The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 119
บทที่ 119 ผู้สมัครตําแหน่งหัวหน้าทีม !
พวกเขารับประทานอาหารกลางวันในโรงอาหารของค่ายทหารก่อนเริ่มต้นการฝึก โดยราคาค่าอาหารต่อหนึ่งคนคือ 300 หยวน ซึ่งในความเป็นจริงการเรียกเก็บเงินจํานวนนี้เหมือนเป็นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพอเป็นพิธีเท่านั้น เพราะถ้าหากลองคํานวณราคาอาหารตามจริงแล้ว แต่ละคนจะต้องจ่ายอย่างน้อยก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 1,000 หยวนสําหรับค่าอาหารตลอด 1 เดือน
จี้เฟิงค่อนข้างพอใจกับเรื่องนี้ อย่างน้อยมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ส่วนเงินค่าอาหารส่วนที่เหลือทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายให้ทั้งหมด
หลังจากหมดเวลาพักกลางวัน 1 ชั่วโมง นักศึกษาทุกคนก็ทยอยมารวมตัวกัน และเป็นครั้งแรกที่จี้เฟิงได้พบกับครูฝึกสอนทางการทหารของเขา ครูฝึกคนนี้มีอายุประมาณ 30 ปี อินทรธนูบนบ่าของเขาประดับไปด้วย 1 แถบและ 1 ดาว ยศของเขาคือยศร้อยตรี
ทีมของจี้เฟิงประกอบไปด้วยนักศึกษา 3 ชั้นเรียนมีจํานวนคนรวมทั้งหมดมากกว่า 120 คน ซึ่งร้อยตรีผู้นี้เป็นผู้ที่รับผิดชอบการฝึกทีมของจี้เฟิง
“ผมขอแนะนําตัวก่อน ผมสกุลหู และชื่อเต็มๆของผมคือหูเถี่ยจวิน หรือพวกคุณจะเรียกผมว่าครูฝึกหูก็ได้” ผู้ฝึกสอนร้อยตรีกล่าวเสียงดังหลังจากที่เหล่านักศึกษามารวมตัวกัน
“สวัสดีครับ ครูฝึกหู!” เหล่านักศึกษาด้านล่างกล่าวทักทาย
“ก่อนที่พวกคุณจะเริ่มการฝึก ผมหวังว่าพวกคุณจะจําสิ่งที่ผมกําลังจะกล่าวต่อไปให้ดี!”
หูเถี่ยจวินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยและพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดัง “ตั้งแต่วินาทีที่พวกคุณได้ก้าวเข้ามาในค่ายทหารพวกคุณจะไม่ใช่นักเรียนนักศึกษาอีกต่อไป แต่พวกคุณคือทหาร และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะฝึกพวกคุณอย่างเคร่งครัดตามข้อกําหนดของทหาร หากใครไม่ปฏิบัติตามระเบียบวินัยหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของผม ผมจะเขียนรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับการปฏิบัติงานและความประพฤติของพวกคุณแล้วยื่นให้กับทางมหาวิทยาลัยของพวกคุณเพื่อพิจารณาต่อไป แล้วถ้าหากเป็นการละเมิดกฎหมายและวินัยโดยเจตนาจนก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ร้ายแรงผมจะไล่คุณออกจากค่ายทหารและผลการฝึกทหารของพวกคุณจะถูกยกเลิกทันทีเข้าใจมั้ย?!”
“เข้าใจครับ” นักเรียนที่ยืนอยู่ด้านล่างตอบเบาๆ
“ดังกว่านี้! ผมไม่ได้ยิน!!” หูเถี่ยจวิน คําราม
“เข้าใจครับ!!” นักศึกษาทุกคนตะโกนออกมาพร้อมกัน
“ดีมาก! งั้นเรามาเริ่มกันเลย…” จี้เฟิงพยักหน้ากับตัวเอง ทหารนี้สมเป็นทหารจริงๆ นักเรียนที่ตอนแรกยืนกันอย่างสะเปะสะปะถูกจัดให้ยืนเป็นเส้นตรงอย่างเป็นระเบียบและรวดเร็วโดยฝีมือของครูฝึกหูเถี่ยจวิน ซึ่งเขาใช้พลังงานไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เพื่อความสะดวกในการจัดการ ผมจะเลือกพวกคุณคนหนึ่งมาทําหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมของพวกคุณ และในขณะเดียวกันหัวหน้าทีมจะมีหน้าที่ช่วยผมในการฝึกพวกคุณ และแน่นอนว่าหัวหน้าทีมคนนี้ก็จะต้องได้รับการฝึกฝนเช่นเดียวกันและจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย!”
หูเถี่ยจวินคํารามเสียงดัง “ใครอยากจะรับหน้าที่สําคัญนี้!?”
ทันทีที่สิ้นเสียง หวังเสี่ยวหู่ที่ยืนอยู่แถวหน้าก็ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว “รายงานครูฝึก ผมยินดีรับหน้าที่นี้ครับ!”
หูเถี่ยจวินหันไปมองหวังเสี่ยวหู่ทันที แต่เขารู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ เขาจึงหันหน้ากลับไปและมองไปยังนักศึกษาคนอื่นๆ และถามซ้ำอีกครั้ง “มีใครอยากจะรับหน้าที่หัวหน้าทีมอีกมั้ย!”
บางที่อาจเป็นเพราะพวกนักศึกษาใหม่เหล่านี้ยังคงสงวนท่าทีและยังไม่อยากเปิดเผยตัวตนจนทําให้ตัวเองดูเด่นจนเกินไป แต่จี้เฟิงและเพื่อนร่วมห้องของเขาก็ไม่ได้สนใจในตําแหน่งนี้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากหวังเสี่ยวหู่แล้วก็ไม่มีใครยกมือขึ้นอีก
ฮั่นจงแอบหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนว่างานนี้ความต้องการของหวังเสี่ยวหู่จะประสบความสําเร็จได้โดยง่ายแฮะ!”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับหวังเสี่ยวหู่ขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าแม้แต่คนที่ดูเหมือนจะสนใจก็ยังถูกติดสินบนโดยหวังเสี่ยวหู่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการแย่งชิงตําแหน่งนี้กับเขา
หูเถี่ยจวินพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไม่มีใครยกมือเสนอตัวอีกต่อไปและพูดขึ้นว่า “ในเมื่อไม่มีใครเสนอตัวอีก ตําแหน่งหัวหน้าทีมก็จะเป็นของเพื่อนร่วมชั้นของพวกคุณคนนี้ แต่.. ยังเป็นเพียงแค่ตัวแทนหัวหน้าทีมเท่านั้น และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะเริ่มการฝึกอย่างเป็นทางการจนกว่าจะถึงตอนเย็นของวันพรุ่งนี้ ผมจะเลือกคนที่จริงจังและตั้งใจที่สุดในการฝึกแล้วให้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมของพวกคุณอย่างเป็นทางการ!”
ใบหน้าของหวังเสี่ยวหู่บิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด เห็นได้ชัดว่าครูฝึกหูไม่ค่อยพอใจเขาเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นเขาคงถูกกําหนดให้เป็นหัวหน้าทีมทันที
พ่อไม่ได้บอกพวกทหารไว้เหรอ? หวังเสี่ยวหู่มองไปที่หูเถี่ยจวินด้วยความรู้สึกไม่พอใจ คืนนี้สงสัยฉันจะต้องโทรหาพ่อให้เขาช่วยจัดการเรื่องนี้
หลังจากกําหนดผู้รับหน้าที่หัวหน้าทีมชั่วคราวเรียบร้อยแล้ว การฝึกอย่างเป็นทางการก็เริ่มต้นขึ้น จี้เฟิงมองไปรอบๆเพื่อมองหาลงเล่ยและจางเล่ย แต่เขาก็พบว่าผู้คนทั่วสนามฝึกต่างสวมใส่ชุดลายพรางเหมือนกันหมด มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะมองหาใครสักคน
การฝึกท่าต่างๆของทหารตลอด 1 ชั่วโมงเต็มในช่วงบ่าย ทําให้นักศึกษาที่มักจะมีความภาคภูมิใจในตัวเองได้รู้จักว่าทหารคืออะไร การฝึกอย่างหนักโดยไม่พักตลอดหนึ่งชั่วโมงสําหรับทหารธรรมดามันอาจจะเป็นเพียงแค่การวอร์มอัพ แต่สําหรับนักศึกษาส่วนใหญ่ที่ถูกตามใจและไม่เคยพบกับความยากลําบากมาตั้งแต่เด็ก สิ่งเหล่านี้ก็แทบไม่ต่างจากการถูกทรมานอย่างโหดร้ายทารุณจนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะร้องคร่ำครวญ
ในที่สุดนักศึกษาบางคนก็ไม่สามารถที่จะทนต่อไปได้ แต่เมื่อพวกเขาถูกกดดันด้วยคําพูดง่ายๆของหูเถี่ยจวิน ก็ทําให้ความคิดที่ต้องการจะล้มเลิกการฝึกถูกขับไล่ออกไปจากหัวในทันที “ถ้าคุณไม่ต้องการฝึก ก็สามารถเลิกได้เลย แต่คุณก็จะถูกยกเลิกการฝึกทหารโดยทันทีเช่นกัน!”
นี่คือประโยคที่ทําให้ไม่มีใครกล้าขัดขืนอีกต่อไป พวกเขาทําได้เพียงกัดฟันทนและปล่อยให้เหงื่อไหลต่อไป
จากนักศึกษาทั้งหมดในสนามฝึกซ้อม จี้เฟิงและตู้เส้าเฟิงอาจเรียกได้ว่าแตกต่างจากคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด การฝึกท่าต่างๆของทหารอย่างเข้มงวด ไม่ส่งผลอะไรต่อจี้เฟิงเลยแม้แต่น้อย รวมถึงตู้เส้าเฟิงที่ไม่ต้องใช้ความอดทนอะไรและฝึกฝนสําเร็จได้อย่างง่ายดาย เพราะเขาได้ฝึกศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเมื่อถึงตอนที่คนอื่นเหนื่อยเกินกว่าที่จะทําต่อไปไหว พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่มีเหงื่อออกเหมือนกับนักศึกษาคนอื่นๆเลยแม้แต่หยดเดียว
เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางนักศึกษาที่เหงื่อท่วมตัวและมีสภาพที่แทบจะยืนไม่ไหว ตู้เส้าเฟิงและจี้เฟิงที่ตอนนี้ดูหล่อเหลาก็กลายเป็นดาวเด่นขึ้นมาทันที
หูเถี่ยจวินสังเกตเห็นพวกเขาทั้งสองคนมาสักพักหนึ่งแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าด้วยความพอใจ เขาจําได้ว่าเมื่อตอนที่เขาเข้าร่วมกองทัพเป็นครั้งแรกและได้รับการฝึกฝน เขาถึงกับบ่นอุบถึงความเหนื่อยยาก แต่นักศึกษาสองคนนี้กลับดูไม่เหนื่อยเลย แสดงว่านักศึกษาสองคนนี้ต้องมีทักษะพื้นฐานที่ดีเยี่ยม
หูเถี่ยจวินเดินเข้ามาหาจี้เฟิงและตู้เส้าเฟิงอย่างช้าๆแล้วถามว่า “พวกคุณสองคนชื่ออะไร?”
“รายงานครูฝึก ผมชื่อตู้เส้าเฟิงครับ” เสียงของตู้เส้าเฟิงชายผิวดําร่างใหญ่ยังคงสดใสเสมอ
“รายงานครูฝึก ผมชื่อจี้เฟิงครับ!” เสียงของจี้เฟิงมั่นคงมาก
ทันใดนั้นดวงตาของหูเถี่ยจวินก็สว่างขึ้น “คุณชื่อจี้เฟิงงั้นเหรอ ดีๆ!”
สําหรับตู้เส้าเฟิงแม้การฝึกทหารอย่างเข้มข้นในชั่วโมงแรกจะทําได้อย่างง่ายดาย แต่เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวของเขายังไม่ดีพอ อาจจะดูแข็งเกินไปสักเล็กน้อย แน่นอนว่าครูฝึกอย่างหูเถี่ยจวินสามารถสังเกตเห็นได้ในทันที
แต่จี้เฟิงนั้นแตกต่างออกไปหลังจากที่เขาเคยได้รับการฝึกทหารมาจากระบบฝึกอบรมสุดยอดสายลับมาก่อนแล้ว เมื่อจี้เฟิงเข้ารับการฝึกฝนของทหารอีกครั้ง สัญชาตญาณของเขาก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาทันทีโดยอัตโนมัติ ทําให้ท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาตรงตามมาตรฐานทุกอย่าง รวมถึงสีหน้าแววตาที่จริงจังเด็ดเดี่ยว นั่นจึงทําให้หูเถี่ยจวินที่เฝ้าสังเกตอยู่อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ คนคนนี้ต้องเคยได้รับการฝึกฝนทางทหารมาอย่างแน่นอน!
“จี้เฟิง คุณยินดีที่จะรับหน้าที่หัวหน้าทีมหรือไม่?” หูเถี่ยจวินถามขึ้นทันที
เมื่อได้ยินคําพูดของหูเถี่ยจวิน จี้เฟิงก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง หัวหน้าทีม?
จี้เฟิงไม่เข้าใจทําไมครูฝึกถึงอยากให้เขาเป็นหัวหน้าทีม?
เมื่อหวังเสี่ยวหู่ที่ยืนอยู่แถวหน้าได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าของเขาก็แข็งที่อขึ้นมาทันทีและการแสดงออกที่อาฆาตแค้นฉายชัดออกมาจากดวงตาของเขา
หูเถี่ยจวินคนนี้ มันจะมากเกินไปแล้ว! ฉันเสนอที่จะรับหน้าที่หัวหน้าทีมไปแล้วแท้ๆ ไม่เพียงให้ฉันเป็นแค่หัวหน้าทีมชั่วคราว แต่ตอนนี้เขากลับไปถามไอ้เด็กแปลกๆนั่น
แถมยังเสนอให้มันเป็นหัวหน้าทีมอีก!
“ครูฝึกเลวๆกับไอ้เด็กเวรนั่นพวกมันสมควรตาย!” หวังเสี่ยวหู่ก่นด่าอยู่ในใจ แต่ใจลึกๆเขาก็กําลังภาวนาไม่ให้จี้เฟิงตอบรับและเห็นด้วยกับสิ่งที่ครูฝึกเสนอ
“รายงานครูฝึก ผมแค่อยากจะฝึกทหารให้สําเร็จอย่างจริงจัง ผมไม่สามารถทําหน้าที่สําคัญอย่างหัวหน้าทีมได้!” หลังจากที่จี้เฟิงผงะไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบอย่างรวดเร็วด้วยเสียงที่ดังฟังชัด
ทันทีที่ขี้เฟิงพูดในสิ่งที่หวังเสี่ยวหู่อยากให้เขาพูด เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีและพูดในใจ “ไอ้หมอนี่มันอยู่เป็น รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แกคงไม่กล้าที่จะมีปัญหากับคนอย่างฉันสินะ!” เมื่อนึกได้แบบนี้หวังเสี่ยวหู่ก็อดรู้สึกภูมิใจไม่ได้
อย่างไรก็ตามหูเถี่ยจวินไม่คิดเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณมีความสามารถเพียงพอที่จะทําหน้าที่หัวหน้าทีม แต่คุณเลือกที่จะหลีกหนีจากสิ่งที่คุณไม่ต้องการ คุณควรรู้เอาไว้ว่าในฐานะผู้ชายชาติทหารคุณควรก้าวไปข้างหน้าอย่ากล้าหาญและไม่ลังเล คนที่ได้ชื่อว่าทหาร จะไม่ปฏิเสธโอกาสที่คนอื่นหยิบยื่นให้เพราะความกลัวโดยเด็ดขาด! ตอบผมมา! คุณเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า?!”
ทหารนี่มันทหารจริงๆ!
จี้เฟิงรู้สึกนับถือหูเถี่ยจวินขึ้นมาทันที เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าและพูดว่า “รายงานครูฝึกผมเป็นลูกผู้ชายครับ!”
“ในเมื่อคุณเป็นลูกผู้ชายคุณก็ควรมีเลือดนักสู้ ผมจะถามอีกครั้ง คุณอยากเป็นหัวหน้าทีมหรือไม่!” หูเถี่ยจวินถามด้วยเสียงและสีหน้าที่ดุดัน
ในตอนนี้ความรู้สึกไม่พอใจกลับมาสู่หวังเสี่ยวหู่อีกครั้งหนึ่งและเขาก็แอบพูดว่า “ตราบใดที่ได้เด็กเวรนี่กล้าตอบรับฉันจะไม่ปล่อยมันไปอย่างแน่นอน!”
อย่างไรก็ตามคําตอบของจี้เฟิงก็ทําให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น
“รายงานครูฝึก ผมไม่ต้องการ!” จี้เฟิงตะโกน “ผมเป็นลูกผู้ชายและมีเลือดนักสู้ แต่ผมคิดว่าตําแหน่งหัวหน้าทีมไม่เหมาะสําหรับผม แต่ผมเต็มใจที่จะได้รับการฝึกอย่างเข้มงวดร่วมกันคนอื่นๆครับ!”
หูเถี่ยจวินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง เห็นได้ชัดว่าจี้เฟิงเคยผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ดังนั้น เขาจึงหวังว่าจะให้โอกาสจี้เฟิงได้เพิ่มหน่วยกิตของเขาจากการรับหน้าที่นี้และในขณะเดียวกัน เขาก็จะได้คนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาช่วยเขาในการฝึกอบรมนักศึกษาทหารใหม่เหล่านี้ได้อย่างดีเยี่ยม มันจะเป็นการยิงปืนนัดเดียวแต่ได้ประโยชน์ถึงสองต่อ
แต่เนื่องจากจี้เฟิงปฏิเสธอย่างแน่วแน่ เขาจึงได้แต่พยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณจะได้ฝึกกับคนอื่นอย่างที่ต้องการต่อไป!”
“ขอบคุณครับครูฝึกหู!” จี้เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
ในความเป็นจริงแล้วสาเหตุที่ขี้เฟิงไม่อยากจะเป็นหัวหน้าทีมก็เพราะเขารู้ว่าเส้นทางในอนาคตที่เขาต้องการไม่ใช่ทางนี้ เขาต้องการที่จะก่อตั้งบริษัทเป็นของตัวเองและเข้าสู่ตําแหน่งผู้นําอย่างเป็นทางการ และเขาก็ต้องมีทักษะความเป็นผู้นําที่เพียงพอ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจี้เฟิงจะได้รับการฝึกอบรมแบบครบวงจรในระบบฝึกสุดยอดสายลับ แต่สิ่งเหล่านี้มีไว้สําหรับทางการทหารหรือเป็นสายลับเท่านั้นแต่ไม่มีการฝึกอบรมความเป็นผู้นํา
ดังนั้นจี้เฟิงจึงรู้สึกว่าสิ่งที่เขาจะต้องทําและให้ความสําคัญในตอนนี้คือการสังเกตอย่างรอบคอบว่าคนอื่นทํางานบริหารจัดการกันอย่างไรและเรียนรู้จากพวกเขาแทนที่จะเข้ารับตําแหน่งใดๆอย่างผลีผลาม มันเป็นเรื่องยากที่จะเป็นผู้นําที่ดีหากไม่มีประสบการณ์ใดๆ
อย่างไรก็ตามคําตอบของจี้เฟิงก็ทําให้หวังเสี่ยวหู่ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะเดียวกันหวังเสี่ยวหู่ก็คิดเอาเองว่า สาเหตุที่จี้เฟิงไม่กล้าที่จะตกลงรับตําแหน่งหัวหน้าทีมนั้นเป็นเพราะจี้เฟิงกลัวที่จะทําให้ตัวเขานั้นขุ่นเคืองใจและจะส่งผลให้จี้เฟิงประสบกับปัญหาการศึกษาในมหาวิทยาลัยในอนาคต
“สายตาไอ้หมอนี่ยังถือว่าพอจะมีแววอยู่บ้าง ที่พอจะมองออกและรู้ว่าไม่ควรทําให้คนอย่างฉันต้องขุ่นเคืองใจ!” หวังเสี่ยวหู่คิดอย่างมีชัย
แต่ในไม่ช้าความภาคภูมิใจของหวังเสี่ยวหู่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อได้ยินหูเถี่ยจวินพูดสั่งด้วยเสียงที่ดัง “เนื่องจากจี้เฟิงไม่เต็มใจที่จะรับหน้าที่หัวหน้าทีมนักศึกษาตู้เส้าเฟิง! ตอนนี้คุณได้รับตําแหน่งหัวทีมอย่างเป็นทางการ!!”
ดูเหมือนว่าเพราะจี้เฟิงปฏิเสธในครั้งแรก ดังนั้นในครั้งนี้ หูเถี่ยจวินจึงไม่คิดที่จะถามความสมัครใจอีก เขาจึงแต่งตั้งให้ตู้เส้าเฟิงรับตําแหน่งหัวทีมโดยทันที!
เมื่อตู้เส้าเฟิงได้ยินคําสั่งอย่างจริงจังของครูฝึกหู เขาจึงตอบรับด้วยเสียงที่ดังฟังชัด “ครับผมครูฝึกหู!”
จบบทที่ 119
Oomironhorse
เสี่ยวหู่ แกเป็นสายมโนเรอะ!!? คิดเอง เออเอง ตลอด😅