The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 329 ลิงน้อย
จี้เฟิงอึ้งไปครู่หนึ่งอาจเป็นเพราะผู้อาวุโสเฒ่านอนหลับนานเกินไปน้ำเสียงของเขาถึงแหบพร่าและสั่นเครือ และการพูดของเขาก็เนิบช้ามากแต่แน่นอนว่าจี้เฟิงสามารถฟังความหมายในคำพูดของผู้อาวุโสเฒ่าได้
ผู้อาวุโสเฒ่ากล่าวออกมาอย่างมั่นใจว่าเขาคือจี้เฟิงเขารู้จักจี้เฟิง!
สิ่งนี้จะหมายความว่าอย่างไร
มันหมายความว่าผู้อาวุโสเฒ่าให้ความสนใจในตัวจี้เฟิงมาโดยตลอดและจดจำใบหน้าของจี้เฟิงได้จนขึ้นใจเพราะถ้าเขาเคยเห็นจากในรูปเพียงไม่กี่ครั้ง ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ของผู้อาวุโสเฒ่า เขาจะไม่สามารถเอ่ยชื่อออกมาอย่างมั่นใจได้ในทันทีที่เขาตื่นขึ้นแบบนี้
เมื่อคิดได้แบบนี้ใบหน้าที่แข็งทื่อของจี้เฟิงก็ค่อยๆอ่อนลงแต่คอที่แข็งทื่อนั้นทำให้เขาไม่สามารถพยักหน้าได้ เขาทำได้แค่เพียงกะพริบตาอย่างแรง มุมปากที่พยายามจะยิ้มแต่กลับทำได้แค่กระตุกอยู่สองสามครั้ง ครับ… ผู้อาวุโส!
‘คุณปู่’เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้ จี้เฟิงยังคงไม่สามารถเรียกแบบนั้นออกมาได้ เขาทำได้เพียงแค่เรียกว่าผู้อาวุโสเท่านั้น
ใบหน้าที่ซูบผอมของผู้อาวุโสเฒ่าตระกูลจี้แสดงความรู้สึกโล่งใจแม้ว่าจะเพียงแค่เล็กน้อย แต่ก็เพียงพอแล้วที่จี้เฟิงจะสังเกตเห็น
ดวงตาของผู้อาวุโสเฒ่าปรากฏรอยยิ้ม เจ้ารักษาข้างั้นหรือ
แม้ว่าก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสเฒ่าจะหลับสนิทแต่ร่างกายของเขายังคงรู้สึกอยู่ เขาสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่ามีคนกำลังทำการรักษาเขาอยู่ พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นจี้เฟิง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่น่าจะมีความเป็นไปได้อย่างอื่นอีก
จี้เฟิงทำการกระตุ้นพลังงานไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายของตัวเองเพื่อทำให้ร่างกายของเขาสามารถเคลื่อนไหวได้โดยเร็วที่สุดจากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า ใช่ครับผู้อาวุโสผมนำยาพิเศษซึ่งดีและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของผู้อาวุโสมาให้!
ไม่ใช่แค่ยาพิเศษใช่ไหม ผู้อาวุโสเฒ่านิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนขึ้น
จี้เฟิงยิ้มเขาไม่คิดที่จะปิดบังแม้แต่น้อยเขาพยักหน้าและกล่าวว่า ครับ มีวิธีอื่นมาช่วยเสริมอีกนิดๆหน่อยๆ
ผู้อาวุโสยิ้ม และมันก็ยังเป็นวิธีที่พิเศษมาก… ฉันพูดถูกไหม
เมื่อเห็นจี้เฟิงพยักหน้าผู้อาวุโสเฒ่าก็รู้สึกปลื้มปีติขึ้นมาทันที
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งผู้อาวุโสก็ถามว่า ทำไมจนถึงตอนนี้ เจ้ายังไม่เรียกฉันว่าคุณปู่อีก
จี้เฟิงมองดูดวงตาที่เว้าลึกของผู้อาวุโสแต่แววตานั้นกลับเต็มไปด้วยความคาดหวังจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเอามือขึ้นมาถูจมูก ตอนนี้เขารู้สึกแสบที่จมูกเล็กน้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นมันช่วยให้อารมณ์ที่ปั่นป่วนของเขาสงบลงได้
เมื่อเขาผ่อนลมหายใจออกจี้เฟิงไม่สนว่าร่างกายของเขาจะปวดร้าวเพียงใด เขาคุกเข่าลงที่ข้างเตียงของผู้อาวุโสทันทีและพูดด้วยความเคารพ คุณปู่ หลานชายจี้เฟิงมาหาท่านแล้วครับ!
ดี!ดี! ผู้อาวุโสเฒ่าไม่สามารถพลิกตัวหรือแม้แต่เงยหน้าได้ เขาทำได้แค่เพียงนอนหงายอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล แต่เขารู้ว่าหลานชายของเขากำลังคุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพ และยอมรับในบรรพบุรุษอย่างเต็มตัว!
ดวงตาของผู้อาวุโสมีน้ำตาไหลออกมาอย่างช้าๆชายชราคนนี้เคยเป็นนายพลผู้แข็งแกร่ง ตลอดชีวิตเขาเป็นคนที่เข้มแข็งและทระนงตน แต่เวลานี้เขาอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา!
ส่วนจี้เจิ้นผิงที่ยืนดูฉากนี้อยู่นอกห้องก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ดวงตาเช่นกันเขารีบหันหลังกลับและกำลังจะควักบุหรี่ขึ้นมาสูบ แต่ถูกสายตาขององครักษ์จ้องมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
จี้เจิ้นผิงยิ้มแห้งๆและเก็บบุหรี่ใส่กระเป๋าเสื้อแม้ว่าองครักษ์เหล่านี้จะไม่ได้มีสถานะสูงกว่าเขา แต่พวกเขาก็เป็นผู้อารักขาที่จงรักภักดีของผู้อาวุโสเฒ่า และแน่นอนว่าจี้เจิ้นผิงนั้นเคารพและให้เกียรติพวกเขา
ลุกขึ้นๆ! ผู้อาวุโสรู้สึกตื้นตันใจจนน้ำเสียงที่พูดออกมาสั่นเครืออีกครั้ง
จี้เฟิงก้มศีรษะลงกับพื้นด้วยความเคารพจากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนดวงตาของเขาเป็นสีแดงเล็กน้อยเขาพยายามฝืนเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา อันที่จริงลักษณะนิสัยที่แข็งแกร่งของจี้เฟิงนั้นแทบจะเหมือนกับปู่ของเขา พวกเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมหลั่งน้ำตาออกมาง่ายๆ
ยกตัวอย่างเช่นเขาเคยถูกเพื่อนหลายคนรุมทำร้ายในตอนสมัยที่เขายังเป็นเด็กไม่ว่าจี้เฟิงจะเจ็บปวดแค่ไหน เขาก็ไม่เคยหลั่งน้ำตา
เมื่อเห็นสีหน้าที่เด็ดเดี่ยวของจี้เฟิงผู้อาวุโสเฒ่าก็รู้สึกเหมือนได้เห็นตัวเองเมื่อตอนที่เขายังเด็กเขากะพริบตาสองสามครั้งและพูดว่า เหมือน! เหมือนมากจริงๆ!
จี้เฟิงไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเฒ่าพูดถึงใครแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจเรื่องนี้
จี้เฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสต้องเหลือบตามองถึงจะสามารถมองเขาได้จี้เฟิงก็อดถามไม่ได้ว่า คุณปู่ครับ คุณปู่อยากให้ผมช่วยพยุงคุณปู่ลุกขึ้นนั่งมั้ย
ในตอนนี้พละกำลังในร่างกายของจี้เฟิงเกือบจะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์แล้วการจะช่วยพยุงคุณปู่ขึ้นมาก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยาก
แต่ชายชรากลับมีสีหน้าเศร้าหมอง หมอไม่อนุญาต! จี้เฟิงรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันทีเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วคุณปู่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือไม่มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป ชีวิตของคุณปู่กลับไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของใครหลายๆคน รวมถึงเกี่ยวพันกับอนาคตของผู้คนอีกมากมาย
ตอนนี้คุณปู่ของจี้เฟิงกลายเป็นตัวชี้วัดในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ไปแล้วแล้วหมอพวกนั้นจะกล้าเสี่ยงกับชายชราที่มีมูลค่ามหาศาลแบบนี้ได้อย่างไร
และนั่นมันทำให้คุณปู่ของเขาไม่มีอิสระอีกต่อไปแม้จะเป็นการตัดสินใจที่เกี่ยวพันกับชีวิตของเขาเอง!
พอคิดมาถึงตรงนี้ในใจของจี้เฟิงก็เกิดโทสะขึ้นมาทันทีดวงตาของเขาฉายแววเย็นยะเยือก เขากัดฟันและพูดว่า ใครกล้าขัดขวาง ผมจะให้เขาได้มานอนบนเตียงนี่แทนคุณปู่!
พอพูดจบเขาก็รีบวางหมอนในแนวตั้งเขาจับคอของผู้อาวุโสเฒ่าด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างหนึ่งพยุงเอวผู้อาวุโสเฒ่าให้ลุกขึ้นนั่ง
จี้เฟิงมองไปยังสายไฟที่ห้อยระโยงระยางบนศีรษะของคุณปู่ของเขาเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจที่จะยังไม่ถอดมันออก แม้จะดูเกะกะน่ารำคาญแต่อย่างไรก็ตามเครื่องมือเหล่านี้ก็กำลังทำงานของมันอยู่ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการตรวจสอบสุขภาพร่างกายของคุณปู่!
ดูเหมือนว่าในที่สุดผู้อาวุโสเฒ่าก็มีท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้นเมื่อเขาได้นั่งเอนตัวพิงหมอนเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ
เจ้าลิงน้อยอารมณ์ของเจ้าเหมือนข้าตอนสมัยหนุ่มๆมาก! มุมปากของผู้อาวุโสเฒ่าโค้งงอขึ้นเป็นรอยยิ้ม นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาสามารถทำได้และมันแสดงให้เห็นว่าตอนนี้ผู้อาวุโสเฒ่ามีความสุขมากแค่ไหน! หน้าตาของเจ้าตอนนี้ช่างเหมือนกับตอนที่พ่อของเจ้ายังเด็กๆไม่มีผิด!ตาแก่คนนี้ดีใจมากที่ได้เห็นหลานชายด้วยตาของตัวเองสักที ผู้อาวุโสเฒ่าค่อยๆพูดอย่างช้าๆ แววตาที่มีร่องรอยของนายพลเก่าคู่นั้นมีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย
จี้เฟิงรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าคำพูดของผู้อาวุโสเฒ่านั้นออกมาจากใจจริงๆถ้าหากเขามาไม่ทันก็เกรงว่าผู้อาวุโสเฒ่าคงจะไม่ได้เห็นเขาก่อนที่จะจากโลกนี้ไป
เจ้าลิงน้อยเจ้ากดปุ่มสีเหลืองตรงหัวเตียงทางซ้ายให้ข้าหน่อย! จู่ๆผู้อาวุโสเฒ่าก็พูดขึ้น
จี้เฟิงพยักหน้าทันทีเขามองไปที่หัวเตียงและพบว่ามีอยู่สองปุ่ม เป็นปุ่มสีแดง 1 ปุ่มและปุ่มสีเหลือง 1 ปุ่ม จี้เฟิงกดปุ่มสีเหลืองทันที
ภายในเวลาไม่กี่วินาทีก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินมาจากทางเดินที่ด้านหน้าห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็วภายใต้สายตาที่กำลังตกตะลึงของจี้เจิ้นผิง ชายวัยกลางคนก็ผลักประตูห้องและเดินตรงเข้าไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว
เมื่อชายวัยกลางคนเห็นจี้เฟิงแววตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นและความตื่นตัวก็เพิ่มขึ้นทันทีและในขณะเดียวกันเขาก็พูดว่า ท่านหัวหน้า! ทำไมท่านถึงลุกขึ้นนั่งล่ะครับ
อะไรกัน!เจ้าก็ต้องการจำกัดเสรีภาพของข้าด้วยอีกคนงั้นรึ! ผู้อาวุโสมีสีหน้าที่ไม่พอใจนัก
ชายวัยกลางคนรีบพูดทันที แต่ท่านหัวหน้า ร่างกายของท่าน..
ผู้อาวุโสวางมือไว้บนร่างกายของเขาข้อมือของเขาสั่นเล็กน้อย ลิงน้อยตัวนี้เป็นหลายชายของฉัน เขาชื่อว่าจี้เฟิง!
ชายวัยกลางคนอึ้งไปครู่หนึ่งและพูดต่อว่า เถี่ยจุนยินดีที่ได้พบกับนายน้อยสาม!
จี้เฟิงพยักหน้าทันทีและยิ้มอย่างสุภาพ สวัสดีครับ!
จี้เฟิงมองออกว่าชายวัยกลางคนที่ชื่อเถี่ยจุนตรงหน้าเขาคนนี้จะต้องเป็นยอดฝีมือย่างแน่นอนแม้ออร่าบนร่างกายของเขาจะดูเรียบง่าย แต่นั่นกลับทำให้จี้เฟิงรู้สึกว่าถ้าปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้อย่างเทียนกั๋วถงได้ประมือกับเขา เทียนกั๋วถงจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
คิดง่ายๆแล้วกันว่าผู้ชายคนนี้คือองครักษ์ส่วนตัวของผู้อาวุโสแห่งตระกูลจี้!
มีคำสั่ง! สีหน้าของผู้อาวุโสเฒ่าดูเคร่งเครียด
ฟึ่บ!
เถี่ยจุนยืนตรงทันทีด้วยสีหน้าจริงจัง
นับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าจงทำตามคำสั่งของจี้เฟิงโดยไม่ต้องขออนุญาตจากข้า และจะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ห้องนี้แม้เพียงครึ่งก้าว หากใครกล้าที่จะเข้ามาที่นี่… ผู้อาวุโสเฒ่าออกคำสั่งช้าๆ คำพูดของเขายังไม่ทันเสร็จ เถี่ยจุนก็พยักหน้าทันที
ถ้ามีคนกล้าบุกเข้ามาผมจะฆ่ามันซะ! เถี่ยจุนกล่าวเสียงดัง
ออกไปได้แล้ว ผู้อาวุโสกล่าวเสียงเรียบ
เถี่ยจุนโค้งคำนับก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ผู้อาวุโสเฒ่าพูดกับจี้เฟิง เจ้าลิงน้อย การที่เจ้ามาเยี่ยมข้า มันคงไม่ถึงกับทำให้ใครหลายคนเป็นกังวลนัก แต่การที่เจ้าให้ข้าลุกขึ้นนั่งแบบนี้ เกรงว่าจะทำให้ใครหลายคนต้องกระสับกระส่าย!
เหอๆ จี้เฟิงหัวเราะอย่างเซ่อๆ คุณปู่จะหมายความว่า การที่ผมมารักษาคุณปู่ให้หายป่วย มันจะกลายเป็นหนามยอกอกสำหรับใครหลายๆคน… ใช่มั้ยครับ
ฉลาดมากเจ้าลิงน้อย! ผู้อาวุโสเฒ่ายิ้ม
จี้เฟิงหัวเราะเบาๆจากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า คุณปู่ครับ ตอนนี้ร่างกายของคุณปู่ดีขึ้นแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอีกประมาณ 1 เดือนเป็นอย่างน้อยคุณปู่ถึงจะฟื้นตัวได้เต็มที่ และตลอดระยะเวลานั้นคุณปู่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนนะครับ
ผู้อาวุโสเฒ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย ยังต้องอยู่โรงพยาบาลต่อ…
ว่ากันว่าคนเราเมื่อแก่ตัวลงจะมีนิสัยที่เหมือนเด็กและตอนนี้ชายชราที่อยู่ตรงหน้าเขาก็กำลังทำตัวเหมือนเด็กอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อผู้อาวุโสเฒ่าได้ยินว่าจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งเดือน มันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
จี้เฟิงแอบขำอยู่ในใจ คุณปู่ครับ ถ้าคุณปู่ทนอยู่ที่นี่อีกสักเดือน ร่างกายก็จะฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าคุณปู่อยากจะกลับบ้าน ก็กลับได้นะครับ แต่คุณปู่ก็คงจะได้แต่นอนอยู่บนเตียงเหมือนอย่างตอนนี้เท่านั้น!
ปากของผู้อาวุโสเฒ่ากระตุกสองสามครั้งจากนั้นเขาก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า มันคือกลยุทธ์เบี่ยงเบนความสนใจสินะ
ใช่แล้วครับ! จี้เฟิงยิ้มแต่ในดวงตาของเขากลับส่องประกายออกมา เมื่อครู่นี้คุณปู่ของเขาคงจะไม่ทันรู้ตัว… ว่าเขานั้นพยักหน้า! แม้มันจะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ไม่ใช่สำหรับชายชราที่ป่วยหนักใกล้จะตายอย่างแน่นอน มันคือพัฒนาการที่สำคัญ!
มันหมายความว่าคอของผู้อาวุโสเฒ่าเริ่มฟื้นตัวแล้ว!
จี้เฟิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันทีดูเหมือนว่ากระแสไฟฟ้าชีวภาพในศีรษะของคุณปู่จะคงที่ดี จึงทำให้กระแสชีวภาพที่คอของเขาเริ่มทำงาน!
ตราบใดที่เขาได้ทำการรักษาคุณปู่อย่างต่อเนื่องเขาเชื่อว่าภายในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งเดือน คุณปู่ของเขาจะสามารถลุกขึ้นยืนได้!
เมื่อตระหนักได้ถึงจุดนี้จี้เฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก วิธีการรักษาที่สมองหมายเลข 1 บอกเขานั้นมีประสิทธิภาพที่ดีมากจริงๆ และตอนนี้เขาทำมันสำเร็จไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว!
เจ้าลิงน้อยเจิ้นผิงเป็นคนพาเจ้ามาหาข้าใช่ไหม ตอนนี้ผู้อาวุโสเฒ่าได้มองไปยังด้านนอกผ่านกระจกบานใหญ่ เขามองเห็นลูกชายคนสุดท้ายยืนอยู่ตรงทางเดินหน้าห้อง
จี้เฟิงพยักหน้าและพูดว่า ผมขอร้องให้อาสามพาผมมาหาคุณปู่ที่นี่ครับ
ทันทีที่เขาพูดจบเขาก็เห็นสีหน้าอาสามของเขาเปลี่ยนไป สายตาของจี้เจิ้นผิงมองไปยังอีกทิศทางหนึ่งตรงทางเดินด้วยท่าทีระแวดระวัง