The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 390 โจรปล้น!
ห๊ะ!
หลี่ลู่หนานยืนตัวตรงและตะเบ๊ะด้วยท่าแสดงความเคารพของตำรวจและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า คุณผู้ชาย โปรดให้ความร่วมมือในการทำงานของฉันด้วย นำบัตรประจำตัวประชาชนและใบขับขี่ของคุณออกมา
จี้เฟิงผงะจากนั้นก็หัวเราะ คุณตำรวจจราจรหลี่ คุณจะตรวจสอบให้ได้จริงๆสินะ โอเคๆ!
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและส่ายหัวเขาหยิบบัตรประชาชนและใบขับขี่ออกมาและยื่นมันให้กับเธอ
แต่หลี่ลู่หนานกลับไม่รับเธอถลึงตาใส่จี้เฟิงแล้วพูดด้วยเสียงเข้ม ที่ฉันต้องทำแบบนี้ การลงโทษด้วยการคิดค่าปรับจากนายไม่ใช่เป้าหมายหลักของฉัน แต่ฉันต้องการที่จะสั่งสอนนาย ให้นายได้รู้ว่าการขับรถบนทางเท้าจะเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่นมากแค่ไหน! และนอกจากนี้ นายควรเรียนรู้ที่จะเคารพกฎจราจรและตำรวจจราจรด้วย!
ทันใดนั้นที่หน้าผากของจี้เฟิงก็ปรากฏเส้นเลือดปูดขึ้นมาสองสามเส้นเขามองไปที่หลี่ลู่หนานที่มีสีหน้าจริงจังและทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างบิดเบี้ยว ครับ เข้าใจแล้วครับ ผมผิดไปแล้วผมต้องขอโทษตำรวจจราจรหลี่ด้วย ต่อจากนี้ไปผมสัญญาว่าผมจะไม่ขับรถบนทางเท้าอีก… และจะเคารพกฎหมายจราจร เคารพตำรวจจราจร เคารพทุกคน เพราะการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของคุณทำให้ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่า ควรให้ความเคารพกับทุกๆสายอาชีพ ผมมันใจแคบเกินไป ต่อไปผมจะระมัดระวังตัวให้ดี…
พรืดด!
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบหลี่ลู่หนานก็ขำพรืดออกมา เธอกลอกตาใส่จี้เฟิงและพยายามพูดด้วยน้ำเสียงเสียงที่จริงจังอีกครั้ง เอาล่ะๆ ต่อไปก็อย่าทำแบบนี้อีก!
จี้เฟิงรีบพยักหน้าแต่ในใจก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้จริงจังเกินไป แต่ตำรวจแบบนี้นี่แหละที่ทำให้จี้เฟิงรู้สึกเคารพนับถือจากใจ
เมื่อเห็นท่าทางน่ารักแต่กลับเต็มไปด้วยความองอาจของหลี่ลู่หนานจี้เฟิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หลังจากหยุดคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็อดที่จะถามไม่ได้ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุณตำรวจจราจรหลี่หน้าคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับเคยเจอใครบางคนที่มีหน้าตาคล้ายกับคุณมาก คล้ายกับว่าเราเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ผมขอถามหน่อยสิ! เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ย… เอ่อ ผมหมายถึง ก่อนที่เราจะเจอกันเมื่อไม่นานมานี้ เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ย
ในมุมมองของจี้เฟิงตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นหลี่ลู่หนาน เขาก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาหลี่ลู่หนานเหมือนเคยเจอกันมาก่อน หรือไม่ก็ต้องเคยเจอคนที่มีหน้าตาคล้ายกันกับเธอ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่มีความรู้สึกคุ้นเคยมากขนาดนี้
แต่เนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายเช่นเรื่องที่เขาต้องไปจัดการธุระที่หยานจิง ได้พบกับคุณชายเหอ และคุณชายทั้งสามแห่งหยานจิง จนทำให้จี้เฟิงลืมคิดถึงเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้พอมาเจอหลี่ลู่หนานอีกครั้ง มันทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เขารู้สึกคุ้นเคยกับเธอจริงๆ
หลี่ลู่หนานตกใจเธอพยายามตีหน้านิ่งและพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายว่าอะไรนะ ก่อนที่จะเจอกันครั้งแรกอะไรของนาย! ฉันก็เพิ่งเคยเจอนายครั้งแรกก็ตอนนั้นนั่นแหละ ตอนที่นายทำผิดกฎจราจรไง ฉันมั่นใจว่าฉันกับนายไม่เคยเจอกันมาก่อนหน้านั้นอย่างแน่นอน!
เจ้าหมอนี่สายตาร้ายกาจเกินไปแล้ว!
ต่อไปฉันคงต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเขาจำฉันได้ขึ้นมา…
จี้เฟิงไม่รู้ว่าหลี่ลู่หนานกำลังคิดอะไรอยู่ดังนั้นเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายเขาจึงได้แต่ขมวดคิ้ว ไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยเหรอ อืม.. มันก็อาจจะเป็นจริงอย่างที่คุณว่า แต่อย่างน้อยผมว่าผมต้องเคยเห็นคนที่คล้ายกับคุณมาก่อนแน่ๆ…เอ๊ะ?
จู่ๆก็มีคนๆแวบเข้ามาในหัวของจี้เฟิงตอนนี้เขาเกือบจะนึกออกแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยเจอคนที่คล้ายกับหลี่ลู่หนานมาก่อนแน่ๆ แต่คนคนนั้นเป็นใคร จี้เฟิงยังคิดไม่ออก
หลี่ลู่หนานที่กลัวว่าจี้เฟิงจะคิดออกจึงรีบพูดขึ้นทันที พอเลยๆ อย่าทำเป็นเนียนชวนคุยเรื่องอื่น การกระทำที่ผิดกฎจราจรของนายถูกกล้องตรวจจับบันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้ฉันจะไม่ออกใบสั่งให้ เพราะงั้นนายมีธุระอะไรก็ไปทำเถอะ แต่! จำเอาไว้ด้วยว่า อย่า…!
อย่าขับรถบนทางเท้าอีก! จี้เฟิงพูดแทรกก่อนที่หลี่ลู่หนานจะทันได้พูดจบ ผมรู้แล้วหน่า ไปกันได้แล้ว!
จี้เฟิงเดินไปสองสาวก้าวแต่จู่ๆเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นได้จึงหันกลับมามอง
หลี่ลู่หนานตกใจและถามอย่างลนลานว่า มีอะไร ทำไมนายยังไม่ไปอีกล่ะ? คุณไม่ต้องให้ผมไปส่งหรอกเหรอ จี้เฟิงถามและมองไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของหลี่ลู่หนาน เขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวอีกว่า ผมคิดว่ารถมอเตอร์ไซค์ของคุณน่าจะเหลือทำมันไม่เท่าไหร่แล้วละมั้ง? เอามันมาไว้ท้ายรถผมแล้วกัน เดี๋ยวผมไปส่ง!
ใครบอกว่ารถฉันไม่มีน้ำมันแล้ว…
หลี่ลู่หนานยังพูดไม่ทันจบเธอหันหน้าไปมองที่เกจวัดน้ำมันจากนั้นเธอจึงหันกลับไปมองจี้เฟิงด้วยสีหน้าตื่นตะลึง นาย.. นายรู้ได้ยังไงว่ารถฉันไม่มีน้ำมัน
บนรถมอเตอร์ไซค์ของหลี่ลู่หนานเข็มของมาตรวัดน้ำมันชี้ไปยังเส้นสีแดง บ่งบอกว่ารถมอเตอร์ไซค์คันนี้มีน้ำมันเหลือไม่มากแล้ว แต่จี้เฟิงยืนอยู่ห่างจากมอเตอร์ไซค์อย่างน้อยก็น่าจะ 4-5 เมตรได้ และหน้าปัดวัดน้ำมันของมอเตอร์ไซค์ก็เล็กมาก เขามองเห็นมันได้ยังไง
จี้เฟิงหัวเราะ ไม่ต้องแปลกใจหรอก ผมเดาเอาน่ะ ป่ะ ขึ้นรถเถอะ! พร้อมกันนั้นเขาก็ตรงไปที่รถ
หลี่ลู่หนานบ่นพึมพำ ต้องฟังจากเสียงเอาแน่ๆ… ว่ากันว่าคนที่ขับรถอยู่เป็นประจำมักจะมีความสามารถอะไรแบบนี้ ให้ตายเถอะ! เจ้าหมอนี่จะมีความสามารถที่หลากหลายเกินไปแล้ว…
ถึงจะบ่นพึมพำแต่หลี่ลู่หนานก็เข้าไปนั่งในรถตรงฝั่งที่นั่งข้างคนขับเธอแค่นเสียงและถามว่า มอเตอร์ไซค์หนักขนาดนี้ นายจะเอามันมาใส่ไว้ในรถได้ยังไง
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้พูดอะไรแต่ขับรถไปด้านหน้ามอเตอร์ไซค์แทน
จากนั้นเขาก็ลงจากรถและเดินไปรอบๆและสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็ว เพราะได้แรงขับเคลื่อนของรถมอเตอร์ไซค์คอยช่วย รถจึงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างง่ายดาย และยกรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปไว้ในท้ายรถ แม้จะยังมีบางส่วนของรถที่เกินออกมา แต่มันก็ถูกใส่ไว้ท้ายรถได้อย่างมั่นคง
เฮ้ย…! ดวงตาที่สวยงามของหลี่ลู่หนานเบิกกว้างขึ้นและอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่มนุษย์แล้ว!
รถมอเตอร์ไซค์ลาดตระเวนคันนี้หนักกว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปมากแม้ว่าการขับเคลื่อนไปข้างหน้าจะได้เครื่องยนต์ช่วย แต่การยกขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ แต่เจ้าหมอนี่กลับทำได้ และดูจากท่าทางแล้ว ยังทำเหมือนมันเป็นเรื่องที่ง่ายมากอีกต่างหาก… หมอนี่ไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ!
เส้นเลือดสีดำหลายเส้นปรากฏขึ้นบนหน้าผากของจี้เฟิงเขารีบยึดมอเตอร์ไซค์ไว้ด้วยเชือกแล้วกลับเข้าไปในรถตรงฝั่งที่นั่งของคนขับอย่างรวดเร็ว และพูดอย่างไม่ค่อยพอใจว่า คุณจะพูดอะไรที่มันดีๆหน่อยไม่ได้เลยเหรอ ย่างเช่นซุปเปอร์แมน เฮอร์คิวลิส หรืออะไรทำนองนั้น ทำไมต้องพูดอะไรที่ไม่ใช่มนุษย์ล่ะ?!
หลี่ลู่หนานหัวเราะคิกคักทันที ที่บอกว่าไม่ใช่มนุษย์ มันก็เป็นคำชมเหมือนกันนั่นแหละน่า ซุปเปอร์แมนกับเฮอร์คิวลิสก็ไม่ได้เป็นมนุษย์เหมือนกันไม่ใช่เหรอ
ผู้หญิงคนนี้พูดจาระคายหูจริงๆจี้เฟิงจึงเลิกสนใจเธอ เขาแค่สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งและรถก็พุ่งทะยานออกไปทันที
……………
หนึ่งชั่วโมงต่อมาจี้เฟิงขับรถมาถึงปั๊มน้ำมันใกล้มหาวิทยาลัย เขายกรถมอเตอร์ไซค์ของหลี่ลู่หนานลงและพูดว่า เอาล่ะ คุณไปเติมน้ำมันเอาเองนะ ผมจะไปจ่ายค่าปรับที่ธนาคารก่อน
ใจแคบชะมัด! หลี่ลู่หนานบุ้ยปากและบ่น ที่น้ำมันหมดก็เพราะตามมาสั่งสอนนายนั่นแหละ…
จู่ๆจี้เฟิงก็รู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เขาพูดอย่างจนปัญญาว่า คุณต้องการอะไรจากผมอีก ก็คุณเป็นตำรวจไม่ใช่เหรอ…. หรือคุณอยากจะอยู่กับผมไปนานๆ ให้ผมไปส่งคุณถึงที่สถานีตำรวจเลยดีมั้ย? อย่าหลงตัวเองให้มันมากนัก! หลี่ลู่หนานกลอกตาใส่เขา มือเล็กๆที่สวมถุงมือสีขาวโบกสะบัดพร้อมกับกล่าวว่า ยังไงก็ขอบคุณที่มาส่ง ไปจัดการธุระของคุณเถอะ!
ซ่าาา….าาติ๊ด!
ในตอนนั้นเองวิทยุสื่อสารบนมอเตอร์ไซค์ของหลี่ลู่หนานก็ดังขึ้น ทุกหน่วยโปรดทราบๆ ที่ถนนจิ่วโจวเขตเมืองมหาวิทยาลัย มีคดีปล้นร้านจิวเวลรี่เกิดขึ้น ที่อยู่คือบริษัทซูเหยาจิวเวลรี่บนถนนจิ่วโจว หน่วยลาดตระเวนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงรีบตรงไปยังจุดเกิดเหตุโดยทันที โปรดระวังผู้ร้ายมีอาวุธ! ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แจ้งว่าได้มีการยิงเกิดขึ้นแล้ว ย้ำอีกครั้ง! โปรดระวัง! คนร้ายมีอาวุธ…
หลี่ลู่หนานและจี้เฟิงก็ตกตะลึงไปพร้อมกันโดยเฉพาะหลี่ลู่หนาน เธอตระหนักถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ดี เพราะถ้าเป็นคดีปกติทั่วๆไปจะไม่มีการสื่อสารผ่านทุกช่องของวิทยุสื่อสารแบบนี้ เพราะตำรวจแต่ละหน่วยนั้นมีช่องทางสื่อสารของตัวเอง แต่จู่ๆ กลับมีการแจ้งเหตุร้ายดังขึ้นผ่านวิทยุสื่อสารของเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการโทรผ่านช่องทั้งหมด ซึ่งจะใช้เฉพาะตอนที่มีเหตุฉุกเฉินจริงๆเท่านั้น เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก
แต่เหตุผลที่จี้เฟิงอึ้งไปนั่นเป็นเพราะว่าสถานที่เกิดเหตุของการปล้นในครั้งนี้คือบริษัทซูเหยาจิวเวลรี่!
เขาคุ้นเคยกับบริษัทนี้เป็นอย่างดีเพราะธุรกิจใหญ่ครั้งแรกของเขาที่เจียงโจวก็คือบริษัทซูเหยาจิวเวลรี่ และเจ้าของบริษัทนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากฉินซูเจี๋ยที่เพิ่งแยกแจกเขาเมื่อชั่วโมงก่อน!
ไม่จริงใช่มั้ยจี้เฟิงแอบยิ้มเจื่อนๆและส่ายหัวเบาๆ ฉินซูเจี๋ย… คุณจะโชคร้ายเกินไปหน่อยแล้ว เท่าที่ฟัง ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเร่งด่วนมาก แถมพวกคนร้ายยังมีอาวุธอีก เหตุการณ์นี้น่าจะไม่ใช่การปล้นของโจรกระจอกๆแน่ ไม่อย่างนั้นวิทยุสื่อสารของหลี่ลู่หนานคงไม่ดังขึ้น แถมเจ้าหน้าที่ที่แจ้งข่าวยังย้ำอยู่หลายครั้งว่า คนร้ายมีอาวุธและมีการยิงเกิดขึ้นแล้ว
ถ้าแบบนี้ก็เป็นไปได้ว่าบริษัทซูเหยาจิวเวลรี่จะต้องเกิดความเสียหายอย่างมากแน่
หลี่ลู่หนานมีปฏิกิริยาขึ้นทันทีเธอมองกลับมาที่จี้เฟิงและพูดว่า จี้เฟิง ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนาย!
ผมจะช่วยอะไรคุณได้ จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น คุณไม่ได้ยินเหรอ? เขาก็บอกอยู่ว่าโจรมีปืนอยู่ในมือ และดูเหมือนว่าจะยิงไปแล้วด้วย แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าโจรพวกนี้มันโหดเหี้ยมและพร้อมจะฆ่าคนจริงๆ ไม่ใช่แค่ขู่! แล้วพวกเราสองคนมีแต่มือเปล่า ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร?
ไปแล้วจะมีประโยชน์หรือเปล่าฉันไม่รู้แต่จะให้ฉันอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยฉันก็ไม่โอเค ในฐานะตำรวจ ฉันต้องไปยังที่เกิดเหตุ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่เหมาะสมที่จะสวมเครื่องแบบตำรวจนี่หรอก! หลี่ลู่หนานพูดอย่างจริงจังและพยายามพูดหว่านล้อมเขา จี้เฟิง ฝีมือของนายดีขนาดนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้ใช้ประโยชน์จากมันก็ได้ ไปกับฉันเถอะ ฉันต้องการนายจริงๆ!
เมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนของหลี่ลู่หนานจี้เฟิงก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขารีบพยักหน้าทันทีแล้วพูดขึ้นว่า ตกลง! ผมจะไปกับคุณ แต่คุณต้องสัญญากับผมก่อนว่า คุณห้ามทำอะไรบุ่มบ่าม อะไรที่ดูแล้วมีโอกาสที่จะเกิดอันตราย คุณอย่าเสี่ยงทำมันเป็นอันขาด แต่ถ้าคุณไม่ตกลง ผมก็จะไม่ไปและผมก็จะไม่ให้คุณไปด้วย!
จี้เฟิงรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนจริงจังมากขนาดไหนเพราะแค่ต้องการจะสั่งสอนเขาเรื่องไม่ให้ขับรถบนทางเท้า ยังไล่ตามเขามาจนเกือบถึงคฤหาสน์ของฉินซูเจี๋ย
หลี่ลู่หนานลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง ได้! ฉันสัญญา!
จี้เฟิงยิ้มและเปิดประตูรถทันที ขึ้นรถ ช่วยบอกทางผมด้วย! หลี่ลู่หนานส่ายหัวและพูดว่า ฉันจะขับรถมอเตอร์ไซค์นำทางนายเอาก็แล้วกัน เพราะฉันต้องติดต่อกับสำนักงานใหญ่ตลอดเวลา เพื่อรับทราบความเคลื่อนไหวล่าสุดของคดีนี้!
งั้นก็ไปกันเลย! จี้เฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลงและขึ้นรถทันที
อันที่จริงต่อให้หลี่ลู่หนานไม่ได้ขอร้องให้เขาไปด้วยเขาก็ตั้งใจจะไปที่บริษัทซูเหยาจิวเวลรี่อยู่แล้ว สำหรับเขาแล้วฉินซูเจี๋ยเป็นเพื่อนของเขาคนหนึ่ง
ดังนั้นสำหรับคนที่เขานับว่าเป็นเพื่อนแล้วเขาจะไม่ยอมอยู่เฉยๆทนดูเพื่อนประสบกับปัญหาเพียงลำพังอย่างแน่นอน!