The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 60
บทที่ 60 เริ่มการต่อสู้!!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในพริบตา กว่าครึ่งเดือนผ่านไปหลังจากการทดสอบของโรงเรียน ในตอนนี้เป็นช่วงปลายของฤดูใบไม้ร่วง สภาพอากาศค่อยๆ เย็นลง ในตอนเช้าคุณจะสัมผัสได้ถึงร่องรอยของความหนาวสั่นจากผู้คนที่เดินบนถนน และหลายคนเริ่มที่จะใส่เสื้อโค้ทกันบ้างแล้ว
ในช่วงเวลานี้จี้เฟิงได้จดจำหลักสูตรการศึกษาของระดับชั้นมัธยมปลายไว้ในความจำของเขาทั้งหมด เขาใช้เวลาเพียงครึ่งวันในการทำแบบฝึกหัด และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาอย่างดีที่สุด จนบางครั้งเขาก็หลับคาโต๊ะหนังสือไปเลย
แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่คนภายนอกเห็นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง จี้เฟิงกำลังได้รับการฝึกพิเศษจากระบบฝึกอบรมสายลับระดับสูงอยู่
เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่เขามีสมองอัจฉริยะ และในช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมา จี้เฟิงรู้สึกว่าเขาได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเรียนรู้การเคลื่อนไหวยิมนาสติก ตั้งแต่ท่าแรกที่เขาไม่ค่อยเต็มใจอยากจะทำนัก และมันก็ทำให้เขาเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย แต่ในตอนนี้เขาสามารถทำได้ถึงกระบวนท่าที่ 7 แถมยังสามารถทำได้อย่างชำนาญมากแล้ว!
นี่เป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดครั้งใหญ่!
คุณรู้หรือไม่ว่า สิ่งสำคัญของยิมนาสติกจากระบบฝึกฝนนี้ หากยิ่งอยู่ในขั้นที่สูงมากขึ้นเท่าไหร่ ความยากก็จะทวีคูณมากขึ้นตามไปด้วย และสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่ามันยากมากนั่นเพราะว่า มันจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดไปทุกอณูของร่างกาย ไม่ใช่แค่ว่าร่างกายต้องแข็งแกร่งเท่านั้น แต่จิตใจก็ต้องมีความมุ่งมั่นและอดทนมากพอ และจี้เฟิงก็ตั้งใจฝึกฝนมันอย่างไม่ย่อท้อ
เขาไม่เพียงแต่จะสามารถฝึกฝนยิมนาสติกไปจนถึงท่าที่ 7 ได้เท่านั้น แต่เขายังเรียนรู้ทักษะเสริมต่างๆ ในระบบฝึกฝนสุดยอดสายลับ อย่างเช่น การเล่นโอเทลโล่ บิลเลียด และการขับรถ…..
จากข้อมูลของสมองหมายเลข 1 ยกเว้นทักษะที่ไม่เหมาะสำหรับการเรียนรู้บนดาวโลก ทักษะเสริมอื่นๆ ทั้งหมดของระบบฝึกสุดยอดสายลับระดับสูง รวมถึงเรียนรู้การใช้อาวุธและอุปกรณ์ต่างๆ จี้เฟิงได้เรียนรู้ทักษะเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองรายการสุดท้ายนี้ทำให้จี้เฟิงปวดหัวตึ้บทุกครั้ง เพียงแค่นึกถึงว่าเขาจะต้องเรียนรู้มันอีกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นกลัว ซึ่งตรงกันข้ามกับความตื่นเต้นในตอนแรกก่อนที่เขาจะรู้ถึงความน่ากลัวของมัน…..
สาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ ไม่ใช่เพราะจี้เฟิง ขี้เกียจหรือกลัวการฝึกฝน แต่เป็นเพราะความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรและอาวุธของอาณาจักรกาแลคซี่แกมมานั้นซับซ้อนมากจนจี้เฟิงแทบจะยอมรับไม่ได้! (คนแปลก็ด้วย ╥﹏╥ )
ตามข้อมูลที่สมองหมายเลข 1 ได้บอกไว้ ว่าในอาณาจักรแกมมาคนงานในโรงงานต่างๆ จะพบได้ไม่ถึงครึ่ง ส่วนที่เหลือจะเป็นการทำงานจากหุ่นยนต์กึ่งอัจริยะที่เข้ามาแทนที่คนงานเหล่านั้น หรือแม้แต่ผู้คนโดยทั่วไปในกาแลคซี่แกมมา ต่างก็ต้องใช้เครื่องจักรประเภทต่างๆ
ดังนั้นในหลักสูตรที่จัดโดยระบบฝึกอมรมสายลับระดับสูง จึงจะต้องเรียนรู้ทักษะเสริมของกลศาสตร์มิฉะนั้นจะไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้!
อย่างไรก็ตามแม้แต่สมองที่ได้รับการพัฒนาแล้ว และมีความสามารถของความจำที่สุดยอด ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเรียนรู้เรื่องกลไกและเครื่องจักรต่างๆ ของกาแลคซี่แกมมาได้ทั้งหมดในคราวเดียว และสิ่งสำคัญที่สุด ที่จี้เฟิงรู้สึกกลัวเป็นอย่างมากนั้นก็คือ เขาต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน จะใช้เพียงความสามารถในการจดจำอย่างเดียวไม่ได้
เนื่องจากเครื่องจักรทั้งหมดของกาแลคซี่แกมมามีความเกี่ยวข้องกับโปรแกรมและวงจรจึงต้องทำความเข้าใจอย่างละเอียดโดยไม่มีข้อยกเว้น!
หากไม่มีโปรแกรมและวงจรเหล่านี้ หุ่นยนต์ก็จะไม่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงเครื่องจักรทุกชนิดก็จะไม่สามารถทำงานได้เช่นกัน นับประสาอะไรกับยานพาหนะ เพราะฉะนั้นโปรแกรมและวงจรจึงมีความจำเป็นอย่างมากในยุคของดวงดาว
แต่สำหรับจี้เฟิงแล้ว ทั้งหมดนี่เป็นเหมือนกับหนังสือสวรรค์ (ความรู้ที่เกินเอื้อม ยากที่จะเรียนรู้ มันไม่จริงใช่ม้ายยย ประมาณนี้..)
คุณรู้ไหมว่าความรู้เกี่ยวกับกลไกลต่างๆที่จี้เฟิงเคยได้สัมผัสนั้น โดยพื้นฐานแล้วสิ่งที่ง่ายที่สุดที่เขาพอจะรู้จักก็ยกตัวอย่างเช่น รอก สปริง ส่วนเรื่องของวงจรนั้น…. เขาเพิ่งจะเคยได้ยินมันเป็นครั้งแรก!
เพราะฉะนั้นหากคุณต้องการเรียนรู้ความรู้เชิงกลที่ก้าวข้ามเทคโนโลยีของโลกมาหลายสิบปี มันก็คงไม่ยาก…ไปกว่าการปืนขึ้นไปบนฟ้าแล้วไปคว้าดวงดาว
ด้วยความสิ้นหวัง จี้เฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้สมองหมายเลข 1 เริ่มต้นจากความรู้เชิงกลที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่จะหาได้ของกาแลคซี่แกมมา และนอกจากการอธิบายแล้วเขาต้องทำการลงมือปฏิบัติเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ของเขาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และในเวลาเดียวกันก็เร่งทำความเข้าใจความรู้ใหม่ในขั้นถัดไปอย่างต่อเนื่อง
ถือว่ายังโชคดีที่ฐานข้อมูลของสมองหมายเลข 1 ยังมีข้อมูลและความรู้เชิงกลแบบโบราณเพียงพอ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าจี้เฟิงคงจะไม่สามารถเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ได้ภายในหนึ่งหรือสอง…ทศวรรษ!!(ทศวรรษ=10ปี)
แต่ถึงจะมีข้อมูลเหล่านั้น จี้เฟิงก็ยังใช้เวลาถึง 20 วันเต็มในการเรียนรู้ทักษะเสริมนี้ ซึ่งมันใช้เวลานานกว่าสิบเท่าเมื่อเทียบกับการเรียนรู้ทักษะเสริมอื่นๆ นั่นจึงทำให้จี้เฟิงค่อนข้างหงุดหงิด เพราะเขาคิดว่าการเรียนรู้ของเขานั้นมันช้าเกินไป
20 วันเพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีแห่งอนาคต ยังเรียกว่าช้าเกินไป??? ถ้าใครรู้เข้าว่าเขาคิดแบบนี้ คงไม่พ้นโดนรุมกระทืบตายอย่างแน่นอน
คุณรู้ไหมว่ามีนักวิทยาศาสตร์หลายคนบนโลกที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้อย่างลึกซึ้งมาตลอดชีวิต แต่พวกเขาก็ยังไปถึงแค่ระดับแนวหน้าของโลกเท่านั้น เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีของกาแลคซี่แกมมาแล้ว พวกเขายังล้าหลังเป็นเวลากว่าหลายสิบปี แต่จี้เฟิงที่ใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนเพื่อเรียนรู้เรื่องยากๆ เหล่านี้ เขายังคงรู้สึกไม่พอใจ?
แต่โชคดีที่เรื่องราวเหล่านี้เป็นความลับของจี้เฟิงคนเดียว คนอื่นไม่ได้รู้เรื่องด้วยและจะไม่มีโอกาสได้รู้ ไม่เช่นนั้นจี้เฟิงคงถูกจับไปขังและทดลองไม่ต่างจากหนูตะเภาอย่างแน่นอน!!
หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับกลศาสตร์ จี้เฟิงก็เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับอาวุธด้วย ความรู้ด้านอาวุธที่กล่าวถึงในที่นี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเรียนรู้การใช้อาวุธเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงสร้างหลักและการผลิตอาวุธด้วย
แม้แต่ใช้ส้นเท้าคิดคุณก็ยังสามารถรู้ได้ทันทีว่า อาวุธของกาแลคซี่แกมมานั้นนำหน้าโลกไปหลายปี และแน่นอนว่าจี้เฟิงต้องเรียนรู้เรื่องนี้ ซึ่งมันก็ยากไม่ต่างไปจากการเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรเลย
และเป็นโชคดีของจี้เฟิงอีกครั้ง ที่ความรู้เกี่ยวกับอาวุธเหล่านี้มีพื้นฐานมาจากความรู้เชิงจักรกล และจี้เฟิงที่ได้เรียนรู้เรื่องเครื่องจักรกลมาก่อนแล้ว ก็จะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับอาวุธได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นจี้เฟิงจึงใช้เวลาอีก 10 วันในการเรียนรู้เกี่ยวกับอาวุธ
ตลอดเดือนแห่งการเรียนรู้ จี้เฟิงไม่เพียงแต่จะมีความสุข แต่เขาก็ยังรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
และเหตุผลที่จี้เฟิงต้องตกใจขนาดนั้นนั่นเป็นเพราะว่า ในการเรียนรู้เกี่ยวกับอาวุธนั้น มีอาวุธอยู่ชนิดนึงที่มีประสิทธิภาพอันน่าทึ่ง อาวุธชนิดนี้ถูกเรียกโดยชาวกาแลคซี่แกมมาว่า ‘ปืนใหญ่พลังงานโฟตอน’ มันเป็นปืนใหญ่ที่ได้ถูกติดตั้งอยู่บนยานอวกาศ ปืนใหญ่ชนิดนี้ใช้เวลาในการชาร์จพลังงาน 15 วินาทีแต่พลังของมันสามารถทำลายดาวเคราะห์ดวงเล็กๆ ได้ในทันที!
ถ้าเกิดว่ามีปืนใหญ่พลังงานโฟตอนสักสองสามกระบอก จี้เฟิงเกรงว่าโลกอาจจะถูกทำลายได้ในแทบจะทันที เพราะพลังทำลายล้างขนาดนี้มันช่างน่ากลัวจริงๆ!
แต่เมื่อเวลาผ่านไป จี้เฟิงก็รู้สึกสงบจิตใจลงได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรจี้เฟิงก็เรียนรู้เรื่องเหล่านี้เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ของระบบฝึกสุดยอดสายลับเท่านั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างปืนใหญ่พลังงานโฟตอนขึ้นมาจริงๆ และไม่น่าจะมีอะไรให้ต้องกังวล! หรอ?
และในวันนี้ จี้เฟิงนอนอยู่ที่โต๊ะเรียนของเขาอีกครั้ง แต่อย่างที่รู้กันว่าเขาไม่ได้หลับจริงๆ เขาอยู่ภายใต้จิตสำนึกของตัวเองและเริ่มฝึกการเคลื่อนไหวยิมนาสติกท่าที่ 8
“มาสเตอร์! สมรรถภาพร่างกายของมาสเตอร์ในตอนนี้ สามารถเริ่มที่จะเรียนรู้การต่อสู้ได้แล้ว!” เสียงของสมองหมายเลข 1 ทำให้จี้เฟิงรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที มันมีแรงกระตุ้นอย่างบอกไม่ถูก แน่นอนว่าสำหรับเด็กผู้ชายทุกคน ต่างก็อยากที่จะมีความสามารถด้านการต่อสู้!
เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ต่างก็เคยฝันอยากจะกล้าหาญให้ได้เหมือนกับฮีโร่ที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์หรือในนิยาย พวกเขานั้นทั้งแข็งแกร่งและสามารถทำสิ่งที่เหลือเชื่อได้เสมอ!
ทุกครั้งที่จี้เฟิงนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้เขาจะรู้สึกตื่นเต้น หากเขามีความสามารถในแขนงวิชาการต่อสู้ เขาก็จะไม่ต้องกลัวการถูกรังแกอีกต่อไป
เขายังจำตอนที่ซูหม่าได้สั่งการให้ผู้ชายหัวโล้นพาลูกน้องทั้ง 6 คนมาดักทำร้ายเขาที่กลางถนนในวันนั้นได้ หากเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือจากสมองหมายเลข 1 ในการสั่งการควบคุมร่างกายของเขาให้จัดการกับคนร้ายทั้ง 6 คนนั้นในพริบตา เขาอาจจะยังนอนเป็นผักอยู่ในตอนนี้ แล้วถ้าเกิดว่าความสามารถพวกนั้น เป็นความสามารถที่แท้จริงของเขาเองล่ะ? มันจะสุดยอดขนาดไหน!
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็ตื่นเต้นจนไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขาพูดอย่างรวดเร็ว “คุณสมอง! เรามาเริ่มกันเลย!”
………จบบทที่ 60~