่างไร” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม
“เฮ้!พวกนายกำลังพูดเรื่องอะไร จะให้ลืมได้ง่ายๆได้ยังไง?!” หญิงสาวสวมหมวกที่อยู่ด้านหลังโวยวายด้วยความไม่พอใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายฉกรรจ์พูด “นายไม่เห็นเหรอว่าหวงเหมาเกือบจะถูกมันฆ่าตาย?!”
ขณะที่พูดหญิงสาวสวมหมวกเดินก็เข้ามาอย่างดุดันเมื่อเด็กสาวที่สงบเงียบเห็นดังนั้นเธอจึงตามไปทันที “ซินซิน ใจเย็นๆก่อน!”
พอหญิงสาวที่สงบเงียบขยับตัวชายฉกรรจ์อีกสองคนที่อยู่ข้างหลังก็เดินตามไปทันที “ไอ้หนูวันนี้แกเจอปัญหาใหญ่แล้ว!”หญิงสาวสวมหมวกชี้ไปที่หน้าจี้เฟิงอย่างภาคภูมิใจ “นายรู้หรือเปล่าว่านายกำลังมีปัญหากับใคร เธอคือ…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบจี้เฟิงเหลือบมองไปที่เธอด้วยสายตาเย็นชา ทันใดนั้นความรู้สึกหนาวสั่นก็แผ่ซ่านไปทั้งตัว เธอรีบก้าวถอยหลังไปสองก้าว “นาย… นายจะทำอะไร! ฉันจะบอกให้นะ ลุงของเสี่ยวหยูเป็นเลขาธิการพรรคเทศบาลนครเจียงโจว นายอย่าคิดที่จะทำอะไรโง่ๆเชียวนะ!”
จี้เฟิงอึ้งไปทันทีหลี่ลู่หนานที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จก็อึ้งไปเช่นกัน เธอขมวดคิ้วหันไปมองหญิงสาวที่สงบเงียบคนนั้น “ลุงของคุณเป็นเลขาธิการพรรค… ลุงคุณคือจี้เจิ้นกั๋ว”
“มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณลุงของฉันจะเป็นใครความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพราะพวกเราเป็นฝ่ายผิด แต่การกระทำของผู้ชายคนนี้ก็โหดร้ายเกินไป…” หญิงสาวที่สงบเงียบมองหน้าจี้เฟิงอย่างไม่พอใจ “ตอนนี้เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดคือช่วยเหลือคนที่บาดเจ็บก่อน ส่วนความผิดที่พวกเราได้ทำก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ พวกเราจะรับผิดชอบเอง!”
“อืมตกลง!” หลี่ลู่หนานพยักหน้าทันที “ทำอย่างที่คุณพูด!”
ความกังวลของหลี่ลู่หนานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในใจกลายเป็นว่าสาวสวยผู้เงียบขรึมคนนี้เป็นหลานสาวของจี้เจิ้นกั๋ว เลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลนครเจียงโจว เธอก็คือเจ้าหญิงแห่งเจียงโจว!
สถานะของเธอย่อมไม่ด้อยไปกว่าจี้ช่าวเหลยอย่างแน่นอนแต่…
หลี่ลู่หนานเหลือบมองจี้เฟิงเจ้าหมอนี่หุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว แถมตอนนี้ก็ดันไปยั่วโมโหคนของตระกูลจี้อีก แล้วเรื่องนี้จะจบยังไง
หลี่ลู่หนานเป็นผู้หญิงอารมณ์ร้อนแต่เธอก็อดดีใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าสาเหตุที่จี้เฟิงโกรธและลงมือทำร้ายผู้ชายผมแดงนั้นเป็นเพราะว่าเขามาคุกคามเธอ
เธอกัดฟันและตัดสินใจอย่างลับๆว่าถ้าอีกฝ่ายต้องการจะให้จี้เฟิงรับผิดชอบเรื่องนี้จริงๆหรือมีการลงโทษที่เกินกว่าเหตุ เธอจะบากหน้าไปหาพ่อของเธอและอ้อนวอนให้พ่อของเธอช่วยเหลือจี้เฟิง!
แต่จี้เฟิงในตอนนี้จดจ่ออยู่กับผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวหยูเธอเป็นเด็กสาวอายุประมาณ 16-17 ปี แต่เธอไม่มีท่าทีของเด็กสาววัยนี้เลยสักนิด บรรยากาศที่ดูสงบนิ่งเหมือนคุณหนูตระกูลใหญ่ อีกทั้งยังมีบุคลิกสูงส่งเหมือนเจ้าหญิง
ที่สำคัญกว่านั้นตัวตนของเด็กสาวคนนี้กลับกลายเป็นหลานสาวของอาคนที่สอง…นั่นก็ไม่เท่ากับว่าเธอคือลูกพี่ลูกน้องของเขาหรอกหรือ
จี้เฟิงกระแอมไอเบาๆทุกคนก็มุ่งความสนใจไปที่จี้เฟิงทันที คงจะโทษคนอื่นไม่ได้ที่จะให้ความสนใจจี้เฟิงกันมากขนาดนี้ การกระทำเมื่อครู่ของเขาโหดร้ายเกินไป เกรงว่าถ้าไม่อยากให้ใครสนใจคงเป็นเรื่องยาก!
“เธอชื่อเสี่ยวหยู”จี้เฟิงถามทันที
“เฮ้!นายเป็นใคร เสี่ยวหยูไม่ใช่ชื่อที่ใครจะมาเรียกก็ได้!” เสี่ยวหยูไม่ได้พูด คนที่พูดคือเด็กสาวที่สวมหมวกแก๊ปสีชมพู เธอพูดด้วยท่าทางหยิ่งยโส “ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ วันนี้นายทำร้ายหมอนี่ ถือว่านายดวงตกสุดๆ เพราะชีวิตที่เหลือคงนายคงต้องไปชดใช้กรรมอยู่ในคุก!”
จี้เฟิงไม่สนใจเธอแม้แต่น้อยไม่แม้แต่จะเหลือบมอง เขายังคงจ้องไปที่เด็กสาวที่ชื่อเสี่ยวหยู “ชื่อของเธอคือเสี่ยวหยู งั้นชื่อเต็มของคุณก็ควรเป็น จี้ เสี่ยวหยู พ่อของเธอชื่ออะไร”
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหันและพูดด้วยเสียงต่ำว่า“สุภาพบุรุษท่านนี้ สิ่งที่คุณพูดนั้นถูกจัดอยู่ในข่ายของผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นสายลับเพื่อสอดแนมข้อมูลของหัวหน้า!”
จี้เฟิงหัวเราะเบาๆเขามองไปที่จี้เสี่ยวหยูและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นเธอก็คงมาจากหยานจิง เธอได้เจอจี้ช่าวเหลยหรือเปล่า”
จี้ช่าวเหลยพี่ชายคนที่สองของจี้เฟิงยังคงอยู่ในหยานจิง ถ้าเสี่ยวหยูคนนี้เป็นคนของตระกูลจี้จริงๆ เธอจะต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน อันที่จริงแล้วจี้เฟิงนั้นไม่สงสัยเลยว่าจี้เสี่ยวหยูคือคนในตระกูลจี้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เขาสนใจจริงๆคือพ่อของจี้เสี่ยวหยูนั้นเป็นใคร ใช่อาจี้เจิ้นผิงหรือเปล่า หรือจะเป็นคนอื่น…
ทันทีที่เธอได้ยินคำถามของจี้เฟิงจี้เสี่ยวหยูก็อึ้งไปทันที เธอมองจี้เฟิงด้วยความประหลาดใจและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากถาม “คุณรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้พี่รองของฉันอยู่ที่หยานจิง คุณรู้จักเขาเหรอ?”
ตอนนี้คนอื่นๆก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเกี่ยวกับจี้เฟิงหลังจากที่ได้ยินชื่อของตระกูลจี้แล้ว ท่าทางของจี้เฟิงไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกหวั่นเกรง แต่กลับมีบางอย่าง… ตื่นเต้น
หัวใจของหลี่ลู่หนานเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยจี้เฟิง… จี้เสี่ยวหยู… ดวงตาของเธอเบิกกว้างเธอหันมองสลับไปมาระหว่างใบหน้าของจี้เฟิงและจี้เสี่ยวหยู แม้ว่าคนหนึ่งจะเป็นผู้ชาย อีกคนจะเป็นผู้หญิง แต่พวกเขาก็มีเค้าโครงบางส่วนบนใบหน้าที่… คล้ายกันมาก!
ยกตัวอย่างเช่นหน้าผากของจี้เฟิงมีส่วนที่โค้งมน ไม่ใหญ่มาก แต่เมื่อรวมกับเครื่องหน้าอื่นๆของเขามันทำให้เขาดูหล่อเหลามาก ส่วนจี้เสี่ยวหยูที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็มีหน้าผากที่โค้งมนเช่นกัน!
ลักษณะที่คล้ายคลึงกันนี้สามารถอธิบายถึงปัญหานี้ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น…ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด
จี้เฟิง…หรือว่าจะเป็นจี้ที่มาจากตระกูลจี้!
หัวใจของหลี่ลู่หนานสั่นไหวการคาดเดานี้ทำให้เธอตกใจจริงๆ
“เสี่ยวหยูไม่ต้องไปสนใจไอ้สารเลวคนนี้! มันแค่ต้องการเข้าหาเธอ ทำไมเธอถึงมองไม่ออกกันละเนี่ย!” มีเพียงหญิงสาวที่สวมหมวกแก๊ปเท่านั้นที่ไม่สังเกตสถานการณ์ที่ดูผิดปกตินี้ เธอยังคงพูดพล่ามอย่างไม่รู้จบ
“คุณรู้จักพี่รองของฉันงั้นเหรอ!”จี้เสี่ยวหยูเห็นว่าจี้เฟิงไม่ตอบจึงอดไม่ได้ที่จะถามย้ำอีกครั้ง “ถ้าคุณรู้จักเขาจริงๆ สิ่งนี้เกิดขึ้นวันนี้อาจจะเป็นความเข้าใจผิด…”
เด็กคนนี้ฉลาดมาก!
จี้เฟิงยิ้มน้อยๆใช้คำว่า ‘ความเข้าใจผิด’ อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
เขายิ้มและพูดว่า“ก่อนที่ฉันจะตอบ คุณควรตอบคำถามของฉันก่อนว่าใครคือพ่อของคุณ”
จี้เสี่ยวหยูยิ้มเล็กน้อยทันใดนั้นก็เหมือนกับมีดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งด้วยความงามที่เคลื่อนไหวท่ามกลางความเงียบสงัด เธอเหมือนกับเป็นเจ้าหญิงจริงๆ!
“พ่อของฉันไม่ได้เป็นคนมีชื่อเสียงฉันคิดว่าคุณคงไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน” จี้เสี่ยวหยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ“ถ้าคุณไม่ตอบ ฉันก็จะไม่ตอบคำถามของคุณ!”
แม้เกิดความคิดที่จะหยอกล้อเด็กสาวคนนี้แต่ในใจก็แอบระแวดระวังอยู่ไม่น้อย เด็กสาวคนนี้ก็ระวังตัวไม่น้อยเลยเช่นกัน
จี้เสี่ยวหยูจนปัญญาและเธอก็ต้องการทราบตัวตนของจี้เฟิง วิธีที่จะคุยกับผู้ชายคนนี้ที่ง่ายที่สุดคือการพูดตรงๆ
เธอพูดเบาๆว่า“พ่อของฉันคือ จี้เจิ้นผิง!”
แต่คนที่รู้สึกหนาวสั่นมากที่สุดคงเป็นชายผมแดงความเจ็บปวดจากแขนที่หักแผ่ซ่านไปทั้งตัวจนทำให้เขากระตุกอยู่สองสามครั้งก่อนที่จะหมดสติไปทั้งๆที่ยังลืมตา
“เป็นลม”
จี้เฟิงหัวเราะหึหึ “ร่างกายอ่อนแอแบบนี้ยังกล้าออกมาหยาบคายใส่ผู้หญิงอีกเหรอ จุ๊จุ๊ เดี๋ยวผมจะช่วยให้คุณมีสติขึ้นมาเองนะ…”
จี้เฟิงใช้เท้าของเขากดไปตรงบริเวณบาดแผลของชายผมแดงที่มีกระดูกโผล่ออกมา“ถ้าคุณยังไม่ลุกขึ้นอีก ผมก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้แขนอีกข้างของคุณเป็นแบบนี้…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบร่างกายของชายผมแดงก็กระตุกสองสามครั้งก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเขาซีดเผือดยิ่งกว่าไก่ต้ม เขาไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะโหดร้ายเกินมนุษย์มนาได้ขนาดนี้ ขนาดตำรวจหญิงคนนั้นว่าโหดแล้วยังแค่ทุบตีเขาไม่กี่ที แต่ผู้ชายคนนี้กลับกล้าเหยียบแขนเขาจนหักโดยไม่ลังเลเลย!
ร่างกายที่เจ็บปวดของชายผมแดงกระตุกไม่หยุดปากก็สั่นจนฟันกระทบกันอย่างไม่สามารถควบคุมได้ จึงทำให้คำพูดที่ออกมาจากปากเขาไม่ค่อยชัดเจนนัก “แก.. แกกล้าดียังไง ถึงได้ทำกับฉัน…”
ในขณะนั้นเองหญิงสาวที่ชื่อซินซิน เสี่ยวหยูและคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง โดยเฉพาะเสี่ยวหยูที่สงบนิ่งมาโดยตลอดใบหน้าของเธอยังเผยให้เห็นความรู้สึกที่ทนไม่ได้ออกมา สายตาตำหนิการกระทำของจี้เฟิง ราวกับเธออยากจะบอกว่าสิ่งที่จี้เฟิงทำอยู่นั้นมันโหดร้ายเกินไป
หญิงสาวที่ชื่อซินซินยิ่งแล้วใหญ่เธอทนไม่ได้ที่พรรคพวกของเธอถูกใครก็ไม่รู้ทำร้ายร่างกาย ดวงตาของเธอเบิกกว้าง และหันไปจ้องหน้าจี้เฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาเหยียบแขนหวงเหมา!
หลี่ลู่หนานที่ยืนอยู่ข้างๆจี้เฟิงก็ตกตะลึงดวงตาของเธอเบิกกว้างและพูดไม่ออก
ผู้ชายคนนี้…!
หลี่ลู่หนานยิ้มอย่างขมขื่นทำไมเธอถึงลืมไปว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆเธอคนนี้กล้าต่อสู้กับอันธพาลมากกว่า 20 คนเพียงลำพังแถมยังเป็นฝ่ายชนะอีกต่างหาก เขาไม่อ่อนข้อให้แม้แต่จางหยงเฉียงที่แอบหลบซ่อนตัวอยู่ในรถและตามไปจัดการเขาจนสลบเหมือด
คนแบบนี้จะมีความเมตตาได้อย่างไร
หลี่ลู่หนานถึงกับเดาว่าถ้าไม่ใช่เพราะเธออยู่ที่นี่ด้วยชายผมแดงคนนี้คงจะถูกจี้เฟิงฆ่าตายเป็นหมาข้างถนนไปแล้ว ในสายตาของหลี่ลู่หนานจี้เฟิงเป็นบุคคลที่อันตรายมากๆ ไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้าทำ!
“หยุดหยุด!!”
จนถึงตอนนี้หญิงสาวสวมหมวกเหมือนคนเพิ่งได้สติกลับมา เธอจึงกรีดร้องออกมาทันที “ฆาตกร หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เธอรีบหันศีรษะไปพูดกับหญิงสาวที่อยู่ข้างๆเธอว่า“เสี่ยวหยู บอกให้บอดี้การ์ดของเธอรีบไปหยุดฆาตกรคนนั้นเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นหวงเหมาได้โดนมันฆ่าตายจริงๆแน่!”
หญิงสาวที่สงบนิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยสีหน้าของเธอแสดงถึงความไม่พอใจอยู่บ้างแต่เธอไม่ได้พูดตอบอะไรกับผู้หญิงใส่หมวกแต่หันไปหาบอดี้การ์ดทั้งสี่คนและกล่าวว่า “ไปหยุดเขาไว้ ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามอย่าใช้ความรุนแรง ฉันจะรีบโทรเรียกรถพยาบาล!”
“ครับ!คุณหนูจี้!” บอดี้การ์ดทั้งสี่คนตอบรับทันที แต่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่เดินตรงไปหาจี้เฟิง ส่วนอีกสองคนยังคงยืนอยู่กับที่ หน้าที่หลักของพวกเขาไม่ใช่การหยุดการทะเลาะวิวาทของใคร แต่มันคือการปกป้องและรักษาความปลอดภัยให้กับคุณหนูจี้!
“จี้เฟิงช่างมันเถอะ พอได้แล้ว! ฉันจะโทรหาตำรวจ!” หลี่ลู่หนานเห็นบอดี้การ์ดสองในสี่คนเริ่มมีการเคลื่อนไหว เธอมองออกว่าบอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่ง่ายที่จะจัดการ ขนาดเธอมองแค่แวบเดียวยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดผวา เธอจึงกังวลว่าแม้แต่จี้เฟิงก็อาจจะรับมือกับบอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่ได้ การโทรเรียกตำรวจมาในเวลานี้จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องในวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการละเมิดกฎจราจรแล้วไม่ว่ายังไงตำรวจจะต้องเข้ามามีส่วนอยู่แล้วอย่างแน่นอน!
จี้เฟิงก้มหน้ามองชายผมแดงอยู่ครู่หนึ่งเขายิ้มน้อยๆ “ได้สิก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึง ไอ้หมอนี้น่าจะยังพอทนไหว ไม่น่าจะถึงกับตายหรอก วางใจได้!”
หลี่ลู่หนานถึงกับพูดไม่ออกแค่บอกว่าเขาจะไม่ตาย นั่นคือดีที่สุดแล้ว ให้ฉันวางใจได้เนี่ยนะ?!
ถ้าแขนของผู้ชายคนนี้ไม่สามารถใช้งานได้อีกข้อหาทำร้ายร่างกายของจี้เฟิงจะกลายเป็นการทำร้ายที่เกินกว่าเหตุขึ้นมาทันที และบทลงโทษก็จะมีความรุนแรงมากขึ้น …. ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร พอหลี่ลู่หนานคิดว่าจี้เฟิงจะโดนตั้งข้อหาที่ร้ายแรง เธอก็เริ่มเป็นห่วงจี้เฟิงขึ้นมา เธอจึงรีบโทรหาตำรวจทันที
สายตาของจี้เฟิงจ้องมองไปยังชายฉกรรจ์สองคนที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วและทันใดนั้นสายตาของจี้เฟิงก็หรี่ลงอย่างระแวดระวัง ชายฉกรรจ์สองคนแยกกันไปคนละฝั่ง ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นเร็วมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นผู้มีฝีมือที่ยอดเยี่ยม!
จี้เฟิงก้าวไปข้างหน้าและก้าวข้ามร่างของหวงเหมาไปเขายืนขวางอยู่ด้านหน้าของหลี่ลู่หนานพร้อมกับจ้องมองไปที่ชายฉกรรจ์สองคนด้วยสายตาที่เย็นชา
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะลงมือพวกเขารักษาระยะห่างจากจี้เฟิง 1 เมตร จากระยะนี้พวกเขาสามารถบุกเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ รวมถึงมีเวลาที่จะป้องกันตัว แค่นี้ก็พอจะบอกได้แล้วว่าสองคนนี้มีประสบการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
“สุภาพบุรุษท่านนี้โปรดหลีกทางให้พวกเรา แล้วลืมเรื่องในวันนี้ซะ คุณคิดเห็นอย่างไร” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม
“เฮ้!พวกนายกำลังพูดเรื่องอะไร จะให้ลืมได้ง่ายๆได้ยังไง?!” หญิงสาวสวมหมวกที่อยู่ด้านหลังโวยวายด้วยความไม่พอใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายฉกรรจ์พูด “นายไม่เห็นเหรอว่าหวงเหมาเกือบจะถูกมันฆ่าตาย?!”
ขณะที่พูดหญิงสาวสวมหมวกเดินก็เข้ามาอย่างดุดันเมื่อเด็กสาวที่สงบเงียบเห็นดังนั้นเธอจึงตามไปทันที “ซินซิน ใจเย็นๆก่อน!”
พอหญิงสาวที่สงบเงียบขยับตัวชายฉกรรจ์อีกสองคนที่อยู่ข้างหลังก็เดินตามไปทันที “ไอ้หนูวันนี้แกเจอปัญหาใหญ่แล้ว!”หญิงสาวสวมหมวกชี้ไปที่หน้าจี้เฟิงอย่างภาคภูมิใจ “นายรู้หรือเปล่าว่านายกำลังมีปัญหากับใคร เธอคือ…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบจี้เฟิงเหลือบมองไปที่เธอด้วยสายตาเย็นชา ทันใดนั้นความรู้สึกหนาวสั่นก็แผ่ซ่านไปทั้งตัว เธอรีบก้าวถอยหลังไปสองก้าว “นาย… นายจะทำอะไร! ฉันจะบอกให้นะ ลุงของเสี่ยวหยูเป็นเลขาธิการพรรคเทศบาลนครเจียงโจว นายอย่าคิดที่จะทำอะไรโง่ๆเชียวนะ!”
จี้เฟิงอึ้งไปทันทีหลี่ลู่หนานที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จก็อึ้งไปเช่นกัน เธอขมวดคิ้วหันไปมองหญิงสาวที่สงบเงียบคนนั้น “ลุงของคุณเป็นเลขาธิการพรรค… ลุงคุณคือจี้เจิ้นกั๋ว”
“มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณลุงของฉันจะเป็นใครความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพราะพวกเราเป็นฝ่ายผิด แต่การกระทำของผู้ชายคนนี้ก็โหดร้ายเกินไป…” หญิงสาวที่สงบเงียบมองหน้าจี้เฟิงอย่างไม่พอใจ “ตอนนี้เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดคือช่วยเหลือคนที่บาดเจ็บก่อน ส่วนความผิดที่พวกเราได้ทำก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ พวกเราจะรับผิดชอบเอง!”
“อืมตกลง!” หลี่ลู่หนานพยักหน้าทันที “ทำอย่างที่คุณพูด!”
ความกังวลของหลี่ลู่หนานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในใจกลายเป็นว่าสาวสวยผู้เงียบขรึมคนนี้เป็นหลานสาวของจี้เจิ้นกั๋ว เลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลนครเจียงโจว เธอก็คือเจ้าหญิงแห่งเจียงโจว!
สถานะของเธอย่อมไม่ด้อยไปกว่าจี้ช่าวเหลยอย่างแน่นอนแต่…
หลี่ลู่หนานเหลือบมองจี้เฟิงเจ้าหมอนี่หุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว แถมตอนนี้ก็ดันไปยั่วโมโหคนของตระกูลจี้อีก แล้วเรื่องนี้จะจบยังไง
หลี่ลู่หนานเป็นผู้หญิงอารมณ์ร้อนแต่เธอก็อดดีใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าสาเหตุที่จี้เฟิงโกรธและลงมือทำร้ายผู้ชายผมแดงนั้นเป็นเพราะว่าเขามาคุกคามเธอ
เธอกัดฟันและตัดสินใจอย่างลับๆว่าถ้าอีกฝ่ายต้องการจะให้จี้เฟิงรับผิดชอบเรื่องนี้จริงๆหรือมีการลงโทษที่เกินกว่าเหตุ เธอจะบากหน้าไปหาพ่อของเธอและอ้อนวอนให้พ่อของเธอช่วยเหลือจี้เฟิง!
แต่จี้เฟิงในตอนนี้จดจ่ออยู่กับผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวหยูเธอเป็นเด็กสาวอายุประมาณ 16-17 ปี แต่เธอไม่มีท่าทีของเด็กสาววัยนี้เลยสักนิด บรรยากาศที่ดูสงบนิ่งเหมือนคุณหนูตระกูลใหญ่ อีกทั้งยังมีบุคลิกสูงส่งเหมือนเจ้าหญิง
ที่สำคัญกว่านั้นตัวตนของเด็กสาวคนนี้กลับกลายเป็นหลานสาวของอาคนที่สอง…นั่นก็ไม่เท่ากับว่าเธอคือลูกพี่ลูกน้องของเขาหรอกหรือ
จี้เฟิงกระแอมไอเบาๆทุกคนก็มุ่งความสนใจไปที่จี้เฟิงทันที คงจะโทษคนอื่นไม่ได้ที่จะให้ความสนใจจี้เฟิงกันมากขนาดนี้ การกระทำเมื่อครู่ของเขาโหดร้ายเกินไป เกรงว่าถ้าไม่อยากให้ใครสนใจคงเป็นเรื่องยาก!
“เธอชื่อเสี่ยวหยู”จี้เฟิงถามทันที
“เฮ้!นายเป็นใคร เสี่ยวหยูไม่ใช่ชื่อที่ใครจะมาเรียกก็ได้!” เสี่ยวหยูไม่ได้พูด คนที่พูดคือเด็กสาวที่สวมหมวกแก๊ปสีชมพู เธอพูดด้วยท่าทางหยิ่งยโส “ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ วันนี้นายทำร้ายหมอนี่ ถือว่านายดวงตกสุดๆ เพราะชีวิตที่เหลือคงนายคงต้องไปชดใช้กรรมอยู่ในคุก!”
จี้เฟิงไม่สนใจเธอแม้แต่น้อยไม่แม้แต่จะเหลือบมอง เขายังคงจ้องไปที่เด็กสาวที่ชื่อเสี่ยวหยู “ชื่อของเธอคือเสี่ยวหยู งั้นชื่อเต็มของคุณก็ควรเป็น จี้ เสี่ยวหยู พ่อของเธอชื่ออะไร”
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหันและพูดด้วยเสียงต่ำว่า“สุภาพบุรุษท่านนี้ สิ่งที่คุณพูดนั้นถูกจัดอยู่ในข่ายของผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นสายลับเพื่อสอดแนมข้อมูลของหัวหน้า!”
จี้เฟิงหัวเราะเบาๆเขามองไปที่จี้เสี่ยวหยูและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นเธอก็คงมาจากหยานจิง เธอได้เจอจี้ช่าวเหลยหรือเปล่า”
จี้ช่าวเหลยพี่ชายคนที่สองของจี้เฟิงยังคงอยู่ในหยานจิง ถ้าเสี่ยวหยูคนนี้เป็นคนของตระกูลจี้จริงๆ เธอจะต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน อันที่จริงแล้วจี้เฟิงนั้นไม่สงสัยเลยว่าจี้เสี่ยวหยูคือคนในตระกูลจี้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เขาสนใจจริงๆคือพ่อของจี้เสี่ยวหยูนั้นเป็นใคร ใช่อาจี้เจิ้นผิงหรือเปล่า หรือจะเป็นคนอื่น…
ทันทีที่เธอได้ยินคำถามของจี้เฟิงจี้เสี่ยวหยูก็อึ้งไปทันที เธอมองจี้เฟิงด้วยความประหลาดใจและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากถาม “คุณรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้พี่รองของฉันอยู่ที่หยานจิง คุณรู้จักเขาเหรอ?”
ตอนนี้คนอื่นๆก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเกี่ยวกับจี้เฟิงหลังจากที่ได้ยินชื่อของตระกูลจี้แล้ว ท่าทางของจี้เฟิงไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกหวั่นเกรง แต่กลับมีบางอย่าง… ตื่นเต้น
หัวใจของหลี่ลู่หนานเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยจี้เฟิง… จี้เสี่ยวหยู… ดวงตาของเธอเบิกกว้างเธอหันมองสลับไปมาระหว่างใบหน้าของจี้เฟิงและจี้เสี่ยวหยู แม้ว่าคนหนึ่งจะเป็นผู้ชาย อีกคนจะเป็นผู้หญิง แต่พวกเขาก็มีเค้าโครงบางส่วนบนใบหน้าที่… คล้ายกันมาก!
ยกตัวอย่างเช่นหน้าผากของจี้เฟิงมีส่วนที่โค้งมน ไม่ใหญ่มาก แต่เมื่อรวมกับเครื่องหน้าอื่นๆของเขามันทำให้เขาดูหล่อเหลามาก ส่วนจี้เสี่ยวหยูที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็มีหน้าผากที่โค้งมนเช่นกัน!
ลักษณะที่คล้ายคลึงกันนี้สามารถอธิบายถึงปัญหานี้ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น…ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด
จี้เฟิง…หรือว่าจะเป็นจี้ที่มาจากตระกูลจี้!
หัวใจของหลี่ลู่หนานสั่นไหวการคาดเดานี้ทำให้เธอตกใจจริงๆ
“เสี่ยวหยูไม่ต้องไปสนใจไอ้สารเลวคนนี้! มันแค่ต้องการเข้าหาเธอ ทำไมเธอถึงมองไม่ออกกันละเนี่ย!” มีเพียงหญิงสาวที่สวมหมวกแก๊ปเท่านั้นที่ไม่สังเกตสถานการณ์ที่ดูผิดปกตินี้ เธอยังคงพูดพล่ามอย่างไม่รู้จบ
“คุณรู้จักพี่รองของฉันงั้นเหรอ!”จี้เสี่ยวหยูเห็นว่าจี้เฟิงไม่ตอบจึงอดไม่ได้ที่จะถามย้ำอีกครั้ง “ถ้าคุณรู้จักเขาจริงๆ สิ่งนี้เกิดขึ้นวันนี้อาจจะเป็นความเข้าใจผิด…”
เด็กคนนี้ฉลาดมาก!
จี้เฟิงยิ้มน้อยๆใช้คำว่า ‘ความเข้าใจผิด’ อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
เขายิ้มและพูดว่า“ก่อนที่ฉันจะตอบ คุณควรตอบคำถามของฉันก่อนว่าใครคือพ่อของคุณ”
จี้เสี่ยวหยูยิ้มเล็กน้อยทันใดนั้นก็เหมือนกับมีดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งด้วยความงามที่เคลื่อนไหวท่ามกลางความเงียบสงัด เธอเหมือนกับเป็นเจ้าหญิงจริงๆ!
“พ่อของฉันไม่ได้เป็นคนมีชื่อเสียงฉันคิดว่าคุณคงไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน” จี้เสี่ยวหยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ“ถ้าคุณไม่ตอบ ฉันก็จะไม่ตอบคำถามของคุณ!”
แม้เกิดความคิดที่จะหยอกล้อเด็กสาวคนนี้แต่ในใจก็แอบระแวดระวังอยู่ไม่น้อย เด็กสาวคนนี้ก็ระวังตัวไม่น้อยเลยเช่นกัน
จี้เสี่ยวหยูจนปัญญาและเธอก็ต้องการทราบตัวตนของจี้เฟิง วิธีที่จะคุยกับผู้ชายคนนี้ที่ง่ายที่สุดคือการพูดตรงๆ
เธอพูดเบาๆว่า“พ่อของฉันคือ จี้เจิ้นผิง!”