The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 45
บทที่ 45 ความเสี่ยง…
เมื่อมองไปที่กองลอตเตอรี่ทั้งหมดที่อยู่ในกล่องเล็กๆตรงหน้า มีลอตเตอรี่แบบขูดหลากหลายรูปแบบอยู่ข้างใน แต่ทั้งหมดนั้นมีราคาสิบหยวนเท่ากัน คิ้วของจี้เฟิงคลายออกช้าๆ และหยิบกองลอตเตอรี่ออกมาจากกล่อง เขาหยิบลอตเตอรี่ขึ้นมาทีละแผ่น และคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
กองนี้ก็ไม่มีเงินรางวัล!!
“เถ้าแก่ มีทั้งหมดแค่นี้เหรอ?” จี้เฟิงถามเบาๆ
“ใช่ร้านของฉันเป็นเพียงแค่ร้านเล็กๆ ฉันเลยไม่ได้ซื้อเก็บเอาไว้เยอะ มีเพียงแค่กล่องนี้นี่แหละ!” เถ้าแก่ร่างอ้วนพูด “ฉันรู้ว่าพวกเธอทั้งสองคนมีน้ำใจมาก ไว้คราวหน้าฉันจะซื้อไว้เพิ่มนะ ฮะฮะฮ่า!”
จี้เฟิงเหลือบมองไปที่เถ้าแก่ร่างอ้วนแล้วยิ้ม “เถ้าแก่ลอตเตอรี่พวกนี้ราคาสิบหยวนใช่มั้ย แต่ผมยังไม่ค่อยพอใจกับพวกมันเท่าไหร่ เถ้าแก่มีแบบอื่นอีกไหม?”
เถ้าแก่ร่างอ้วนรู้สึกงุนงงเล็กน้อยว่าทำไมจี้เฟิงถึงถามหาลอตเตอรี่แบบอื่นด้วย แต่เขาก็พยักหน้าและพูดว่า “มีแน่นอน! แต่มันคือแบบสองหยวนและห้าหยวน รางวัลสูงสุดเพียง 30,000 หยวนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นลอตเตอรี่ราคาสิบหยวน เงินรางวัลสูงสุดจะมากถึง 100,000 หยวนเลย!
จี้เฟิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้เป็นคนโชคดีขนาดนั้น เงินตั้ง 100,000 หยวน ผมไม่กล้าฝันถึงหรอก แค่ผมโชคดีได้เงินไม่กี่สิบหยวนเป็นค่าเดินทางกับค่าขนมเล็กๆน้อยๆ ผมก็พอใจแล้ว เอาเป็นว่าผมอยากได้ลอตเตอรี่แบบสองหยวนและห้าหยวนด้วย ผมเอาทั้งหมดเลยแล้วกัน!”
ทันใดนั้นสีหน้าของเจ้าของร้านร่างอ้วนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเหลือบมองไปที่ซูหม่าที่ยืนอยู่ข้างๆจี้เฟิงโดยไม่รู้ตัว และแอบคร่ำครวญอยู่ในใจ
อันที่จริงการคาดเดาของจี้เฟิงนั้นค่อนข้างถูกต้องแม่นยำ ที่เถ้าแก่ร่างอ้วนคนนี้เป็นคนที่ซูหม่ารู้จักอยู่ก่อนแล้ว
พื้นที่โดยรอบของภูเขาหมางซือแห่งนี้เพิ่งจะเริ่มมีการพัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างสมบูรณ์ได้ไม่นาน การที่ใครก็ตามกล้าที่จะมาเปิดร้านค้าทำธุรกิจต่างๆ มันเป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะไม่มีข้อมูลมาจากภายในอยู่ก่อนแล้ว
ในความเป็นจริงแล้ว เถ้าแก่เจ้าของร้านคนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่คนรู้จักของซูหม่า เขายังเป็นญาติห่างๆ กับครอบครัวของซูหม่าอีกด้วย เขาให้ของขวัญกับพ่อของซูหม่าอยู่เป็นประจำ จากนั้นเขาก็ได้รับข้อมูลบางอย่างและมาลงทุนเปิดร้านในพื้นที่ภูเขาหมางซือแห่งนี้ หลังจากนั้นไม่นานก็มีการประกาศข่าวว่าจะพัฒนาพื้นที่โดยรอบภูเขาหมางซือให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยสมบูรณ์อย่างจริงจัง ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยของที่นี่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าเถ้าแก่ร่างอ้วนต้องการจะมาเปิดร้านที่นี่ก็จะต้องจ่ายเงินจำนวนเต็มถึง 100,000 หยวน!
เป็นเพราะความสัมพันธ์และผลประโยชน์เหล่านี้เอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้เถ้าแก่ร่างอ้วนยอมร่วมมือกับซูหม่าเพื่อร่วมกันวางแผนจัดการกับจี้เฟิงในครั้งนี้!
การจะสืบสวนเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของจี้เฟิงนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ต้องเป็นคนมีอิทธิพลแบบซูหม่าก็สามารถรู้ได้โดยง่าย แม้กระทั่งเรื่องที่แม่ของจี้เฟิงเซียวซูเหม่ย ต้องถีบสามล้อไปขายผักที่ตลาดอยู่เป็นประจำ คนทั่วไปก็สามารถรู้ได้เช่นกัน เมื่อเห็นถึงสิ่งเหล่านี้มันทำให้สามารถรู้ได้ทันทีเลยว่าครอบครัวของจี้เฟิงนั้นใช้ชีวิตกันอย่างไร
แล้วเมื่อซูหม่าพบว่าจี้เฟิงและถงเล่ยมีความใกล้ชิดกันหลังจากที่เมินเฉยต่อคำเตือนของเขา แถมหลังจากนั้นจี้เฟิงก็กลายมาเป็นฮีโร่ที่คนในโรงเรียนต่างชื่นชมบวกกับได้รางวัลเป็นเงินถึง 10,000 หยวน ความแค้นของซูหม่าจึงเพิ่มทวีคูณขึ้นอย่างรวดเร็ว มันจึงทำให้ซูหม่ามีความคิดที่ไร้ยางอายว่าถ้าหากเงินรางวัลจำนวน 10,000 หยวน ที่แสนมีค่าสำหรับครอบครัวที่ยากจนแบบจี้เฟิง ได้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วจากฝีมือของตัวเอง จี้เฟิงจะมีความรู้สึกอย่างไร?!
ทันทีที่เขานึกถึงการแสดงออกที่เจ็บปวดทุกข์ทรมานของจี้เฟิงเมื่อเขาต้องเสียเงินรางวัลหนึ่งหมื่นหยวนอันแสนมีค่าของเขาไปกับการเสี่ยงดวงอย่างไร้ค่า ซูหม่าก็รู้สึกมีความสุขสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก…
เพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากครอบครับตระกูลซู เถ้าแก่อ้วนจึงตกลงทำตามคำขอของซูหม่าโดนทันที แถมยังแนะนำกิจกรรมบางอย่างในการเล่นลอตเตอรี่ขูดนี้ด้วยตนเอง หลังจากนั้นเถ้าแก่อ้วนและซูหม่าจึงวางแผนกำหนดกลยุทธ์ร่วมกัน!
อย่างไรตามก็กลยุทธ์ที่ว่านี้สามารถใช้ได้กับลอตเตอรี่แบบขูดเท่านั้น เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะถ้าหากเปรียบเทียบกับนักท่องเที่ยวทั่วไป พวกเขาจะซื้อลอตเตอรี่แบบจับรางวัล หรือลอตเตอรี่มากมายหลากหลายรูปแบบ เพราะสุดท้ายแล้วนักท่องเที่ยวเหล่านั้นก็อยากจะกลับมายังสถานที่นี้อีกอย่างแน่นอน เพราะในอนาคตสถานที่แห่งนี้จะได้รับการพัฒนาและจะมีการบริการที่สะดวกสบายอย่างครบวงจร!
แต่เนื่องจากกลุ่มของจี้เฟิงเป็นเพียงนักเรียนที่มาจัดกิจกรรมกลุ่มชั่วคราวเท่านั้น อย่างมากพวกเขาก็แค่จะมาเล่นสนุกแต่ก็ไม่ได้สนใจในลอตเตอรี่อย่างจริงจัง และลอตเตอรี่โดยทั่วไปจะยังไม่สามารถลุ้นรางวัลได้ในทันที เพราะฉะนั้นลอตเตอรี่แบบขูดที่สามารถลุ้นเงินรางวัลได้เลยทันทีจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการที่จะใช้ดึงดูดพวกเขา
อย่างไรก็ตามในบรรดาสลากลอตเตอรี่เหล่านี้มีเพียงใบละสิบหยวนเท่านั้นที่มีการเตรียมการไว้สำหรับแผนการครั้งนี้ ส่วนใบละห้าหยวนและสองหยวนที่ไม่ได้เตรียมการไว้จึงมีเงินรางวัลที่ดีกว่าเล็กน้อย
และเหตุผลที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้เลือกซื้อลอตเตอรี่ในราคาห้าหยวนและสองหยวนกันมากนักเป็นเพราะว่ามันมีเงินรางวัลที่น้อยเกินกว่าจะเสียเวลามานั่งไล่ขูด แถมยังมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินรางวัลสูงกว่าใบละสิบหยวนด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นลอตเตอรี่แบบขูดในราคาห้าหยวนและสองหยวนจึงไม่ได้รับความนิยมมากสักเท่าไหร่
และในตอนนี้จี้เฟิงได้บอกว่าเขาต้องการจะเล่นลอตเตอรี่แบบขูดในชนิดราคาสองหยวนและห้าหยวน ซึ่งมันจะทำให้แผนของซูหม่าล้มเหลวอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่าซูหม่าไม่ได้รู้เรื่องนี้ เขาไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับลอตเตอรี่มากนัก
ยิ่งไปกว่านั้นประการแรก จี้เฟิงซึ่งได้รับการดูแลจากจางเล่ย จึงทำให้ซูหม่าไม่สามารถจัดการกับจี้เฟิงได้โดยตรง ไม่เช่นนั้นเขาคงสั่งให้อันธพาลเพียงไม่กี่คนมาจัดการกับจี้เฟิงได้อย่างง่ายดาย แล้วหลังจากนั้นก็ให้ตำรวจที่มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวซู นำตัวจี้เฟิงไปสอบสวนระยะยาว เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้จี้เฟิงจะมีซักพันปากเพื่อแก้ตัวก็จะไม่มีใครช่วยอะไรเขาได้!
แต่น่าเสียดายที่วิธีนี้ใช้กับจี้เฟิงไม่ได้เพราะจางเล่ย ด้วยอิทธิพลต่างๆ ของจางเล่ยนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าซูหม่าอย่างเห็นได้ชัด
ประการที่สอง ซูหม่ารู้ว่าจี้เฟิงจะต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมากหากเขาชวนจี้เฟิงไปทำกิจกรรมคนเดียว มันจะทำให้จี้เฟิงไม่ไปอย่างแน่นอน ดังนั้นซูหม่าจึงใช้การทำกิจกรรมกลุ่มนอกสถานที่นี้เป็นการบังหน้าเพื่อพาจี้เฟิงออกมาข้างนอกบ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้โดยการที่ชวนจางเล่ยมาด้วยอย่างเปิดเผย
การซื้อลอตเตอรี่นั้นเป็นเรื่องของการเสี่ยงโชค แม้ว่าจี้เฟิงจะแพ้จนหมดรูป แต่จางเล่ยก็จะไม่สามารถพูดหรือทำอะไรได้ เพราะต่อให้จางเล่ยจะเป็นเจ้าชายแห่งหมางซือก็ตาม เขาก็จะไม่กล้ายุ่ง มิฉะนั้นคนอื่นๆ จะสามารถใช้ข้ออ้างเรื่องที่เขาใช้อำนาจของครอบครัวอย่างไร้เหตุผล มาใช้โจมตีถงไค่เต๋อพ่อของเขาผู้เป็นถึงเลขาธิการพรรคประจำเขตได้
ซูหม่าสังเกตเห็นถึงความลังเลของเถ้าแก่อ้วน ซูหม่าจึงคิดว่าเถ้าแก่อาจจะกลับใจและล้มเลิกแผนครั้งนี้ไป เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องหน้ากลับไปโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น เขาแสร้งทำเป็นพูดเข้าข้างจี้เฟิงอย่างอารมณ์ดีว่า “เพื่อนนักเรียนที่รักของฉันต้องการจะซื้อลอตเตอรี่แบบขูดชนิดอื่นๆ ทำไมเถ้าแก่ถึงไม่อยากจะขายมันล่ะ?”
เถ้าแก่อ้วนมองไปที่ซูหม่าด้วยแววตาเรียบเฉยและเย็นชา เขาไม่สามารถที่จะสื่อสารอะไรกับซูหม่าได้มากนักในตอนนี้ เขาได้พยายามทำท่าลังเลให้ซูหม่ารู้ตัวแต่ซูหม่ากลับเร่งเร้าให้เขาต้องออกนอกแผนอย่างช่วยไม่ได้ หัวใจของเราเต้นระรัวอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เขาจึงได้แต่กัดฟันและพูดว่า “น้องชาย… ฉันเห็นว่าพวกเธอยังเป็นเพียงนักเรียน ฉันจะบอกความจริงอะไรให้ก็แล้วกัน ลอตเตอรี่แบบสองหยวนนั้นคนส่วนใหญ่เขาไม่เล่นกันหรอก เพราะมันแทบจะไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย หรืออย่างมากมันก็ได้แค่สิบถึงสามสิบหยวนเท่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว น้องชายแน่ใจเหรอว่ายังอยากจะเล่น?”
จี้เฟิงพยักหน้าอย่างหนักแน่นและกล่าวว่า “ถึงฉันจะเล่นด้วยเงินแค่สองหยวน แต่ตราบใดที่ฉันยังมีเงิน และฉันยังมีมันถึง 10,000 หยวน ฉันจะซื้อมันทั้งหมด!”
“จี้เฟิง!” “อย่าประมาท!”
เสียงอุทานสองเสียงดังขึ้นจากข้างหลัง เซียวหยูซวนและถงเล่ย เมื่อพวกเธอได้ยินสิ่งที่จี้เฟิงเพิ่งพูดออกไปว่าจะใช้เงินทั้งหมด 10,000 หยวน ในการเสี่ยงโชคเล่นลอตเตอรี่แบบขูด พวกเธอก็รู้สึกกระวนกระวายใจทันที โดยคิดว่าจี้เฟิงตั้งใจที่จะแข่งขันกับซูหม่า
จี้เฟิงไม่สามารถอธิบายให้พวกเธอเข้าใจได้ในตอนนี้ เขาจึงทำได้แค่ยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงอย่างไรก็ตามมันเป็นเงิน 10,000 หยวน ที่ได้เป็นรางวัลมาฟรีๆ โดยที่ไม่ได้แลกกับอะไร เพราะฉะนั้นฉันจะไม่เสียดายมากนักถ้าต้องใช้มัน”
แม้แต่ซูหม่าที่อยู่ข้างๆ ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “ไอ้เด็กยากจนคนนี้ มันตั้งใจจะทำอะไรกับเงินถึง 10,000 หยวน?”
“เฮ้ย! ไอ้เจ้าบ้า อย่าหุนหันพลันแล่นนักเลย!” จางเล่ยที่จ้องมองไปยังซูหม่าที่ดูเหมือนจะพอใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้ของจี้เฟิง เขาจึงกระซิบที่หูของจี้เฟิงแล้วบอกว่า “ครั้งนี้ฉันว่ามันมีความเสี่ยงมากเกินไป นายอย่าเล่นเลย!”
จี้เฟิงส่ายหัวปฏิเสธอย่างแน่วแน่แล้วกล่าวว่า “เล่ยซือ เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ มันเป็นแค่การเล่นสนุกขำๆ เท่านั้น ไม่เป็นไรไม่ต้องเป็นห่วง!”
จางเล่ยขมวดคิ้ว ปกติจี้เฟิงไม่ได้เป็นคนดื้อรั้นขนาดนี้ หรือว่าเป็นเพราะวันนี้เขาอยู่ต่อหน้าถงเล่ย เลยทำให้เขาต้องการแข่งขันกับซูหม่าเพื่อเป็นการแสดงความกล้าให้สาวๆ เห็น?
แต่หัวใจของซูหม่าในตอนนี้กำลังลิงโลดไปด้วยความตื่นเต้นยินดี เนื่องจากจี้เฟิงเป็นคนที่พยายามอย่างยิ่งที่จะพบกับความทุกข์ทรมานด้วยตัวของเขาเอง มันคงไม่มีเรื่องไหนที่น่ายินดีไปกว่านี้อีกแล้ว!
เมื่อเห็นดังนั้นซูหม่าจึงพูดขึ้นทันทีว่า “เถ้าแก่คุณยังไม่ให้ลอตเตอรี่กับเพื่อนของฉันอีกเหรอ?!”
เถ้าแก่อ้วนอยากจะอธิบาย แต่ไม่มีโอกาสให้เขาได้พูดเลยแม้แต่น้อย แม้ตอนนี้เขาจะเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ในร้านแต่เขากลับมีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากก้มลงไปหยิบลอตเตอรี่สองสามกล่องออกมาจากเคาน์เตอร์
“ทั้งหมดนี้คือลอตเตอรี่แบบสองหยวน ขอให้น้องชายโชคดี!” เถ้าแก่อ้วนพูดด้วยรอยยิ้มฝืดๆ “มีลอตเตอรี่ทั้งหมดสามพันใบ ราคาทั้งหมดก็เท่ากับหกพันหยวน!”
……จบบทที่ 45~