The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - บทที่ 166 จูบแรก?
“ผู้ชายคนนี้น่ารำคาญจริงๆ!”เยี่ยนซืออดไม่ได้ที่จะบ่นหลังจากที่เหอตงออกจากห้องไป
“ฮ่าฮ่า~!”หลี่เว่ยตงหัวเราะและพูดว่า “แม้ว่าจะไม่ชอบนิสัยใครยังไงก็ตาม แต่ถ้าเรารู้จักใช้เขาให้เป็น มันก็จะเกิดประโยชน์กับตัวเราเอง เหมือนอย่างเหอตงคนนี้ถ้าฉันไม่ได้เขา ฉันคงไม่ได้ข้อมูลบริษัทของเซียวหยูซวนมาอย่างถูกต้องครบถ้วนจนจัดการกับกิจการของตระกูลเธอได้รวดเร็วแบบนี้หรอก และแน่นอนว่าเพราะเรื่องนี้ เซียวหยูซวนจึงต้องมาหาฉันที่นี่อย่างเชื่อฟังในงานวันเกิดของฉันไงล่ะ!”
เซียวหยูซวนอีกแล้ว!ความอิจฉาริษยาฉายชัดอยู่ในแววตาของเยี่ยนซือ แต่แล้วเธอก็กลับมาเป็นปกติภายในพริบตา ในขณะเดียวกันเธอก็คิดที่จะขัดขวางเซียวหยูซวนเพื่อไม่ให้เธอกลายมาเป็นผู้หญิงของหลี่เว่ยตง ไม่เช่นนั้นเธอคงกลายเป็นหมาหัวเน่าและไม่เหลือสถานะใดๆอีก เพราะตอนนี้เยี่ยนซือยังคงเป็นที่โปรดปรานอันดับหนึ่งของหลี่เว่ยตง
แม้ว่าหลี่เว่ยตงจะมีคู่หมั้นอยู่แล้วและคู่หมั้นของเขาก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากแต่ดูเหมือนว่าคู่หมั้นสาวสวยจะไม่ชอบเขา และภูมิหลังของเธอก็ไม่ธรรมดาเลย เพราะแม้แต่หลี่เว่ยตงยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เขาทำได้เพียงแค่รออย่างเงียบๆ หลี่เว่ยตงเชื่อว่าตราบใดที่เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น เธอก็จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงเขาต่อไปได้อีก มันเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น!
ดังนั้นโดยปกติแล้วหลี่เว่ยตงจึงชอบผู้หญิงอย่างเยี่ยนซือที่ออดอ้อนและรู้งาน
เยี่ยนซือเชื่อว่าถ้าเซียวหยูซวนกลายมาเป็นผู้หญิงของหลี่เว่ยตงด้วยความชอบของหลี่เว่ยตงที่มีต่อเซียวหยูซวน ตัวเธอเองจะไม่มีสถานะใดๆอีกต่อไป หรืออย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เชิดหน้าชูตาเหมือนทุกวันนี้อย่างแน่นอน
“ฉันต้องทำให้เธอรู้ว่าคนที่มาทีหลังควรจะอยู่ตรงไหน!”เยี่ยนซือคิดอยู่ในใจอย่างลับๆ
………
ในที่สุดจี้เฟิงก็ขับรถมาถึงหลินจิงคลับเฮ้าส์ภายใต้การบอกทางของเซียวหยูซวน
ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มดังนั้นท้องฟ้าจึงเริ่มมืดลงและไฟสองข้างทางก็สว่างขึ้นรวมถึงไฟของอาคารต่างๆก็ทยอยสว่างขึ้นด้วยเช่นกัน
หลินจิงคลับเฮ้าส์ตั้งอยู่แถวชานเมืองของเจียงโจวแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลไปสักหน่อย แต่มันก็ดูงดงามภายใต้แสงไฟของยามค่ำคืน
ในความเป็นจริงจี้เฟิงยังรู้ด้วยว่าสถานที่อย่างคลับเฮ้าส์ไม่เหมือนกับสถานที่สำหรับคนทั่วไปที่จะไปใช้บริการอย่างร้านอาหารและคนที่สามารถเปิดคลับเฮ้าส์ได้อย่างน้อยต้องเป็นคนที่มีเส้นสายที่ดีมาก และไม่ว่าธุรกิจของคลับเฮ้าส์จะดีหรือไม่ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนทั่วไป แต่มันขึ้นอยู่กับเส้นสายของเจ้าของคลับเฮ้าส์
ซึ่งกิจการของหลินจิงคลับเฮ้าส์นั้นดีมากซึ่งดูได้จากจำนวนรถที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ
มันเป็นที่จอดรถขนาดใหญ่และมีรถจอดอยู่หลายร้อยคันซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่าหลินจิงคลับเฮ้าส์แห่งนี้มีลูกค้ามากมายขนาดไหน
ภายใต้การการดูแลของเด็กรถจี้เฟิงจอดรถและลงมาพร้อมกับเซียวหยูซวน
“โอ้!กิจการของคลับเฮ้าส์แห่งนี้ดูท่าจะรุ่งเรื่องน่าดูสินะ” จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซียวหยูซวนเม้มริมฝีปากของเธอเล็กน้อยและกล่าวว่า“มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากจะผูกมิตรกับเฒ่าหลี่พ่อของหลี่เว่ยตง ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีใครมาที่คลับเฮ้าส์ของเขามากมายขนาดนี้หรอก!”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยอันที่จริง สถานที่เรียกว่าคลับเกือบทั้งหมดแทบจะมีรูปแบบคล้ายๆกัน แน่นอนว่าสถานที่เหล่านี้อาจถูกเรียกว่าคลับ แต่ความจริงแล้วในแง่ของสิ่งอำนวยความสะดวกหรือขนาดของสถานที่แทบจะไม่อยู่ในมาตรฐาน
ครั้งหนึ่งจี้เฟิงเคยเห็นคลับแห่งหนึ่งในหมางซือมันถูกเรียกว่าคลับ แต่จริงๆแล้วมันคือร้านอาหาร ดูเหมือนว่าร้านอาหารหลายๆร้านมักจะเรียกตัวเองว่าคลับ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นแค่การตกแต่งภายนอกเท่านั้น
“จี้เฟิงฉันว่าบางทีนายน่าจะกลับไปตั้งแต่ตอนนี้เลยจะดีกว่า แม้ว่าเรื่องของฉันมันจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่นายยังกลับตัวทันนะ” เธอคิดว่าอย่างน้อยตัวเองน่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตแต่กับจี้เฟิงนั้นแตกต่างกัน เซียวหยูซวนยังคงกังวลว่าหลี่เว่ยตงจะทำร้ายจี้เฟิง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดให้จี้เฟิงเปลี่ยนใจอีกครั้ง
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า“พี่สาวหยูซวนไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่เป็นไรหรอก และคุณก็ต้องไม่เป็นไรเช่นกัน!”
ไม่ว่าอย่างไรเซียวหยูซวนก็ไม่อาจวางใจในเรื่องนี้ได้แต่เมื่อเห็นว่าเขายังคงแสดงความมั่นใจไม่เปลี่ยนแปลงเธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เธอแอบทำใจไว้แล้วว่าถ้าหลี่เว่ยตงคิดที่จะทำร้ายจี้เฟิงจริงๆ เธอจะสู้กับเขาจนถึงที่สุด ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะไม่ยอมให้ถูกทำร้ายเพียงฝ่ายเดียว ถ้าจะตายก็ต้องตายไปด้วยกัน!
แม้ว่าเขาและเธอจะมางานวันเกิดของหลี่เว่ยตงแต่จี้เฟิงและเซียวหยูซวนไม่ได้แต่งตัวเป็นทางการนักพวกเขาแต่งตัวสบายๆ เพราะจี้เฟิงไม่ได้มาเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดอย่างยินดี ถ้าพูดให้ถูกคือเขามาเพื่อสร้างปัญหา
ทันทีที่เขาออกจากที่จอดรถโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น จี้เฟิงหยิบมันออกมาแล้วพบว่ามันเป็นเสียงแจ้งเตือนของข้อความ
“ฮ่าฮ่า!”จู่ๆจี้เฟิงก็หัวเราะ “พี่สาวหยูซวน วันนี้พวกเรามีบอดี้การ์ดด้วยล่ะ”
“บอดี้การ์ดอะไร”เซียวหยูซวนถามอย่างสงสัย
จี้เฟิงยิ้ม“เดี๋ยวถึงเวลาคุณก็รู้เอง”
ทั้งสองคนเดินมาที่คลับและมีชายหนุ่มสองคนดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นพนักงานที่คอยต้อนรับและทักทายแขก เมื่อพวกเขาเห็นเซียวหยูซวนชายหนุ่มทั้งสองก็มีท่าทีเปลี่ยนไปดวงตาเบิกกว้างและดูตื่นเต้นเล็กน้อยแต่เมื่อพวกเขาเห็นจี้เฟิงที่อยู่กับเซียวหยูซวนคิ้วของพวกเขาก็ย่นทันที
“จะทำไงดีล่ะทีนี้เซียวหยูซวนกับเด็กหนุ่มจริงๆด้วย” หนึ่งในนั้นถามขึ้น
“จะอะไรอีกล่ะก็ทำตามที่คุณชายหลี่สั่งไว้ว่าถ้าเซียวหยูซวนมาพร้อมกับใครซักคน ให้ถามไปเลยว่าเขาชื่อจี้เฟิงหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ทำให้เขาอับอายแล้วโยนเขาออกไป” ชายหนุ่มอีกคนพูด
“โอเคตามนั้น!”
คิ้วของจี้เฟิงขมวดเล็กน้อยเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างชายหนุ่มสองคนที่ซุบซิบกันเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะอยู่ในใจ “คิดจะทำให้ฉันอับอายแล้วโยนฉันออกไปงั้นเหรอ อวดดีจริงๆ!”
แม้เขาจะคิดเช่นนี้แต่ภายนอกของเขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมาเลยจี้เฟิงยังคงตรงไปที่คลับกับเซียวหยูซวนด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง เขาคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็จับมือของเซียวหยูซวนมาวางไว้ที่แขนของเขาและยิ้ม “พี่สาวหยูซวน เรามาที่นี่เพื่อมาหาข้อมูล เราก็ควรทำมันอย่างละเอียดรอบคอบ เราก็แค่เดินเข้าไปทั้งแบบนี้ผมอยากจะเห็นว่าหลี่เว่ยตงจะมีปัญญาทำอะไรเราได้บ้าง!”
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ“นายนี่มันร้ายจริงๆ!”
“ผู้ชายไม่ร้ายผู้หญิงไม่รัก!” ใบหน้าของจี้เฟิงมีเพียงรอยยิ้มแต่เขาไม่ได้พูดประโยคที่คิดอยู่นี้ออกมา
เมื่อเขาและเธอเดินมาถึงประตูชายหนุ่มทั้งสองก็ก้าวออกมาทันที และเหมือนกับว่าชายหนุ่มทั้งสองต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆพวกเขาก็รู้สึกชาที่หัวเข่าจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ล้มลงอย่างพร้อมเพียงกันด้วยท่าคุกเข่าต่อหน้าจี้เฟิงและเซียวหยูซวน!
เซียวหยูซวนตกใจและหันไปมองหน้าจี้เฟิงที่ตอนนี้มีรอยยิ้มจางๆอยู่บนใบหน้าของเขา“แหม ผมคงต้องบอกว่าตระกูลหลี่นี่สุดยอดจริงๆ แม้แต่การต้อนรับแขกก็ยังทำอย่างยิ่งใหญ่ ฮ่าฮ่า~!”
เสียงที่จี้เฟิงพูดนั้นดังมากมันจึงทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆที่มาร่วมงานฉลองวันเกิดของหลี่เว่ยตงได้ยินและหันมามอง
พวกเขาพูดคุยกันทันทีและยิ่งซุบซิบพูดคุยกันมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นจี้เฟิงและเซียวหยูซวน มันทำให้พวกเขาบางคนถึงกับตกตะลึง
จี้เฟิงดูดีมากด้วยรูปร่างกำยำแข็งแรงดูสมส่วนมันทำให้เขาดูหล่อเหลามากในขณะที่เซียวหยูซวนนั้นก็สวยงามทั้งรูปร่างและหน้าตา เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจ และเมื่อพวกเขาทั้งสองยืนเคียงข้างกัน มันจึงเสริมบารมีทวีความมีสง่าราศีมากขึ้นไปอีก
ฉันไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มคนนี้มาจากตระกูลไหนแต่เขาสามารถทำให้พนักงานต้อนรับสองคนนั้นถึงกับคุกเข่าต้อนรับเขาได้! คนรอบข้างแอบคิดในใจและในขณะเดียวกันพวกเขาก็วางแผนไว้ในใจว่าถ้ามีโอกาสพวกเขาจะต้องทำความรู้จักกับชายหนุ่มคนนี้ให้ได้
คุณต้องรู้ว่าการทักทายแขกเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งที่จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับหลี่เว่ยตงและเมื่อพนักงานต้อนรับถึงกับคุกเข่าให้จี้เฟิง จึงเหมือนเป็นการอธิบายที่มาของจี้เฟิงไปโดยปริยายว่าเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดา
ในเวลานี้ชายหนุ่มทั้งสองที่คุกเข่าลงรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากพวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขาคุกเข่าลงได้อย่างไร!
และถึงแม้ว่าพวกเขาอยากจะลุกขึ้นแต่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้ เพราะหัวเข่าของพวกเขานั้นชาจึงไม่มีแรงเพียงพอที่จะลุกขึ้นได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงคุกเขาอยู่แบบนั้นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำจากความอับอาย
จี้เฟิงหัวเราะเขาจับมือเล็กๆของเซียวหยูซวนอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปในคลับเฮ้าส์โดยไม่หันไปมองที่พนักงานต้อนรับทั้งสองคนอีก
ภาพที่ทุกคนในงานเห็นในตอนนี้คือภายใต้แสงสีที่สวยงามยามค่ำคืน มีชายหนุ่มที่หล่อเหลาและหญิงสาวแสนสวยที่มีเสน่ห์เดินเคียงคู่กันมา พร้อมกับมีฉากหลังเป็นชายหนุ่มสองคนคุกเข่าต้อนรับเขาและเธอด้วยความยินดีและเคารพนบนอบ ไอรีนโนเวล
“เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น!”เซียวหยูซวนมองไปที่จี้เฟิงอย่างครุ่นคิด เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มีดีแค่ความสวยแต่เธอยังฉลาดอีกด้วย เธอจึงไม่คิดว่าพนักงานต้อนรับสองคนนั้นจะต้อนรับเธอและจี้เฟิงด้วยการคุกเข่า เพราะเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย“มันเป็นแค่กลอุบายเล็กๆน้อยๆ ผมไม่ได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้วเหรอว่าเรามาที่นี่เพื่อมาหาข้อมูลจับผิดหลี่เว่ยตง เราต้องมองหามันอย่างละเอียด ผมก็แค่ทำให้เขารู้ว่า อย่ามาใช้ลูกไม้คนใหญ่คนโตบ้าอำนาจกับเรา!”
“คิกคิก~!”เซียวหยูซวนหัวเราะเบาๆให้กับความคิดนี้ของจี้เฟิง “ถ้าอย่างนั้นทำไมความโชคร้ายถึงต้องไปตกกับพนักงานสองคนนั้นด้วยล่ะ เขาเป็นแค่พนักงานต้อนรับ นายก็ไม่น่าทำให้เขาต้องลำบากไปด้วย”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยให้เซียวหยูซวนแต่เขาได้แต่ยิ้มเยาะอยู่ภายในใจ เขารู้ดีว่าชายหนุ่มสองคนนั้นไม่ใช่พนักงานต้อนรับธรรมดา เพราะพวกเขาตั้งใจที่จะดูถูกจี้เฟิงก่อนที่จะจับเขาโยนออกนอกคลับไป
อย่างไรก็ตามเขาไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้ให้เซียวหยูซวนรู้ จี้เฟิงพาเซียวหยูซวนเข้าไปด้านในคลับเฮ้าส์
งานวันเกิดของหลี่เว่ยตงจัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงชั้นสองจี้เฟิงและเซียวหยูซวนเดินตรงขึ้นบันไดไปโดยไม่ได้ใช้ลิฟต์
ในเวลานี้หลี่เว่ยตงอยู่ในห้องจัดเลี้ยงอันหรูหราบนชั้นสามเขากดวางสายโทรศัพท์ด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“พี่ตงมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” เยี่ยนซือที่นั่งกอดหลี่เว่ยตงอยู่ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปหลังจากที่วางสายไป
“ฮึ่ม!”
หลี่เว่ยตงตะคอกเสียงดัง“ฉันบอกให้พวกมันสองตัวจัดการกับจี้เฟิง แต่นอกจากมันจะไม่ได้ทำอะไรเลย มันยังไปคุกเข่าให้เขาอีก!”
“พี่ตงพี่ใจเย็นๆก่อน พวกเขาจะไม่เชื่อฟังคำสั่งของพี่ตงได้ยังไง ฉันว่ามันอาจจะมีความผิดพลาดอะไรบางอย่างเกิดขึ้น” เยี่ยนซือพูดพร้อมกับกระพริบตาที่กลมโตของเธอ
เธอรู้ดีว่าหากผู้หญิงคนหนึ่งต้องการที่จะคว้าหัวใจของผู้ชายเธออาจจะน่ารักน่าเอ็นดูเมื่อเธอยังเป็นสาวแรกรุ่น แต่เธอไม่สามารถทำแบบนั้นได้ตลอดไปเมื่อเธออายุมากขึ้น เธอจึงใช้วิธีที่เป็นเพื่อนคู่คิดให้กับหลี่เว่ยตงแทน เพื่อที่เธอจะได้มีประโยชน์และเขาจะได้ไม่ละทิ้งเธอไปง่ายๆ
“สองคนนั้นยังไม่ลุกขึ้นมาเลย!”ในห้องจัดเลี้ยงของหลินจิงคลับเฮ้าส์ เซียวหยูซวนที่จับแขนของจี้เฟิงอยู่ก็เดินไปด้วยกันอย่างสนิทสนมราวกับคู่รักที่แสนหวาน เซียวหยูซวนโน้มตัวไปข้างหูของจี้เฟิงและกระซิบถามเขาด้วยริมฝีปากสีแดง “บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่านายทำอะไรกับพนักงานสองคนนั้นจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ลุกขึ้นเลย หรือนายเป็นพ่อมดแล้วใช้เวทมนต์ได้!”
“มันจะเป็นเวทมนต์ได้ยังไงมันแค่ทักษะการต่อสู้อย่างหนึ่ง…” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยเขาหันหน้าไปและพูดขึ้น แต่ในขณะที่เขาหันหน้าไปนั้นปากของเขาก็ไปโดนกับริมฝีปากสีแดงของเซียวหยูซวนและเขาก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่หอมหวานของเธอ
ทันใดนั้นทั้งสองถึงกับหยุดชะงักและตัวแข็งทื่อใบหน้าที่สวยงามของเซียวหยูซวนแดงก่ำด้วยความเขินอาย แต่เป็นความอายที่ไม่มีความโกรธอยู่เลยในแววตาของเธอ แต่จี้เฟิงไม่ทันได้สังเกตเห็น
“แค่ก~!”บทสนทนาและเสียงไอของใครบางคนดังขึ้น และมันก็เป็นเสียงที่ปลุกพวกเขาทั้งสองคนที่ตกอยู่ในภวังค์ให้ตื่นขึ้นและผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว หัวใจของพวกเขาเต้นรัวอย่างไม่เป็นส่ำ
จี้เฟิงมองไปทางเซียวหยูซวนและพบว่าตอนนี้เธอนั้นหันหลังให้กับเขาไปแล้ว
มันเป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเขินอายตอนนี้ติ่งหูกลมสวยของเซียวหยูซวนกลายเป็นสีแดงระเรื่อ
โชคดีที่แสงไฟนั้นไม่สว่างมากและไม่มีใครให้ความสนใจหรือทันสังเกตกิริยาของพวกเขาทั้งสองคน
จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็คิดได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงอุบัติเหตุและในฐานะผู้ชายเขาควรต้องเริ่มคลี่คลายสถานการณ์ก่อน
ดังนั้นจี้เฟิงจึงเดินไปจับมือเล็กๆของเซียวหยูซวนและวางไว้ที่แขนของเขาเหมือนเดิมและพูดด้วยรอยยิ้มว่า“พี่สาวหยูซวน คุณฉวยโอกาสกับผม!”
“ไปตายซะเด็กบ้า!”แม้เซียวหยูซวนจะอายมาก แต่เธอก็หัวเราะทันทีเมื่อได้ยินจี้เฟิงพูด เด็กบ้าคนนี้ร้ายมากจริงๆ และนี่ก็เป็นจูบแรกของเธอ แม้ว่าเธอจะเคยคบหากับเหอตง แต่มากสุดก็เป็นเพียงแค่การจับมือ แม้ว่าเหอตงพยายามจะทำขั้นตอนต่อไป แต่เซียวหยูซวนก็ไม่เคยปล่อยให้เขาทำได้สำเร็จ แต่ตอนนี้เธอกลับถูกจี้เฟิงฉกฉวยจูบแรกของเธอไป แล้วจะไม่ให้เธอเขินได้อย่างไร
แต่เธอก็รู้เช่นกันว่าสิ่งที่จี้เฟิงพูดเป็นการพูดเล่นเท่านั้น เขาแค่อยากแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้อึดอัดและไม่อยากทำให้เธอต้องลำบากใจหรือประหม่า
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เธอจึงคิดว่าจี้เฟิงเป็นผู้ชายที่น่ารักนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ไม่มีความโกรธอยู่ในดวงตาที่เหมือนน้ำในฤดูใบไม้ร่วงคู่นี้ของเธอ จึงมีเพียงแค่ความเขินอายที่ปนไปด้วยความหวานซึ้งอยู่ในแววตาของเธอ
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเซียวหยูซวนก็หัวเราะออกมาจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้ว่าเหตุการณ์ที่พาให้รู้สึกเขินอายได้ผ่านไปแล้ว แต่ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะผ่านไปอย่างไร ความรู้สึกเหล่านี้มันก็ยังคงอยู่ในใจของพวกเขาทั้งสองคน