The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 36
บทที่ 36 กลายเป็นฮีโร่
ผู้กองหยาน?… พวกเขามาทำอะไร?
ในหัวจี้เฟิงตอนนี้เต็มไปด้วยคำถาม เขามองไปที่ถงเล่ยที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องเรียนและเห็นเพียงแต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ เขาไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยจากสีหน้าของถงเล่ยในเวลานี้
“นักเรียนที่รักทุกท่าน!”
ผู้กองหยานกล่าวด้วยรอยยิ้มและเสียงอันดัง “ที่พวกเรามาที่นี่กันในวันนี้ เพื่อจะบอกข่าวเกี่ยวกับเรื่องคืนก่อนหน้านี้ ขณะที่เพื่อนร่วมชั้นของพวกเธอกำลังกลับบ้าน ได้พบกับผู้ร้ายสองคน!”
ทันทีที่ผู้กองหยานพูดขึ้น ก็ดึงดูดความสนใจของนักเรียนทั้งชั้นได้ในทันที วัยรุ่นหนุ่มสาวมักจะอยากรู้อยากเห็นเมื่อมีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น ยิ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นของตัวเองที่ได้พบกับคนร้าย มันยิ่งทำให้พวกเขาสนใจใคร่รู้เป็นอย่างมาก
“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ร้ายถึงสองคน แทนที่เพื่อนนักเรียนคนนี้จะตื่นตระหนก เพื่อนร่วมชั้นของพวกเธอกลับมีความกล้าหาญและใช้ไหวพริบของเขาในการต่อสู้กับพวกผู้ร้าย และในที่สุด เขาก็สามารถเอาชนะผู้ร้ายทั้งสองคนได้สำเร็จ และได้แจ้งให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบโดยทันที!”
ผู้กองหยานกล่าวด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม และพูดด้วยเสียงอันดังต่ออีกว่า “หลังจากการสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรายังพบอีกว่าคนร้ายทั้งสองเป็นอาชญากรที่หลบหนีออกจากเรือนจำมาได้ไม่นาน! พวกเขาวางแผนที่จะปล้นเงินจำนวนหนึ่งเพื่อที่จะใช้ในการหลบหนีต่อไป แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เขากลับถูกนักเรียนคนหนึ่งจัดการได้เสียก่อน!”
พอถึงตอนนี้นักเรียนที่ฟังอยู่ข้างล่างก็เริ่มคุยกันและถกเถียงเดาทางกันว่าเป็นนักเรียนคนไหนที่กล้าหาญถึงขนาดกล้าสู้กับอาชญากรตั้งสองคนที่หนีออกจากคุก!
ผู้กองหยานไม่รอช้า เขาพูดต่อด้วยเสียงอันดัง “นักเรียนคนนั้นเขาชื่อ จี้เฟิง!!”
“ห๊าา~!!”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในกลุ่มนักเรียน บางคนถึงขนาดส่ายหัวไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
ประโยคนี้ของผู้กองหยานเหมือนกับก้อนหินขนาดใหญ่ที่หล่นลงบนพื้นผิวทะเทสาบที่เงียบสงบซึ่งอยู่ดีๆก็ทำให้เกิดระลอกคลื่นและทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาไม่คิดว่าเด็กยากจนที่ไร้ค่าในสายตาพวกเขาจะสามารถปราบผู้ร้ายสองคนลงได้!? นี่มันยิ่งกว่าเรื่องตลกที่เหนือจินตนาการเสียอีก!
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่บนแท่นบรรยายพวกเขาก็รู้ได้เลย ว่านี่เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน!
ในช่วงเวลาหนึ่งทุกคนมีความรู้สึกชื่นชมกับความกล้าหาญของจี้เฟิง
แต่ถ้าจะพูดถึงในบรรดานักเรียนที่รู้สึกประหลาดใจ จี้เฟิงกลับเป็นคนที่รู้สึกประหลาดใจมากที่สุด!
เขานึกไม่ถึงว่าผู้กองหยานจะมาถึงที่นี่เพื่อประกาศถึงเหตุการณ์นี้เพื่อเป็นการชื่นชมให้กำลังใจกับเขา หรือมาเพราะสาเหตุอื่นกันแน่?
จี้เฟิงรู้ดีว่าเรื่องนี้ผ่านมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนจัดการกับผู้ร้ายสองคนนั้นด้วยตัวเอง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเรียกเขาไปที่สถานีตำรวจเพื่อยกย่องชมเชยเขาที่นั่นได้ แทนที่จะให้คนระดับผู้กองหยานวิ่งมาถึงโรงเรียนและประกาศเรื่องนี้ต่อหน้าสาธารณชน หรือที่ทำแบบนี้ พวกเขาต้องการที่จะสร้างแบบอย่างที่ดีให้กับเหล่านักเรียน?
จี้เฟิงส่ายหัว ถึงแม้ว่าสมองของเขาจะได้รับการพัฒนา แต่เขาก็ยังไม่สามารถเข้าใจในเรื่องนี้ได้
แม้ว่าจี้เฟิงจะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่สีหน้าของเขาก็ไม่ได้แสดงออกเลยแม้แต่น้อย หลังจากสิบวันของการฝึกฝนอย่างหนัก จี้เฟิงมีจิตใจที่มั่งคงและหนักแน่นขึ้นมาก เรื่องแค่นี้ไม่สามารถทำให้เขาประหลาดใจได้มากนัก
“จี้เฟิง โปรดขึ้นมาตรงนี้!” ผู้กองหยานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินขึ้นไปที่แท่นบรรยาย
“ฮีโร่ตัวน้อยจี้เฟิง! เธอเป็นคนดีและเป็นแบบอย่างให้กับนักเรียนทุกคน เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างพวกเราขอขอบคุณจากใจจริง หากไม่ใช่เพราะเธอ ฉันเกรงว่าพวกเราคงมีงานเกี่ยวกับอาชญากรเพิ่มขึ้นอีกหลายงานในเขตหมางซือ!”
ผู้กองหยานและจี้เฟิงจับมือกัน เขาพยักหน้าและพูดว่า “เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ทางเราได้ส่งจดหมายชื่นชมไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนของเธอ และนี่คือเงินรางวัล 10,000 หยวนที่เรามอบให้เป็นรางวัลสำหรับเธอ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่เธอได้ต่อสู้กับผู้ร้ายอย่างกล้าหาญ!”
จี้เฟิงยืนอึ้งมองไปที่มือของผู้กองหยานที่ถือซองจดหมายสีขาว เขาลังเลไม่รู้ว่าควรจะรับดีไหม
“ทำไม ไม่อยากรับไปเหรอมันน้อยเกินไปหรือเปล่า?” ผู้กองหยานถามด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงรีบส่ายหัวและยื่นมือออกไปรับซองขาวจากมือของผู้กองหยานทันที “ขอบคุณมากครับผู้กองหยาน”
“โอเค!” ผู้กองหยานยิ้มและตบไหล่จี้เฟิงแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ธุระที่นี่ของพวกเราเรียบร้อยแล้ว เธอกลับไปนั่งประจำที่ของเธอได้ ส่วนที่เหลือเราจะไปติดต่อกับผู้อำนายการโรงเรียนของเธอ เรามีเรื่องต้องคุยกับผู้อำนายการโรงเรียนของเธอนิดหน่อยเพื่อที่จะยกย่องเธอให้เป็นฮีโร่ที่น่าจดจำและเป็นแบบอย่างของนักเรียนทั้งโรงเรียน!”
“ไม่จำเป็นเลยครับผู้กองหยานผมยังเป็นนักเรียนอยู่และผมจะสบายใจกว่าที่ไม่ต้องได้รับคำชมมากไปกว่านี้!” จี้เฟิงรีบส่ายหัวเมื่อได้ยิน
ผู้กองหยานแปลกใจเล็กน้อยจากนั้นก็พยักหน้าและพูดว่า “โอเค เราจะเคารพการตัดสินใจของเธอ!”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้าให้กับผู้กองหยานจากนั้นก็หันกลับไปยังที่นั่งของเขา ผู้กองหยานกล่าวลานักเรียนในชั้นและเดินออกจากห้องเรียนไป…
ว้าวว~~~!!!
ทันใดนั้นทั้งชั้นก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและหันไปมองจี้เฟิง … และซองจดหมายในมือของเขาเป็นตาเดียว!
ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าแววตาของพวกเขาแสดงถึงความชื่นชมหรืออิจฉามันเป็นแววตาที่ซับซ้อน
หลังจากที่ผู้กองหยานและนายตำรวจอีกคนเดินออกจากห้องเรียน ถงเล่ยก็กลับไปนั่งที่พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เธอมองไปที่ดวงตาที่แสดงความรู้สึกอันซับซ้อนหลากหลายของเพื่อนนักเรียนในชั้น และมุมปากของเธอก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้น มุมปากของเธอปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย
ในความเป็นจริงถ้าคุณทำตามขั้นตอนปกติ ผู้กองหยานไม่จำเป็นต้องมาถึงที่ห้องเรียนเพื่อยกย่องจี้เฟิง หรือแม้ว่าพวกเขาต้องการที่จะยกย่องชื่นชมก็ควรที่จะเป็นครูและผู้อำนวยการของโรงเรียนที่จะทำหน้าที่ยกย่องชมเลยจี้เฟิง
สาเหตุที่ผู้กองหยานและนายตำรวจอีกคนมาถึงที่ห้องเรียนเป็นเพราะพวกเขามีความสัมพันธ์อันดีระหว่างถงเล่ย
ในสายตาของนักเรียนคนอื่นๆ จี้เฟิงเป็นเพียงเด็กยากจนที่ไร้ค่า ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนหรือภูมิหลังของครอบครัว ก็ไม่สำคัญพอที่จะพูดถึง ทุกครั้งที่เธอเห็นคนอื่นๆ มองจี้เฟิงด้วยสายตาแปลกๆ คิ้วของถงเล่ยจะย่นเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่สามารถบอกออกมาได้ว่าความจริงเป็นอย่างไร
ดังนั้นถงเล่ยจึงใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ ถงเล่ยต้องการให้ทุกคนเห็นจี้เฟิงในมุมที่เธอเห็น และเธอต้องการให้คนอื่นๆ รับรู้ว่าจี้เฟิงไม่ได้ไร้ประโยชน์ เขามีค่ามากพอที่จะพูดถึงและชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการจดจำบทเรียนหรือความกล้าหาญของเขา ซึ่งนักเรียนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเทียบชั้นได้ด้วยซ้ำ!
ในบรรดานักเรียนเหล่านี้ สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า จี้เฟิงเขานั้นโดดเด่นกว่าใคร!
อย่างไรก็ตามข้อดีเหล่านี้ของจี้เฟิง ยังไม่ได้แสดงให้คนอื่นได้เห็น แม้ว่าจี้เฟิงจะฉลาดและมีความจำที่ดี แต่เขาก็ยังอยู่ในช่วงพัฒนาในการเรียนรู้และทำความเข้าใจ ยังไม่สามารถรู้ได้ว่าผลการเรียนครั้งต่อไปของเขาจะเป็นอย่างไร
ส่วนเรื่องความกล้าหาญของเขามีเพียงถงเล่ยเท่านั้นที่รู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่จี้เฟิงได้บอกให้เธอวิ่งหนีไปก่อนในคืนนั้น ความมุ่งมั่นที่จะสกัดกั้นผู้ร้ายทั้งสองไว้เพื่อถ่วงเวลาให้เธอได้หนีเอาตัวรอด ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของเธอ
ถึงความสามารถและทักษะของเขาไม่สามารถที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นได้ในตอนนี้ แต่ความกล้าหาญของเขาสามารถรับรู้ได้ด้วยคำพูดของคนอื่น โดยเฉพาะจากปากของตำรวจที่มาป่าวประกาศในวันนี้!
เมื่อเห็นการแสดงออกที่แตกต่างกันไปของเหล่าเพื่อนร่วมชั้น หัวใจของถงเล่ยก็รู้สึกยินดีมาก เธอเงยหน้าขึ้นสูง เหมือนหงส์น้อยผู้ภาคภูมิใจ
เธอต้องการให้ผู้คนรู้ถึงข้อดีและความสามารถที่แท้จริงของจี้เฟิง และทำให้พวกเขารู้สึกว่า พวกเขานั้นไม่สามารถเทียบชั้นกับจี้เฟิงได้เลย โดยเฉพาะพวกคนที่ดูถูกจี้เฟิง ถงเล่ยต้องการทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย
ในความคิดของถงเล่ย จี้เฟิงนั้น เขาช่างแตกต่างจากคนอื่น!!
…จบบทที่ 36~