The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 339 น้าหง
จี้เฟิงยิ้ม คุณปู่สอนมาดีน่ะครับ!
ฮ่าๆๆ~!ฉลาดพูดจริงๆ เจ้าเด็กคนนี้! เสียงพูดและเสียงหัวเราะของผู้อาวุโสเฒ่าเต็มไปด้วยปลื้มปีติยินดีและเปี่ยมไปด้วยความสุข ในบรรดาหลานชายทั้งหมด เกรงว่าคงจะมีแต่จี้เฟิงนี่แหละที่ไม่กลัวเขา แต่กลับเป็นคนที่เขาอยากได้มากที่สุด!
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย คุณปู่ครับตอนนี้ร่างกายคุณปู่ยังไม่แข็งแรงสมบูรณ์ดี อากาศข้างนอกก็เย็นมาก เราเข้าไปข้างในกันดีกว่ามั้ยครับ!
อืม! ผู้อาวุโสเฒ่าพยักหน้า ถึงคราวที่ตาแก่อย่างข้าต้องเชื่อฟังเจ้าแล้วสินะ!
จี้เฟิงหัวเราะแห้งๆคุณปู่ก็เป็นคนอารมณ์ดีเหมือนกันนะเนี่ย…
หลังจากนั้นไม่นานจี้ช่าวเหลยก็เดินตามเข้ามา ผู้อาวุโสเฒ่าลูบหัวเล็กๆของจี้เสี่ยวหยูที่อยู่ข้างๆและพูดด้วยรอยยิ้มว่า เสี่ยวหยูเจ้าไปอยู่กับเพื่อนของเจ้าเถอะ อย่าปล่อยให้แขกต้องนั่งรออยู่คนเดียวเลย
จี้เฟิงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันทีคุณปู่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกโดยที่ไม่ได้ออกไปข้างนอกได้ยังไง ตั้งแต่เรื่องที่จี้เฟิงทำอะไรบ้างที่ข้างนอกนั่น แล้วเรื่องที่เสี่ยวหยูพาเพื่อนมา และเพื่อนของเธอก็นั่งรออยู่ในห้องรับแขกคนเดียว คุณปู่เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลพร้อมกันกับเขา แวะคุยกับเสี่ยวหยูไม่กี่นาทีก็เข้ามาในบ้านเลย เขาไม่น่าจะรู้เห็นเรื่องทั้งหมดนี้?
จี้เฟิงถามข้อสงสัยนี้ทันทีและจี้ช่าวเหลยที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะและกล่าวว่า น้องสามนายไม่รู้จริงๆเหรอ นายคิดจริงๆเหรอว่าสิ่งที่คอยเฝ้าดูจะมีแค่ทหารยามเท่านั้น?
ข้างนอกมีกล้องวงจรปิดด้วยเหรอ จี้เฟิงเข้าใจทันที ถ้าเป็นอย่างก็อธิบายได้แล้วทำไมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกนั่นล้วนอยู่ในสายตาของคุณปู่ทั้งหมด
คุณปู่คะถ้าอย่างนั้นเสี่ยวหยูขอตัวก่อนนะคะไว้เสี่ยวหยูจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ใหม่ จี้เสี่ยวหยูหัวเราะคิกคักและวิ่งหนีไป
อาจเป็นเพราะเธอยังเด็กความโกรธและความทุกข์ใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็เหมือนว่าเธอจะลืมมันไปหมดแล้ว และที่สำคัญตอนนี้มีคุณปู่ พี่รองและพี่สาม คอยปกป้องและช่วยเหลือ เธอจึงไม่ต้องกังวลอะไรอีก
หลังจากที่จี้เสี่ยวหยูจากไปผู้อาวุโสเฒ่าก็หันไปมองหลานชายทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าเขา
ทั้งสามคนนั่งลงตามลำดับจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยนั่งตรงข้ามกับผู้อาวุโสเฒ่า จี้ช่าวเหลยยิ้มและหยิบบุหรี่ขึ้นมาจากโต๊ะน้ำชาและเตรียมจะจุดให้กับปู่ของเขา
หัวหน้าน้อย!
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางประตูจากนั้นก็เห็นผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบปีซึ่งไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ตรงประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอจ้องไปที่จี้ช่าวเหลย หัวหน้าใหญ่เพิ่งจะออกมาจากโรงพยาบาล สุขภาพยังไม่ฟื้นตัวดีแต่คุณจะให้หัวหน้าใหญ่สูบบุหรี่เนี่ยนะคะ!
จี้ช่าวเหลยยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนจากนั้นก็รีบเก็บบุหรี่และกล่าวขอโทษ ขอโทษครับน้าหง ผมลืมไป ต่อไปผมจะระวังให้มากๆ จะไม่ทำอีกแล้วครับ แฮะๆ..
หญิงวัยกลางคนที่ถูกจี้ช่าวเหลยเรียกว่าน้าหงถือกองเอกสารหนาๆ เดินมาหยุดตรงหน้าผู้อาวุโสเฒ่าแล้วพูดว่า หัวหน้าฉันอ่านผลตรวจสุขภาพของหัวหน้าแล้วนะคะ การฟื้นฟูร่างกายเป็นไปได้ด้วยดี แต่ยังไงก็ตาม บุหรี่ก็ยังคงเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของหัวหน้าอยู่ดีค่ะ ต่อจากนี้ไปหัวหน้าห้ามสูบบุหรี่แล้วนะคะ..
ผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้ผู้ที่ผ่านสนามรบมานับครั้งไม่ถ้วนและไม่เคยเกรงกลัวอะไร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเกรงใจหญิงวัยกลางคนคนนี้มาก เขาหัวเราะเบาๆและกล่าวว่า เสี่ยวหงสุขภาพฉันดีขึ้นมาก ครั้งนี้แค่ครั้งเดียวไม่เป็นไรหรอก!
น้าหงส่ายหัวเล็กน้อย ไม่ได้ค่ะ! ฉันรู้ว่าหัวหน้าจะทำอะไรก็ได้ที่หัวหน้าต้องการ แต่ถ้าเป็นเรื่องบุหรี่…ไม่ได้จริงๆค่ะ เอาเป็นว่าฉันจะเป็นคนเก็บบุหรี่ของหัวหน้าเอาไว้เอง ไม่อย่างนั้นหัวหน้าก็ต้องแอบสูบอีก
จี้ช่าวเหลยที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นทันทีว่า น้าหง! น้าหง! ผมมีความคิดดีๆล่ะ บุหรี่ของหัวหน้าใหญ่ของน้าหง ผมจะเป็นคนเก็บไว้ให้เอง แล้วพอผมกลับไปเจียงโจวผมก็เอามันกลับไปด้วย แล้วทีนี้คุณปู่ก็จะแอบสูบอีกไม่ได้ น้าหงคิดว่าไงครับ
อืม…ก็เป็นความคิดที่ใช้ได้ แต่จำเอาไว้ว่า ระหว่างนี้อย่าปล่อยให้ท่านหัวหน้าสูบบุหรี่อีกเข้าใจมั้ยคะ! น้าหงจ้องเขม็งไปที่จี้ช่าวเหลยราวกับจะจับพิรุธอะไรบางอย่าง
จี้ช่าวเหลยพยักหน้าอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเคารพต่อน้าหง จี้เฟิงที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็มองด้วยความประหลาดใจ น้าหงคนนี้น่าจะเป็นคนที่คอยดูแลสุขภาพส่วนตัวให้กับคุณปู่ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่ควรจะพูดกับคุณปู่แบบนี้หรือเปล่า แล้วไหนจะท่าทีของพี่รองอีก ดูพี่รองเกรงอกเกรงใจเธอไม่น้อยเลย!
น้าหงเองก็มองจี้เฟิงด้วยความประหลาดใจเช่นกันแต่เธอไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ น้าหงพยักหน้าให้จี้เฟิงเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
ฟู่~! เมื่อน้าหงจากไปในที่สุดจี้ช่าวเหลยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ผู้อาวุโสจี้จ้องไปที่เขา เจ้าเด็กตัวเหม็นเจ้ากำลังฉวยโอกาสปล้นของของข้า!
จี้ช่าวเหลยยิ้มเจ้าเล่ห์ ท่านผู้อาวุโสมีหรือที่หลานคนนี้จะไม่ช่วยท่าน ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเมื่อผมออกจากหยานจิง ผมจะเอามันไปแค่สองสามซองเท่านั้น ส่วนที่เหลือผมจะเก็บซ่อนไว้ให้ท่านเองครับ แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว… ใช่มั้ยครับ
ฮึ่ม! ผู้อาวุโสเฒ่าแค่นเสียงอย่างเย็นชาอีกครั้ง และไม่สนใจเขาอีก
อันที่จริงสำหรับหลานชายทั้งสี่ของผู้อาวุโสจี้หลายชายคนโตจี้ช่าวตง มีความเป็นผู้ใหญ่และมั่นคง เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีวิสัยทัศน์ไม่ต่างจากผู้ใหญ่ มีมารยาทรู้กาลเทศะเป็นคนที่กตัญญูรู้คุณ แน่นอนว่าลักษณะโดยรวมของเขานั้นเป็นที่ชื่นชอบของคนเฒ่าคนแก่มาก และดูเหมือนว่าผู้อาวุโสจี้ก็ชื่นชอบเขามากทีเดียว
ส่วนหลานชายคนที่สองจี้ช่าวเหลยเขาเป็นคนที่ซุกซนมาตั้งแต่เด็ก อาจจะเรียกว่าเกเรเลยก็ว่าได้ จนทำให้การผลการเรียนของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก พอโตขึ้นก็ยิ่งแย่ชื่อเสียงในด้านความเสเพลของเขาเป็นที่รู้จักกันดีในหยานจิง แต่ผู้อาวุโสเฒ่ายิ่งดูก็ยิ่งชอบ พอมีคนอื่นต้องการลงโทษจี้ช่าวเหลย ผู้อาวุโสเฒ่าจะคอยปกป้องเขาเสมอ และเมื่อเวลาผ่านไปจึงเป็นเหตุให้จี้ช่าวเหลยกลายเป็นคนที่ดื้อรั้นมากยิ่งขึ้น
จนกระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมาหลังจากการพ่ายแพ้ให้กับเฉียวเจียไคแห่งตระกูลเฉียว ก็เหมือนว่าจี้ช่าวเหลยจะโตขึ้นในชั่วข้ามคืนนับแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่ดื้อรั้นเสเพลอีกต่อไป แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสเฒ่า เขากลับสามารถปล่อยวางและเป็นตัวของตัวเองได้อย่างสบายใจ และความรักของผู้อาวุโสเฒ่าที่มีต่อเขานั้นไม่เคยลดลงเลย กลับมีแต่จะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
ส่วนหลานชายคนที่สามจี้เฟิงเป็นหลานชายคนโตของตระกูลจี้ ผู้อาวุโสไม่คิดจะเอาเขาไปเปรียบเทียบกันหลานชายอีกสองคน
หลายชายที่สามารถดึงเขาให้กลับมาจากปากประตูผีได้ผู้อาวุโสเฒ่ารู้ดีว่าจี้เฟิงนั้นมีความลับที่ไม่อาจให้บุคคลภายนอกรู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสเฒ่าก็มองออกว่าจี้เฟิงจะไม่มีทางเดินตามเส้นทางอาชีพหลักของตระกูล และจะไม่เพียงแค่ทำธุรกิจการค้าธรรมดาๆ แม้จะยังไม่รู้อนาคตอย่างแน่ชัด แต่ความสำเร็จของเขาคือสิ่งที่ผู้อาวุโสเฒ่าคาดหวังมากที่สุด
หากจี้ช่าวตงสามารถนำตระกูลจี้ให้พัฒนาขึ้นได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงซึ่งไปสอดคล้องกับคำว่า *‘เจิ้งเหอ’
ส่วนจี้เฟิงก็สามารถนำพาตระกูลไปสู่เส้นทางใหม่ที่จะบรรลุขอบเขตจากเดิมที่เคยมีมาให้แตกต่างไปจากเดิมซึ่งไปสอดคล้องกับ *‘ฉีเฉิง’
เมื่อพวกเขาจับคู่กันจะเป็นชัยชนะที่มั่นคงและคาดไม่ถึง!
ทั้งจี้ช่าวตงและจี้เฟิงต่างก็เป็นผู้นำที่มีทั้งเจิ้งเหอและฉีเฉิงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะพัฒนาและรักษาตระกูลจี้ให้ยิ่งใหญ่ได้อีกหลายสิบปี
ดังนั้นสำหรับหลานชายทั้งสองคนนี้ ผู้อาวุโสเฒ่าไม่เพียงแต่มีความรักให้กับพวกเขาเท่านั้น แต่ยังคงตั้งความหวังกับพวกเขาไว้สูงมากทีเดียว แต่สำหรับจี้ช่าวเหลยนั้นเป็นความรักของปู่คนหนึ่งที่มีต่อหลานชายจอมแสบ โดยเฉพาะกับหลายชายคนนี้ที่รักเขามากเช่นกัน
แต่ที่สำคัญจี้ช่าวเหลยก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนที่ไร้ความสามารถเจ้าเด็กคนนี้มีนิสัยแบบไหนคนเป็นปู่อย่างเขาสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งจี้ช่าวเหลยอาจจะกลายเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยเหลือจี้เฟิงกับจี้ช่าวตงในการนำพาตระกูลไปสู่จุดสูงสุดได้ และก็น่าจะช่วยได้มากเสียด้วย!
สำหรับหลานชายคนเล็กจี้ช่าวหยุนผู้อาวุโสเฒ่าไม่ได้รู้สึกสบายใจเท่าไหร่นักเมื่อนึกถึงเขา เจ้าเด็กคนนั้นขี้ขลาดเกินไปข้อบกพร่องนี้ได้จำกัดความสำเร็จในอนาคตของเขาอย่างมาก ดังนั้นผู้อาวุโสเฒ่าจึงหวังเพียงแค่ให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสุขภาพแข็งแรงแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
ส่วนเหล่าบรรดาญาติสายรอง…ผู้อาวุโสเฒ่าคิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว
คุณปู่เดี๋ยวพวกผมมาหาใหม่ตอนกินมื้อเย็นนะครับน้องสามมาหยานจิงทั้งทีทางฝั่งป้าใหญ่…. จี้ช่าวเหลยและจี้เฟิงมองเห็นร่องรอยความเศร้าอยู่ในแววตาคุณปู่ของพวกเขา
ผู้อาวุโสเฒ่าได้ยินดังนั้นก็ยิ้มและกล่าวว่า อืมดีแล้ว พวกเจ้าไปหาซูเหม่ยเถอะ เจ้าลิงน้อยเมื่อได้พบแม่ของเจ้าฝากทักทายแทนข้าด้วย
จี้ช่าวเหลยพลันสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้คุณปู่เป็นผู้ฝากกล่าวทักทายอีกทั้งยังเป็นคนในครอบครัวนี่นับเป็นครั้งแรก
แต่จี้เฟิงกลับเข้าใจได้รางๆว่าคุณปู่คงจะรู้สึกผิดต่อแม่ของเขาหากคุณปู่ไม่ยืนกรานเช่นนั้นตั้งแต่แรก ที่ผ่านมาอาจไม่เกิดเรื่องราวที่น่าเศร้าใจทั้งหลายขนาดนี้…
คุณปู่ไม่ต้องกังวลผมรู้ว่าต้องทำอะไร! จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยจากนั้นเขากับจี้ช่าวเหลยก็ยืนขึ้น และทั้งสองก็เดินออกไปพร้อมกัน
พี่รองจากที่นี่ไปยังที่ที่แม่ผมอาศัยอยู่มันไกลแค่ไหนเหรอ จี้เฟิงก้มดูนาฬิกาและพบว่าตอนนี้ก็เกือบสิบโมงครึ่งแล้ว ถ้าไม่ไกลมากบางทีเขาอาจจะไปทานอาหารกลางวันกับแม่เขาทันก็ได้!
ไม่ไกลหรอกใช้เวลาขับรถประมาณ20 – 30 นาทีก็น่าจะถึง จี้ช่าวเหลยมองไปรอบๆและกระซิบ แป็บหนึ่งนะ! เขารีบวิ่งไปที่ประตูบ้านที่อยู่ตรงปลายทางเดินน้าหงกำลังยืนรออยู่ตรงนั้น น้าหงเปิดประตูและทั้งสองก็เดินเข้าไป
ไม่นานหลังจากนั้นจี้ช่าวเหลยก็วิ่งออกมาอย่างมีเลศนัยในมือของเขาถือกระเป๋าสีดำใบหนึ่งอยู่
เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าจี้เฟิงและพูดเสียงเบาว่า น้องสามรีบไปกันดีกว่า สายมากแล้ว!
ในขณะที่จี้เฟิงกำลังจะอ้าปากตอบเขาก็ถูกลากไปโดยจี้ช่าวเหลย
จนกระทั่งทั้งสองคนขึ้นรถบูอิคสีดำ(Buick) จี้ช่าวเหลยก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นก็มองดูกระเป๋าที่อยู่ในมือแล้วยิ้มอย่างมีชัย
จี้เฟิงขมวดคิ้วมองเขาด้วยความประหลาดใจ พี่รองพี่ถืออะไรอยู่ ทำไมทำท่าทางแปลกๆ ไปขโมยของมารึไง!
จะเรียกว่าขโมยก็ได้มั้งแต่มันเป็นการขโมยด้วยเจตนาดี! จี้ช่าวเหลยยิ้ม น้องสามดูสิว่าพี่รองคนนี้ได้อะไรมา!
เขารูดซิปกระเป๋าเปิดออกทันทีทันใดนั้นบุหรี่หลายคอตตอนก็ปรากฏขึ้น จี้เฟิงมองไปยังของที่อยู่ในกระเป๋าแล้วถึงกับอ้าปากค้าง พี่รอง! ของพวกนี้มันคือบุหรี่ชนิดพิเศษของคุณปู่ไม่ใช่เหรอ ไม่สิ! ไหนพี่บอกว่าจะเอาไปแค่สองสามซองไง ทำไมตอนนี้…
เมื่อพูดถึงตรงนี้จี้เฟิงก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้น พี่รองกับน้าหงสมคบคิดกันเพื่อหลอกคุณปู่สินะ!
จี้ช่าวเหลยรีบพูดขึ้นมาทันที น้องสามคนต้นคิดเรื่องนี้คือน้าหงคนเดียว ฉันก็แค่ทำตามที่น้าหงบอกก็เท่านั้นเอง! อีกอย่างพี่ชายคนนี้ไม่เคยคิดที่จะฮุบมันไว้คนเดียวเลยนะ บุหรี่พวกนี้พี่จะแบ่งให้นายสี่คอตตอนเลย… พอมั้ย
พี่รองน้าหงคนนั้นเขาเป็นใครเหรอ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะถามก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกว่าน้ำเสียงของป้าหงเวลาพูดกับผู้อาวุโสเฒ่า ไม่เหมือนกับทหารยามหรือผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ และตอนนี้เธอก็สมคบคิดกับพี่รองเพื่อหลอกลวงคุณปู่และขโมยบุหรี่ชนิดพิเศษของคุณปู่มาอีก พฤติกรรมแบบนี้ไม่สามารถทำได้หากเธอเป็นเพียงบุคลากรทางแพทย์ทั่วไป
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จี้ช่าวเหลยก็ถอนหายใจเล็กน้อยและพูดว่า ที่จริงน้าหงเป็นลูกสาวของผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทคนหนึ่งของคุณปู่ แต่ลูกน้องคนนั้นไม่รอดจากสงครามเมื่อในอดีต… คุณปู่ได้พบกับลูกสาวของเขาในภายหลังนั่นก็คือน้าหง คุณปู่ปฏิบัติต่อเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆคนหนึ่ง และเธอก็เห็นคุณปู่เป็นพ่อแท้ๆด้วยเหมือนกัน พวกเราที่เป็นหลานก็เลยเคารพน้าหงมาก ทักษะทางการแพทย์ของเธอค่อนข้างดี คุณลุงกับคุณอาก็เลยให้เธอเป็นคนดูแลส่วนตัวของคุณปู่ อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถไว้วางใจน้าหงได้อย่างสบายใจ
เป็นอย่างนี้นี่เองไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอกล้าพูดกับคุณปู่ด้วยน้ำเสียงแบบนั้น! จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอยู่ในใจ แม้จะดุแต่เธอก็ดุด้วยความรักและความหวังดี ในฐานะของลูกสาวคนหนึ่ง
จู่ๆหัวใจของจี้เฟิงก็เต้นรัว พี่รองน้าหงเป็นผู้ดูแลส่วนตัวของคุณปู่ใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องรู้ว่าทำไมจู่ๆอาการคุณปู่ถึงได้ทรุดหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลน่ะสิ