The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 153 บทเรียน
ในที่สุดครั้งนี้จี้เฟิงก็ได้เห็นความแข็งแกร่งของตระกูลจี้ในเจียงโจว
ตั้งแต่เวลาที่จี้ช่าวตงกดโทรออกจนถึงปัจจุบันใช้เวลาทั้งหมดไม่ถึง20 นาที รถตำรวจหลายสิบคันก็พุ่งทะยานอย่างรวดเร็วมาถึงทางเข้าบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์ จากนั้นบริเวณโดยรอบก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยตำรวจจำนวนมาก
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่แค่การปิดสถานบันเทิงธรรมดาๆเท่านั้นแต่ยังเป็นการทำให้คนที่อยู่ที่นี่ไม่มีทางหลบหนีได้อีกด้วย สิ่งนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่าการกระทำเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะได้รับการอธิบายรายละเอียดโดยจี้ช่าวตงไว้ล่วงหน้าแล้ว มิฉะนั้นหากเป็นตามสถานการณ์ปกติตำรวจจะทำการตรวจสอบสถานบันเทิงก่อน จะไม่ทำการปิดล้อมอย่างแน่นหนาเช่นนี้ เว้นแต่จะมีรายงานว่าบางสถานที่จะมีสิ่งผิดกฎหมายร้ายแรง
ไม่มีใครรู้ว่ามีใครบ้างที่อยู่ในสถานบันเทิงแห่งนี้แต่มันก็ไม่แปลกถ้าจะมีลูกหลานของคนใหญ่คนโตอยู่ที่นี่ ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีคนอื่นโทรแจ้งตำรวจให้ปิดสถานบันเทิงแห่งนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจี้ช่าวหยินจะต้องติดอยู่ข้างในและไม่สามารถออกไปได้เช่นกัน
แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้
อันที่จริงตามกฎของคนในแวดวงเหล่านั้นสิ่งที่จี้ช่าวตงทำในวันนี้ถือว่าค่อนข้างผิดกฎ แม้ว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมาเล่นที่นี่ และมีโอกาสที่จะติดอยู่ข้างใน แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถขอให้ตำรวจมาปิดสถานบันเทิงได้ มันเป็นเรื่องที่มากเกินไป
อย่างไรก็ตามจี้ช่าวตงก็เลือกที่จะใช้วิธีการนี้เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าทุกคนในตระกูลจี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นการพนัน แต่ถ้าคนอื่นๆต้องการเล่นพวกเขาก็สามารถทำได้ทุกเมื่อ และไม่ว่าจะเป็นกฎภายในกลุ่มคนใดๆก็ไม่มีประโยชน์สำหรับคนในตระกูลจี้ ดังนั้นประเด็นสำคัญในเรื่องนี้ก็คือ อย่าลากคนในตระกูลจี้ให้ตกต่ำ!
จี้ช่าวหยินที่เติบโตมาในตระกูลยิ่งใหญ่กลายเป็นเด็กที่ใช้เป็นแต่อำนาจของตระกูลหลงใหลในเรื่องไม่ดีและไม่สนใจการเรียนรู้ เขาสมควรที่จะถูกสั่งสอนและลงโทษอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามหากไม่มีคนคอยชักจูงในการทำเรื่องไม่ดีเขาก็คงไม่ดิ่งลงเหวรวดเร็วเช่นนี้
ถ้าจะบอกว่าจี้ช่าวหยินมีความผิดคนอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพาเขาทำเรื่องไม่ดีเหล่านี้ก็มีความผิดด้วยเช่นกัน
ไม่ต้องพูดถึงว่าจี้ช่าวตงที่รักน้องเล็กของเขามากและเมื่อเห็นเขากลายมาเป็นคนเช่นนี้ ถ้าจี้ช่าวตงไม่โกรธก็คงจะเป็นเรื่องที่แปลก ในเจียงโจวไม่ว่าใครหากต้องเผชิญหน้ากับจี้ช่าวตงที่กำลังโกรธอย่างรุนแรงก็คงต้องคิดให้หนัก
“เสี่ยวเฟิงนี่คือวิถีของตระกูลเรา เธอต้องจำไว้ด้วยว่า เราไม่หาเรื่องผู้อื่นก่อน ในฐานะที่ตระกูลจี้เป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางตั้งแต่รุ่นคุณปู่พวกเราต้องทำทุกอย่างภายใต้กฎหมายเพื่อความผาสุกของประชาชน ทำธุรกิจด้วยความสุจริตและพยายามอย่าทำให้เกิดปัญหามากจนเกินไป อย่างไรก็ตามหากมีคนอื่นมาท้าทายหรือยั่วยุเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องมีความเมตตา สั่งสอนให้รู้ว่าพวกเขาจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกเลยถ้ากล้ามาทำให้ตระกูลจี้ของพวกเราต้องขุ่นเคือง!”
จี้ช่าวตงมองดูสถานการณ์ที่ทางเข้าของบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์ ในอีกแง่หนึ่งเขาก็บอกกับจี้เฟิงว่า “บางทีเธออาจจะยังไม่ชิน เพราะเพิ่งจะมาถึงเจียงโจวได้ไม่นาน แต่ก็ไม่เป็นไร สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลจี้ของเธอนั้นหายไป เธอยังคงเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในตระกูลจี้ ในเรื่องนี้พวกเราทุกคนต่างมีมุมมองเดียวกัน”
จี้เฟิงรู้สึกตกใจมากเขาไม่เคยคิดถึงปัญหาที่เขาต้องเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล เขายิ้มอย่างขมขื่น “พูดกันตามจริง ผมไม่เคยคิดที่จะพึ่งพาความแข็งแกร่งของตระกูลในการหาเงินเลย และถ้ามีใครกล้ามาหาเรื่อง ผมคิดว่าผมสามารถจัดการทำให้คนคนนั้นต้องจดจำจนวันตาย!”
รอยยิ้มของจี้เฟิงเต็มไปด้วยความมั่นใจส่วนจี้ช่าวตงและจี้ช่าวเหลยอดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มที่พอใจ คนที่มีฐานะไม่ต่างจากเจ้าชายที่เติบโตมาในชนบท เขาไม่ได้เติบโตมาเป็นคนขี้ขลาด และเมื่อเขาได้รับรู้ถึงอำนาจในมือเขาก็ไม่ได้กลายเป็นคนที่หลงมัวเมาในอำนาจ อย่างที่พวกเขาเคยกังวล
ในความเป็นจริงหลังจากที่พบเจอพูดคุยกันมาเป็นเวลาสั้นๆเพียงครึ่งวันพวกเขาสองพี่น้องก็พบว่าจี้เฟิงไม่เพียงแต่เป็นคนที่สงบและมั่นคง แต่ยังคงเป็นคนที่ฉลาดมากและมีวิสัยทัศน์เดียวกัน แล้วเมื่อใดที่บุคคลเช่นนี้ สามารถเข้าใจถึงพลังอำนาจและความแข็งแกร่งของตระกูลจี้ เขาจะกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จและยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน.Aileen-novel.
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า“พี่ใหญ่ พี่รองอย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กันตอนนี้เลย เรากลับกันก่อนดีกว่าและรีบจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย!”
จี้ช่าวตงพยักหน้า“อืม ไปกันเถอะ!”
จี้ช่าวเหลยเพิ่งจะสตาร์ทรถเสียงโทรศัพท์ของจี้ช่าวตงก็ดังขึ้น เขารับโทรศัพท์และพูดเพียงสองสามคำเขาก็หัวเราะทันที
หลังจากวางสายจี้ช่าวเหลยก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
จี้ช่าวตงยิ้ม“ก็แค่ตลกอะไรนิดหน่อย พ่อเริ่มถามเรื่องนี้ และอาจมีบางคนกำลังโชคร้าย”
“ฮ่าฮ่า!”จี้ช่าวเหลยหัวเราะและเหยียบคันเร่งเต็มฝีเท้า เครื่องยนต์ทำงานทันทีและรถก็ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว
“พี่ใหญ่ผมมีบางอย่างอยากให้ช่วย” จู่ๆจี้เฟิงก็นึกอะไรบางอย่างได้และพูดขึ้นว่า “ผมว่าจะซื้อรถ แต่ยังไม่มีใบขับขี่”
จี้ช่าวตงชี้ไปที่จี้ช่าวเหลยที่กำลังขับรถอยู่และพูดด้วยรอยยิ้ม“ถ้าเรื่องแบบนี้อย่าถามฉันเลย ต้องไปถามเขา”
จี้ช่าวเหลยโวยวายอย่างไม่ยุติธรรม“โหพี่ใหญ่ ทำไมโยนมาให้ผมตลอดเลย เรื่องแค่นี้พี่โทรกริ๊งเดียวก็จบแล้ว ทำไมชอบผลักไสสิ่งต่างๆให้ผมจัดการอยู่คนเดียว!”
“เอาหน่าฉันเป็นข้าราชการ จะทำอะไรแบบนี้ก็ไม่ค่อยสะดวก แถมฉันยังมีงานให้ต้องจัดการอีกเป็นกอง” จี้ช่าวเหลยพูดอย่างโกรธๆ “แต่นั่นไม่ใช่นาย มีอะไรที่นายทำไม่ได้บ้าง!”
จี้ช่าวเหลยพูดไม่ออกเขาทำได้แค่เพียงยิ้มรับอย่างขมขื่น“โอเคโอเค ฉันรับหน้าที่นี้เอง! เสี่ยวเฟิงนายบอกว่านายต้องการจะซื้อรถใช่มั้ย”
“ใช่ไม่งั้นผมจะอยากมีใบขับขี่ไปทำไมถ้าไม่ได้จะซื้อรถ” จี้เฟิงยิ้ม
จี้ช่าวเหลยพยักหน้าเขาล่ะอยากรู้จริงๆว่าจี้เฟิงได้เงินมาจากไหนเพื่อซื้อรถ
ราวกับว่าจี้เฟิงสามารถรู้ได้ว่าจี้ช่าวเหลยกำลังคิดอะไรอยู่จี้เฟิงยิ้มและพูดขึ้นว่ “พี่ใหญ่ พี่กับเสี่ยวหยินกลับบ้านไปกันก่อน ส่วนผมกับพี่รองจะไปซื้อรถกันวันนี้เลย ใกล้จะเปิดเรียนแล้วผมไม่ค่อยมีเวลามากเท่าไหร่”
จี้ช่าวเหลยส่ายหัวและยิ้ม“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกหน่า ตอนนี้พี่ใหญ่คนเดียวอาจจะคุมเสี่ยวหยินไม่อยู่ เจ้าเด็กคนนี้จะหนีไปตอนไหนก็ไม่รู้”
จี้เฟิงตกใจและมองไปที่จี้ช่าวหยินที่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย“เขายังอยู่ที่นี่ใช่มั้ยเนี่ย ผมเกือบลืมไปแล้ว”
ใบหน้าของจี้ช่าวหยินเปลี่ยนไปทันทีและพูดอย่างอวดดี“แล้วคุณเป็นใคร! ถึงกล้ามาพูดกับฉัน!”
“เพี๊ยะ!”จี้เฟิงตบหัวของจี้ช่าวหยินอย่างแรง
“ฉันก็เป็นพี่ชายของนายไงคิดว่าฉันเป็นใครล่ะ”
“นาย!”จี้ช่าวหยินเบิกตาโพลงด้วยความโมโห เขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่สิ่งที่รู้คือนอกจากคนคนนี้จะไม่เกรงกลัวเขาแล้ว ยังกล้าทำร้ายเขาต่อหน้าพี่ชายทั้งสองคนของเขาอีก มันทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อ!
“เพี๊ยะ!”จี้เฟิงตบอีกครั้ง
“แกกล้าดีได้ยังไง!”จี้ช่าวหยินโกรธขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าแกกล้าทำร้ายฉันอีกครั้ง ฉันจะโยนแกลง…เฮ้ยย!”
เขายังพูดไม่ทันจบเขาก็รู้สึกว่าตัวเขาลอยออกจากที่นั่งกะทันหัน
จี้เฟิงคว้าเข็มขัดของจี้ช่าวหยินด้วยมือข้างเดียวและส่งเขาออกไปทางหน้าต่างรถค้างอยู่กลางอากาศ
“เสี่ยวเฟิง!”จี้ช่าวตงและจี้ช่าวเหลยถึงกับอุทานเสียงดังออกมาพร้อมกัน แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าจี้เฟิงแค่จับจี้ช่าวหยินยื่นออกไปทางหน้าต่างโดยที่ไม่ได้โยนออกไปจริงๆ พวกเขาก็เงียบลงและไม่ได้พูดอะไรต่อ อย่างไรก็ตามพวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นความแข็งแรงของจี้เฟิง เขาสามารถจับจี้ช่าวหยินที่สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรด้วยมือข้างเดียวซึ่งแน่นอนว่าน้ำหนักของผู้ชายที่สูงขนาดนี้นั้นไม่เบาเลย ความแข็งแรงของเขามันน่าทึ่งจริงๆ
“เด็กน้อยนายรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร” จี้เฟิงถามจี้ช่าวหยินเบาๆ
“ไอ้เลวเอ้ยแกกล้าทำแบบนี้…” ก่อนที่จี้ช่าวหยินจะด่าจบ จี้เฟิงก็ปล่อยมือออกทันที จี้ช่าวหยินหล่นลงทันทีและกรีดร้อง “อย่า!!”
จี้เฟิงสะบัดข้อมือและคว้าเข็มขัดของเขาอีกครั้งและถามอย่างเย็นชา“ตอนนี้นายรู้หรือยังว่าฉันเป็นใคร”
“…”จี้ช่าวหยินกัดฟันและไม่ตอบคำถามของจี้เฟิง แต่หันหน้าไปทางจี้ช่าวตงและตะโกน “พี่ใหญ่ ไอ้คนนี้มันจะฆ่าผม!”
“เขาเป็นพี่ชายของนาย!”จี้ช่าวตงตะคอกอย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไรอีก
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย“ตอนนี้นายรู้หรือยังว่าฉันเป็นใคร หืม เด็กน้อย!”
จี้เฟิงดึงจี้ช่าวหยินเข้ามาเล็กน้อยให้อยู่ในระยะที่เขาจะสามารถยืนได้ถึงแม้ว่าขาของเขาจะยืนถึงแต่หัวของเขาก็ยังคงอยู่นอกรถอยู่ดีและแม้ว่าเขาจะก้มหัวเข้ามาได้แต่หน้าของเขาก็จะต้องถูกกับหลังคาด้านในรถอยู่ดี ด้วยท่าทางแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดและหวาดกลัว ถึงแม้จี้ช่าวหยินจะตัวสูงแต่จริงๆแล้วเขาก็ยังเป็นแค่เด็ก เมื่อถูกข่มขู่เช่นนี้เขาก็สั่นไปทั้งตัว แม้ใจอยากจะดิ้นรนขัดขืนแต่เขาก็กลัวเกินกว่าที่จะกล้าขยับ
“เมื่อไหร่ที่รู้ว่าฉันเป็นใครฉันจะดึงนายกลับมาเพราะฉะนั้นก็อยู่ไปแบบนี้จนกว่าจะคิดออกก็แล้วกัน!” จี้เฟิงกล่าวเบาๆ
จี้ช่าวหยินยังคงกัดฟันและไม่พูดอะไรจี้เฟิงก็ไม่ถามเขาอีกและยังคงจับเขาไว้แบบนี้พร้อมกับรถที่กำลังวิ่งด้วยความเร็ว
รถที่ผ่านไปมาทำให้จี้ช่าวหยินตกใจกลัวมากเพราะความเร็วของรถตอนนี้นั้นเร็วมาก และถ้าเขาไปสัมผัสกับรถที่สวนไปมาแม้เพียงนิดเดียวชีวิตเขาจะต้องจบไม่สวยอย่างแน่นอน
ในที่สุดจี้ช่าวหยินที่กลัวสุดขีดก็กัดฟันและพูดว่า“ฉันรู้แล้วว่านายเป็นใคร ปล่อยฉันได้แล้ว”
“ฉันเป็นใคร!”จี้เฟิงถามเบาๆ
“นาย…”ตั้งแต่ต้นจนจบ จี้เฟิงและจี้ช่าวตงบอกแค่ว่าจี้เฟิงเป็นพี่ชายของจี้ช่าวหยินเท่านั้น และไม่ได้พูดชื่อของเขาออกมาอย่างชัดเจน ดังนั้นหากจี้ช่าวหยินต้องการตอบคำถามของจี้เฟิง เขาสามารถตอบได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือต้องตอบว่า พี่ชาย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเสียฟอร์มและอับอายมากยิ่งขึ้นไปอีก
“จากระยะทางจากที่นี่ไปจนถึงบ้านของนายน่าจะใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ถ้านายยังตอบไม่ตรงคำถาม ก็อยู่ไปแบบนี้นั่นแหละ!” จี้เฟิงหัวเราะเยาะ
จี้ช่าวหยินกัดฟันและในที่สุดก็ตะโกน“พี่ชาย!” คำพูดที่เล็ดรอดออกมาจากไรฟันอย่างยากลำบากในครั้งนี้มันจะทำให้เขาไม่มีวันลืม!
จี้เฟิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและยิ้ม“ถูกต้อง และจำไว้ด้วยว่าชื่อของฉันคือ จี้เฟิง และฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาย”
หลังจากพูดจบจี้เฟิงก็ดึงจี้ช่าวหยินกลับเข้ามาและวางไว้บนเบาะราวกับเขากำลังวางของเล่นหรือหุ่นตัวเล็กๆ
จี้ช่าวหยินหน้าซีดด้วยความตกใจหน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงจากการหอบหายใจ พร้อมกันนั้นสายตาของเขาก็จ้องมองไปที่จี้เฟิงด้วยความสับสน เขาไม่รู้มาก่อนว่าเขามีลูกพี่ลูกน้องอีกคน เขาเป็นลูกของใคร อาหรือป้าคนไหน? และไปอยู่ที่ไหนมา?
“เด็กน้อยจำไว้ว่าถ้าในอนาคตฉันเห็นนายทำตัวไม่ดี มันจะไม่ง่ายเหมือนกับครั้งนี้ที่แค่ถูกโยนออกไปนอกรถ แต่ฉันจะโยนนายลงไปใต้รถ!” จี้เฟิงพูดอย่างเย็นชา