The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 124-125
บทที่ 124 ยกที่ 2-1
จี้เฟิงก้าวถอยหลังออกจากพื้นที่ทันที ความจริงแล้วสิ่งที่จี้เฟิงต้องการก็คือการที่ให้รองผู้บัญชาการหวังยอมที่จะให้เขาได้เข้าร่วมต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย เพราะต่อให้ตู้เส้าเฟิงแพ้ก็ไม่เป็นไร เพราะเขายังสามารถจัดการเรื่องนี้ต่อได้ในเมื่อตอนนี้เรื่องราวเป็นไปอย่างที่เขาต้องการแล้ว มันจึงทําให้เขาโล่งใจไปมาก
ตู้เส้าเฟิงและหมีดํากําลังจะเปิดฉากต่อสู้กัน ส่วนคนอื่นๆก็เฝ้าดูอย่างกระวนกระวายใจและอยากจะรู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ดูจากร่างกายที่แข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามของหมีดําแล้วคนส่วนใหญ่จึงคิดว่าหมีดํานั้นมีโอกาสชนะมากกว่า
“เอาล่ะนะ!!”
ตู้เส้าเฟิงตะโกนพร้อมกับวิ่งไปด้านหน้า เขาเสื้อหมัดเล็งไปที่หน้าอกของหมีดํา
“โอ้ น่าสนใจ!” หมีดําหัวเราะเยาะและในเวลาเดียวกันหมีดําก็ทักทายตู้เส้าเฟิงกลับด้วยหมัดของเขาเช่นกัน
“ตูม!!”
หมัดของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง
ทั้งสองต่างก็รู้สึกเจ็บที่มือราวกับกําปั้นของพวกเขาถูกทุบด้วยหิน
หลังจากการปะทะกันด้วยหมัดอย่างรุนแรงในครั้งแรก พวกเขาต่างก้าวถอยหลังไปกันคนละสองก้าว จากนั้นพวกเขาก็พุ่งเข้าหากันอีกครั้ง
จี้เฟิงที่เฝ้าดูการต่อสู้ของพวกเขาอย่างใกล้ชิดพยักหน้ากับตัวเองอยู่ในใจ “ตู้เส้าเฟิงนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งมากจริงๆ ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวเขาแทบจะไม่เป็นรองหมีดําเลย!”
รองผู้บัญชาการหวังและครูฝึกหูที่เฝ้าดูอยู่ไม่ไกล ต่างก็ประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นว่าตู้เส้าเฟิงสามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้กับนักสู้ที่แท้จริงอย่างหมีดําได้
พวกเขาต่างรู้ถึงความแข็งแกร่งของหมีดํา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรองผู้บัญชาการหวัง เขาเคยเห็นหมีดําเอาชนะทหารที่มีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมาแล้วหลายสิบคนในเวลาเดียวกัน และเขายังเคยต่อสู้ในสนามมวยใต้ดินจนทําให้คู่ต่อสู้ถึงแก่ชีวิตมาแล้ว เขาจึงคิดไม่ถึงว่าหมีดําผู้ที่เคยผ่านสังเวียนเลือดมาอย่างโชกโชนจะถูกนักศึกษาคนนี้ใช้การต่อสู้ที่รุนแรงจนบีบให้นักสู้สังเวียนเลือดอย่างหมีดําต้องเอาจริง
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงรู้ดีว่า การต่อสู้ที่ดูเหมือนจะสูสีนี้มันเป็นเพียงผลลัพธ์แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะตู้เส้าเฟิงยังคงไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ของจริงมามากเท่ากับหมีดํา และเมื่อการต่อสู้ที่รุนแรงนี้ผ่านไป ตู้เส้าเฟิงจะค่อยๆหมดแรงและเขาก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สูสีกับหมีดําอีกต่อไป
แน่นอนว่าหลังจากการแลกเปลี่ยนหมัดกันไปเพียงไม่กี่ครั้ง หมีดําก็สามารถมองออกถึงจังหวะการต่อสู้ของตู้เส้าเฟิง ในตอนนี้เขาจึงเปลี่ยนจากเป็นฝ่ายรุกมาเป็นฝ่ายตั้งรับแทน
“ย้ากกกกกกกก!!!”
จู่ๆ ตู้เส้าเฟิงก็คํารามเสียงดังก้องราวกับสัตว์ร้ายที่โกรธจัดทําให้หมีดําที่กําลังจะเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ตกใจและชะงักในทันที
เสี้ยววินาทีที่หมีดําชะงัก ตู้เส้าเฟิงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เขาฉวยโอกาสชกเข้าที่หน้าท้องของหมีดําด้วยหมัดขวาที่หนักหน่วงและรุนแรงจากนั้นเขาก็รัวหมัดเข้าใส่ตําแหน่งเดิมไปอีกหลายหมัด
หมีดําที่ถูกหมัดอันรุนแรงของตู้เส้าเฟิงกระหน่ำที่จุดเดิมค่อยๆถอยหลังจนล้มก้นเบ้า เขาไม่มีแรงที่จะตอบโต้ได้อีกต่อไป หมีดําได้พ่ายแพ้ให้แก่ตู้เส้าเฟิง
“ฟึ่บ!”
หมัดสุดท้ายของตู้เส้าเฟิงหยุดชะงักอยู่ที่ระยะห่างไม่ถึง 2 เซนติเมตรจากหน้าอกของหมีดํา เกรงว่าถ้าหมีดําโดนหมัดนี้ของตู้เส้าเฟิงเข้าไปโดยไร้การป้องกัน คงจะถึงแก่ชีวิต
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจี้เฟิง จ้าวไค และฮั่นจง รวมถึงนักศึกษาคนอื่นๆ ในเวลาเดียวกัน คนอื่นๆอาจจะคิดแค่ว่าตู้เส้าเฟิงนั้นชนะจากการต่อสู้นี้ แต่จี้เฟิงรู้ว่าตู้เส้าเฟิงได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการต่อสู้ที่แท้จริงนี้
“หึ!” ตู้เส้าเฟิงส่งเสียงหัวเราะอย่างมีชัยอยู่ในลําคอ จากนั้นเขาก็ยึดตัวที่เต็มไปด้วยเหงื่อขึ้นและหันหน้าไปทางรองผู้บัญชาการหวัง “หัวหน้าหวัง ขอโทษด้วย ฉันชนะแล้ว!”
สีหน้าของรองผู้บัญชาการหวังซีดขาวจนแทบจะเป็นกระดาษ เขาจ้องมองไปยังตู้เส้าเฟิงอย่างเย็นชา เขานิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน
จู่ๆ ก็มีเสียงของจี้เฟิงตะโกนขึ้น
“เหล่าตู้ ระวัง!”
วินาทีเดียวกับที่จี้เฟิงตะโกนออกมา หมีดําที่ล้มลงไปกับพื้นเพราะหมัดของตู้เส้าเฟิงก็ยืนขึ้นอย่างเงียบๆ แล้วพุ่งตรงเข้าไปหาตู้เส้าเฟิงอย่างรวดเร็ว เขาเงื่อหมัดที่อาศัยแรงส่งซึ่งมันจะทําให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้นและเล็งไปที่ท้ายทอยของตู้เส้าเฟิง
ทั้งจี้เฟิงและตู้เส้าเฟิงไม่คาดคิดว่าหมีดําจะยังสามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีก พวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของหมีดําต่ำไป ลองนึกภาพสนามมวยใต้ดินที่ไร้กฎเกณฑ์ เป้าหมายของพวกเขามีเพียงแค่ชัยชนะและนักมวยหลายคนก็ไม่สนใจหากจะต้องทําให้ใครตายเพื่อให้ได้ชัยชนะมา
จี้เฟิงและตู้เส้าเฟิงไม่เคยได้สัมผัสกับมวยเถื่อนที่ต่อสู้กันที่สนามมวยใต้ดิน พวกเขาจึงไม่รู้ถึงความป่าเถื่อนและความแข็งแกร่งของนักมวยใต้ดินเหล่านั้นว่ามีความแตกต่างจากนักสู้ในเกมการแข่งขันอื่นๆมากขนาดไหน
เกมการแข่งขันอื่นๆส่วนมากจะแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงอันดับเกียรติยศหรือเงินรางวัล แต่สิ่งสําคัญที่สุดในสําหรับนักมวยใต้ดินนั่นก็คือการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต
แม้ว่าในความเป็นจริงประสบการณ์เกี่ยวกับการต่อสู้ของจี้เฟิงและตู้เส้าเฟิงจะมีส่วนที่คล้ายกัน แต่เทคนิคต่างๆที่จี้เฟิงได้เรียนรู้ล้วนเป็นวิชาการต่อสู้ที่เน้นการโจมตีเพียงครั้งเดียวและมุ่งเน้นไปที่จุดตาย เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทําให้ฝ่ายตรงข้ามไม่มีโอกาสได้โต้กลับ
ส่วนศิลปะการต่อสู้ที่ตู้เส้าเฟิงได้เรียนรู้นั้นมีไว้เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายไม่ใช่เพื่อการแข่งขันโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน อาจกล่าวได้ว่าจี้เฟิงและตู้เส้าเฟิงเป็นผู้ที่เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ที่มีเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว คนหนึ่งเรียนศิลปะการต่อสู้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย อีกคนหนึ่งเรียนศิลปะการต่อสู้เพื่อใช้ในการฆ่า!
ด้วยเหตุผลเหล่านี้มันจึงเกิดเป็นความแตกต่างของนักสู้ทั้งสองแบบ และแน่นอนว่ามันคือโอกาสที่หมีดําจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือ
คําพูดเหล่านี้แม้มันจะดูซับซ้อน แต่อันที่จริงมันเป็นเพียงเวลาแค่ชั่วครู่ กว่าที่ตู้เส้าเฟิงจะรู้ตัวหมัดของหมีดําก็เข้ามาใกล้เขามากแล้ว
แต่หลักจากได้ยินเสียงตะโกนของจี้เฟิง ตู้เส้าเฟิงก็ก้มศีรษะโดยอัตโนมัติและเบี่ยงตัวไปด้านข้างซึ่งทําให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงหมัดของหมีดําได้อย่างฉิวเฉียด
แต่หมีดําไม่รอช้า เขาไม่ปล่อยให้ตู้เส้าเฟิงมีโอกาสได้ทันตั้งตัว แม้ตู้เส้าเฟิงจะสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีครั้งแรกไปได้ แต่การโจมตีครั้งที่สองของหมีดําก็กระชั้นชิดเกินไป หมีดําใช้ลูกเตะที่รุนแรงเตะเข้าไปที่หลังของตู้เส้าเฟิง
ตู้เส้าเฟิงที่เพิ่งหลบหลีกการโจมตีแรกของหมีดําไปได้อย่างฉิวเฉียดจึงทําให้เขาไม่สามารถพลิกตัวกลับมาตั้งรับการโจมตีครั้งที่สองได้ทันมันจึงทําให้เขารับลูกเตะของหมีดําไปเต็มๆโดยไร้การป้องกัน
“เปรี้ยง!”
ตู้เส้าเฟิงที่ถูกเตะจากด้านหลังกระเด็นล้มหน้านิ่มไปข้างหน้าอย่างแรง
ในเวลานี้หมีดําซึ่งอยู่ในตําแหน่งที่ได้เปรียบกว่ามาก เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้เพลี่ยงพล้ำเขาจึงไม่ยอมพลาดโอกาสงามๆนี้ เขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ท่าทางที่ดุร้ายของเขาแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป้าหมายของเขาในเวลานี้มีเพียงอย่างเดียวคือการเอาชีวิตของตู้เส้าเฟิง!
“หยุด!”
จี้เฟิงคําราเสียงดัง แต่หมีดําที่กําลังหน้ามืดและสนุกกับการต่อสู้นั้นไม่ได้ยินเสียงใดๆทั้งสิ้น เขายังคงพุ่งตรงไปที่ตู้เส้าเฟิง ทุกคนในเวลานี้ต่างกําลังตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ความตกใจทําให้พวกเขาลืมไปว่าพวกเขากําลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาทําได้แค่จ้องมองหมีดําที่กําลังวิ่งตรงไปที่ตู้เส้าเฟิงที่ยังคงล้มอยู่บนพื้นจากการถูกเตะ
“ไอ้ชั่ว!”
จี้เฟิงโกรธมาก แต่ในเวลานี้มันสายเกินไปที่จะเข้าไปโจมตีหมีดํา เขาจึงเลือกที่จะไปช่วยเหลือตู้เส้าเฟิงที่อยู่ไม่ไกลนักโดยการพุ่งตัวอย่างกะทันหัน ในตอนนี้ทั้งเขาและหมีดําต่างก็ดูเหมือนเสือโหยที่ต่างก็มีเป้าหมายเป็นตู้เส้าเฟิง เพียงแต่เหตุผลของพวกเขาทั้งสองนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนหนึ่งพุ่งตรงไปเพื่อที่จะฆ่า ส่วนอีกคนไปเพื่อที่จะช่วยชีวิต แต่จี้เฟิงนั้นเร็วกว่า เขาสามารถไปถึงตัวตู้เส้าเฟิงได้ก่อน เขาคว้าตู้เส้าเฟิงขึ้นและถอยไปข้างหลังสี่ห้าก้าวอย่างรวดเร็วจากนั้นก็จ้องไปที่หมีดําอย่างเย็นชา
“แค่ก! แค่ก!”
ตู้เส้าเฟิงที่ถูกเตะที่หลังทําให้อวัยวะภายในของเขาได้รับการกระทบการเทือนอย่างรุนแรงจนทําให้เขาไอแทบจะตลอดเวลา
จี้เฟิงพยุงเขาส่งไปให้จ้าวไคและฮั่นจงที่เวลานี้ต่างก็จ้องมองไปที่หมีดําด้วยสายตาที่เย็นชาแทบจะกินเลือดกินเนื้อ “เขาปล่อยคุณ แล้วทําไมคุณถึงจะฆ่าเขา?”
ถ้าไม่ใช่เพราะตู้เส้าเฟิงแสดงความเมตตาในช่วงแรกของการต่อสู้ หมัดสุดท้ายที่เขาได้หยุดชะงักตรงหน้าอกของหมีดําก็เพียงพอที่จะทําให้หมีดําถึงแก่ชีวิต แต่นอกจากหมีดําจะไม่รู้สึกซาบซึ้งถึงน้ำใจนักกีฬาของตู้เส้าเฟิงแล้ เขายังฉวยโอกาสโจมตีจากทางด้านหลังในตอนที่ตู้เส้าเฟิงเผลออีกต่างหาก
“ฉันไม่ได้ขอร้องให้เขาเมตตาฉัน ตราบใดที่ฉันยังสามารถลุกขึ้นยืนได้ การต่อสู้นี้ก็ยังไม่จบและในเมื่อมันยังไม่จบฉันก็สามารถทําทุกอย่างที่ฉันต้องการได้!” หมีดํายิ้มอย่างชั่วร้าย มีความหยิ่งผยองฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขา เขารู้ดีว่าลูกเตะของเขาทําร้ายอวัยวะภายในของตู้เส้าเฟิงไปไม่น้อย และตู้เส้าเฟิงจะไม่หายจากอาการบาดเจ็บนี้ได้ง่ายๆอย่างแน่นอนหากไม่ได้รับการรักษาและการพักผ่อนอย่างน้อยก็เป็นเวลาหลายเดือน
หมีดําอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะด้วยความสะใจ หัวหน้าหวังได้บอกกับเขาว่า เขาอยากจะเห็นเด็กสองคนนี้ถูกจัดการอย่างดีที่สุด และตอนนี้เขาก็ได้เติมเต็มความไว้วางใจของหัวหน้าหวังที่มีต่อเขาได้อย่างดีเยี่ยม ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาคงจะได้เงินติดกระเป๋าไปอีกไม่น้อย
…จบบทที่ 124
บทที่ 125 ความเย็นชา
ถ้าไม่ใช่เพราะตู้เส้าเฟิงแสดงความเมตตาในช่วงแรกของการต่อสู้ หมัดสุดท้ายที่เขาได้หยุดชะงักตรงหน้าอกของหมีดําก็เพียงพอที่จะทําให้หมีดําถึงแก่ชีวิต แต่นอกจากหมีดําจะไม่รู้สึกซาบซึ้งถึงน้ำใจนักกีฬาของตู้เส้าเฟิงแล้ว เขายังฉวยโอกาสโจมตีจากทางด้านหลังในตอนที่ตู้เส้าเฟิงเผลออีกต่างหาก
“ฉันไม่ได้ขอร้องให้เขาเมตตาฉัน ตราบใดที่ฉันยังสามารถลุกขึ้นยืนได้ การต่อสู้นี้ก็ยังไม่จบและในเมื่อมันยังไม่จบฉันก็สามารถทําทุกอย่างที่ฉันต้องการได้!” หมีดํายิ้มอย่างชั่วร้าย มีความหยิ่งผยองฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขา เขารู้ดีว่าลูกเตะของเขาทําร้ายอวัยวะภายในของตู้เส้าเฟิงไปไม่น้อย และเส้าเฟิงจะไม่หายจากอาการบาดเจ็บนี้ได้ง่ายๆอย่างแน่นอนหากไม่ได้รับการรักษาและการพักผ่อนอย่างน้อยก็เป็นเวลาหลายเดือน
หมีดําอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะด้วยความสะใจ หัวหน้าหวังได้บอกกับเขาว่า เขาอยากจะเห็นเด็กสองคนนี้ถูกจัดการอย่างดีที่สุด และตอนนี้เขาก็ได้เติมเต็มความไว้วางใจของหัวหน้าหวังที่มีต่อเขาได้อย่างดีเยี่ยม ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาคงจะได้เงินติดกระเป๋าไปอีกไม่น้อย
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็หันหน้าไปมองที่รองผู้บัญชาการหวังและถามด้วยเสียงที่แหบต่ำ “หัวหน้าหวังคุณพูดอะไรกับหมีดําเกี่ยวกับการต่อสู้ในครั้งนี้ แบบนี้มันไม่เรียกว่าเป็นการใช้ความรุนแรงที่เกิดกว่าเหตุหรือ?”
หัวหน้าหวังตอบอย่างไม่แยแส “สิ่งที่หมีดําพูดก็ถูกแล้ว เขายังไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้และในการต่อสู้นี้ก็ไม่ได้มีกรรมการมาตัดสินแล้วบอกว่าหมีดําเป็นฝ่ายแพ้ นั่นก็หมายความว่าการแข่งขันมันยังไม่จบ และตราบใดที่หมีดําไม่ได้ใช้อาวุธหรือทําอย่างอื่นที่เป็นการโกง เขาก็สามารถใช้วิธีไหนก็ได้ในการต่อสู้นี้ แล้วถ้าหากคุณอยากจะโทษใครซักคนในเรื่องนี้คุณก็ควรโทษตู้เส้าเฟิง เพื่อนร่วมชั้นของคุณที่หยิ่งผยองได้ใจคิดว่าตัวเองชํานาญการต่อสู้และไม่เห็นคู่ต่อสู้อยู่ในสายตาจนเรียกได้ว่าเป็นความประมาท และความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้มันก็เป็นเพราะตัวของเขาเอง!”
“โอเค.. ดี!” จี้เฟิงยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าคุณบอกว่าตู้เส้าเฟิงผิดพลาดเองและไม่สามารถโทษใครได้ ผมก็คงพูดอะไรไปกว่านี้ไม่ได้ งั้นเรามาต่อกันเลยดีกว่า ต่อไปตาผมแล้วใช่มั้ย?!”
“แน่นอน! ถ้าคุณต้องการที่จะมีสภาพแบบเดียวกันกับเพื่อนของคุณ!” รองผู้บัญชาการหวังตอบด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับได้รับชัยชนะไปเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นเขาหันไปทางหมีดําและพยักหน้า หมีดําเดินตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว รองผู้บัญชาการหวังกระซิบกับหมีดํา “ไอ้เด็กเวรนี้มันน่ารําคาญจริงๆ สนุกกับมันให้เต็มที่อย่าให้ถึงตายก็พอ!”
“เข้าใจแล้ว!” หมีดํากระซิบตอบ
จี้เฟิงไม่สนใจว่าสองคนนั้นกําลังพูดคุยอะไรกัน เขาเดินไปยังลานโล่งพร้อมกับมองหน้ารองผู้บัญชาการหวังแล้วพูดว่า “ถ้าตามที่หัวหน้าหวังพูด ผลการแพ้ชนะจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้หรือไม่ก็ยอมรับความพ่ายแพ้จากการตัดสิน?”
“ถูกต้อง!” รองผู้บัญชาการหวังเอ่ยเสียงขึ้นจมูกด้วยความรู้สึกเหยียดหยามพร้อมกับมองไปที่นักศึกษาทุกคน
“แต่เนื่องจากไม่มีผู้ตัดสินอย่างเป็นทางการ การตัดสินจึงต้องมาจากผู้ที่ต่อสู้กันเองทั้งสองฝ่ายโดยมีผู้ชมที่อยู่โดยรอบเป็นพยานยืนยันความถูกต้อง ดังนั้นต้องต่อสู้กันจนกว่าจะมีฝ่ายชนะหรือผู้ที่ยกเลิกการต่อสู้นี้ก็เท่ากับว่าเป็นฝ่ายแพ้!”
จี้เฟิงพยายามข่มอารมณ์โกรธที่อยู่ในใจของเขาและพูดออกมาเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะชนะเพียงสองทางเท่านั้นคือทําให้อีกฝ่ายไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีกหรือให้อีกฝ่ายยอมรับความพ่ายแพ้ใช่มั้ย?”
“ฮึ่ม..! คุณต้องการที่จะยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้เลยงั้นหรือ?” รองผู้บัญชาการหวังถามด้วยใจที่หวั่นว่าจี้เฟิงคิดจะยอมแพ้เสียตั้งแต่ตอนนี้
“ยอมแพ้?” จี้เฟิงยิ้มจางๆ “ไม่เพียงแต่ผมจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ผมจะไม่ให้โอกาสคนของคุณได้พูดคําว่ายอมแพ้ด้วยซ้ำ!”
หมีดําก้าวไปทางจี้เฟิงแล้วพูดว่า “มาเริ่มกันเลยเถอะ ฉันอยากจะรู้แล้วว่าเธอจะเอาชนะฉันด้วยวิธีไหน?”
มีแสงเย็นวาบฉายออกจากดวงตาของหมีดํา ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากตู้เส้าเฟิงไม่สําคัญกับเขาอีกต่อไป เขารู้สึกมั่นใจอย่างเต็มที่ที่จะสามารถเอาชนะจี้เฟิงได้ในช่วงเวลาสั้นๆ และเขาก็มั่นใจว่าเขาทําให้ตู้เส้าเฟิงได้รับบาดเจ็บมากกว่าที่เขาได้รับมาอย่างแน่นอน!
“เด็กน้อย เธอต้องการแบบนี้เองนะ!” หมีดําแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว
จี้เฟิงมองเขากลับด้วยสายตาที่เย็นชา ซึ่งทําให้หมีดําถึงกับตกใจ แววตาของจี้เฟิงที่มองหมีดําราวกับว่าหมีดํานั้นได้ตายไปแล้ว
“ไอ้เด็กเวร!” จู่ๆมีดําก็โกรธขึ้นมาทันที เพราะแม้แต่ราชามวยเถื่อนแห่งสนามมวยใต้ดินที่เขาเคยเจอ ถึงเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แต่เขาก็ยังได้รับสายตาชื่นชม ในตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้ามองเขาด้วยสายตาเช่นนี้มาก่อน
“ไอ้หนู วันนี้ฉันจะเป็นคนมอบบทเรียนให้แกได้รู้ว่านักสู้ที่แท้จริงเป็นยังไง แล้วจะได้รับผลอย่างไรบ้างหากอวดเก่งไม่ดูตาม้าตาเรือ!” หมีดําพยายามกลั้นความโกรธและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“บังเอิญอะไรขนาดนี้” จี้เฟิงยิ้ม “ผมก็กําลังจะบอกคุณแบบนี้อยู่พอดี!”
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้วไอ้เด็กเวร!” หมีดําคําราม
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็เห็นจี้เฟิงขยับจากนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงวัตถุบางอย่างที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็พบว่าวัตถุที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นจี้เฟิงที่ตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับกําปั้นที่พร้อมจะกระแทกกับไหล่ข้างขวาของเขา
“ปึ้ก!”
จี้เฟิงทุบเข้าไปที่สะบักของหมีดําอย่างแรง ในขณะเดียวกันจี้เฟิงก็ใช้มืออีกข้างคว้าไปที่แขนของหมีดําและดึงมันอย่างรุนแรง จากนั้นแขนของหมีดําก็ห้อยลงราวกับเป็นแขนที่ไร้กระดูก
เพียงหมัดเดียวของจี้เฟิงถึงกับทําให้กระดูกสะบักของหมีดําแตกละเอียดและส่งผลให้แขนของเขาใช้การไม่ได้อีกต่อไป
หมีดํารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งแขนอย่างรุนแรง ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจของเขาทันที ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของเขา เด็กคนนี้มันคือสัตว์ประหลาด!
ในขณะนั้นเองจิตสังหารของจี้เฟิงก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขาอย่างรุนแรง มันทําให้หมีดําที่รับรู้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงของจี้เฟิงได้โดยตรงถึงกับตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัว หมีดําเหมือนจะมองเห็นอนาคตและรู้โดยทันทีว่าเขาจะต้องเจอกับอะไร
ความมั่นใจที่เคยมีของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้มีแต่ความกลัวเท่านั้นที่กําลังกัดกินจิตใจของเขา เขามีแต่ความคิดที่จะเอ่ยปากยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะเขารู้ดีว่าถ้าหากเขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เสียตั้งแต่ตอนนี้เขาจะต้องจบชีวิตลงอย่างอนาถ
อย่างไรก็ตามก่อนที่หมีดําจะทันได้เอ่ยปากยอมแพ้ จี้เฟิงก็ขยับอย่างรวดเร็วและมาที่อีกด้านของหมีดํา เขาคว้าแขนอีกข้าง..
“ปึ้ก!”
ราวกับหนังที่ฉายซ้ำ จี้เฟิงทุบไปที่สะบักของหมีดําอย่างแรงด้วยหมัดของเขา จากนั้นแขนซ้ายของหมีดําก็ห้อยลงและมีชะตากรรมไม่ต่างจากแขนอีกข้างของเขาที่กระดูกสะบักได้แตกละเอียดไปแล้วก่อนหน้านี้
หมีดําอ้าปากกว้างและอยากจะกรีดร้อง แต่ความเจ็บปวดที่เสียดแทงเข้ามาทําให้เขาถึงกับตัวสั่น แม้แต่จะกรีดร้องเขาก็ยังไม่สามารถทําได้
ไม่มีความสงสารหรือเห็นใจใดๆทั้งสิ้นสําหรับจี้เฟิงในเวลานี้ วินาทีต่อมาเขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและก็เตะไปที่ต้นขาทั้งซ้ายและขวาของหมีดําอย่างดุเดือด
“ปั้ก! ปั้ก!”
“กร๊อบ!”
เสียงกระดูกต้นขาทั้งซ้ายและขวาของหมีดําแตกละเอียดจากลูกเตะที่รุนแรงและรวดเร็วของจี้เฟิง ต้นขาซ้ายที่ได้รับความเจ็บปวดรุนแรงกว่าถึงกับเผยให้เห็นกระดูกสีขาวแทงทะลุกล้ามเนื้อของต้นขาจนโผล่ออกมา
“อั่ก!”
หมีดําที่อยากจะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทําได้แค่ส่งเสียงร้องอยู่ในลําคอ
จี้เฟิงคว้าคอหมีดําพร้อมกับรอยยิ้มจางๆที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา “ผมคิดว่าตอนนี้ คุณคงอยากจะยอมรับความพ่ายแพ้แล้วสินะ หรืออยากจะให้ผมถอดกระดูกคอของคุณออกมาก่อนดี?!”
ความเจ็บปวดที่ตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่ร่างกายแต่มันยังฝังรากลึกลงไปในจิตใจของหมีดําทําให้เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ เขาสั่นไปทั้งตัวด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ และเลือดสีแดงเข้ม สภาพของเขาตอนนี้ช่างน่าสังเวชเป็นที่สุด
ในเวลานี้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ต้องตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าจี้เฟิง นักศึกษาที่ดูเป็นคนนิ่งๆเงียบๆ จะต่อสู้และเอาชนะผู้ชายที่ดูถูกและบึกบินไม่ต่างจากหมีขั้วโลกได้ด้วยวิธีที่น่ากลัวและเย็นชาขนาดนี้
คนที่ตกตะลึงมากกว่าใครในที่นี้คงหนีไม่พ้นรองผู้บัญชาการหวัง ขาของเขาสั่นด้วยความหวาดกลัวเขารู้ดีว่าหมีดําแข็งแกร่งมากขนาดไหน แต่จี้เฟิงก็สามารถทําให้เขาพ่ายแพ้ได้อย่างหมดรูปและน่าสังเวช
ดังนั้นเมื่อจี้เฟิงเงยหน้าขึ้นมาและจ้องมองไปทางรองผู้บัญชาการหวัง รองผู้บัญชาการหวังก็ก้าวถอยหลังทันที่อย่างไม่รู้ตัว
“หัวหน้าหวัง ผมพูดได้หรือยังว่าผมชนะแล้ว!” เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของหัวหน้าหวังจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะมองอย่างดูถูก
“ฮึ่ม! ไป! กลับ!” หลังจากที่ผู้นําหวังสามารถดึงสติกลับมา เขาก็รู้สึกอับอายที่เขาเผลอรู้สึกกลัวเพียงแค่นักศึกษาคนเดียว เขาจึงรีบตะโกนสั่งและจากไปอย่างรวดเร็ว
ผู้บังคับการเมืองที่ติดตามเขา รีบไปพยุงหมีดําพร้อมกับครูฝึกหูแล้วพาเข้าไปที่โรงพยาบาลประจําค่ายทหาร
นักเรียนที่เหลือทั้งหมดมองไปที่จี้เฟิงอย่างว่างเปล่าแต่ก็แฝงไปด้วยความกลัวเล็กน้อยอยู่ในแววตาของพวกเขา
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นและได้แต่โทษตัวเองที่เผลอลงมือหนักเกินไป เขาจึงทําใจไว้แล้วว่าเขาคงจะกลายเป็นปีศาจในสายตาของคนอื่นไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามในไม่ช้าจี้เฟิงก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เหมือนกับมีความหลงใหลคลั่งไคล้อยู่ในสายตาของพวกเขา…?