The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 341 แค่นี้มันยังน้อยเกินไป!
- Home
- The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ
- บทที่ 341 แค่นี้มันยังน้อยเกินไป!
พี่สะใภ้ใหญ่เสียงนี้ดูเหมือนจะเป็น… สะใภ้สองทางญาติสายรอง! หญิงวัยกลางคนหรือก็คือภรรยาของจี้เจิ้นผิง มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเสียงนี้ดังมาจากประตู เธอพูดเบาๆว่า ผู้หญิงคนนี้ยากจะรับมือ พวกเราต้องระวังตัวให้ดี!
ไม่ต้องห่วงหรอกหงตันแม้ว่าเธอจะเป็นคนของสายรองแต่คงจะไม่ทำอะไรโดยไร้เหตุผลหรอกมั้ง พอพูดถึงตรงนี้เซียวซูเหม่ยก็อดโมโหไม่ได้ ก่อนหน้านี้เธอได้เจอลูกชายของผู้หญิงคนนี้กับแฟนของเขาที่บ้านของผู้อาวุโสเฒ่าโดยบังเอิญ แต่สุดท้ายกลับถูกแฟนของเขา ด่าทออย่างรุนแรง หากไม่ใช่เพราะต้องห่วงหน้าตาของสามีและลูก เธอคงเรียกทหารยามมาตบผู้หญิงคนนั้นสองสามทีไปแล้ว!
เสี่ยวอิงให้พวกเขาเข้ามา! เซียวซูเหม่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย บอดี้การ์ดหญิงที่หน้าประตูพยักหน้าทันทีเธอเอียงตัวเล็กน้อยเพื่อหลีกทางให้
ทั้งสามคนพุ่งตัวเข้ามาทันทีคนที่อยู่หน้าสุดเป็นหญิงวัยกลางคน เธอมีใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องสำอางที่หนาเตอะ รูปร่างที่อ้วนท้วนของเธอสวมชุดกี่เพ้า
ด้านหลังของเธอคือชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งถ้าจี้เฟิงอยู่ที่นี่เขาจะต้องจำได้ทันทีว่าสองคนนี้คือจี้เส้าโหยวและหลี่เยี่ยนถิงหญิงสาวจัดจ้านคนนั้น
เพียงแค่ว่าทั้งสองคนในตอนนี้กลับมีสีหน้าเคร่งเครียดท่าทางดูหวาดหวั่นราวกับไม่อยากจะมาที่นี่สักเท่าไหร่นัก
ทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในห้องหญิงวัยกลางคนก็กัดฟันและพูดด้วยเสียงที่แหลมสูงว่า เซียวซูเหม่ย! ลูกชายคนดีของเธอน่ะ สั่งสอนมายังไงถึงได้สั่งให้คนเอาปืนไปจ่อหัวลูกชายกับลูกสะใภ้ของฉัน! กล้าถึงขนาดจะยิงลูกสะใภ้ของฉัน มันจะไม่มากเกินไปเหรอเหรอ! แต่สีหน้าของเซียวซูเหม่ยกลับสงบนิ่งเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า ฉันจะสั่งสอนลูกชายของฉันยังไง คุณไม่จำเป็นต้องรู้ ส่วนเรื่องที่คุณพูด ฉันไม่เคยได้ยินหรือรู้เรื่องมาก่อนเลย ดังนั้นกรุณานั่งลงและพูดคุยกันด้วยเหตุผล ถ้าฝ่ายฉันผิดจริง ฉันจะขอโทษอย่างจริงใจแต่ถ้าไม่ก็รีบกลับไปซะ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาคุยเรื่องไร้สาระกับคุณ!
หญิงวัยกลางคนที่แต่งหน้าหนาเตอะถึงกับสะอึกเธอสูดลมหายใจเฮือกใหญ่และพูดขึ้นว่า เซียวซูเหม่ยอย่ามาตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย ลูกชายของเธอใช้ปืนข่มขู่ลูกสะใภ้ของฉันให้คุกเข่า ลูกชายตัวเองทำเรื่องเลวๆขนาดนี้ คนเป็นแม่จะไม่รู้เลยเชียวเหรอ เหอะ! สมแล้วที่เป็นแม่ลูกกันหน้าด้าน!
ใบหน้าของเซียวซูเหม่ยพลันมืดครึ้มลงทันที จะพูดจะจาอะไรก็หัดระวังปากซะบ้างนะ!
สะใภ้สามที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นอย่างหมดความอดทนว่า สะใภ้สองทำไมคุณไม่ใจเย็นๆแล้วคุยกันด้วยเหตุผล คุณพูดกับพี่สะใภ้ใหญ่แบบนี้มันไม่แรงเกินหน่อยเหรอ
เหลียงหงตันเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธออย่าได้สอดปากเข้ามายุ่ง! ลูกชายกับลูกสะใภ้ของฉันถูกคนใช้ปืนบีบบังคับให้คุกเข่า พวกเขาเกือบตายแล้วเธอยังจะให้ฉันใจเย็นๆอีกเหรอ ฉันไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่! หญิงวัยกลางคนตะคอก
เซียวซูเหม่ยขมวดคิ้วและพูดว่า ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันไม่รู้เรื่องนี้ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ หากคุณมาที่นี่เพื่อมาสร้างปัญหา ฉันว่าคุณกำลังคิดผิด!
สะใภ้รองเราไม่เคยได้ยินเรื่องที่คุณพูดจริงๆนะอาจจะมีการเข้าใจผิดอะไรกันบางอย่างก็ได้ เหลียงหงตันพูดอย่างแผ่วเบาเพื่อช่วยประนีประนอม คนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ล้วนเป็นคนที่มีหน้ามีตา อีกอย่างที่นี่คือบ้านของพี่สะใภ้ใหญ่ การที่สะใภ้รองมาโวยวายหาเรื่องทะเลาะอยู่แบบนี้ ฉันว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก..
ฉันทำตัวไม่เหมาะสมเหอะ!
หญิงวัยกลางคนแค่นเสียงอย่างเย็นชาพร้อมกับชี้ไปที่เซียวซูเหม่ยและตะโกนว่า เซียวซูเหม่ยฉันขอบอกเธอไว้เลยนะว่า วันนี้เธอต้องมีคำอธิบายให้กับฉัน ถ้าไม่อย่างนั้นเรื่องนี้จะต้องถึงหูเบื้องบน และเธอจะต้องเสียใจ ฉันจะไม่มีวันยอมให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ของฉันถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวแน่!
คุณต้องการอะไร! เซียวซูเหม่ยก็โกรธเช่นกันต่อให้เป็นคนที่ใจเย็นแค่ไหน ถ้าถูกคนมาชี้หน้าขึ้นเสียงใส่ก็คงจะระงับความโกรธไว้ได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวจัดจ้านที่ยืนอยู่ด้านหลังของหญิงวัยกลางคนคนนี้ เพิ่งด่าเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่แปลกเลยที่เซียวซูเหม่ยจะยังใจเย็นอยู่ได้
ฉันต้องการอะไรงั้นเหรอ หญิงวัยกลางคนแค่นเสียงอย่างเย็นชาและพูดขึ้นว่า ฉันต้องการให้เธอและลูกชายของเธอ ขอโทษลูกชายกับลูกสะใภ้ของฉัน ในเมื่อเขาบีบบังคับให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ของฉันต้องคุกเข่า ลูกชายพันทางของเธอก็ต้องคุกเข่าขอโทษเช่นกัน ถ้าไม่อย่างนั้นก็มาดูกันว่า ฉันจะจัดการพวกเธอยังไง!
มันจะมากเกินไปแล้ว! เซียวซูเหม่ยตะคอกขึ้นทันที จางหยุนเอ๋อ ดูสถานะของตัวเองด้วย!
หืมมม~ ผู้หญิงวัยกลางคนที่ชื่อจางหยุนเอ๋อเหยียดเสียงของเธอออกมาอย่างดูถูก เธอเบ้ปากเชิดหน้าและมองเซียวซูเหม่ยด้วยหางตาอย่างดูถูก ให้ฉันดูสถานะของตัวเองงั้นเหรอ? ฉันเป็นใครเธอก็น่าจะรู้นี่! ตระกูลของฉันคือตระกูลจางแห่งหยานจิง และฉันก็เป็นคนของตระกูลจี้ด้วย! แล้วเธอล่ะเป็นใคร?! ไม่ใช่แค่ผู้หญิงจากชนชั้นรากหญ้าที่อ่อยผู้ชายจนได้ดีกลายมาเป็นนายหญิงของตระกูลจี้หรอกเหรอ? หรือเพราะแบบนั้นเลยคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่สูงศักดิ์ขึ้นมาจริงๆ?
สะใภ้รอง!คุณพูดแบบนี้มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเหลียงหงตันกลายเป็นสีแดงจัด จางหยุนเอ๋อพูดกับเซียวซูเหม่ยแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการดูถูกสายเลือดของสายตรงทั้งหมด!
ถ้าจะบอกว่าอะไรที่เกินไปก็ควรจะเป็นลูกชายของเซียวซูเหม่ยต่างหากที่ทำเกินไปลูกชายของฉันไม่ควรที่จะต้องมาเจออะไรแบบนี้! จางหยุนเอ๋อแค่นเสียงอย่างเหยียดหยามและพูดอย่างโอหังว่า เซียวซูเหม่ยตอนนี้เธอรีบขอโทษลูกชายกับลูกสะใภ้ของฉันซะ แล้วจากนั้นก็ไปหาลูกชายของเธอบอกให้เขามาคุกเข่าขอโทษ!
เซียวซูเหม่ยโกรธขึ้นมาทันทีเธออ้าปากกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ได้ยินเสียงที่เย็นชาดังมาจากหน้าประตู ใครต้องคุกเข่าขอโทษนะ!
ทุกคนหันไปมองพร้อมกันทันทีส่วนจี้เส้าโหยวและหลี่เยี่ยนถิงเหมือนจำอะไรบางอย่างได้ และทันใดนั้นแววตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้ ร่างที่สูงใหญ่สองคนเดินเข้ามาจากด้านนอกพวกเขาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นจี้เฟิงกับจี้ช่าวเหลย แต่สิ่งที่ผิดแปลกไปคงเป็นสีหน้าที่มืดมนของพวกเขาทั้งสอง
เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างล่างพวกเขาได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังมาจากชั้นบนพอเห็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำจอดอยู่ในลานจอดรถ พวกเขาก็รู้ทันทีว่าจี้เส้าโหยวอยู่ที่นี่!
พอเมื่อพวกเขาขึ้นมาที่ชั้นบนก็ได้ยินที่จางหยุนเอ๋อบังคับให้เซียวซูเหม่ยขอโทษและให้ไปบอกจี้เฟิงมาคุกเข่าเพื่อขอโทษ ในใจของพวกเขาก็คุกรุ่นไปด้วยโทสะทันที
โดยเฉพาะจี้เฟิงเขาโกรธมาก!
มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้กล้ามาทำให้แม่ของเขาต้องขายหน้า!
แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาบ้างแต่เขาก็ไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง แต่ตอนนี้จี้เฟิงได้เห็นว่าแม่ของเขาถูกคนมาหาเรื่องถึงที่บ้าน ถึงแม้สาเหตุจะมาจากตัวเขาเอง แต่คนพวกนี้ก็ไม่มีสิทธิกล้าดีมาทำให้แม่ของเขาต้องขายหน้าที่บ้านของตัวเองแบบนี้!
พอเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาบอดี้การ์ดหญิงที่อยู่ใกล้ๆก็รีบก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อหยุดจี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยไว้ แต่สิ่งที่ทักทายเธอเป็นสิ่งแรกกลับเป็นสายตาที่เย็นชาของจี้เฟิง
ท่านสุภาพบุรุษ… บอดี้การ์ดหญิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเธอเห็นจี้ช่าวเหลยเธอก็เกิดอาการลังเลเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะหยุดพวกเขาดีหรือไม่
แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรเสียงที่เย็นชาของจี้เฟิงก็ดังขึ้น คุณคือแม่บ้านของที่นี่เหรอ
บอดี้การ์ดหญิงชะงักไปเล็กน้อยและตอบทันทีว่า ฉันเป็นบอดี้การ์ดของนายหญิง!
บอดี้การ์ด
สีหน้าของจี้เฟิงยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้นเขามองบอดี้การ์ดหญิงด้วยความสงสัย คุณเป็นบอดี้การ์ดจริงๆน่ะเหรอ
ใช่! บอดี้การ์ดหญิงเริ่มรู้สึกไม่พอใจ แน่นอนว่าเธอมองสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของจี้เฟิงออก
คุณต่อสู้เป็นรึเปล่า จี้เฟิงถามเสียงต่ำ
เป็น! บอดี้การ์ดหญิงงุนงงเล็กน้อยคนคนนี้ถามเรื่องนี้ทำไม
แล้วถ้าคุณต้องสู้กับสามคนนี้ด้วยตัวคนเดียวคุณสามารถเอาชนะพวกเขาได้หรือเปล่า จี้เฟิงถามอีกครั้ง
บอดี้การ์ดหญิงเหลือบมองจางหยงเอ๋อและอีกสองคนจากนั้นก็พยักหน้าทันที ไม่มีปัญหา!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้….
ดวงตาของจี้เฟิงฉายแววดุดันออกมาทันที ฉันขอถามอะไรอีกหน่อยก็แล้วกันในฐานะบอดี้การ์ด คุณจะทำยังไงถ้ามีคนนอกบุกเข้ามาภายในบ้านแล้วมาพูดจาดูถูกคนที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของคุณ คุณควรจะทำยังไง ไม่ใช่ว่าคุณควรจะจัดการพวกเขาทุกวิถีทางรวมถึงการใช้กำลังเพื่อขับไล่พวกเขาหรอกหรือ? อะไรคือคุณสมบัติของการเป็นบอดี้การ์ดที่ดี? คุณรู้หรือไม่?
ฉัน….
บอดี้การ์ดหญิงอึ้งไปทันทีเธอคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นจะจี้ถามเธอด้วยคำถามเหล่านี้เธออ้าปากเพื่อที่จะอธิบาย แต่พวกเขาคือ…
พวกเขาเป็นเจ้านายของคุณหรือเปล่า จี้เฟิงขัดจังหวะคำอธิบายของเธออย่างไร้ความปรานี หรือว่าพวกเขาเป็นญาติคุณ?! นี่น่ะเหรอวิธีปฏิบัติหน้าที่ในฐานะบอดี้การ์ดของคุณ!
บอดี้การ์ดหญิงอยู่ในอาการตกตะลึงเธอถูกจี้เฟิงกดดันด้วยคำถาม แต่เธอไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร
คุณ!
จี้เฟิงชี้ไปที่บอดี้การ์ดหญิงและพูดอย่างเย็นชา ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่ต่อไปในฐานะบอดี้การ์ด ก็ไปทำหน้าที่ของคุณซะ!
เขาชี้ไปที่จางหยุนเอ๋อและอีกสองคนทันที ไล่พวกเขาออกไป!
คะคุณเป็นใคร! ไม่เพียงแต่บอดี้การ์ดหญิงเท่านั้น แม้แต่จางหยุนเอ๋อก็ถูกออร่าอันดุร้ายของจี้เฟิงทำให้เธอสะดุ้งตกใจจนตัวสั่น และอดไม่ได้ที่จะถามออกมาอย่างตะกุกตะกัก
แววตาของจี้เฟิงฉายแววเย็นยะเยือกเขาไม่สนใจคำถามของจางหยุนเอ๋อ เขายังคงพูดกับบอดี้การ์ดหญิงคนนั้นว่า ทำไมยังจะเฉยอยู่อีก หรือจะให้ฉันเป็นคนลงมือเอง ไปไล่คนพวกนั้นให้ออกไปซะ!
บอดี้การ์ดหญิงมองไปที่เซียวซูเหม่ยด้วยความลำบากใจเธอไม่มีความจำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของคนแปลกหน้า
เสี่ยวอิงเขาเป็นลูกชายของฉัน เซียวซูเหม่ยพูดด้วยความภาคภูมิใจ อะไรนะ!
จางหยุนเอ๋อได้ยินก็กรีดร้องออกมาทันที เธอคือเจ้าเด็กนั่น….
เพี๊ยะ!
เสียงตบที่ดังสนั่นดังขึ้นบอดี้การ์ดหญิงตบหน้าจางหยุนเอ๋ออย่างแรงและตบคำพูดที่ยังพูดไม่จบของจางหยุนเอ๋อกลับเข้าไปในท้องอีกด้วย!
จางหยุนเอ๋อถูกตบจนเซถลาถ้าไม่ใช่เพราะจี้เส้าโหยวและหลี่เยี่ยนถิงยืนอยู่ด้านหลัง เกรงว่าการตบครั้งนี้จะรุนแรงพอที่จะทำให้เธอกระเด็นออกนอกประตูได้
จางหยุนเอ๋อตกใจที่จู่ๆก็ถูกตบเธอพึมพำว่า แก… แกตบฉัน แกกล้าดียังไงถึงมาตบฉัน!
แค่ตบมันยังน้อยไป!
จี้เฟิงแค่นเสียงอย่างเหยียดหยามเขาหันไปมองจี้เส้าโหยวและหลี่เยี่ยนถิงอย่างเย็นชา ดูท่าพวกคุณคงจะหายเป็นปกติแล้ว ถึงได้ลืมบทเรียนที่ฉันเพิ่งจะสั่งสอนคุณไปเมื่อเช้า คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะลืมกันเร็วขนาดนี้!
เมื่อถูกสายตาอันเย็นชาของจี้เฟิงมองมาจี้เส้าโหยวและหลี่เยี่ยนถิงก็หลบตาและตัวสั่นขึ้นมาทันที สายตาอันเย็นยะเยือกของจี้เฟิงน่ากลัวมาก ราวกับว่าเขาสามารถกินคนได้
น่ะน้องสาม นายอย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิด มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด… จี้เส้าโหยวพูดตะกุกตะกัก เขาไม่เคยคิดที่จะมาหาเรื่องแม่ของจี้เฟิงจริงๆ บทเรียนในตอนเช้าที่เขาได้รับมันก็มากเกินพอแล้ว แต่แม่ของเขายอมเสียหน้ากับเรื่องนี้ไม่ได้ เธอรู้สึกว่าเซียวซูเหม่ยเป็นเพียงหญิงสาวที่มาจากชนบทเป็นชนชั้นรากหญ้า ไม่ควรที่จะทำตัวเหนือกว่าเธอ เธอจึงมาถึงที่นี่เพื่อเรียกร้องคำขอโทษ อย่างน้อยด้วยวิธีนี้เธอก็จะกู้หน้าคืนมาได้บ้าง
แต่ตอนนี้พวกเขาดันมาเจอจี้เฟิงที่นี่และมันไม่มีทางเลยที่เรื่องนี้จะจบลงด้วยดี
จำที่ฉันพูดเมื่อเช้านี้ได้มั้ยก่อความรุนแรงที่หน้าซื่อเหอหยวนของผู้อาวุโสจี้ ถือเป็นการต่อเหตุอาชญากรรม ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นผู้ก่อเหตุจะต้องถูกยิงทันที!