The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 67
บทที่ 67 ชายผู้แสนอ่อนโยน~!
ใบหน้าของจี้เฟิงในตอนนี้ดูเคร่งขรึมมาก เขาก้มลงหยิบเมนูที่ตกลงบนพื้นและเหลือบมองไปทางจางเล่ยที่กำลังงุนงง เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และหันกลับไปที่ชายคนนั้น
“ผมจะคิดเสียว่าตอนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นถ้าคุณออกไปจากห้องของพวกเราในตอนนี้!” จี้เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เราได้ใช้บริการห้องนี้ของทางโรงแรมอย่างถูกต้อง ถ้าคุณไม่พอใจ คุณสามารถไปแจ้งเรื่องกับทางผู้จัดการของโรงแรมได้ ไม่ใช่จะมาใส่อารมณ์กับพวกเราแบบนี้!”
“อย่ามาพูดเหลวไหล!”
ชายหนุ่มที่ดูภายนอกเป็นคนสุภาพอ่อนโยน แต่กลับก่นด่าออกมาด้วยท่าทีโมโหสุดขีด “ถ้าฉันตามตัวผู้จัดการโรงแรมได้ฉันจะมาหาพวกคุณถึงที่นี่เหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณจงใจจองห้องนี้ทั้งๆที่รู้ว่ามีคนจองไว้ก่อนแล้ว ผมคงไม่มายืนอยู่ที่นี่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะดูยังไงคนที่ผิดและสมควรจะออกไปนั่นก็คือพวกคุณ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า~!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “สงสัยจะคุยดีๆ กันไม่รู้เรื่อง”
“แล้วไง?” ชายหนุ่มตอบโต้อย่างไม่แยแส “ขนาดเด็กน้อยอย่างพวกนาย โรมแรมระดับนี้ยังอนุญาตให้เข้ามาใช้บริการได้แบบนี้ แสดงว่าสภาพผู้คนของเมืองเล็กๆนี่ ก็คงต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากจริงๆ..!”
จี้เฟิงขมวดคิ้วแน่นและมองผู้ชายคนนั้นอย่างเย็นชา หลังจากนั้นไม่นานเขาส่ายหัวและยิ้มเยือกเย็น “คุณควรไปคุยกับผู้จัดการหรือเจ้าของโรงแรม เราได้จองห้องนี้อย่างถูกต้องและตอนนี้เราก็กำลังใช้ห้องนี้อยู่ ถ้าคุณยังจงใจหาเรื่องอยู่แบบนี้ ผมว่าเรื่องนี้มันคงจบไม่สวยแน่!”
จี้เฟิงได้เห็นแล้วว่าผู้ชายที่ดูเหมือนสุภาพบุรุษแสนดีคนนี้ ความจริงเขาเป็นเพียงแค่ผู้ชายที่หัวรั้น นิสัยใจคอไม่ได้ดีอย่างที่รูปลักษณ์ภายนอกแสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย แค่ฟังจากที่เขาพูดมาก็รู้ได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่ได้มีสมบัติผู้ดีอะไรเลย!
สำหรับคนแบบนี้ ถ้าจี้เฟิงจะจัดการเขาด้วยทักษะในปัจจุบันที่มี จี้เฟิงก็สามารถกำจัดผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างง่ายดาย หรือต่อให้อีกฝ่ายจะมาพร้อมคนอีกสักสองสามคนผลสุดท้ายก็ยังคงจบเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงก็ไม่ได้คิดที่จะทำอย่างนั้นจริงๆ เพราะเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น โรงแรมเผิงเฉิงแห่งนี้ ยังถือเป็นร้านอาหารระดับไฮเอนด์ของเขตหมางซือ ผู้คนและลูกค้าส่วนใหญ่ที่นี่ล้วนเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมรวมถึงเป็นคนใหญ่คนโตและมีอำนาจมาก หากเกิดมีอะไรผิดพลาด แล้วเกิดปัญหาขึ้นกับแค่ตัวเขา เขาจะไม่กลัวเลยแต่มันอาจจะส่งผลต่อจางเล่ยด้วย ซึ่งจางเล่ยจะต้องเดือดร้อนไปด้วยอย่างแน่นอน
เพราะถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูพ่อของจางเล่ย จี้เฟิงเกรงว่า จางเล่ยต้องพบกับความลำบากเมื่อเขากลับถึงบ้านอย่างแน่นอน ในเมื่อเพื่อนรักของเขา แสดงน้ำใจโดยการชวนมาเลี้ยงอาหารดีๆ แบบนี้ทั้งทีเขาก็ไม่อยากจะทำให้เสียบรรยากาศ และไม่อยากทำให้จางเล่ยต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายเดือดร้อนมากไปกว่านี้
หลังจากที่คิดได้แบบนี้ จี้เฟิงจึงพยายามระงับความโกรธที่มีอยู่ในใจลง
เมื่อผู้ชายคนนั้นได้ยินที่จี้เฟิงพูด เขาทำหน้าเหมือนเพิ่งได้ยินเรื่องตลกเขาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “เหอะๆ เด็กน้อยพวกนายยังเด็กนักที่จะรู้ว่าท้องฟ้ากว้างใหญ่แค่ไหน หยุดพูดเรื่องไร้สาระสักทีและออกไปได้แล้ว!”
สีหน้าของจี้เฟิงตอนนี้ไม่บอกก็รู้ว่าเขาพยายามข่มอารมณ์โกรธไว้แค่ไหน ในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูด เขาก็รู้สึกได้ว่า มือของจางเล่ยได้แตะที่แขนของเขาเป็นการห้าม
“จี้เฟิงอย่าหุนหันพลันแล่นตามเกมผู้ชายคนนี้ เรื่องมันอาจจะจบไม่สวยอย่างที่เราคิด!” จางเล่ยกระซิบที่หูของจี้เฟิง
จี้เฟิงเลิกคิ้วขึ้นและถามว่า “ภูมิหลังของผู้ชายคนนี้ใหญ่โตมากเลยเหรอ?”
“ฉันไม่รู้ภูมิหลังของเขาหรอก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันบอกนายได้อย่างมั่นใจเลยก็คือผู้ชายคนนี้เป็นแฟนของอาจารย์เซียว!” จางเล่ยยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่ว่าตอนนี้เราจะโมโหผู้ชายคนนี้แค่ไหน แต่เราก็ไม่ควรมีปัญหากับเขา เพราะไม่อย่างนั้นเราคงไม่สามารถมองหน้าอาจารย์เซียวได้ติด”
จี้เฟิงตกตะลึง “แฟนของอาจารย์เซียว?”
เมื่อเห็นจางเล่ยพยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้นจี้เฟิงก็ยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับแฟนของอาจารย์เซียวในสถานการณ์เช่นนี้ แล้วในตอนนี้ดูเหมือนว่า คำพูดของจางเล่ยที่เคยพูดไว้จะถูกต้องทั้งหมด ผู้ชายคนนี้ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูดีเหมือนผู้ชายที่อ่อนโยนเป็นสุภาพบุรุษ แต่นิสัยใจคอจริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย จี้เฟิงอยากจะรู้จริงๆว่า ในสายตาของเซียวหยูซวนเธอเห็นผู้ชายคนนี้เป็นคนอย่างไร
ผู้ชายที่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเป็นแฟนของอาจารย์เซียว เมื่อเขาเห็นจี้เฟิงและจางเล่ยยังไม่ยอมออกไปและมัวแต่คุยกันเรื่องอะไรไม่รู้เขาจึงหมดความอดทน เขาพูดด้วยความหงุดหงิด “สรุปจะไม่ยอมออกไปกันดีๆ ต้องรอให้ฉันไล่ออกไปให้ได้เลยสินะ?!”
พอเขาพูดจบ เขาก็ได้ยินน้ำเสียงที่ดูกังวลมาจากทางด้านหลัง “เหอตงคุณกำลังทำอะไรอยู่ เราไปทานที่โต๊ะด้านนอกหรือห้องอื่นกันก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ห้องนี้เลย!”
ทันใดนั้นร่างที่สวยงามก็เดินเข้ามาในห้อง เธอคนนั้นคือ เซียวหยูซวน!
เมื่อเซียวหยูซวนก้าวเข้ามาในห้อง เธอเห็นเด็กหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่เป็นจี้เฟิงและจางเล่ย เธอรู้สึกตกใจ “พวกเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
จี้เฟิงและจางเล่ยยิ้มอย่างขมขื่นออกมาอย่างพร้อมเพียงกัน ทันใดนั้นเซียวหยูซวนก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นท่าทางและสีหน้าของพวกเขา
“หยูซวน คุณรู้จักเด็กสองคนนี้ด้วยเหรอ?” ชายที่ชื่อเหอตงอดไม่ได้ที่จะถาม
“เหอตงเด็กสองคนนี้เป็นนักเรียนของฉันเอง ทำไมคุณถึงมีปัญหากับพวกเขา มันต้องเกิดความเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ!” เซียวหยูซวนบ่นอุบ “คุณรังแกนักเรียนของฉันเหรอ?”
เหอตงยิ้มทันที “ผมจะไปรังแกพวกเขาได้ยังไง นักเรียนสองคนนี้.. พวกเขาทำตัวไม่สุภาพ ดังนั้นผมเลยแค่จะแนะนำอะไรพวกเขานิดหน่อยเท่านั้น!”
หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับจี้เฟิงและจางเล่ย “เด็กๆ พวกเธอเป็นเพียงแค่นักเรียน ยังไม่ควรที่จะมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยทานอาหารในโรงแรมหรูขนาดนี้ ดีนะที่พวกเธอเป็นนักเรียนของหยูซวน นับว่าพวกเธอยังโชคดี!”
จี้เฟิงและจางเล่ยมองหน้ากัน พวกเขาต่างเห็นความรู้สึกไม่ค่อยพอใจของอีกฝ่าย แต่เซียวหยูซวนอยู่ตรงนี้ พวกเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ พวกเขาทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร!” เซียวหยูซวนตีเหอตงอย่างโกรธๆ แล้วพูดว่า “จี้เฟิง จางเล่ย พวกเธอก็มาทานอาหารที่นี่กันเหรอ?”
“ใช่..ครับ!” จี้เฟิงตอบพร้อมพยักหน้า “เนื่องจากคุณผู้ชายคนนี้เป็นแฟนของอาจารย์เซียวของพวกเรา ทำไมเราถึงไม่นั่งทานอาหารร่วมโต๊ะไปด้วยกันเลย แล้วลืมเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ไปให้หมด แล้วไม่ต้องพูดถึงมันอีก คิดเสียว่าเมื่อสักครู่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน!”
จี้เฟิงนึกขำในใจ เหอตงทำเป็นโมโหเพราะเขาคิดว่ามาจากเมืองใหญ่ แล้วมองว่าหมางซือเป็นเพียงแค่เขตเล็กๆในชนบท คิดว่าจะทำตัวกร่างแค่ไหนก็ได้ตามต้องการ
นี่มันเป็นเรื่องตลกชัดๆ มังกรที่แท้จริงเขาไม่ข่มงูกันหรอก ถ้าเหอตงเป็นคนที่โตมาจากตระกูลที่ใหญ่โตและมีอำนาจจริงๆ คนระดับนั้นเขาจะไม่มัวมาเสียเวลาทำเป็นวางท่าใหญ่โตกับแค่นักเรียนแบบนี้หรอก!
แววตาดูถูกเหยียดหยามปรากฎขึ้นบนสายตาของจางเล่ย ถ้าเขาจำไม่ได้ว่าเหอตงคนนี้เป็นแฟนของอาจารย์เซียว เกรงว่าด้วยอารมณ์ของจางเล่ยในตอนนั้น คงทำให้เหอตงลงไปนอนกองอยู่กับพื้นตั้งแต่ก้าวแรกที่เหอตงเดินเข้ามาในห้องนี้แล้ว
“เรานั่งทานข้าวกับพวกเขาเลยแล้วกันเนอะ หรือคุณว่าไง เหอตง.. ?” เซียวหยูซวนถามและมองไปที่เหอตง
เหอตงยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทางที่ดูสง่า “ในเมื่อเด็กสองคนนี้เป็นนักเรียนของคุณ ผมจะไม่ไล่พวกเขาไปแล้วกัน อีกอย่างผมจะให้โอกาสพวกเขาได้ขอโทษ มานั่งกันเถอะหยูซวน!”
จี้เฟิงและจางเล่ยขมวดคิ้วขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อพวกเขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวหยูซวน พวกเขาทำได้แค่เพียงถอนหายใจโดยเลือกที่จะไม่พูดอะไร
พนักงานที่ยืนใจคอไม่ดีอยู่ด้านข้าง ก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่ามีคนรู้จักของพวกเขามาช่วยสงบศึก พนักงานคนนี้ไม่รู้ที่มาที่ไปของผู้ชายที่ดูเป็นสุภาพบุรุษคนนั้น แต่ผู้จัดการเน้นย้ำกับเธอว่า ต้องดูแลคุณจางและเพื่อนๆ ของเขาให้ดี มิฉะนั้นวันรุ่งขึ้นเธออาจจะไม่ได้กลับมาทำงานที่นี่อีก!
“อาจารย์เซียว คุณจะไม่แนะนำให้พวกเรารู้จักกันหน่อยเหรอครับ?” จางเล่ยถามด้วยรอยยิ้มทันทีที่พวกเขานั่งลง
จบบทที่ 67~