The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 42
บทที่ 41 แบ่งกลุ่ม
ด้วยการจ้องมองของซูหม่า นักเรียนทั้งกลุ่มที่ยืนอยู่แถวหน้าได้หันไปมองตามสายตาของซูหม่าและพวกเขาเพิ่งจะพบว่า มีจี้เฟิงและจางเล่ยยืนอยู่ด้านหลังด้วย ซึ่งทำให้พวกเขามีความรู้สึกว่าสองคนนี้จงใจที่จะแอบอยู่ข้างหลังอย่างขี้เกียจเพื่อที่จะอู้งาน
มีนักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างติดตลกว่า “ถ้าจี้เฟิงฮีโร่ประจำโรงเรียนของเรายังยืนแอบอยู่ข้างหลังเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำงานแบบนี้ ฉันคงเรียกฮีโร่อย่างเต็มปากเต็มคำไม่ได้แล้วล่ะม้าง~”
จี้เฟิงขมวดคิ้วทันที หลังจากนั้นเขาจึงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก.. แน่นอนว่าฉันทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ฉันต้องการคนไปช่วยสักสองสามคน ได้ใช่ไหม?”
ซูหม่ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ทันทีและพูดว่า “นายไม่ต้องห่วง มีเพื่อนนักเรียนของเราหลายคน ที่เต็มใจจะไปช่วยเหลือนายในการขนอุปกรณ์ปิกนิกเหล่านั้น ของมันก็น่าจะเยอะพอสมควรเดี๋ยวให้ไปช่วยนายสัก 10 คนเลยแล้วกัน!”
ทันทีที่เสียงของซูหม่าสิ้นสุดลง เด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาหาจี้เฟิงและพูดว่า “เราไปกันเถอะ เราต้องขยันทำงานนะเผื่อจะได้เป็นฮีโร่กับเขาบ้าง ฮ่าๆๆ”
จี้เฟิงยิ้มอย่างเย้ยหยันในทันที เพราะเขารู้ดีว่า เด็กผู้ชายกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ต่างเป็นคนที่ชอบพูดประจบประแจงซูหม่าอยู่เป็นประจำ และเห็นได้ชัดเลยว่าซูหม่าต้องการใช้โอกาสนี้ในการทำให้เขาต้องเสียหน้า แต่อย่างไรก็ตามหากซูหม่าทำเพียงแค่นี้ จี้เฟิงก็จะไม่เก็บมันมาใส่ใจ
เมื่อพูดถึงเรื่องการทำงานหรือการใช้แรงงาน แน่นอนว่านักเรียนเหล่านี้แม้ว่าจะมาจากชนบทเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีใครเก่งและคุ้นเคยกับการใช้แรงงานเท่ากับจี้เฟิง เพราะเขาได้ช่วยเหลือเซียวซูเหม่ยแม่ของเขาในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
และที่สำคัญ มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสำหรับศัตรูที่มีปัญญาคิดจะกลั่นแกล้งเขาได้เพียงแค่นี้?!
แต่จี้เฟิงก็ยังคงไม่เลิกระแวงซูหม่าง่ายๆ เขามั่นใจว่า จุดประสงค์ของซูหม่าในการจัดกิจกรรมกลุ่มนอกสถานที่ครั้งนี้ คงไม่ใช่แค่เพื่อจะทำให้เขาต้องเหนื่อยจากการใช้แรงทำงานหนัก ซูหม่าน่าจะมีจุดประสงค์อื่นอีกเพื่อที่จะเล่นงานเขาในครั้งนี้
เมื่อคิดได้แบบนี้จี้เฟิงจึงเพิ่มความระมัดระวังตัวเองมากขึ้น
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นไปตามที่คิด ซูหม่าก็อดไม่ได้ที่จะแอบรู้สึกภาคภูมิใจ เขาพูดว่า “เอาล่ะ เราไปขนย้ายของกันก่อน เพื่อนร่วมชั้นที่เหลือพักผ่อนรออยู่ที่นี่สักพัก พอเรากลับมา เราจะมาสนุกกับกิจกรรมปิกนิกในช่วงสายกัน!”
“ฉันจะไปด้วย!” ทันใดนั้นจางเล่ยก็พูดขึ้นพร้อมกับจ้องมองเป็นการเตือนไปที่ซูหม่าด้วยสายตาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดกับพฤติกรรมที่เขามีต่อจี้เฟิง
ซูหม่าแสดงรอยยิ้มที่ดูจริงใจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของเขา
ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของจี้เฟิง เขาทำได้แค่เพิ่มความระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้นอย่างเงียบๆ โดยไม่แสดงอาการอะไรออกมา
พวกเขาใช้เวลาเดินประมาณสิบนาทีจากทางด้านทิศใต้ของภูเขาหมางซือไปยังบริเวณร้านค้า เหล่านักเรียนพูดคุยและหัวเราะในขณะที่เดินไปที่ประตูของร้านชื่อว่า “แพคกิ้งเบสแคมป์” ซูหม่าเดินเข้าไปคุยกันเจ้าของร้าน ส่วนจางเล่ยและจี้เฟิงยืนอยู่ด้านนอกสุดของกลุ่ม
“จี้เฟิง ฉันว่าท่าทางของซูหม่าดูมีพิรุธแปลกๆ เหมือนมันตั้งใจจะทำอะไรบางอย่าง เราต้องจับสังเกตมันให้ดี!” จางเล่ยกระซิบเตือน
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรแถวนี้มีคนอยู่เยอะ หากมันต้องการจะทำอะไรไม่ดีในตอนนี้ ก็จะเป็นมันเองนั่นแหละที่จะซวย!”
“จริงของนาย!” จางเล่ยพยักหน้าเห็นด้วย
ในไม่ช้าซูหม่าก็เดินออกมาจากร้านและพูดว่า “ทุกคนไปขนย้ายของกันได้เลย” ขณะที่เขาพูด เขาก็จัดการสั่งเพื่อนนักเรียนกลุ่มหนึ่ง ให้เริ่มเคลื่อนย้ายข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับปิกนิก รวมถึงหม้อและกระทะบางส่วน เครื่องใช้ในแคมป์ไฟส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำอาหาร
เนื่องจากมีจำนวนคนที่เยอะ ซูหม่าจึงซื้อข้าวมากถึงครึ่งกระสอบ จี้เฟิงขยิบตาให้จางเล่ย แล้วทั้งสองก็ก้าวออกไปข้างหน้าและเลือกที่จะเป็นคนขนย้ายข้าวถุงนี้เอง
“หัวหน้าทีมซูหม่า พวกเราจะเป็นคนขนข้าวไปเอง นายจะว่าอะไรมั้ย?” จี้เฟิงถาม
ซูหม่ารู้สึกตกตะลึง เพราะในบรรดาอุปกรณ์เครื่องใช้และวัตถุดิบเหล่านี้ มีเพียงกระสอบข้าวเท่านั้นที่มีน้ำหนักมากที่สุด โดยมีน้ำหนักสี่สิบถึงห้าสิบกิโลกรัมซึ่งหนักกว่าถังน้ำดื่มที่อยู่ข้างๆเสียอีก ซูหม่าที่ตั้งใจจะใช้คำพูดต่างๆเพื่อหลอกให้จี้เฟิงใช้แรงงานให้มากที่สุดอยู่แล้ว มันทำให้เขากลับต้องรู้สึกแปลกใจ เพราะเขาไม่ได้คาดคิดว่าจี้เฟิงจะเป็นฝ่ายขอทำสิ่งนั้นเองโดยที่เขาไม่ต้องพูดอะไรเลย
“ฉันจะว่าอะไรได้ ถ้านายต้องการอย่างนั้น!” ซูหม่ายิ้มเล็กน้อย แต่ภายในใจเขารู้สึกภูมิใจกับสิ่งนี้ หรือจี้เฟิงพยายามจะทำตัวว่าง่ายเพื่อต้องการจะเอาใจเขา?
“หึหึ” ซูหม่าหัวเราะในใจ “แกกล้าที่จะเพิกเฉยต่อคำเตือนของฉัน โดยการเข้าหาถงเล่ย แถมยังไปฟ้องจางเล่ยเพื่อให้เขามาจัดการกับฉันอีก แล้วตอนนี้จะมาทำตัวว่าง่ายด้วยการแสดงท่าทีอ่อนน้อมเอาใจฉัน? มันจะง่ายเกินไปหน่อยละมั้ง! ฉันจะทำให้แกต้องเสียใจอย่างแน่นอน จี้เฟิง!” ซูหม่านึกถึงสิ่งที่จี้เฟิงทำกับเขาแล้วโกรธแค้นอยู่ภายในใจ
เมื่อกลับไปที่ภูเขาที่ซูหม่าบอกให้เพื่อนนักเรียนที่เหลือรออยู่ ทันใดนั้นหัวหน้าทีมซูหม่ารู้สึกประหลาดใจ และไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ที่ไปขนข้าวของต่างก็รู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กัน
สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นคือ ถงเล่ยและเซียวหยูซวน กำลังสั่งให้เพื่อนร่วมชั้นที่เหลือเคลียพื้นที่โดยรอบและจุดไฟในพื้นที่โล่ง พร้อมกับมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานบางอย่างนั่นก็คือ ห้องน้ำ ซึ่งทำให้นักเรียนทุกคนยิ่งประหลาดใจ
พอพูดถึงเรื่องห้องน้ำ.. แม้ว่านักเรียนเหล่านี้ จะสามารถไปที่ร้านค้าเพื่อซื้อสิ่งของจำเป็นในการปิกนิกได้เกือบทุกอย่าง แต่พวกเขาลืมนึกถึงของใช้พื้นฐานบางอย่างที่หาซื้อจากร้านค้าไม่ได้ นั่นก็คือห้องสุขา!
มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่คนส่วนมากลืมที่จะนึกถึงในตอนต้น แต่ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายเมื่อถึงคราวจำเป็นมันก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน!
“ถงเล่ย.. อาจารย์เซียว.. พวกคุณ…” ซูหม่ามองไปที่หญิงสาวทั้งสองคนด้วยอาการตกตะลึง เขาได้แต่อ้าปากค้าง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่มีความรู้สึกอับอายปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาอย่างไม่สามารถปกปิดได้
เดิมทีเขาต้องการแสดงความสามารถในการเป็นผู้นำและการจัดการระเบียบต่างๆต่อหน้าหญิงสาวทั้งสอง แต่การกระทำของหญิงสาวทั้งสองทำให้เขาได้รับบทเรียนอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามสีหน้าของซูหม่าที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ ยังไม่มีใครทันได้สังเกตเห็น เขาสามารถเปลี่ยนจากความอับอายมาเป็นอุทานอย่างรวดเร็ว “ถงเล่ย! อาจารย์เซียว! พวกคุณน่าทึ่งจริงๆ พวกเราทุกคนลืมคิดในเรื่องนี้ไปเลย ฉลาดเฉลียวมากกับความคิดอันรอบคอบของพวกคุณ!”
เซียวหยูซวนยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนถงเล่ยไม่แม้แต่จะหันไปมอง เธอทำราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของซูหม่าเลยแม้แต่น้อย แถมเธอยังสั่งการให้เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ทำงานต่อไป
ซูหม่ารู้สึกอับอายขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาเลิกพยายามที่จะชวนคุยและรีบหันกลับไปทำงานร่วมกันกับนักเรียนคนอื่นๆ
ในขณะที่การปิกนิกกำลังจะเริ่มก็ได้มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น เตาและเครื่องใช้อื่นๆ ที่เช่าโดยซูหม่า มีทั้งหมด 10 ชุด ถ้าจะแบ่งให้ครบตามจำนวนจะต้องแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มละ 4 คนถึงจะเหมาะสม
อย่างไรก็ตามซูหม่าดูเหมือนผู้มีความชำนาญในเรื่องนี้ได้แจกจ่ายเตาและแบ่งกลุ่มเพื่อนนักเรียนทั้งหมด กลุ่มละ 4 คน เหลือเพียงถงเล่ยและเซียวหยูซวนเท่านั้นที่เขายังไม่ได้มอบเตาและอุปกรณ์ให้ ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อไม่ให้จี้เฟิงและถงเล่ยได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ซูหม่าได้จัดสองคู่หูอีกสองคนให้เข้าร่วมกลุ่มเดียวกันกับจางเล่ยและจี้เฟิงเรียบร้อยแล้ว ด้วยวิธีนี้กลุ่มของจี้เฟิงจะมี 4 คนพอดี ส่วนถงเล่ยและเซียวหยูซวนจะเป็นเศษที่ยังไม่มีกลุ่มเกินออกมา
“ถงเล่ย อาจารย์เซียว คนอื่นๆ ได้แบ่งกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว เหลือเราเพียงแค่ 3 คน งั้นเรามาอยู่กลุ่มเดียวกันเถอะ!” ในตอนท้ายสุดซูหม่าได้บอกถงเล่ยและเซียวหยูซวนให้มาอยู่กลุ่มเดียวกันกับเขาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“แม่งเอ๊ยย!!”
จางเล่ยและจี้เฟิงที่เห็นการแบ่งกลุ่มที่ดูมีเจตนาแอบแฝงอย่างทุเรศนี้อยู่ไม่ไกลพวกเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจการกระทำนี้ของซูหม่านัก โดยเฉพาะจางเล่ยเขาโยนเตาลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถ้าเขาไม่ถูกจี้เฟิงห้ามไว้ได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนี้จางเล่ยอาจจะพุ่งไปทำให้ซูหม่าลงไปนอนกองคุยกับหนอนอยู่บนพื้นแล้วก็เป็นได้!!
…….จบบท 41 ~