The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 337 บทเรียนที่ไม่มีวันลืม
- Home
- The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
- บทที่ 337 บทเรียนที่ไม่มีวันลืม
ผู้อาวุโสจี้ที่เดินลงมาจากรถไม่ยอมให้ใครมาช่วยเหลือไม่แม้แต่จะใช้ไม้ค้ำดังนั้นก้าวแรกที่เขาลงจากรถเขาจึงก้าวมันอย่างมั่นคง จากนั้นก็เดินไปที่ทางเข้าลานบ้าน
เมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกนำตัวไปโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่าผู้อาวุโสจี้ในตอนนี้ดูมีชีวิตชีวาราวกับว่าเขาได้กลับมาหนุ่มอีกครั้ง
ทหารยามทุกคนที่รับผิดชอบดูแลภายในอาคารทำความเคารพพร้อมๆกันในขณะที่องครักษ์ที่คอยดูแลความปลอดภัยด้านนอกมองไปรอบๆบริเวณด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ทางด้านความปลอดภัยด้วยขีดจำกัดสูงสุด!
ชายชราที่เคยเห็นแต่ทางทีวีเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กจู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ผู้หญิงจัดจ้านที่ยืนอยู่ข้างจี้เส้าโหยวแทบจะช็อคคาที่ กว่าจะรู้ตัวได้สติคืนมาอีกทีก็ตอนที่ถูกทหารยามคนหนึ่งผลักเธอออกไป เมื่อรู้ตัวว่ากำลังยืนขวางทางเธอจึงรีบเดินถอยหลังมาสองสามก้าว แต่ด้วยความลนลานจึงทำให้เธอยืนไม่มั่นคงจนเกือบจะล้มลงกับพื้น!
“คุณปู่!”จี้เสี่ยวหยูวิ่งตรงไปหาผู้อาวุโสจี้อย่างตื่นเต้น “คุณปู่กลับมาแล้วจริงๆด้วย!”
เมื่อเห็นหลานสาวตัวน้อยวิ่งมาหาอย่างร่าเริงใบหน้าที่เรียบเฉยของผู้อาวุโสจี้ก็พลันมีรอยยิ้มที่รักใคร่เอ็นดูขึ้นมาทันที เขาตบหัวจี้เสี่ยวหยูเบาๆ “สาวน้อยหลายเดือนมานี้คิดถึงปู่หรือเปล่า”
“คิดถึงสิคะ!”
จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าอย่างแรง“หลายเดือนที่คุณปู่ไม่อยู่ มีคนมารังแกเสี่ยวหยู แล้วพอไม่มีคุณปู่คอยปกป้อง…..”
พอพูดมาถึงตรงนี้จี้เสี่ยวหยูก็อดคิดถึงความอึดอัดคับข้องใจที่เธอได้รับมาไม่ได้น้ำใสๆในดวงตาก็เอ่อคลอขึ้นมาทันที ปากน้อยๆของเธอมุ่ยพร้อมที่จะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
ท่าทางของเธอเวลานี้เหมือนเด็กหญิงตัวน้อยๆไปถูกคนอื่นรังแกจากข้างนอกกลับบ้านมาหาผู้ใหญ่เพื่อบอกความคับข้องที่อยู่ในใจ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่เป็นคุณปู่ที่รักและเอ็นดูเธอมาก นั่นจึงทำให้ความคับข้องใจที่ผ่านมาทั้งหมดของเธอได้ระเบิดออกมา!
จี้เส้าโหยวกับผู้หญิงจัดจ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็หน้าซีดเผือดเหงื่อเย็นๆผุดขึ้นไปทั่วร่างกาย ความรู้สึกถึงความซวยที่กำลังจะมาเยือนมันทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนแทบจะยืนไม่อยู่
“ท่านปู่ใหญ่!”จี้เส้าโหยวรวบรวมความกล้าทั้งหมด แล้วร้องอุทานออกมาอย่างโง่เขลา
“อืม!”
ผู้อาวุโสจี้พยักหน้าเล็กน้อยและตอบรับอย่างง่ายๆแค่นี้ก็ถือว่าเป็นการทักทายที่หาได้ยากยิ่งสำหรับจี้เส้าโหยวแล้ว จากนั้นผู้อาวุโสจี้ก็ลูบหัวจี้เสี่ยวหยูเบาๆและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะๆ ปู่ก็อยู่ที่นี่แล้ว อย่าเศร้าไปเลย!”
“อื้ม!เสี่ยวหยูจะไม่เศร้าแล้วค่ะ!” จี้เสี่ยวหยูยิ้มกว้างออกมาทันทีเธอมีทั้งคุณปู่และพี่สามอยู่ด้วย เธอไม่ต้องกลัวใครอีกต่อไปแล้ว
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับคุณปู่!”จี้ช่าวเหลยยิ้มและเดินเข้ามาหาผู้อาวุโสจี้
ผู้อาวุโสจี้ถลึงตา“เจ้ามาทำอะไรที่หยานจิง! ทำไมไม่ตั้งใจทำงานที่เจียงโจวให้ดี!”
จี้ช่าวเหลยยิ้มทันที“โธ่ คุณปู่ครับ ผมคิดถึงเลยอยากจะมาเยี่ยมคุณปู่บ้างก็แค่นั้นเอง”
“อืม!ยังถือว่าเป็นเด็กที่กตัญญูรู้คุณอยู่บ้าง ครั้งนี้ข้าจะไม่ลงโทษเจ้า!” ผู้อาวุโสจี้พูดอย่างดุๆ และแม้ว่าจะไม่ได้แสดงสีหน้าที่ใจดีกับหลานชาย แต่จี้ช่าวเหลยกลับไม่รู้สึกรำคาญเลย กลับกันรอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับสดใสยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เขารู้นิสัยคุณปู่ของเขาดียิ่งคุณปู่ให้ความสำคัญกับใครมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งเข้มงวดมากขึ้นเท่านั้นปกติแล้วการตำหนิของคุณปู่ก็เหมือนการแสดงความรัก จี้ช่าวเหลยจึงรู้สึกดีใจมาก “ท่านหัวหน้าครับเข้าไปข้างในก่อนดีกว่าครับ!” เถี่ยจุนที่อยู่ข้างๆ เตือนด้วยเสียงเบา ตอนนี้พวกเขายังยืนอยู่ในซอยหน้าทางเข้าลานซื่อเหอหยวน เกรงว่าถ้ามีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นจะเป็นการป้องกันที่ยากลำบาก แม้ว่าพวกเขาจะสามารถป้องกันได้เป็นอย่างดีแต่ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงอยู่ดี
ผู้อาวุโสจี้พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า“อืม เข้าไปข้างในกันเถอะ!” ผู้อาวุโสจี้ก็เดินเข้าไปยังลานบ้าน ทหารยามส่วนใหญ่ก็เดินตามเข้าไปด้วยเช่นกัน มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ด้านหลังจี้เฟิง ตอนนี้มีเพียง จี้เฟิง จี้ช่าวเหลย และคนอื่นๆที่มาถึงก่อนหน้าจี้เฟิงยังคงยืนอยู่ด้านนอก
จี้เสี่ยวหยูเองก็ไม่ได้ตามเข้าไปด้วยเธอเป็นเด็กที่มีมารยาทรู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี เธอรู้ว่าคุณปู่ของเธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลและแน่นอนว่าเขายังต้องการการพักผ่อน ดังนั้นเธอนึงไม่เข้าไปรบกวนคุณปู่
และผู้ที่กลายเป็นจุดสนใจในเวลานี้ก็คือจี้เฟิง
แต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เขาเพียงแค่มองไปที่จี้เสี่ยวหยูด้วยสีหน้าสงบนิ่งก่อนที่จะขมวดคิ้วและถามว่า “เสี่ยวหยู ตอนฉันเพิ่งลงจากรถ ฉันเห็นเธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ยังไม่ทันได้เจอคุณปู่ ก็คิดถึงมากร้องไห้เลยเหรอ”
เมื่อได้ยินคำถามของจี้เฟิงจี้เส้าโหยวและผู้หญิงจัดจ้านก็ถึงกับหน้าถอดสี จี้เส้าโหยวรีบขยิบตาให้จี้เสี่ยวหยู หวังว่าเธอจะไม่พูดความจริงถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นออกไป
เดิมทีจี้เสี่ยวหยูไม่ต้องการสนใจเรื่องนี้อีกต่อไปอีกทั้งนิสัยของเธอก็เป็นเด็กสาวที่ใจอ่อน แต่ในตอนที่เธอกำลังจะตอบ เธอพลันไปเห็นแววตาข่มขู่ของหญิงสาวจัดจ้าน มันทำให้จี้เสี่ยวหยูรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที แต่พอนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ที่ผู้หญิงจัดจ้านพูดให้เธอต้องขายหน้าขึ้นมาได้ แล้วไหนจะเรื่องที่ซินซินถูกตบอีก จี้เสี่ยวหยูจึงฮึดขึ้นมาและพูดด้วยความโกรธ “พี่สามคะ เมื่อกี้พี่เส้าโหยวกับแฟนของเขารังแกหนู….”
เธอรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จี้เฟิงฟังอย่างรวดเร็วยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้ระบายความอัดอั้นคับข้องที่อยู่ในใจออกมา นั่นจึงทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
จี้เฟิงฟังแล้วก็พยักหน้าด้วยใบหน้าสงบนิ่งพร้อมกับลูบหัวของจี้เสี่ยวหยูเบาๆเขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “อย่างร้องไห้มันเป็นเรื่องเล็กน้อย คนเราไม่สามารถทำให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นอย่างที่เราพอใจได้ทั้งหมดหรอก ใช่มั้ย
จี้เสี่ยวหยูมองจี้เฟิงทั้งน้ำตาเธอมุ่ยปากของเธอเล็กน้อยและพูดว่า “ก็ได้! พี่สามพูดถูก หนูจะไม่สนใจพวกเขาแล้ว!”
“ดีมากเธอต้องใจกว้างกว่านี้!” จี้เฟิงหัวเราะ”
“หนูจะใจกว้าง!”จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าอย่างแรง เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองจี้ช่าวเหลยก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ น้องสามไม่น่าจะใช่คนที่ใจดีขนาดนี้ แต่จี้เส้าโหยวและผู้หญิงจัดจ้านกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก โดยเฉพาะจี้เส้าโหยวที่คิดว่าจี้เฟิงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เพราะเขาเพิ่งจะมาที่หยานจิงเป็นครั้งแรกคงไม่กล้าล่วงเกินคนอื่น
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงหันกลับไปมองจี้เส้าโหยวและถามยิ้มๆว่า“ไม่รู้ว่าจะเรียกคุณว่าอะไรดี”
เหอะ!ถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว!
จี้เส้าโหยวบ่นอยู่ในใจแต่ต่อหน้าหลานชายคนโตของตระกูลที่เติบโตมาจากบ้านนอกเขายังคงพยายามทำท่าทางให้ดูดีและเหนือชั้นมากที่สุด เขายื่นมือออกไป “ฉันชื่อจี้เส้าโหยวนับกันตามศักดิ์แล้ว ฉันน่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณ ถ้าอย่างนั้นฉันขอเรียกแบบสบายๆก็แล้วกัน นายคือจี้เฟิงใช่มั้ย ฉันเคยได้ยินชื่อนายมานานแล้ว…”
เขายังพูดไม่ทันจบจี้เฟิงก็เดินเลยเขาไปจี้เฟิงไม่สนใจมือของจี้เส้าโหยวที่ยื่นออกมาทักทายเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงถามด้วยเสียงที่ราบเรียบว่า “ผู้หญิงคนนี้…”
“อ้อ!”แววตาของจี้เส้าโหยวฉายแววไม่พอใจเขาแอบด่าอยู่ในใจ ‘ไอ้เด็กบ้านนอกไร้มารยาท!’ แต่ปากกลับพูดว่า “นี่คือพี่สะใภ้ในอนาคตของนาย หลี่เยี่ยนถิง”
ผู้หญิงจัดจ้านที่ชื่อหลี่เยี่ยนถิงเหลือบมองจี้เฟิงและยืดอกอย่างภาคภูมิใจทันทีตราบใดที่ไม่ใช่คนที่สูงส่งไปกว่าจี้เส้าโหยว ก็ไม่มีใครมีค่าพอที่จะอยู่ในสายตาเธอ!
“พี่สะใภ้ในอนาคต”จี้เฟิงถามซ้ำราวกับว่าเขาไม่เห็นสายตาอันเย่อหยิ่งของหลี่เยี่ยนถิง เขายังคงถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “พวกคุณยังไม่ได้แต่งงานกันเหรอ? หรือว่าเป็นคู่หมั้น?”
“เฮ้อ!”จี้เส้าโหยวถอนหายใจและส่ายหน้า “ก็อย่างที่รู้ว่าก่อนหน้านี้คุณปู่ใหญ่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ฉันเป็นหลานชายจะจัดการเรื่องนี้โดยพลการได้ยังไง…” อีกครั้งที่เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกจี้เฟิงขัดจังหวะ“ยังไม่ได้แต่งงานและก็ยังไม่ได้หมั้น งั้นก็หมายความว่าไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลจี้น่ะสิ!”
จี้เฟิงหันกลับไปถามทหารยามข้างๆทันที“มีบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนของตระกูลจี้ ก่อเหตุทำร้ายร่างกายที่หน้าซื่อเหอหยวนของผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้ เราจะมีวิธีจัดการกับเรื่องนี้ยังไง”
“การก่อเหตุรุนแรงถือเป็นอาชญากรรมที่ก่อให้เกิดอันตรายสามารถยิงได้ทันที!” ทหารยามตอบอย่างเย็นชาทันที
ทันใดนั้นสีหน้าของจี้เส้าโหยวและหลี่เยี่ยนถิงก็เปลี่ยนไปทันทีรวมถึงจี้ช่าวเหลยเองก็ตกใจมากเช่นกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าจี้เฟิงจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ สีหน้าของเขายังคงดูเรียบเฉยแต่ภายในใจกลับใช้เรื่องนี้ทำให้หญิงสาวที่จัดจ้านตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาทำร้ายร่างกายหน้าเคหสถานสำคัญจนทหารยามสามารถยิงทิ้งได้ทันที! “แล้วพวกคุณรออะไรอยู่”จี้เฟิงถามเสียงเรียบ
คลิก!คลิก! คลิก!
ทหารยามทั้งสามคนปลดเซฟตี้ของปืนพร้อมกันหลุมดำของปากกระบอกปืนต่างถูกยกขึ้นและเล็งไปยังตำแหน่งที่หญิงสาวจัดจ้านที่ชื่อหลี่เยี่ยนถิงยืนอยู่
“หยุดนะ!”ไม่รู้ว่าจี้เส้าโหยวเอาแรงฮึดมาจากไหน เขาตะโกนออกมาทันที แม้ว่าร่างกายของเขาจะกำลังสั่นเทาไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว แต่เขาก็พยายามที่จะพูดออกมา “น่ะ… น้องสาม นาย…”
จี้ช่าวเหลยเองก็อึ้งไปเช่นกันเขารีบร้องห้ามทันที“น้องสาม! ใจเย็นก่อน นี่มันหน้าบ้านคุณปู่เลยนะ ถ้าจะยิงก็ต้องเปลี่ยนที่! เดี๋ยวคุณปู่ได้มาเฉ่งแน่ๆเลย”
“คุณปู่ไม่ว่าหรอก!”จี้เฟิงยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ใบหน้าของเขายังคงไม่มีร่องรอยที่ของบุคคลอันตราย เขายกมือขึ้นสูง… “ตุ้บ!”หลี่เยี่ยนถิงเข่าอ่อนจนทรุดลงกับพื้นหลังจากที่เห็นหลุมดำของปากกระบอกปืนต่างเล็งมาที่เธอ และพร้อมที่จะมีกระสุนออกมาจากตรงนั้นได้ทุกเวลา
ในขณะที่จี้เฟิงกำลังยกมือขึ้นดวงตาของจี้เส้าโหยวก็เบิกกว้างทันทีและรีบพูดขึ้นว่า “เกินไป… น้องสาม นายทำแบบนี้มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอ… พี่รอง พี่รองครับ ช่วยห้ามน้องสามเร็วเข้า เขากำลังจะฆ่าคนจริงๆ!”
จี้ช่าวเหลยส่ายหัวเล็กน้อยเขากางมือออกและพูดอย่างจนใจ “ฉันเพิ่งจะพูดเกลี้ยกล่อมไปเมื่อกี้ นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่ามันไร้ประโยชน์”
“พี่สามคะอย่าทำแบบนี้เลย…” พอเห็นพี่ชายคนที่สามของเธอดุร้ายมากขนาดนี้ จี้เสี่ยวหยูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เธอรีบดึงแขนเสื้อของจี้เฟิง
“เสี่ยวหยู!ถ้าเธอยังใจอ่อนอยู่แบบนี้ ต่อไปในอนาคตก็จะมีคนมารังแกเธออีก!” จี้เฟิงส่ายหัวและเอามือลง
ทั้งจี้เส้าโหยวและหลี่เยี่ยนถิงต่างถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกออกมาในเวลาเดียวกันตอนนี้ทั้งสองคนตกใจจนสั่นไปทั้งตัวไม่มีแม้แต่แรงจะยืน
“ฮี่ฮี่ไม่มีใครกล้ารังแกหนูหรอก เพราะมีพี่สามกับพี่รองคอยปกป้องหนูอยู่นี่ไง!” จี้เสี่ยวหยูยิ้มอย่างสดใส “แล้วก็มีคุณปู่ด้วย!”
จี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยได้แต่หัวเราะออกมาอย่างเซ่อๆและก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความอ่อนใจกับน้องสาวคนนี้
“เอาล่ะในเมื่อเธอขอร้องพี่ก็จะปล่อยพวกเขาไป” จี้เฟิงกล่าว “แต่ถึงแม้ว่าโทษประหารจะได้รับการยกเว้น แต่ความผิดที่พวกเขากระทำก็ต้องได้รับการชดใช้ มาทำให้น้องสาวของพี่ต้องขายหน้าโดยไม่มีเหตุผล ซ้ำยังกล้าแอบอ้างว่าเป็นคนของตระกูลจี้อีก… พี่เส้าโหยวคุณคิดว่าเรื่องนี้ควรจะจัดการยังไงดี”
สุด!สุดยอด! ไอ้หมดนี่มันสุดยอดจริงๆ!ในที่สุดจี้ช่าวเหลยก็เข้าใจแผนการของจี้เฟิง เขาแอบยกนิ้วโป้งและแอบชื่นชมจี้เฟิงอยู่ในใจดังๆ!
สีหน้าของจี้เส้าโหยวที่เพิ่งจะมีเลือดฝาดกลับมาจากความโล่งใจก็ต้องมาเปลี่ยนไปอีกครั้งเขาไม่รู้จริงๆว่าในสถานการณ์เช่นนี้ควรจะทำยังไงดี มีหลายอย่างที่สมองของเขาประมวลผลไม่ทัน เขาไม่คาดคิดว่าทหารยามพวกนี้จะเชื่อฟังจี้เฟิง และก็ไม่คิดว่าหลานชายคนโตของตระกูลจี้จะโหดร้ายถึงขนาดนี้ เจอหน้ากันครั้งแรกก็ต้องการจะเอาชีวิตกันเลย!
“น้องสามนายว่าแบบนี้ดีมั้ย ให้หลี่เยี่ยนถิงขอโทษเสี่ยวหยูกับเพื่อนของเธอ…” จี้เส้าโหยวรีบหันหน้าไปหาหลี่เยี่ยนถิงทันที “หลี่เยี่ยนถิง มัวงงอะไรอยู่ รีบมาขอโทษเสี่ยวหยูกับเพื่อนของเธอเดี๋ยวนี้!”
“ห๊ะ!อ๊ะ! โอ้!” หลี่เยี่ยนถิงเหมือนคนเพิ่งถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ พอนึกขึ้นได้จึงรีบลุกขึ้นจากพื้น และก้มหัวโค้งคำนับเพื่อขอโทษจี้เสี่ยวหยูและเหวินเว่ยซิน
“คุกเข่าลง!”จี้ช่าวเหลยที่อยู่ข้างๆตะโกนเสียงดัง
เสี่ยงนี้ทำให้หลี่เยี่ยนถิงตกใจจนสะดุ้งเธอสั่นสะท้านไปทั้งตัวและรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที
สีหน้าของจี้เส้าโหยวกลายเป็นสีแดงเลือดหมูทันทีเมื่อเห็นหลี่เยี่ยนถิงต้องคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อขอโทษเด็กสาวทั้งสองเพราะการที่ภรรยาในอนาคตของเขาต้องคุกเข่า มันก็เท่ากับว่าตัวเขาได้คุกเข่าไปแล้วเหมือนกัน จากนี้ไปเขาคงไม่มีหน้าไปเชิดหน้าชูคอต่อหน้าจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยได้อีก!
“ถ้าในอนาคตยังทำตัวไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแบบนี้อีกล่ะก็ฉันจะฆ่าเธอ!” จี้เฟิงพูดอย่างเย็นชา “ไสหัวไปซะ!”
เมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกนำตัวไปโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่าผู้อาวุโสจี้ในตอนนี้ดูมีชีวิตชีวาราวกับว่าเขาได้กลับมาหนุ่มอีกครั้ง
ทหารยามทุกคนที่รับผิดชอบดูแลภายในอาคารทำความเคารพพร้อมๆกันในขณะที่องครักษ์ที่คอยดูแลความปลอดภัยด้านนอกมองไปรอบๆบริเวณด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ทางด้านความปลอดภัยด้วยขีดจำกัดสูงสุด!
ชายชราที่เคยเห็นแต่ทางทีวีเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กจู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ผู้หญิงจัดจ้านที่ยืนอยู่ข้างจี้เส้าโหยวแทบจะช็อคคาที่ กว่าจะรู้ตัวได้สติคืนมาอีกทีก็ตอนที่ถูกทหารยามคนหนึ่งผลักเธอออกไป เมื่อรู้ตัวว่ากำลังยืนขวางทางเธอจึงรีบเดินถอยหลังมาสองสามก้าว แต่ด้วยความลนลานจึงทำให้เธอยืนไม่มั่นคงจนเกือบจะล้มลงกับพื้น!
“คุณปู่!”จี้เสี่ยวหยูวิ่งตรงไปหาผู้อาวุโสจี้อย่างตื่นเต้น “คุณปู่กลับมาแล้วจริงๆด้วย!”
เมื่อเห็นหลานสาวตัวน้อยวิ่งมาหาอย่างร่าเริงใบหน้าที่เรียบเฉยของผู้อาวุโสจี้ก็พลันมีรอยยิ้มที่รักใคร่เอ็นดูขึ้นมาทันที เขาตบหัวจี้เสี่ยวหยูเบาๆ “สาวน้อยหลายเดือนมานี้คิดถึงปู่หรือเปล่า”
“คิดถึงสิคะ!”
จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าอย่างแรง“หลายเดือนที่คุณปู่ไม่อยู่ มีคนมารังแกเสี่ยวหยู แล้วพอไม่มีคุณปู่คอยปกป้อง…..”
พอพูดมาถึงตรงนี้จี้เสี่ยวหยูก็อดคิดถึงความอึดอัดคับข้องใจที่เธอได้รับมาไม่ได้น้ำใสๆในดวงตาก็เอ่อคลอขึ้นมาทันที ปากน้อยๆของเธอมุ่ยพร้อมที่จะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
ท่าทางของเธอเวลานี้เหมือนเด็กหญิงตัวน้อยๆไปถูกคนอื่นรังแกจากข้างนอกกลับบ้านมาหาผู้ใหญ่เพื่อบอกความคับข้องที่อยู่ในใจ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่เป็นคุณปู่ที่รักและเอ็นดูเธอมาก นั่นจึงทำให้ความคับข้องใจที่ผ่านมาทั้งหมดของเธอได้ระเบิดออกมา!
จี้เส้าโหยวกับผู้หญิงจัดจ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็หน้าซีดเผือดเหงื่อเย็นๆผุดขึ้นไปทั่วร่างกาย ความรู้สึกถึงความซวยที่กำลังจะมาเยือนมันทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนแทบจะยืนไม่อยู่
“ท่านปู่ใหญ่!”จี้เส้าโหยวรวบรวมความกล้าทั้งหมด แล้วร้องอุทานออกมาอย่างโง่เขลา
“อืม!”
ผู้อาวุโสจี้พยักหน้าเล็กน้อยและตอบรับอย่างง่ายๆแค่นี้ก็ถือว่าเป็นการทักทายที่หาได้ยากยิ่งสำหรับจี้เส้าโหยวแล้ว จากนั้นผู้อาวุโสจี้ก็ลูบหัวจี้เสี่ยวหยูเบาๆและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะๆ ปู่ก็อยู่ที่นี่แล้ว อย่าเศร้าไปเลย!”
“อื้ม!เสี่ยวหยูจะไม่เศร้าแล้วค่ะ!” จี้เสี่ยวหยูยิ้มกว้างออกมาทันทีเธอมีทั้งคุณปู่และพี่สามอยู่ด้วย เธอไม่ต้องกลัวใครอีกต่อไปแล้ว
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับคุณปู่!”จี้ช่าวเหลยยิ้มและเดินเข้ามาหาผู้อาวุโสจี้
ผู้อาวุโสจี้ถลึงตา“เจ้ามาทำอะไรที่หยานจิง! ทำไมไม่ตั้งใจทำงานที่เจียงโจวให้ดี!”
จี้ช่าวเหลยยิ้มทันที“โธ่ คุณปู่ครับ ผมคิดถึงเลยอยากจะมาเยี่ยมคุณปู่บ้างก็แค่นั้นเอง”
“อืม!ยังถือว่าเป็นเด็กที่กตัญญูรู้คุณอยู่บ้าง ครั้งนี้ข้าจะไม่ลงโทษเจ้า!” ผู้อาวุโสจี้พูดอย่างดุๆ และแม้ว่าจะไม่ได้แสดงสีหน้าที่ใจดีกับหลานชาย แต่จี้ช่าวเหลยกลับไม่รู้สึกรำคาญเลย กลับกันรอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับสดใสยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เขารู้นิสัยคุณปู่ของเขาดียิ่งคุณปู่ให้ความสำคัญกับใครมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งเข้มงวดมากขึ้นเท่านั้นปกติแล้วการตำหนิของคุณปู่ก็เหมือนการแสดงความรัก จี้ช่าวเหลยจึงรู้สึกดีใจมาก “ท่านหัวหน้าครับเข้าไปข้างในก่อนดีกว่าครับ!” เถี่ยจุนที่อยู่ข้างๆ เตือนด้วยเสียงเบา ตอนนี้พวกเขายังยืนอยู่ในซอยหน้าทางเข้าลานซื่อเหอหยวน เกรงว่าถ้ามีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นจะเป็นการป้องกันที่ยากลำบาก แม้ว่าพวกเขาจะสามารถป้องกันได้เป็นอย่างดีแต่ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงอยู่ดี
ผู้อาวุโสจี้พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า“อืม เข้าไปข้างในกันเถอะ!” ผู้อาวุโสจี้ก็เดินเข้าไปยังลานบ้าน ทหารยามส่วนใหญ่ก็เดินตามเข้าไปด้วยเช่นกัน มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ด้านหลังจี้เฟิง ตอนนี้มีเพียง จี้เฟิง จี้ช่าวเหลย และคนอื่นๆที่มาถึงก่อนหน้าจี้เฟิงยังคงยืนอยู่ด้านนอก
จี้เสี่ยวหยูเองก็ไม่ได้ตามเข้าไปด้วยเธอเป็นเด็กที่มีมารยาทรู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี เธอรู้ว่าคุณปู่ของเธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลและแน่นอนว่าเขายังต้องการการพักผ่อน ดังนั้นเธอนึงไม่เข้าไปรบกวนคุณปู่
และผู้ที่กลายเป็นจุดสนใจในเวลานี้ก็คือจี้เฟิง
แต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เขาเพียงแค่มองไปที่จี้เสี่ยวหยูด้วยสีหน้าสงบนิ่งก่อนที่จะขมวดคิ้วและถามว่า “เสี่ยวหยู ตอนฉันเพิ่งลงจากรถ ฉันเห็นเธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ยังไม่ทันได้เจอคุณปู่ ก็คิดถึงมากร้องไห้เลยเหรอ”
เมื่อได้ยินคำถามของจี้เฟิงจี้เส้าโหยวและผู้หญิงจัดจ้านก็ถึงกับหน้าถอดสี จี้เส้าโหยวรีบขยิบตาให้จี้เสี่ยวหยู หวังว่าเธอจะไม่พูดความจริงถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นออกไป
เดิมทีจี้เสี่ยวหยูไม่ต้องการสนใจเรื่องนี้อีกต่อไปอีกทั้งนิสัยของเธอก็เป็นเด็กสาวที่ใจอ่อน แต่ในตอนที่เธอกำลังจะตอบ เธอพลันไปเห็นแววตาข่มขู่ของหญิงสาวจัดจ้าน มันทำให้จี้เสี่ยวหยูรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที แต่พอนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ที่ผู้หญิงจัดจ้านพูดให้เธอต้องขายหน้าขึ้นมาได้ แล้วไหนจะเรื่องที่ซินซินถูกตบอีก จี้เสี่ยวหยูจึงฮึดขึ้นมาและพูดด้วยความโกรธ “พี่สามคะ เมื่อกี้พี่เส้าโหยวกับแฟนของเขารังแกหนู….”
เธอรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จี้เฟิงฟังอย่างรวดเร็วยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้ระบายความอัดอั้นคับข้องที่อยู่ในใจออกมา นั่นจึงทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
จี้เฟิงฟังแล้วก็พยักหน้าด้วยใบหน้าสงบนิ่งพร้อมกับลูบหัวของจี้เสี่ยวหยูเบาๆเขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “อย่างร้องไห้มันเป็นเรื่องเล็กน้อย คนเราไม่สามารถทำให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นอย่างที่เราพอใจได้ทั้งหมดหรอก ใช่มั้ย
จี้เสี่ยวหยูมองจี้เฟิงทั้งน้ำตาเธอมุ่ยปากของเธอเล็กน้อยและพูดว่า “ก็ได้! พี่สามพูดถูก หนูจะไม่สนใจพวกเขาแล้ว!”
“ดีมากเธอต้องใจกว้างกว่านี้!” จี้เฟิงหัวเราะ”
“หนูจะใจกว้าง!”จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าอย่างแรง เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองจี้ช่าวเหลยก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ น้องสามไม่น่าจะใช่คนที่ใจดีขนาดนี้ แต่จี้เส้าโหยวและผู้หญิงจัดจ้านกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก โดยเฉพาะจี้เส้าโหยวที่คิดว่าจี้เฟิงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เพราะเขาเพิ่งจะมาที่หยานจิงเป็นครั้งแรกคงไม่กล้าล่วงเกินคนอื่น
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงหันกลับไปมองจี้เส้าโหยวและถามยิ้มๆว่า“ไม่รู้ว่าจะเรียกคุณว่าอะไรดี”
เหอะ!ถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว!
จี้เส้าโหยวบ่นอยู่ในใจแต่ต่อหน้าหลานชายคนโตของตระกูลที่เติบโตมาจากบ้านนอกเขายังคงพยายามทำท่าทางให้ดูดีและเหนือชั้นมากที่สุด เขายื่นมือออกไป “ฉันชื่อจี้เส้าโหยวนับกันตามศักดิ์แล้ว ฉันน่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณ ถ้าอย่างนั้นฉันขอเรียกแบบสบายๆก็แล้วกัน นายคือจี้เฟิงใช่มั้ย ฉันเคยได้ยินชื่อนายมานานแล้ว…”
เขายังพูดไม่ทันจบจี้เฟิงก็เดินเลยเขาไปจี้เฟิงไม่สนใจมือของจี้เส้าโหยวที่ยื่นออกมาทักทายเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงถามด้วยเสียงที่ราบเรียบว่า “ผู้หญิงคนนี้…”
“อ้อ!”แววตาของจี้เส้าโหยวฉายแววไม่พอใจเขาแอบด่าอยู่ในใจ ‘ไอ้เด็กบ้านนอกไร้มารยาท!’ แต่ปากกลับพูดว่า “นี่คือพี่สะใภ้ในอนาคตของนาย หลี่เยี่ยนถิง”
ผู้หญิงจัดจ้านที่ชื่อหลี่เยี่ยนถิงเหลือบมองจี้เฟิงและยืดอกอย่างภาคภูมิใจทันทีตราบใดที่ไม่ใช่คนที่สูงส่งไปกว่าจี้เส้าโหยว ก็ไม่มีใครมีค่าพอที่จะอยู่ในสายตาเธอ!
“พี่สะใภ้ในอนาคต”จี้เฟิงถามซ้ำราวกับว่าเขาไม่เห็นสายตาอันเย่อหยิ่งของหลี่เยี่ยนถิง เขายังคงถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “พวกคุณยังไม่ได้แต่งงานกันเหรอ? หรือว่าเป็นคู่หมั้น?”
“เฮ้อ!”จี้เส้าโหยวถอนหายใจและส่ายหน้า “ก็อย่างที่รู้ว่าก่อนหน้านี้คุณปู่ใหญ่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ฉันเป็นหลานชายจะจัดการเรื่องนี้โดยพลการได้ยังไง…” อีกครั้งที่เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกจี้เฟิงขัดจังหวะ“ยังไม่ได้แต่งงานและก็ยังไม่ได้หมั้น งั้นก็หมายความว่าไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลจี้น่ะสิ!”
จี้เฟิงหันกลับไปถามทหารยามข้างๆทันที“มีบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนของตระกูลจี้ ก่อเหตุทำร้ายร่างกายที่หน้าซื่อเหอหยวนของผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้ เราจะมีวิธีจัดการกับเรื่องนี้ยังไง”
“การก่อเหตุรุนแรงถือเป็นอาชญากรรมที่ก่อให้เกิดอันตรายสามารถยิงได้ทันที!” ทหารยามตอบอย่างเย็นชาทันที
ทันใดนั้นสีหน้าของจี้เส้าโหยวและหลี่เยี่ยนถิงก็เปลี่ยนไปทันทีรวมถึงจี้ช่าวเหลยเองก็ตกใจมากเช่นกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าจี้เฟิงจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ สีหน้าของเขายังคงดูเรียบเฉยแต่ภายในใจกลับใช้เรื่องนี้ทำให้หญิงสาวที่จัดจ้านตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาทำร้ายร่างกายหน้าเคหสถานสำคัญจนทหารยามสามารถยิงทิ้งได้ทันที! “แล้วพวกคุณรออะไรอยู่”จี้เฟิงถามเสียงเรียบ
คลิก!คลิก! คลิก!
ทหารยามทั้งสามคนปลดเซฟตี้ของปืนพร้อมกันหลุมดำของปากกระบอกปืนต่างถูกยกขึ้นและเล็งไปยังตำแหน่งที่หญิงสาวจัดจ้านที่ชื่อหลี่เยี่ยนถิงยืนอยู่
“หยุดนะ!”ไม่รู้ว่าจี้เส้าโหยวเอาแรงฮึดมาจากไหน เขาตะโกนออกมาทันที แม้ว่าร่างกายของเขาจะกำลังสั่นเทาไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว แต่เขาก็พยายามที่จะพูดออกมา “น่ะ… น้องสาม นาย…”
จี้ช่าวเหลยเองก็อึ้งไปเช่นกันเขารีบร้องห้ามทันที“น้องสาม! ใจเย็นก่อน นี่มันหน้าบ้านคุณปู่เลยนะ ถ้าจะยิงก็ต้องเปลี่ยนที่! เดี๋ยวคุณปู่ได้มาเฉ่งแน่ๆเลย”
“คุณปู่ไม่ว่าหรอก!”จี้เฟิงยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ใบหน้าของเขายังคงไม่มีร่องรอยที่ของบุคคลอันตราย เขายกมือขึ้นสูง… “ตุ้บ!”หลี่เยี่ยนถิงเข่าอ่อนจนทรุดลงกับพื้นหลังจากที่เห็นหลุมดำของปากกระบอกปืนต่างเล็งมาที่เธอ และพร้อมที่จะมีกระสุนออกมาจากตรงนั้นได้ทุกเวลา
ในขณะที่จี้เฟิงกำลังยกมือขึ้นดวงตาของจี้เส้าโหยวก็เบิกกว้างทันทีและรีบพูดขึ้นว่า “เกินไป… น้องสาม นายทำแบบนี้มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอ… พี่รอง พี่รองครับ ช่วยห้ามน้องสามเร็วเข้า เขากำลังจะฆ่าคนจริงๆ!”
จี้ช่าวเหลยส่ายหัวเล็กน้อยเขากางมือออกและพูดอย่างจนใจ “ฉันเพิ่งจะพูดเกลี้ยกล่อมไปเมื่อกี้ นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่ามันไร้ประโยชน์”
“พี่สามคะอย่าทำแบบนี้เลย…” พอเห็นพี่ชายคนที่สามของเธอดุร้ายมากขนาดนี้ จี้เสี่ยวหยูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เธอรีบดึงแขนเสื้อของจี้เฟิง
“เสี่ยวหยู!ถ้าเธอยังใจอ่อนอยู่แบบนี้ ต่อไปในอนาคตก็จะมีคนมารังแกเธออีก!” จี้เฟิงส่ายหัวและเอามือลง
ทั้งจี้เส้าโหยวและหลี่เยี่ยนถิงต่างถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกออกมาในเวลาเดียวกันตอนนี้ทั้งสองคนตกใจจนสั่นไปทั้งตัวไม่มีแม้แต่แรงจะยืน
“ฮี่ฮี่ไม่มีใครกล้ารังแกหนูหรอก เพราะมีพี่สามกับพี่รองคอยปกป้องหนูอยู่นี่ไง!” จี้เสี่ยวหยูยิ้มอย่างสดใส “แล้วก็มีคุณปู่ด้วย!”
จี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยได้แต่หัวเราะออกมาอย่างเซ่อๆและก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความอ่อนใจกับน้องสาวคนนี้
“เอาล่ะในเมื่อเธอขอร้องพี่ก็จะปล่อยพวกเขาไป” จี้เฟิงกล่าว “แต่ถึงแม้ว่าโทษประหารจะได้รับการยกเว้น แต่ความผิดที่พวกเขากระทำก็ต้องได้รับการชดใช้ มาทำให้น้องสาวของพี่ต้องขายหน้าโดยไม่มีเหตุผล ซ้ำยังกล้าแอบอ้างว่าเป็นคนของตระกูลจี้อีก… พี่เส้าโหยวคุณคิดว่าเรื่องนี้ควรจะจัดการยังไงดี”
สุด!สุดยอด! ไอ้หมดนี่มันสุดยอดจริงๆ!ในที่สุดจี้ช่าวเหลยก็เข้าใจแผนการของจี้เฟิง เขาแอบยกนิ้วโป้งและแอบชื่นชมจี้เฟิงอยู่ในใจดังๆ!
สีหน้าของจี้เส้าโหยวที่เพิ่งจะมีเลือดฝาดกลับมาจากความโล่งใจก็ต้องมาเปลี่ยนไปอีกครั้งเขาไม่รู้จริงๆว่าในสถานการณ์เช่นนี้ควรจะทำยังไงดี มีหลายอย่างที่สมองของเขาประมวลผลไม่ทัน เขาไม่คาดคิดว่าทหารยามพวกนี้จะเชื่อฟังจี้เฟิง และก็ไม่คิดว่าหลานชายคนโตของตระกูลจี้จะโหดร้ายถึงขนาดนี้ เจอหน้ากันครั้งแรกก็ต้องการจะเอาชีวิตกันเลย!
“น้องสามนายว่าแบบนี้ดีมั้ย ให้หลี่เยี่ยนถิงขอโทษเสี่ยวหยูกับเพื่อนของเธอ…” จี้เส้าโหยวรีบหันหน้าไปหาหลี่เยี่ยนถิงทันที “หลี่เยี่ยนถิง มัวงงอะไรอยู่ รีบมาขอโทษเสี่ยวหยูกับเพื่อนของเธอเดี๋ยวนี้!”
“ห๊ะ!อ๊ะ! โอ้!” หลี่เยี่ยนถิงเหมือนคนเพิ่งถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ พอนึกขึ้นได้จึงรีบลุกขึ้นจากพื้น และก้มหัวโค้งคำนับเพื่อขอโทษจี้เสี่ยวหยูและเหวินเว่ยซิน
“คุกเข่าลง!”จี้ช่าวเหลยที่อยู่ข้างๆตะโกนเสียงดัง
เสี่ยงนี้ทำให้หลี่เยี่ยนถิงตกใจจนสะดุ้งเธอสั่นสะท้านไปทั้งตัวและรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที
สีหน้าของจี้เส้าโหยวกลายเป็นสีแดงเลือดหมูทันทีเมื่อเห็นหลี่เยี่ยนถิงต้องคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อขอโทษเด็กสาวทั้งสองเพราะการที่ภรรยาในอนาคตของเขาต้องคุกเข่า มันก็เท่ากับว่าตัวเขาได้คุกเข่าไปแล้วเหมือนกัน จากนี้ไปเขาคงไม่มีหน้าไปเชิดหน้าชูคอต่อหน้าจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยได้อีก!
“ถ้าในอนาคตยังทำตัวไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแบบนี้อีกล่ะก็ฉันจะฆ่าเธอ!” จี้เฟิงพูดอย่างเย็นชา “ไสหัวไปซะ!”