The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 88
บทที่ 88 ในโรงภาพยนตร์~!
จี้เฟิงที่มาเยี่ยมบ้านของถงไค่เต๋ออย่างกะทันหัน โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ถงไค่เต๋อนั้นรู้จักต้นกำเนิดของเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า และในขณะนี้เขาก็กำลังโทรหาเพื่อนเก่าของเขา
ในตอนนี้ จี้เฟิงกำลังเดินอยู่บนถนนกับถงเล่ย เขารู้สึกมีความสุขอย่างมาก เมื่อเห็นเด็กสาวที่สวยราวกับเอลฟ์ในเทพนิยายก็กำลังมีความสุขเช่นเดียวกันกับเขา
ครั้งหนี่ง เด็กสาวแสนสวยอย่างถงเล่ยเคยเป็นเทพธิดาในดวงใจของจี้เฟิงมาโดยตลอด เธอสวยไม่ต่างจากนางฟ้านางสวรรค์ การที่จะได้ใกล้ชิดเธอเป็นได้แค่เพียงความฝันสำหรับมนุษย์ธรรมดาอย่างจี้เฟิง แต่ใครจะคิดว่านางในฝันของเขาในตอนนั้น จะกลายมาเป็นแฟนของเขาในตอนนี้
“จี้เฟิงมานี่ เร็วๆ เข้า!” เสียงหัวเราะคิกคักราวกับไข่มุกที่กระทบกับแผ่นหยกของถงเล่ยดังออกมาจากปากอวบอิ่มสีแดงอ่อนๆของเธอ
“ไปแล้วๆ!” จี้เฟิงยิ้มอย่างล่องลอยและรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มอันแสนหวานของถงเล่ย จี้เฟิงก็พลันนึกถึงแม่ของเขาขึ้นมา
ในตอนนี้ที่เขากำลังมีความสุขกับคนที่รัก และยังมีความสามารถพอที่จะหารายได้ให้กับครอบครัวได้แล้ว แต่แม่ของเขายังคงเหน็ดเหนื่อยจากการที่ต้องถีบสามล้อไปค้าขายอยู่ทุกวัน เขารู้สึกโทษตัวเองในเรื่องนี้ สิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดคือการเปิดร้านเล็กๆ ให้แม่ ไว้ขายของ เพื่อความสะดวกสบายของแม่ ไม่ว่าเขาจะต้องการให้แม่พักผ่อนอยู่บ้านแค่ไหน แม่ของเขาคงไม่ยอมอยู่บ้านเฉยๆแน่นอน
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงต้องการให้แม่ของเขาติดตามเขาเพื่อย้ายไปอยู่ที่เจียงโจวด้วยกัน ถ้าในระหว่างที่เขาไปเรียนมหาวิทยาลัย เขาก็จะทำงานไปด้วยเพื่อหาเงินให้แม่เปิดร้านเล็กๆ ใกล้กับมหาวิทยาลัย ด้วยวิธีนี้แม่ของเขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก เพราะเขาจะสามารถคอยดูแลแม่ได้อย่างสะดวก
แต่เมื่อคิดดีๆ กว่าจะถึงตอนนั้นทุกอย่างมันอาจจะช้าเกินไป
จี้เฟิงจึงตัดสินใจว่า หลังจากที่เขาจัดการกรอกแบบฟอร์มใบสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจะไปที่เจียงโจวทันที เพื่อดูว่าเขาจะทำอะไรยังไงได้บ้างเมื่อต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น และถ้าหากว่ามันไม่มีงานที่เหมาะสมและดีพอจริงๆ เขาจะไปที่ร้านลอตเตอรี่เพื่อซื้อตั๋วลอตเตอรี่แบบขูดสักสองสามร้าน อย่างน้อยก็ให้เพียงพอสำหรับแม่ของเขาที่จะตั้งหลักได้ในเจียงโจว
ใจจริงจี้เฟิงก็ไม่ได้รู้สึกกังวลมากจนเกินไปตราบใดที่เขายังมีความสามารถในการมองได้แบบนี้ รวมถึงถ้าประเทศจีนยังผลิตลอตเตอรี่แบบขูดออกมาจำหน่าย เขาก็จะไม่มีวันต้องกลับไปอดอยากอีก
“จี้เฟิง! ทำอะไรน่ะ นายอยู่กับฉัน แต่ทำไมนายถึงคิดเรื่องอื่นอยู่!” ถงเล่ยทำหน้ามุ่ย ยิ่งทำให้เธอดูน่ารักมากขึ้นไปอีก
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ไม่ว่าหญิงสาวจะสวยแค่ไหน พวกเธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ต้องการให้คนที่เธอรักสนใจไม่ต่างกัน
“โอเคโอเค ฉันไม่คิดเรื่องอื่นแล้วก็ได้” จี้เฟิงหัวเราะ “ฉันจะคิดถึงแค่เธอ โอเค๊?”
ถงเล่ยยิ้มหวานก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินต่อไป
ทั้งสองคนเดินเล่นด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดช่วงบ่าย และเมื่อถึงตอนเย็น จู่ๆ จี้เฟิงก็พูดว่า “เล่ยเล่ย เราไปดูหนังกันเถอะ!”
บ่ายวันนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคืบหน้าไปกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสนิทสนมของทั้งสองเหมือนได้รับการยอมรับจากครอบครัวของถงเล่ยอย่างเป็นทางการแล้ว ดังนั้นจี้เฟิงจึงเปลี่ยนชื่อเรียกของเธอเป็น ‘เล่ยเล่ย’
“ดูหนังเหรอ?”
“ใช่ ฉันซื้อตั๋วหนังไว้แล้วสองใบ ไปดูหนังด้วยกันเถอะนะ” จี้เฟิงยิ้มและหยิบตัวหนังออกมาจากกระเป๋าของเขา
“อื้ม เอาสิ!” ถงเล่ยพยักหน้าอย่างอ่อนหวาน ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบความโรแมนติก แม้แต่กับถงเล่ยก็เช่นกัน เมื่อเห็นจี้เฟิงทำตัวอ่อนหวานเอาใจใส่ขนาดนี้ จะไม่ให้เธอรู้สึกดีได้อย่างไร?
ทั้งสองมาถึงโรงหนังก่อนที่หนังจะเริ่ม จี้เฟิงพาถงเล่ยนั่งลง เขตหมางซือเป็นเพียงเขตเล็กๆ และไม่มีได้มีกฎระเบียบเช่นการจองที่นั่งของใครที่มาก่อนก็จะได้เลือกที่นั่งก่อน ส่วนใครมาทีหลังก็จะได้ที่นั่งตามแต่ว่าจะเหลือตรงไหนบ้าง
“จี้เฟิง เรามาดูหนังเรื่องอะไรกันเหรอ?” ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะถามทันทีหลังจากที่เธอนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“หือ?” จี้เฟิงตะลึงและนึกขึ้นได้ว่า ตอนที่เขาซื้อตั๋วหนัง เขาซื้อมันมาโดยที่ยังไม่ทันได้ดูชื่อหนังด้วยซ้ำ เขาก็เพียงแค่ซื้อมัน
เขาหยิบตั๋วหนังขึ้นมาดูและยิ้มทันที “มันน่าจะเป็นหนังแอ็คชั่นนะ ชื่อเรื่องว่า ‘The Killer of the Rivers and Lakes’
ถงเล่ยแลบลิ้นเล็กๆ ของเธอออกมาทันทีอย่างน่ารักและพูดด้วยรอยยิ้มหวาน “จี้เฟิงนายเป็นคนที่น่ารักมากเลย นายเพิ่งเคยดูหนังครั้งแรกนายก็ชวนฉันมาด้วย ว่าแต่หนังแอ็คชั่นเรื่องนี้สนุกหรือเปล่า ฉันไม่เคยได้ยินชื่อเรื่องมาก่อนเลย?”
“ฮะฮะ…”
จู่ๆจี้เฟิงก็หัวเราะออกมา แต่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลย เพราะตอนนั้นเขามัวแต่คิดเรื่องที่อยากจะชวนถงเล่ยมาดูหนังด้วยกัน
“อ๊ะ! เธอรอยู่นี่ก่อน เดี๋ยวฉันมานะถงเล่ย!” ทันใดนั้น จี้เฟิงก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ และรีบวิ่งออกไปทันที
“ผู้ชายคนนี้…” ถงเล่ยส่ายหัวและยิ้ม จากนั้นดวงตาของเธอก็ส่องประกายแห่งความรักที่มีต่อจี้เฟิง อันที่จริงพฤติกรรมของจี้เฟิง ทำให้ถงเล่ยรู้สึกพอใจมาก เมื่อเธอรู้ว่าจี้เฟิงเป็นคนที่มั่นคง มีน้ำใจรู้จักเป็นห่วงและดูแลคนที่อยู่รอบตัวเขาอย่างใจจริง ความเรียบง่ายแต่จริงใจของจี้เฟิงนั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจของถงเล่ยอย่างแท้จริง
ไม่กี่นาทีต่อมา จี้เฟิงก็วิ่งกลับมาพร้อมกับถือป็อปคอร์นมาสองกล่องและของว่างแบบอื่นๆ ด้วย
เขาเกาหัวและพูดว่า “คือ.. ฉันได้ยินมาว่าสาวๆ มักจะกินขนมตอนดูหนัง ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบกินอะไร ฉันเลยซื้อมาหลายอย่างไปหน่อย!” จี้เฟิงพูดด้วยความขัดเขิน
เมื่อเห็นจี้เฟิงเอาใจใส่เธอและพูดอย่างเขินอาย ถงเล่ยรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ถาโถมเข้ามาในใจของเธอ เธอรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก
“จี้เฟิง นายใจดีมากเลย” ถงเล่ยกระซิบเบาๆ
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “ยินดีครับ ตราบใดที่เธอชอบ!”
ทั้งสองเอนกายเข้าหากันด้วยอารมณ์แห่งความรักที่มากขึ้นทุกที มันกำไหลเวียนอยู่ระหว่างหัวใจของพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นาน คำบรรยายก็เริ่มปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่ และในที่สุดภาพยนตร์ก็เริ่มฉาย
“@^$@$%^” คำพูดภาษาต่างชาติดังออกมาจากลำโพงของโรงภาพยนตร์ จี้เฟิงตะลึง ทำไมถึงเป็นภาษาอะไรทำไมฟังไม่รู้เรื่องเลย นี่มันภาษาอะไรกัน?!
จี้เฟิงไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะในตอนนี้นั้นเขากลายเป็นคนที่มีความสามารถในด้านภาษาอังกฤษไม่ต่างจากคนที่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เขาจึงมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษอย่างแน่นอน แล้วมันเป็นภาษาอะไรกัน!
ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะงุนงงเธอถามอย่างสงสัยว่า “นี่มันอะไร… ?”
สิ่งที่ฉายอยู่ในหน้าจอขนาดใหญ่ ตอนนี้มีเพียงภาพดอกไม้ที่เหมือนเกล็ดหิมะปรากฏขึ้นทั่วหน้าจอลักษณะเหมือนตอนที่ทีวีไม่มีสัญญาณ
จี้เฟิงหันศีรษะและมองไปรอบๆ แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า ผู้คนรอบๆ ต่างตั้งหน้าตั้งตารอราวกว่ากับว่าพวกเขากำลังดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งของต่างประเทศที่น่าสนใจ และเมื่อเขาหันหน้ากลับไปมองจอขนาดใหญ่ด้านหน้าอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็ตกตะลึงทันที
ฉากแรกที่เขาเห็นอยู่บนจอขนาดใหญ่ มันเป็นบ้านพักวิลล่าที่อยู่เนินเขาแห่งหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบมีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก จากนั้นมีรถคันหนึ่งขับมาตามถนนและมาหยุดตรงหน้าประตูของบ้านพัก หลังจากนั้นก็มีชายหญิงคู่หนึ่งก้าวลงมาจากรถ
“นี่มันหนังอะไรกัน?” จี้เฟิงรู้สึกงุนงง ในตอนนี้มันผ่านมาห้าหรือหกนาทีได้แล้วตั้งแต่หนังเริ่มฉาย แต่มันยังไม่มีที่มาที่ไปใดๆ ของเรื่องที่จะทำให้เขาเข้าใจได้เลย เขาไม่เคยเห็นหนังแบบนี้มาก่อน
ถงเล่ยก็งุนงงไม่ต่างกัน เธอเห็นชายและหญิงในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นภาพยนตร์ของต่างประเทศ แต่ทำไมถึงไม่มีคำบรรยายใดๆ เลย ถงเล่ยไม่สามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขากำลังพูดคุยอะไรกัน
อย่างไรก็ตามทั้งจี้เฟิงและถงเล่ย ต่างตกตะลึงจนตาค้างเมื่อเห็นภาพต่อไปนี้
เมื่อชายและหญิงชาวต่างชาติสองคนเดินไปยังประตูของบ้านพักวิลล่า ก็ปรากฏร่างของชายผิวดำคนหนึ่งเขาเปิดประตูออกมาจากด้านในของบ้านพัก จากนั้นชายผิวดำคนนั้นก็ยิ้มและสัมผัสหน้าอกของผู้หญิงคนนั้นโดยทันที
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็เข้าใจได้ในทันทีว่านี่มันเป็นหนังสั้นสำหรับผู้ใหญ่!
เขาเคยได้ยินมาว่าโรงภาพยนตร์ตามเขตเมืองเล็กๆ ไม่ค่อยมีผู้ชมมากเท่ากับเขตเมืองใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะฉายภาพยนตร์สั้นๆ เพื่อที่จะได้ทำรอบฉายได้เร็วขึ้น แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะรู้เรื่องนี้ แต่มันก็เป็นเพียงการละเมิดกฏแค่เล็กๆน้อยๆ และที่สำคัญมันไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจ
จี้เฟิงไม่เคยคิดเลยว่าครั้งแรกที่เขาพาหญิงสาวอย่างถงเล่ยมาดูหนัง มันจะกลายเป็นหนังสำหรับผู้ใหญ่แบบนี้
เขาจึงคิดที่จะพาถงเล่ยออกไป แต่เมื่อเขาหันกลับไป เขาก็พบว่าประตูได้ถูกล็อคไว้เรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นการป้องกันการเข้ามาตรวจสอบของตำรวจ
เขามองไปที่ถงเล่ย แม้ในโรงหนังจะมีเพียงแสงสลัวๆ แต่เขาก็ยังเห็นใบหน้าของถงเล่ยที่แดงอย่างชัดเจน เธอกำลังก้มหน้าลงเพราะไม่กล้ามองไปที่จอ
ในขณะนั้นปรากฏว่าชายและหญิงทั้งสามคนที่อยู่บนหน้าจอกำลังพากันถอดเสื้อผ้าออกและการแสดงก็เริ่มขึ้น
“!@^#$%!….!#$” เสียงครางบนหน้าจอดังขึ้นและชัดเจนมาก จี้เฟิงก็หน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงที่เป็นวัยรุ่นเต็มตัว เมื่อเห็นหนังแบบนี้เขาจึงอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกหัวใจเต้นแรง
เมื่อมองไปที่ใบหน้าสวยที่กำลังแดงระเรื่อของถงเล่ยที่นั่งใกล้ชิดอยู่ข้างๆเขา จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่เลือดในกายของเขาจะพลุ่งพล่านและเกิดแรงกระตุ้นบางอย่างในร่างกายเขา
จี้เฟิงไม่รอช้า เขาสวมกอดถงเล่ยและประกบปากของเขาลงบนริมฝีปากสีแดงที่นุ่มนวลและเย้ายวนเธอ
“อืม..”
ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมาจากลำคอเบาๆ ร่างกายของเธอแข็งทื่อด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าในโรงหนังจะมืด แต่ก็เป็นสถานที่สาธารณะ การถูกจี้เฟิงจูบท่ามกลางฝูงชนจำนวนมากทำให้เธอรู้สึกเขินอายและทำอะไรไม่ถูก แต่เธอก็ไม่สามารถหลีกหนีจากอ้อมแขนอันแข็งแกร่งและทรงพลังของจี้เฟิงได้ เธอทำได้เพียงแค่ตอบสนองตามการนำของจี้เฟิงที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จี้เฟิงใช้ลิ้นของเขาเปิดปากที่ปิดสนิทของถงเล่ย เขาค่อยๆ ใช้ลิ้นลุกล้ำเข้าไปลิ้มรสหวานจากปากของเธอ จี้เฟิงรู้สึกได้ถึงความร้อนจากร่างกายของเขาที่เพิ่มขึ้น
มือข้างหนึ่งที่ไม่ได้ใช้งานของเขาค่อยๆ สำรวจพื้นที่ตั้งแต่หน้าท้องนวลเนียนแบนราบและเมื่อไล่ไปจนถึงยอดอกที่นุ่มพอดีมือเขาก็บีบนวดอย่างแรงเป็นการกระตุ้นทำให้ร่างกายของถงเล่ยถึงกับสั่นเล็กน้อย
ส่วนมืออีกข้างของจี้เฟิง ตอนนี้มันกำลังเลื่อนลงไปยังกระโปรงยาวของถงเล่ย เขาค่อยๆ ดึงรั้งกระโปรงของเธอขึ้นอย่างช้าๆ จนมือของเขาสัมผัสกับผิวที่อ่อนนุ่มของต้นขาขาวของเธอ เขายังคงขยับมือขึ้นไปเรื่อยๆ…
“อ๊ะ.. อย่า!”
ร่างกายของถงเล่ยเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตและทันใดนั้นเธอก็หนีบขาทั้งสองข้างของเธอเข้าหากัน ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอจึงผละออกจากอ้อมกอดของจี้เฟิงออกมาได้ และกระซิบเบาๆว่า “จี้เฟิงไม่ได้ ที่นี่มัน…”
จี้เฟิงเหมือนได้สติขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอาการตื่นตระหนกของถงเล่ย เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดและกำลังจะกล่าวคำขอโทษ “เล่ยเล่ย ฉัน…”
ถงเล่ยโน้มตัวไปซบอกของจี้เฟิงและกระซิบที่ข้างหูของเขาอย่างเขินอาย “ไม่เป็นต้องพูดอะไร.. ฉันเข้าใจ ฉันแค่ประหม่าเล็กน้อย”
จี้เฟิงก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเกี่ยวกับการหยุดชะงักนี้ได้ ในตอนนี้สิ่งที่เขาทำคือการกอดถงเล่ยไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่นในขณะเดียวกันหูของเขาก็ยังคงได้ยินเสียงครวญครางของหญิงชายชาวต่างชาติที่กำลังแสดงอยู่บนหน้าจอได้อย่างชัดเจน มันทำให้หัวใจของเขาร้อนรุ่ม
ถงเล่ยไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่รู้อะไรเลย ถึงแม้ว่าเด็กสาวในวัยอย่างเธอจะยังไม่รู้จักความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างผู้หญิงและผู้ชายมากนัก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็โตพอจะรู้อยู่บ้าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายส่วนล่างของจี้เฟิง เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “จี้เฟิง นายเป็นแบบนี้.. มันอึดอัดหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นแววตาแห่งความกังวลออกมาจากดวงตาคู่สวยของถงเล่ย หัวใจของจี้เฟิงก็ร้อนขึ้น เขาพยักหน้าทันทีและกล่าวด้วยเสียงเบา “อืม.. มันอึดอัดนิดหน่อย เล่ยเล่ย เธอพอจะช่วยฉันได้หรือเปล่า”
“ฉันจะช่วยนายได้ยังไง?” ถงเล่ยถามอย่างเขินอาย
จี้เฟิงเอาปากของเขาเข้าใกล้ใบหูของเธอทันทีและกระซิบสองสามคำ ทันใดนั้นใบหน้าสวยของถงเล่ยก็แดงขึ้นทันที และเธอก็พูดอย่างเขินอาย “ที่นี่? ฉันจะทำได้ยังไง!”
“ทำไมจะไม่ได้” จี้เฟิงรู้สึกอึดอัดมากในเวลานี้ บรรยากาศในโรงหนังนั้นมืดมากมีเพียงแค่แสงจากจอใหญ่ในโรงหนังเท่านั้น ความมืดนั้นทำให้จี้เฟิงมีความกล้าเพิ่มมากขึ้น เขาพูดขึ้นว่า “เล่ยเล่ย ช่วยฉันเถอะ เร็วเข้า!”
“โอเคโอเค!” ถงเล่ยตอบอย่างเขินอายจนถึงกับมีความสั่นเจืออยู่ในน้ำเสียง มือเล็กๆ ของเธอปลดเข็มขัดของจี้เฟิงด้วยความตื่นตระหนก หลังจากนั้นมือเล็กๆ ของเธอก็ค่อยๆ สัมผัส
………
“อา~!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะผ่อนลมหายใจ มือเล็กๆของถงเล่ยที่ทั้งนุ่มและลื่นกำลังสัมผัส..ของเขา มันทำให้เขารู้สึกดีมาก
ถงเล่ยขยับมือขึ้นลงอย่างช้าๆ … ตามวิธีที่จี้เฟิงบอก
“อืม..มม~”
สิบนาทีต่อมาเมื่อมีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวในจอภาพยนตร์ ใบหน้าที่สวยงามของถงเล่ยก็ถูกพ่นด้วยสิ่งที่เปียก…
………จบบทที่ 88~
Oomironhorse
ในที่สุด…ก็เจอนิยายที่พระเอกเป็นสัตว์กินเนื้อ!!!(ถ้าเป็นบางเรื่อง สงสัยต้องมีฉากพระเอกนั่งทนเป็นตอไม้ ไม่ก็หาทางแหกโรงหนังออกไปแล้ว)😆👍