The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 129 บนรถประจำทาง
เพราะทันทีที่ประตูรถเปิดออกผู้โดยสารที่อยู่บนรถยังไม่ทันจะได้ลงผู้คนที่ยืนรอรถกันอยู่ด้านล่างต่างก็พากันเบียดเสียดยัดเยียดแย่งกันขึ้นไปบนรถประจำทาง
เหตุการณ์ความวุ่นวายที่อยู่ตรงหน้าทำให้จี้เฟิงถึงกับยืนอ้าปากค้าง แต่ในเวลาไม่นานเขาก็สามารถกลับมาตั้งสติได้
“นี่มันไม่บ้าเกินไปหน่อยเหรอ!”จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำกับตัวเอง “ทำไมพวกเขาถึงไม่เข้าแถวกันล่ะ?”
ถ้าพวกเขาเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบและรอให้คนบนรถลงมาให้หมดก่อนความเร็วในการขึ้นรถประจำทางจะเร็วกว่านี้อย่างน้อยก็สองเท่า แต่คนเหล่านี้กลับตะเกียกตะกายและพยายามเบียดแทรกเพื่อให้ตัวเองได้ขึ้นรถก่อนผู้อื่นซึ่งมันทำให้เกิดความวุ่นวายมาก
“หรือมันจะเป็นเรื่องปกติสำหรับที่นี่!”
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มแห้งๆและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และต่อแถวอยู่ด้านหลังฝูงชนที่กำลังเบียดกันขึ้นไปบนรถ
ในตอนนั้นเองเขาได้บังเอิญเห็นหญิงสาวที่สวยงามคนนั้นอีกครั้งเธอกำลังแสดงสีหน้าลังเลเหมือนกำลังคิดอยู่ว่าจะขึ้นรถประจำทางคันนี้ดีหรือไม่
ในตอนนั้นเองฉินซูเจี๋ยกำลังคิดว่าวันนี้เธอนั้นโชคไม่ดีเอาเสียเลย
วันนี้เธอควรจะต้องได้พบกับลูกค้าเพื่อพูดคุยกันเรื่องธุรกิจแต่เธอไม่คิดว่าลูกค้าจะเปลี่ยนใจกะทันหันในตอนที่เธอไปถึงแล้ว มันทำให้เธอเสียเวลากับการเดินทางโดยเปล่าประโยชน์ ซ้ำร้ายรถของเธอก็ดันมาพังกลางทางในตอนที่เธอกำลังจะกลับอีก
เป็นเพราะเธอกลัวว่าจะไปรับลูกสาวที่โรงเรียนอนุบาลไม่ทันเธอจึงโทรไปที่*ร้าน 4S และแจ้งให้พวกเขามาลากรถของเธอเพื่อไปซ่อมแซมจากนั้นเธอก็รีบมาที่ป้ายรถประจำทาง และมองหาแท็กซี่เพื่อที่จะได้เดินทางได้อย่างรวดเร็ว
แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่ารถแท็กซี่จะหาได้ยากขนาดนี้หลังจากที่ยืนรออยู่ที่ป้ายรถประจำทางเกือบ 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่มีรถแท็กซี่คันไหนว่างเลย และยิ่งใกล้เวลาที่ลูกสาวของเธอจะเลิกเรียนมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นเท่านั้น
และในตอนนี้ที่รถประจำทางมาถึงพอดีแต่มันกลับเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังแย่งกันขึ้นรถ เมื่อเธอมองดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เธอจึงเกิดความลังเล ถ้ามีทางเลือกอื่นเธอก็ไม่อยากจะเข้าไปเบียดเสียดกับพวกเขาเหล่านี้ แต่เมื่อมองดูเวลาแล้วเธอจึงทำได้แค่กัดฟันและเดินมาต่อข้างหลังฝูงชนกลุ่มนี้
กลิ่นน้ำหอมจางๆลอยมาเข้าจมูกของจี้เฟิงอีกครั้งและเขาก็รู้ได้ทันทีว่าสาวสวยคนนั้นได้มายืนอยู่ข้างหลังเขาในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้หันกลับไปมอง เพราะถ้าหากเธอเห็นว่าเขายังมองเธออีกเธอจะไม่คิดว่าเขาเป็นคนแปลกๆหรอกหรือ
นอกจากนี้จี้เฟิงก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องหันกลับไปมองเธออีกเขาเพียงแต่ส่ายหัวและยิ้มเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาแย่งกันขึ้นไปบนรถเกือบหมดแล้ว เขาจึงก้าวขาเพื่อที่จะขึ้นรถตามไป แต่ในขณะเดียวก็มีขาที่สวมด้วยกางเกงรัดรูปได้ก้าวมาที่ประตูรถในจังหวะเดียวกัน มันจึงทำให้จี้เฟิงและฉินซูเจี๋ยชนกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“คุณ!”ฉินซูเจี๋ยอุทานด้วยความตกใจ และเป็นเพราะเธอสวมรองเท้าส้นสูงเมื่อพวกเขาชนกันอย่างกะทันหันจึงทำให้เธอเอียงไปทางด้านหลังและกำลังจะล้มลง
มือของจี้เฟิงนั้นว่องไวมากเขาคว้าแขนของฉินซูเจี๋ยที่กำลังจะล้มลงไว้ได้ทันเขารู้สึกได้ถึงผิวอันนุ่มนวลและเรียบลื่น แต่จี้เฟิงไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้มากนักมืออีกข้างของเขาก็จับเอวของเธอแล้วช่วยประคองตัวเธอกลับมายืนให้ตรง
“โรคจิต!ทำอะไรน่ะปล่อยเดี๋ยวนี้!” ฉินซูเจี๋ยที่ถูกจี้เฟิงสัมผัสตัวอย่างกะทันหันถึงกับตกใจจนตัวแข็งทื่อและตะโกนด่าทันที
จี้เฟิงได้แต่ตกตะลึงฉันอุตส่าห์ช่วยเธอ แต่เธอกลับด่าฉันว่าโรคจิตเนี่ยนะ
จี้เฟิงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขากลายเป็นคนไม่ดีในสายตาของฉินซูเจี๋ยไปแล้วตั้งแต่ที่เขามองเธอที่ป้ายรอรถประจำทาง
จี้เฟิงรีบปล่อยมือจากเอวของเธออย่างรวดเร็วและในขณะเดียวกันก็ก้าวถอยหลังเพื่อรอให้อีกฝ่ายได้ขึ้นไปก่อน
ฉินซูเจี๋ยมองจี้เฟิงด้วยหางตาอย่างดุดันก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นรถไป
จี้เฟิงได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจเบาๆ
และในขณะที่จี้เฟิงกำลังจะก้าวตามขึ้นไปก็มีชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังได้เบียดเขาและตามขึ้นรถมาติดๆและตอนนี้รถประจำทางก็ไม่สามารถรับผู้โดยสารได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะทั้งรถต่างอัดแน่นไปด้วยผู้คนที่มีสภาพไม่ต่างจากปลากระป๋อง ฉินซูเจี๋ยเธอยืนอยู่ข้างๆกล่องเก็บค่าโดยสารส่วนจี้เฟิงนั้นทำได้เพียงยืนเบียดอยู่ที่ประตูกับชายร่างใหญ่
รถเคลื่อนตัวไปช้าๆจี้เฟิงในเวลานี้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ชายร่างใหญ่ข้างๆเขามีกลิ่นเหงื่อที่รุนแรงและเมื่อเขาเปิดปากเพื่อหายใจ ลมหายใจของเขาก็เป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
มันเกินที่จะทนไหว!
จี้เฟิงได้แต่ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่นทำไมรถประจำทางคันนี้ต้องเป็นรถเที่ยวสุดท้ายที่ไปมหาวิทยาลัยด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรหากคิดที่จะโดยสารรถประจำทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนด้วยแล้วก็ต้องเตรียมใจที่จะต้องอดทนกับความแออัดอยู่ดี
จี้เฟิงวางกระเป๋าไว้ที่เท้าของเขาแล้วยืนพิงประตูรถจากนั้นก็หลับตาลงเพื่อพักผ่อน
อย่างไรก็ตามในเวลาไม่ถึงสองนาทีจี้เฟิงก็รู้สึกได้ถึงลมแรงที่พัดเข้ามาที่ด้านหน้าของเขาเขาลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วก็พบว่าสาวสวยคนนั้น ไม่รู้ว่าเธอหันหน้ามาทางเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเงื้อมือมาตบจี้เฟิง
“อะไรวะเนี่ย!”
จี้เฟิงเผลอสบถด้วยความตกใจและมึนงงขณะที่กำลังจะถอยหนีแต่ก็ต้องพบว่าเขานั้นยืนติดอยู่กับประตูและไม่มีทางให้ถอยหนีได้อีกเขาจึงได้แต่กัดฟันและยกมือขึ้นมาป้องกันตัวเองอย่างรวดเร็ว
“เพี๊ยะ!”
สาวสวยตบมาโดนมือของจี้เฟิงอย่างแรงและจี้เฟิงก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่มือของเขา มันทำให้ดวงตาของเขาหรี่ลงและจ้องมองไปที่หญิงสาวคนนั้นอย่างดุดัน
“คุณตีผมทำไม”จี้เฟิงถามอย่างเย็นชา
“หน้าไม่อายไอ้คนลามก!” สาวสวยหน้าแดงก่ำไปด้วยความโกรธ ดวงตาคู่สวยจ้องไปที่จี้เฟิงอย่างรังเกียจราวกับว่ากำลังมองไปที่คนร้ายที่เลวทรามต่ำช้า
“เชี่ยไรวะเนี่ย!”
จี้เฟิงรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีเขาที่พยายามอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่สุดท้ายก็ยังคงลงเอยแบบเดิม
“คุณผู้หญิงโปรดอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยว่าทำไมผมถึงกลายเป็นคนลามกหน้าไม่อาย!”จี้เฟิงพยายามข่มความโกรธและถามอย่างใจเย็น ไม่ว่าเป็นใครถ้าจู่ๆมาถูกตบตีแถมยังถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำดังกล่าวคงจะไม่ทำให้อารมณ์ดีได้อย่างแน่นอน
“ขนาดนี้แล้วยังไม่กล้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำอีกเหรอคนหน้าด้านไร้ยางอาย!” สาวสวยกล่าวอย่างเหยียดหยาม “ถ้าคุณยังกล้าทำเรื่องแบบนี้อีกฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”
“ให้ตายเหอะ!”จี้เฟิงกัดฟัน ก่อนหน้านั้นเขาหลับตาอยู่ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมจู่ๆเขาถึงกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายไปได้
และในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูดเขาก็เห็นสาวสวยคนนั้นส่งเสียงในลำคออย่างดูถูกแล้วหันกลับไป ปล่อยให้จี้เฟิงเคว้งคว้างมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ฟู่~~!”
จี้เฟิงผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆและพูดกับตัวเองในใจว่า “ฉันต้องเป็นสุภาพบุรุษ ฉันต้องไม่ทะเลาะกับผู้หญิง แม้ว่าวันนี้ฉันจะเจอกับเรื่องเฮงซวยมาทั้งวันแล้วก็ตามที และพอออกมาข้างนอกยังต้องมาเจอผู้หญิงบ้าๆแบบนี้อีก!”
หลังจากที่เขาสูดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆสองสามครั้งความโกรธของเขาก็ลดลง แต่เขาก็ยังคงรู้สึกค้างคาใจและหมดหนทาง เขาไม่สามารถทำอะไรกับผู้หญิงได้จริงๆใช่มั้ย
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่นเขายืนพิงประตูและหลับตาลงอีกครั้งแต่คราวนี้เขาไม่ได้ปิดตาสนิท เขายังคงเปิดเปลือกตาไว้เล็กน้อยเพื่อเฝ้าสังเกตเหตุการณ์ตรงหน้า แต่คนที่มองเข้ามาจะเห็นว่าเขานั้นหลับตาอยู่
รถประจำทางยังคงเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆแต่จี้เฟิงยังคงโฟกัสกับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว เขาต้องการดูว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มาตบตีและกล่าวหาเขาแบบนี้
ในช่วงแรกไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ดูผิดปกติมีเพียงกลิ่นเหงื่อของผู้ชายตัวโตข้างๆเขาที่ส่งกลิ่นตลบอบอวลไปทั่วพื้นที่โดยรอบทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกอึดอัด(ผู้แปลก็เช่นกัน TT)
แต่หลังจากนั้นไม่นานจี้เฟิงที่ยังคงทำเป็นหลับตาและแอบมองอยู่ ก็เห็นสิ่งที่ทำให้เขาเข้าใจได้ในทันทีและพูดกับตัวเองในใจ “มันเป็นอย่างนี้นี่เอง!”
ในที่สุดจี้เฟิงก็ได้รู้ว่าทำไมสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าถึงได้มาตบตีและกล่าวหาเขาเพราะในตอนที่จี้เฟิงแกล้งทำเป็นหลับตาเขาเหล่มองไปที่ผู้ชายตัวใหญ่ที่มีเหงื่อออกกำลังทำท่าทางแปลกๆพร้อมกับโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย และเนื่องจากผู้ชายตัวใหญ่คนนี้มีกระเป๋าอยู่ข้างตัวประกอบกับความแออัดของรถประจำทางช่วยปิดบังสายตาจากคนอื่นที่อาจจะมองเข้ามา
และในเวลานี้ผู้ชายตัวใหญ่ก็ยื่นมือออกมาจากด้านในของกระเป๋าและจับไปที่บั้นท้ายของสาวสวยและเขาก็บีบมันอย่างแรงจากนั้นเขาก็รีบชักมือถอยกลับอย่างรวดเร็ว
“โอ้โหนี่มันมืออาชีพชัดๆ!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมอยู่ในใจ ความสามารถในการแต๊ะอั๋งในที่สาธารณะอย่างแนบเนียนแบบนี้ไม่ใช่แค่มืออาชีพธรรมดาๆแล้ว จี้เฟิงเหลือบมองไปที่ใบหน้าของผู้ชายตัวใหญ่เล็กน้อยและเห็นว่าเขากำลังทำหน้าสีหน้าภาคภูมิใจและดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกสนุกสนานมีความสุขสดชื่นกับการกระทำของเขามาก
มีเส้นเลือดสองสามเส้นปูดขึ้นบนหน้าผากของจี้เฟิงทันทีไอ้หมอนี่มันโรคจิตนี่หว่า!
ในช่วงเวลาต่อมาเส้นเลือดบนหน้าผากของจี้เฟิงก็กลายเป็นความโกรธและความโกรธมันก็กำลังเพิ่มมากขึ้นอยู่ในใจของเขา
และในขณะนั้นเองสาวสวยรู้สึกได้ว่าบั้นท้ายของเธอได้ถูกจับอีกครั้งและเมื่อเธอหันหน้ามาเธอก็ไม่พบความผิดปกติอะไร เธอเห็นจี้เฟิงที่ยืนพิงประตูกำลังหลับตา ส่วนผู้ชายร่างใหญ่ทำหน้าตกใจและมองหญิงสาวกลับด้วยสายตางุนงง
หญิงสาวที่สวยงามทำได้แค่มองไปมาระหว่างจี้เฟิงและชายร่างใหญ่ด้วยความอับอายระคนความโกรธเมื่อสายตาของเธอจ้องไปที่ใบหน้าของชายร่างใหญ่ ชายร่างใหญ่ก็มองไปที่หญิงสาวและทำหน้าตาบุ้ยใบ้มองไปยังทางที่จี้เฟิงยืนอยู่
“ไอ้ชั่วเอ๊ย!”
จี้เฟิงนึกด่าอยู่ในใจไม่แปลกใจเลยที่ว่าทำไมสาวสวยคนนี้ถึงได้มาตบตีเขาโดยไม่มีเหตุผล มันเป็นเพราะไอ้ผู้ชายโรคจิตคนนี้ไปลวนลามเธอแล้วมาโทษเขา!
“เลวได้ใจจริงๆ!”จี้เฟิงโกรธจนอยากจะกระทืบไอ้สิ่งมีชีวิตไร้ยางอายนี่ให้ตายคาตีนตั้งแต่ตอนนี้แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขารู้ดีว่าต่อให้เอาชนะชายร่างใหญ่หื่นกามคนนี้ได้ เขาก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องราวต่างๆได้ เพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะกล่าวโทษผู้ชายคนนี้แล้วนับประสาอะไรกับการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับตัวเอง
เขาจึงตัดสินใจยังไม่ลงมือทำอะไรนอกจากคอยเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆต่อไป
สิ่งต่างๆที่เขาคิดอยู่ในใจเป็นเพียงช่วงเวลาที่สั้นมากวินาทีต่อมาหญิงสาวที่รู้สึกอับอายและโกรธเคือง เธอจ้องเขม็งมาที่จี้เฟิงแล้วเตรียมที่จะตบตีเขาอีกครั้ง
คราวนี้จี้เฟิงรู้ทันเขาจงใจยกมือขึ้นมาขยี้ตาและทำท่าง่วงนอนจากนั้นก็แกล้งหลับต่อโดยทำเป็นไม่รู้ตัวอีกครั้ง
เมื่อเห็นจี้เฟิงแสดงท่าทีแบบนี้หญิงสาวจึงชะงักจากนั้นเธอก็มองไปที่จี้เฟิงสลับกับผู้ชายตัวใหญ่ด้วยความโกรธและก่นด่า “โรคจิต!”
จากนั้นเธอก็หันหน้ากลับไป.ไอลีนโนเวล
เพราะจี้เฟิงแกล้งทำเป็นหลับได้แนบเนียนจึงทำให้สาวสวยเชื่อโดยสัญชาตญาณว่าจี้เฟิงกำลังหลับอยู่จริงๆ จึงไม่น่ามีเวลามาลวนลามเธอ ส่วนผู้ชายตัวใหญ่ก็ดูเป็นคนสุภาพและดูมึนงงจริงๆในตอนที่เธอหันไปจ้องหน้าเขา มันจึงยากที่จะบอกได้ว่าใครเป็นคนทำ เธอจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป เพราะเธอคงจะไปตบตีคนโดยไม่มีหลักฐานเหมือนคราวที่แล้วอีกไม่ได้!
จี้เฟิงได้แต่ปาดเหงื่ออยู่ในใจเป็นเพราะเขาแกล้งหลับได้เหมือนกว่าครั้งแรกที่เขาคิดจะหลับจริงๆ ไม่เช่นนั้นคราวนี้เขาคงโดนสาวสวยคนนี้ตบอีกรอบแน่ๆ
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ผู้ชายร่างใหญ่ที่น่ารังเกียจคนนี้จะห้ามใจไม่อยู่เมื่อยืนอยู่ที่ด้านหลังของหญิงสาวที่สวยงามคนนี้เพราะแค่มองจากด้านหลังเธอก็ช่างมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะขาเรียวยาวที่อยู่ภายใต้กางเกงรัดรูปและบั้นท้ายกลมกลึงนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะละสายตาออกไปได้
ขณะที่จี้เฟิงกำลังแอบมองโดยแกล้งทำเป็นหลับและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความงามที่ด้านหลังของหญิงสาวอยู่นั้นเขาก็พบว่าผู้ชายตัวใหญ่ข้างๆเขาได้ยื่นมืออันหื่นกามของเขาออกมาอีกครั้งโดยครั้งนี้เขาเอื้อมไปจับตรงสะโพกของเธอ
“ให้ตายเหอะไอ้หมอนี่แม่งยังกล้าทำอีกหรอวะ ครั้งนี้ฉันคงปล่อยให้แกทำตัวอุบาทชาติชั่วแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ!” จี้เฟิงที่กำลังก่นด่าอยู่ในใจแต่ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่มือของผู้ชายตัวใหญ่อย่างไม่ละสายตา
และในขณะที่ชายร่างใหญ่เอื้อมไปถึงสะโพกของสาวสวยคนนั้นเขาได้บีบสะโพกของเธออย่างเต็มมือและกำลังจะหดมือกลับอย่างรวดเร็วแต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียวแปลบที่ซี่โครงเขารู้สึกชาไปครึ่งซีกส่งผลให้แขนของเขาแข็งทื่อจนไม่สามารถขยับได้
“หยุดนะ!”
สาวสวยหันหน้าไปมองทันทีด้วยความโกรธอย่างหมดความอดทนและเธอก็ได้เห็นท่าทางที่กำลังทำลามกอนาจารของผู้ชายร่างใหญ่อย่างคาตา เธอมองไปที่จี้เฟิงอีกครั้ง เขายังคงหลับตาและยืนพิงประตูอยู่ตรงนั้น
และหญิงสาวที่สวยงามก็เข้าใจทุกอย่างได้ในทันที“ไอ้โรคจิตหน้าด้านไร้ยางอาย!”
“เพี๊ยะ!”
จากนั้นเธอก็ตบหน้าของผู้ชายร่างใหญ่อย่างแรง
และในตอนนั้นเองจี้เฟิงก็ทำท่าเหมือนตื่นขึ้นและมองไปที่ผู้ชายร่างใหญ่จากนั้นก็มองไปที่หญิงสาวและเขากำลังจะอ้าปากตะโกน
“อย่า!”
ทันใดนั้นหญิงสาวก็รีบพูดห้ามด้วยเสียงเบา“อย่าเสียงดัง”
ปากของจี้เฟิงอ้าแข็งค้างอย่างกะทันหันจากนั้นก็ปิดปากของเขาลงด้วยความโกรธและมองไปที่สาวสวยด้วยรอยยิ้มเขาสามารถเปลี่ยนสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว แม้ใจลึกๆเขาอยากจะสร้างความอับอายให้กับหญิงสาวสวยคนนี้ เพราะถูกเธอกล่าวหาว่าเขานั้นเป็นคนไร้ยางอายบ้างโรคจิตบ้างตั้งแต่ก่อนจะขึ้นรถจากนั้นก็เกือบจะตบหน้าของเขาอีก ดังนั้นความสัมพันธ์ของเขาและเธอจึงเป็นอะไรที่ตึงเครียดมากในเวลานี้
จี้เฟิงรู้ดีว่าหากเขาเปิดปากและตะโกนออกไปตอนนี้ทุกคนที่อยู่บนรถก็จะรู้ทันทีว่าผู้ชายตัวใหญ่คนนี้นั้นแอบลวนลามสาวสวยคนนี้และเธอก็คงจะอับอายจนไม่สามารถอยู่บนรถประจำทางนี้ต่อไปได้
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นการจ้องมองอย่างอ้อนวอนของสาวสวยมันก็ทำให้จี้เฟิงใจอ่อนและไม่สามารถโกรธได้อีกต่อไป เขาจึงได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยและไม่พูดอะไร
สาวสวยมองเขาอย่างขอโทษและรู้สึกผิดเธอรู้ตัวว่าก่อนหน้านี้เธอได้ทำผิดเพราะใส่ร้ายเขา แต่เมื่อเธอต้องการที่จะพูดขอโทษเธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไง เวลาผ่านไปสักพักเธอเริ่มใจเย็นลง เหลือเพียงผู้ชายร่างใหญ่ที่ตอนนี้ร่างกายของเขายังชาครึ่งซีกและมีเหงื่อออกท่วมตัวมากกว่าเดิม
“คือ…ฉันขอโทษด้วยจริงๆเรื่องก่อนหน้านี้หวังว่าคุณจะอภัยให้ฉัน!” เมื่อเห็นหลังมือของจี้เฟิงยังแดงอยู่ ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ยปากขอโทษด้วยเสียงเบา
จี้เฟิงเหลือบมองเธอโดยที่ไม่ได้พูดอะไรแต่เขาต้องยอมรับจริงๆว่าเสียงของสาวสวยคนนี้ช่างไพเราะมาก เสียงของเธอไม่เหมือนเสียงที่คมชัดอย่างถงเล่ยและไม่ใช่เสียงร้องของนกไนติงเกลที่ไพเราะอย่างของเซียวหยูซวน แต่เป็นเสียงที่มีเสน่ห์ที่ฟังแล้วเหมือนจะฝังลึกลงไปในโสตประสาทซึ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง
เมื่อเห็นการแสดงออกของจี้เฟิงสาวสวยก็หน้าแดงและรู้สึกละอายใจ
จี้เฟิงชี้ไปที่ชายร่างใหญ่ข้างๆเขาแล้วพูดว่า“ตอนนี้คุณก็น่าจะรู้แล้วใช่มั้ยว่าใครคือคนโรคจิตหน้าไม่อาย”
เนื่องจากรถประจำทางส่งเสียงดังและพวกเขาก็พูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครได้ยิน
หญิงสาวกระซิบตอบ“อืม.. ที่ฉันกล่าวหาคุณก่อนหน้านี้ฉันต้องขอโทษจริงๆ”
เมื่อเห็นสาวสวยขอโทษสองครั้งติดต่อกันความโกรธของจี้เฟิงก็หายไป เขาไม่ใช่ผู้ชายที่คิดเล็กคิดน้อย แม้เขาจะรู้สึกโกรธมากที่ถูกตีอย่างไม่มีเหตุผล แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำพูดที่นุ่มนวลและเสียงอันไพเราะของหญิงสาวที่สวยงามมากเช่นนี้เกรงว่าจะมีผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่ยังจะโกรธได้ลง